Saturday, 25 May 2024
วราวุธศิลปอาชา

‘วราวุธ’ ส่งทีม ‘ศรส.-พมจ.นนทบุรี’ เร่งช่วยชายสูงวัยตาบอด เตรียมพาตรวจสุขภาพ หลังอาศัยในบ้านกองขยะ-ไร้น้ำไร้ไฟ

(17 ก.พ. 67) ที่วิทยาลัยป้องกันราชอาณาจักร (วปอ.) นายวราวุธ ศิลปอาชา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ (พม.) เปิดเผยถึงกรณีกระทรวง พม.ให้การช่วยเหลือชายสูงวัย อายุ 65 ปี พิการตาบอดข้างหนึ่ง ส่วนตาอีกข้างมองเห็นลางๆ อาศัยเพียงลำพังในบ้านเก่าสภาพผุพังทรุดโทรม ภายในบ้าน และรอบบ้านเต็มไปด้วยขยะ และไม่มีน้ำประปา-ไฟฟ้า ในพื้นที่อำเภอเมือง จังหวัดนนทบุรี ว่า ขณะนี้ หน่วยงานของกระทรวงพม. ทั้งทีมพม.หนึ่งเดียว และ พม.จังหวัดนนทบุรี ได้ลงพื้นที่เข้าไปช่วยเหลือดูแลคุณตาคนดังกล่าว ไม่ว่าจะเป็นเรื่องเกี่ยวกับการซ่อมแซม ปรับปรุงสภาพของบ้านที่พักอาศัย สำหรับผู้สูงอายุและคนพิการ การติดตั้งน้ำประปา-ไฟฟ้า การติดต่อญาติพี่น้องว่ามีบุตรหลาน หรือว่าคนรู้จักเป็นญาติอยู่ที่ไหน ในการที่จะช่วยดูแล และเรื่องกรรมสิทธิ์โฉนดที่ดินที่คุณตาอาศัยอยู่ และการมอบเงินสงเคราะห์ครอบครัวผู้สูงอายุ ซึ่งขณะนี้ คุณตาได้รับเบี้ยความพิการ และเบี้ยยังชีพผู้สูงอายุ อีกทั้งจะหาเจ้าหน้าที่เข้าดูแลรายเคส เข้าไปดูแลอย่างสม่ำเสมอ ในเบื้องต้นนี้ก่อน ส่วนเรื่องการที่จะย้ายคุณตาไปอยู่ที่ไหน คงจะต้องดูในระยะต่อไป

ทั้งนี้ วันที่ 19 ก.พ. 67 ทางเทศบาลนครนนทบุรี จะเข้าไปช่วยทำความสะอาดภายในบ้านและบริเวณโดยรอบ และวันที่ 20 ก.พ. 67 ศูนย์เร่งรัดจัดการสวัสดิภาพประชาชน หรือ ‘ศรส.จ.นนทบุรี’ ของกระทรวงพม. จะพาคุณตาไปตรวจสุขภาพ นอกจากนี้ ศรส.จ.นนทบุรี และเทศบาลนครนนทบุรี จะช่วยกันติดตามช่วยเหลือดูแลคุณตาเป็นระยะๆ อีกด้วย

นายวราวุธ กล่าวต่อไปว่า ต้องขอขอบคุณสื่อมวลชนที่ได้แจ้งข่าว จนทำให้ทางกระทรวง พม. หรือแม้แต่ทีมงานเจ้าหน้าที่ของกระทรวง พม. สามารถเข้าไปช่วยเหลือเยียวยาพี่น้องกลุ่มเปราะบางได้ ซึ่งต้องเรียนว่าในประเทศไทยยังมีพี่น้องกลุ่มเปราะบางอีกจำนวนมากในทุกๆ จังหวัด โดยเฉพาะอย่างยิ่งในจังหวัดที่มีความเป็นอยู่ที่หนาแน่น มีปริมาณประชากรที่เยอะ ทำให้บางครั้งจะทำให้การเข้าไปถึงในแต่ละครอบครัวนั้น อาจจะไม่ละเอียดเท่าที่ควร

ดังนั้น การบูรณาการการทำงาน การพูดคุยกัน ข้ามหน่วยงานของทุกๆฝ่ายนั้น เป็นหัวใจสำคัญ คงจะไม่ใช่หน้าที่ของหน่วยงานใดหน่วยงานหนึ่ง หรืออาสาสมัครของกระทรวงใดกระทรวงหนึ่ง แต่เป็นการทำงานร่วมกัน การแชร์ข้อมูลกัน การบอกต่อซึ่งกันและกัน เพราะว่าบางครั้ง เมื่อเราไปทำงาน จะไปพบปะกับเหตุการณ์ต่างๆ แล้วนำมาบอกเล่ากันว่า เกิดปัญหาตรงนั้นตรงนี้ ซึ่งการแชร์ข้อมูลเหล่านี้จะเป็นหนทางในการที่ทำให้ทุกหน่วยงานเรียกว่ารัฐบาล สามารถเข้า ไปแก้ไขปัญหาให้กับพี่น้องประชาชนได้อย่างทันท่วงที

ซึ่งแน่นอน อาจจะมีตกหล่นบ้าง ต้องกราบขออภัยจริงๆ แต่ในบริบทของกระทรวง พม. นั้น เรามีแนวทางในการที่จะเข้าไปเยียวยา สนับสนุน ดูแล แก้ไขปัญหาในทุกๆ บริบท เพียงแต่ว่าบางครั้ง ถ้าหากมีคนแจ้งเหตุเข้ามาแล้ว กระทรวง พม. จะรีบส่งทีมปฏิบัติการเคลื่อนที่เร็วของศูนย์เร่งรัดจัดการสวัสดิภาพประชาชน หรือ ศรส. เข้าไปแก้ไขปัญหาในเบื้องต้น และหลังจากนั้น เราจะดูว่าการช่วยเหลือในระยะกลางและระยะยาว จะสามารถแก้ไขให้คุณภาพชีวิตของบุคคลนั้นดีขึ้นได้อย่างไร

นอกจากนี้ นายวราวุธ กล่าวเพิ่มเติมว่า หากพบเห็นผู้ประสบปัญหาความเดือดร้อน สามารถโทรแจ้งมาที่ ศูนย์เร่งรัดจัดการสวัสดิภาพประชาชน หรือ ศรส. ผ่านฮอตไลน์ 1300 ตลอด 24 ชั่วโมง ซึ่งกระทรวง พม. มีทีมปฏิบัติการเคลื่อนที่เร็ว พร้อมลงพื้นที่ช่วยเหลือทันที

‘วราวุธ’ ชี้!! ไทยเผชิญวิกฤตประชากร หลังเข้าสู่สังคมผู้สูงวัยเต็มตัว ชวนร่วมถกหาทางออก 7 มี.ค.นี้ ก่อนชง ครม.-เสนอรายงานต่อ UN

(18 ก.พ. 67) นายวราวุธ ศิลปอาชา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ (พม.) เปิดเผยถึงการเตรียมการจัดโครงการประชุมเชิงปฏิบัติการ ‘พัฒนาความมั่นคงครอบครัวไทย ผ่านพ้นภัยวิกฤตประชากร’ ในวันที่ 7 มีนาคม 2567 ว่า เป็นที่ทราบกันดีว่าปัจจุบันประเทศไทย เข้าสู่สภาวะสังคมผู้สูงอายุสมบูรณ์แบบเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ซึ่งปัญหาโครงสร้างประชากรกำลังเป็นปัญหา ที่จะทำให้ประเทศไทยต้องเผชิญกับวิกฤตนี้ในอนาคตอันใกล้ เมื่อปี 2566 มีปริมาณผู้สูงอายุมากกว่า 60 ปี กว่า 13 ล้านคน ในขณะที่มีเด็กแรกเกิดไม่ถึง 5 แสนคน โดยช่วง 2 ปีที่ผ่านมา (2565 – 2566) ประชากรของประเทศไทยลดลงไปถึง 35,000 คน ถ้าหากว่าเป็นเช่นนี้ต่อไปเรื่อยๆ คาดว่าประชากรของประเทศไทยที่มีอยู่ 66 ล้านคน นั้น อีกไม่เกิน 50 ปี จะลงไปเหลือประมาณ 30 ล้านคน

นายวราวุธ กล่าวว่า กระทรวง พม. จึงได้จัดโครงการประชุมในรูปแบบเวิร์คช็อปสำหรับการสัมมนาเกี่ยวกับการพัฒนาความมั่นคงของครอบครัวไทย เพื่อให้พ้นภัยวิกฤตประชากร ซึ่งกำหนดจัดขึ้นในวันพฤหัสบดีที่ 7 มีนาคม 2567 ณ ห้องเพลนารีฮอลล์ 1 (Plenary Hall 1) ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ กรุงเทพฯ และที่สำคัญ งานนี้ จะมีผู้แทนจากทุกๆ วงการ ทั้งจากภาครัฐ ภาคเอกชน NGOs และหน่วยงานอื่นๆ ที่ต้องเผชิญกับปัญหานี้มาร่วมแลกเปลี่ยนและหาแนวทางวิธีการที่จะเพิ่มจำนวนประชากร ซึ่งไม่ใช่เรื่องง่ายเพียงแค่ให้คน 2 คนมาอยู่ด้วยกัน แต่ต้องสร้างสังคมที่มีความสุข ต้องสร้างหนทาง สร้างความอบอุ่น สร้างความมั่นคงให้กับคนรุ่นใหม่ จนกระทั่งทำให้เขารู้สึกว่าอยากจะมีครอบครัว อยากจะมีคนสืบสกุล และมีเด็กเกิดใหม่เพิ่มมากขึ้น

นายวราวุธ กล่าวว่า จากรายงาน กระทรวง พม.ได้เริ่มต้นหารือตั้งแต่วันที่ 12 มกราคม 2567 ได้เริ่มมีการพูดคุย และมีการเชิญสถาบันวิจัยเพื่อการพัฒนาประเทศไทย (TDRI) และธนาคารโลก (World bank) มาพูดคุยหารือกันก่อนที่วันที่ 7 มีนาคมที่จะถึงนี้ เราจะร่วมกันเวิร์คช็อป จะมีการหารือกันในหลายๆ กลุ่ม และเมื่อได้ผลการพูดคุยกันแล้วจะมีนำเสนอต่อที่ประชุมคณะรัฐมนตรีภายในต้นเดือนเมษายนที่จะถึงนี้

และในปลายเดือนเมษายนนี้ กระทรวง พม. จะนำข้อมูลทั้งหมดที่ได้ ไปนำเสนอต่อที่ประชุมสหประชาชาติ เพื่อให้คนทั้งโลกได้รับรู้ว่าวันนี้ ประเทศไทยของเรานั้นกำลังดำเนินการแก้ไขปัญหาเกี่ยวกับเรื่องโครงสร้างประชากรที่ทุกๆ ประเทศในโลกกำลังเผชิญอยู่ในขณะนี้กันได้อย่างไร ดังนั้นวันที่ 7 มีนาคมนี้ ขอเชิญชวนทุกๆคน ทุกๆ หน่วยงานเกี่ยวข้องกับปัญหาโครงสร้างประชากร มาร่วมกันแสดงความคิดเห็น แลกเปลี่ยนความรู้กันได้ที่ห้องเพลนารีฮอลล์ 1 (Plenary Hall 1) ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ กรุงเทพฯ

‘วราวุธ’ ไม่สน!! ใครจะวิจารณ์มี ‘นายกฯ’ 2 คน เชื่อ!! ศักยภาพการทำงานไม่ได้ขึ้นอยู่กับคนๆ เดียว

(19 ก.พ. 67) ที่กระทรวงพม. นายวราวุธ ศิลปอาชา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ (พม.) ในฐานะหัวหน้าพรรคชาติไทยพัฒนา (ชทพ.) ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีที่มีเสียงวิพากษ์วิจารณ์เมื่อนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ได้รับการพักโทษ และปล่อยตัวกลับบ้าน ทำให้รัฐบาลนายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง อ่อนกำลังลง ว่า เรื่องนี้หากใครจะมองว่าเกี่ยว ก็เกี่ยวได้ แต่โดยส่วนตัวแล้วตนคิดว่าการทำงานของรัฐบาลตลอด 5-6 เดือนที่ผ่านมานั้น ได้เดินหน้าไปมากพอสมควร ซึ่งตนพูดในนามของกระทรวงอื่นไม่ได้ แต่พูดในนามของกระทรวงพม. ที่ตนในฐานะหัวหน้าพรรคชาติไทยพัฒนา และเป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงอยู่นั้น ก็ได้ดำเนินการไปหลายเรื่องอย่างมาก ดังนั้นศักยภาพในการทำงานของรัฐบาลคงไม่น่าขึ้นอยู่กับบุคคลเพียงบุคคลเดียวไม่ว่าจะอยู่โรงพยาบาล อยู่ที่บ้าน หรืออยู่ที่ใด ตนคิดว่าศักยภาพในการทำงาน ของรัฐบาลขึ้นอยู่กับตัวนายกรัฐมนตรีและคณะรัฐมนตรีทั้ง 35 คนมากกว่า

ผู้สื่อข่าวถามว่า บางคนมองว่าจะส่งผลกระทบต่อการทำงานของคณะรัฐมนตรีชุดนี้ นายวราวุธ กล่าวว่า อันนี้ตนเห็นต่าง เพราะการทำงานของครม. ตามที่ตนเคยได้พูดไปแล้วคือปัญหาของประชาชนมีอยู่ทุกวัน ดังนั้นบทบาทภารกิจการทำงานของทุกกระทรวงย่อมเดินหน้าเต็มที่เหมือนเดิม อย่างเช่นกระทรวงพม. ที่พรรคชาติไทยพัฒนาดูแลอยู่ ถึงจะอย่างไรก็แล้วแต่ เราทำงานกันจนนาทีสุดท้าย เพื่อการแก้ไขปัญหาสังคมที่มีอยู่มากมาย

เมื่อถามถึงกรณีเสียงวิจารณ์ที่ระบุว่าขณะนี้ประเทศไทยมีนายกรัฐมนตรี 2 คน หัวหน้าพรรคชาติไทยพัฒนา กล่าวว่า หากจะบอกว่ามี 3 หรือ 4 คน หรือ 5 คน ก็ไม่ใช่เรื่องแปลก เพราะบางครั้งนายกรัฐมนตรีจะต้องมีทีมที่ปรึกษาคอยให้คำปรึกษา หรือแม้แต่รัฐมนตรีในแต่ละกระทรวงก็ยังมีที่ปรึกษา เช่นตนก็มี น.ส.กัญจนา ศิลปอาชา เป็นที่ปรึษา รวมถึงคณะที่ปรึกษาอีกหลายคน จึงไม่น่าแปลกใจที่นายกรัฐมนตรีจะมีที่ปรึกษา ส่วนนายกฯ จะปรึกษาใคร ก็เป็นสิ่งที่ท่านพึงใช้วิจารณญาณของตนเอง แต่การที่จะมีนายกรัฐมนตรีหลายคน ตนก็ยังเห็นต่างอยู่ว่า มีคนเดียวอยู่เช่นเดิม 

เมื่อถามว่าเสียงวิจารณ์ต่างๆ เหล่านี้จะทำให้คณะรัฐมนตรีบั่นทอนในการทำงานหรือไม่ นายวราวุธ กล่าวว่า ตอบแทนคนอื่นไม่ได้ แต่สำหรับตนไม่บั่นทอนแน่นอน เพราะปัญหาของประเทศชาติปัญหาของพี่น้องประชาชนคือกำลังที่จะทำให้ตนสามารถเดินไปข้างหน้าเคียงบ่าเคียงไหล่กับเพื่อนๆ ข้าราชการในกระทรวงพม.ในการแก้ไขปัญหาให้กับประชาชนคนไทยทุกคน

‘วราวุธ’ นั่งหัวโต๊ะ ถก ‘สวัสดิการ’ เพื่อประชาชน 4 ประเด็น จ่อชง ‘เบี้ยเด็กแรกเกิด-คนพิการ-ผู้สูงอายุ-ขยายรับเลี้ยงเด็ก’

(21 ก.พ.67) ที่กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ (พม.) นายวราวุธ ศิลปอาชา รมว.พม. ในฐานะประธานคณะอนุกรรมการขับเคลื่อนสวัสดิการโดยรัฐ เปิดเผยภายหลังการประชุม ว่า ที่ประชุมเห็นชอบในวาระสำคัญ 4 ประเด็น ได้แก่

ประเด็นที่ 1 คือ เงินอุดหนุนเพื่อการเลี้ยงดูเด็กแรกเกิดจนถึง 6 ปีที่อยู่ต่ำกว่าเส้นความยากจน ซึ่งตอนแรกการให้เงินสนับสนุน 600 บาทต่อคนต่อเดือนนั้น จะเป็นไปตามเส้นความยากจน ซึ่งมีประมาณ 4 ล้านกว่าคน ในขณะนี้ได้รับเงินอุดหนุนอยู่ประมาณ 2 ล้านกว่าคน แต่จากการประชุมในวันนี้ได้เปลี่ยนวิธีการให้เงินสนับสนุนเป็นแบบถ้วนหน้า เพื่อที่ว่าเด็กแรกเกิดจนถึง 6 ปี ทุกคนในประเทศไทย จะได้รับเงินอุดหนุนจำนวนนี้

ประเด็นที่ 2 ได้มีการขอให้ปรับศูนย์เลี้ยงดูเด็กและส่งเสริมการพัฒนาเด็ก ให้มีการเลี้ยงดูซึ่งในตอนแรก เป็นเด็กตั้งแต่ 6 เดือน จนถึง 3 ปี ตนได้ขอให้ปรับเป็น 3 เดือน จนถึง 3 ปี เพราะจะได้สอดคล้องกับกฎหมายแรงงานที่อนุญาตให้ผู้เป็นแม่สามารถลาคลอดได้ 98 วัน หรือประมาณ 3 เดือนกว่าๆ โดยจะขอให้ศูนย์เลี้ยงดูเด็กได้ตั้งแต่ 3 เดือน จนถึง 3 ปี

ประเด็นที่ 3 เกี่ยวกับเรื่องเบี้ยผู้สูงอายุ จากที่ก่อนหน้านี้ มีการจ่ายแบบขั้นบันได คือ 600-700-800 และ 1,000 บาทต่อเดือน ซึ่งจะขอเป็นแบบถ้วนหน้า และจะปรับเป็น 1,000 บาททุกคน ดังนั้นพี่น้องผู้สูงอายุจากเดิมที่ได้แบบขั้นบันไดและไม่ถ้วนหน้า แต่จากนี้ไป จะได้เป็นเดือนละ 1,000 บาทแบบถ้วนหน้า ทั้งนี้ เป็นการเห็นชอบของคณะอนุกรรมการฯ ซึ่งจะต้องนำเสนอเข้าคณะกรรมการใหญ่อีกครั้งหนึ่ง

ประเด็นที่ 4 เกี่ยวกับเรื่องเบี้ยความพิการ จาก 800 บาทต่อคนต่อเดือน เราปรับเป็น 1,000 บาท โดยเฉพาะอย่างยิ่งผู้ช่วยคนพิการ จากที่เมื่อก่อนได้รับค่าตอบแทนชั่วโมงละ 50 บาท ตอนแรกคณะทำงานเสนอปรับจาก 50 บาท เป็น 80 บาทต่อชั่วโมง ซึ่งทางตนและที่ประชุมมีความเห็นตรงกันว่าควรจะปรับขึ้นเป็น 100 บาทต่อชั่วโมง รวมถึงการจัดหาการบริการกายอุปกรณ์ให้กับคนพิการทุกๆคน

“4 ประเด็นนี้ เป็นข้อสรุปที่ทางคณะอนุกรรมการได้เห็นชอบเกี่ยวกับการดูแลพี่น้องประชาชน ไม่ว่าจะเป็นเด็ก เยาวชน สตรี คนพิการ และผู้สูงอายุ แต่ขอย้ำว่าเป็นการเห็นชอบของคณะอนุกรรมการ ตามที่ทางคณะทำงานนำเสนอมาขั้นตอนต่อไปคณะอนุกรรมการจะต้องนำเสนอข้อเสนอทั้งหมดเข้าคณะกรรมการใหญ่เพื่อดำเนินการต่อไป” นายวราวุธ กล่าว

‘วราวุธ’ นำทีม พม.ผนึก ‘AIS’ เดินหน้าเสริมสร้างพลเมืองดิจิทัล หนุนคนไทยท่องโลกออนไลน์อย่างปลอดภัย-รู้ทันภัยไซเบอร์

(25 ก.พ.67) นายวราวุธ ศิลปอาชา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ (พม.) เปิดเผยว่า อาชญากรรมทางไซเบอร์ถือเป็นภัยคุกคาม ที่สร้างความเสียหายให้กับประชาชนอย่างมาก ทุกฝ่ายจึงจำเป็นต้องร่วมกันแก้ไขปัญหาที่เกิดขึ้นอย่างเร่งด่วน ซึ่งกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ ในฐานะหน่วยงานภาครัฐที่มีภารกิจสำคัญในการส่งเสริมและพัฒนาคุณภาพชีวิตที่ดี เพื่อสร้างความมั่นคงในการดำรงชีวิตให้กับคนไทย พร้อมบูรณาการความร่วมมือกับทุกภาคส่วน ในการส่งเสริมความรู้และทักษะที่จำเป็น ต่อการใช้ชีวิตในโลกดิจิทัล เพื่อให้ประชาชนใช้งานโลกออนไลน์อย่างปลอดภัย

โดยครั้งนี้เป็นความร่วมมือกับ AIS ในการนำหลักสูตร ‘อุ่นใจไซเบอร์’ ให้บุคลากรของเรากว่า 11,000 คน ได้เรียนรู้เพื่อเพิ่มทักษะทางดิจิทัล ตลอดจนการขยายผลองค์ความรู้ไปยังประชาชนคนทุกช่วงวัย อาทิ ผู้สูงอายุ เด็ก คนพิการ สตรี และอาสาสมัครพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ (อพม.) เพื่อให้ทุกคนสามารถใช้งานอินเทอร์เน็ตอย่างปลอดภัย และไม่ตกเป็นเหยื่อจากมิจฉาชีพที่แฝงตัวมาในโลกออนไลน์

นายสมชัย เลิศสุทธิวงค์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร AIS กล่าวว่า AIS ในฐานะผู้ให้บริการด้านดิจิทัลเราไม่เพียงเดินหน้าเพื่อพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานทางดิจิทัลที่แข็งแกร่งเพื่อคนไทยเพียงเท่านั้น แต่เรายังให้ความสำคัญกับการดำเนินธุรกิจอย่างยั่งยืน โดยเฉพาะในด้านการยกระดับทักษะดิจิทัลของคนไทยที่เราเชื่อว่าการเสริมสร้างองค์ความรู้คือหัวใจสำคัญที่จะช่วยแก้ไขปัญหาด้านภัยไซเบอร์ได้อย่างยั่งยืน

ซึ่งทำให้ที่ผ่านมาเราได้พัฒนาการเรียนรู้ด้านทักษะดิจิทัลอย่าง หลักสูตรอุ่นใจไซเบอร์ ที่มีเนื้อหาแกนหลักสำคัญที่ถูกแบ่งออกเป็น 4P / 4ป ประกอบไปด้วย Practice ปลูกฝังให้มีความรู้ ความเข้าใจในการใช้งานเทคโนโลยีดิจิทัลอย่างถูกต้องและเหมาะสม, Personality ปกป้องความเป็นส่วนตัวบนโลกออนไลน์, Protection เรียนรู้การป้องกันภัยไซเบอร์บนโลกออนไลน์ และ Participation รู้จักการปฏิสัมพันธ์ด้วยทักษะและพฤติกรรมการสื่อสารบนออนไลน์อย่างเหมาะสม ซึ่งหลักสูตรอุ่นใจไซเบอร์ถูกขยายผลไปยังบุคลากรทางการศึกษา นักเรียน นิสิต นักศึกษา ผ่านความร่วมมือกับภาคส่วนต่างๆ ทั้งภาครัฐและเอกชน ที่วันนี้ได้เรียนรู้หลักสูตรอุ่นใจไซเบอร์นี้แล้วกว่า 320,000 คน”

“โดยครั้งนี้เป็นอีกหนึ่งความร่วมมือครั้งสำคัญกับหน่วยงานภาครัฐที่มีภารกิจในการส่งเสริมและพัฒนาคุณภาพและความมั่นคงในชีวิตของประชาชนอย่าง กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ ในการนำหลักสูตรอุ่นใจไซเบอร์ ซึ่งเป็นหลักสูตรที่มุ่งเสริมสร้างการรู้เท่าทันสื่อออนไลน์ที่ครอบคลุมทุกทักษะในโลกดิจิทัลอย่างแท้จริง เข้าไปให้บุคลากรของกระทรวงฯ ได้ศึกษาเรียนรู้ และส่งต่อไปยังประชาชนคนไทยทุกช่วงวัยที่เป็นกลุ่มเป้าหมายของกระทรวงฯ ได้เสริมทักษะดิจิทัล รู้เท่าทันภัยไซเบอร์ สามารถใช้งานออนไลน์ได้อย่างถูกต้องปลอดภัยและสร้างสรรค์” นายสมชัย กล่าวทิ้งท้าย

โดยการทำงานร่วมกันครั้งนี้ได้ปรับเนื้อหาของหลักสูตรอุ่นใจไซเบอร์ให้สอดคล้องกับทักษะที่มีความจำเป็นต่อการเป็นพลเมืองดิจิทัลสำหรับผู้เรียนแต่ละกลุ่มให้มีความเหมาะสม เช่น การเพิ่มองค์ความรู้เกี่ยวกับ พ.ร.บ.คุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล ในหลักสูตรสำหรับผู้ปฏิบัติงานในองค์กร เป็นต้น

โดยสามารถเข้าไปเรียนรู้หลักสูตรอุ่นใจไซเบอร์ได้ที่ www.learndiaunjaicyber.ais.co.th, แอปพลิเคชัน อุ่นใจ CYBER, www.m-society.go.th, www.dop.go.th และแอปพลิเคชัน Gold by DOP

‘วราวุธ’ ส่งทีม ‘ศรส.- พม.’ รุดเยี่ยมคุณยายป่วยร่างกายผิดรูป พร้อมเร่งประสานหน่วยงานเข้าช่วยเหลือ ให้ได้สิทธิคนพิการ

(26 ก.พ.67) นายวราวุธ ศิลปอาชา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ (พม.) เปิดเผยว่า จากกรณีที่มีการเผยแพร่คลิป วอนช่วยเหลือ คุณยายป่วยร่างกายผิดรูป เดินคล้ายคนคอหัก หันหน้าไม่ได้ ย่านอารีย์ กทม. ล่าสุด วันนี้ (26 ก.พ. 67) เวลา 11.00 น. เจ้าหน้าที่หน่วยปฏิการเคลื่อนที่เร็ว ศรส. หรือ ‘ศูนย์เร่งรัดจัดการสวัสดิภาพประชาชน’ กระทรวง พม. พร้อมด้วยศูนย์คุ้มครองคนไทยที่พึ่งกรุงเทพมหานคร ได้ลงพื้นที่บริเวณชุมชนวัดมะกอกกลางสวน เขตพญาไท กรุงเทพฯ พบ คุณยายตามที่รับแจ้ง อายุ 69 ปี มีสภาพร่างกายคอผิดรูป ป่วยด้วยโรคพาร์กินสัน อาศัยอยู่ที่บ้านกับสามีอายุ 73 ปี บุตรสาวอายุ 44 ปี และหลานอายุ 15 ปี

นายวราวุธ กล่าวว่า จากข้อมูลทราบว่า คุณยายป่วยด้วยโรคพาร์กินสันตั้งแต่ปี 2561 และมีอาการคอผิดรูปในช่วงปี 2564 และป่วยติดเตียงมาตลอด จนกระทั่งปี 2566 มีอาการดีขึ้น จึงสามารถเดินได้ ปัจจุบันรักษาอยู่ที่โรงพยาบาลในพื้นที่ แต่แพทย์ยังไม่ออกใบรับรองความพิการ โดยปกติคุณยายมักจะออกไปเก็บของเก่าย่านอารีย์ มีรายได้ประมาณวันละ 100 บาท ซึ่งจะเดินออกไปประมาณ 3 ชั่วโมง แล้วกลับบ้านเพื่อมาทานยาตามเวลา จนกระทั่งเมื่อ 2 วันที่แล้ว ได้หายออกไปและไม่ได้กลับบ้านตามเวลา ทำให้ไม่ได้กินยา ไม่มีแรง ซึ่งมีคนพบคุณยายไปนอนอยู่หน้าร้านสะดวกซื้อ จึงแจ้งสามีให้ไปรับ สำหรับรายได้ของครอบครัวมาจากเบี้ยยังชีพผู้สูงอายุ ขายข้าวโพดปิ้ง และเก็บของเก่า

นายวราวุธ กล่าวว่า สำหรับแนวทางการช่วยเหลือ ทางศูนย์คุ้มครองคนไร้ที่พึ่งกรุงเทพมหานคร ได้มอบถุงยังชีพเพื่อบรรเทาความเดือดร้อนเบื้องต้น และจะดำเนินการสอบข้อเท็จจริงเพื่อให้การช่วยเหลือบุตรสาวผู้เป็นหัวหน้าครอบครัวที่มีรายได้น้อย อีกทั้ง ทาง ศรส. ได้ประสานกรมส่งเสริมและพัฒนาคุณภาพชีวิตคนพิการ (พก.) และกรมกิจการผู้สูงอายุ (ผส.) ให้การช่วยเหลือตามสิทธิสวัสดิการคนพิการและผู้สูงอายุ โดยนัดลงพื้นที่เยี่ยมคุณยายร่วมกันอีกครั้งในวันพรุ่งนี้ (27 ก.พ. 67) และประสานโรงพยาบาลเพื่อประเมินความพิการ สำหรับการรับสิทธิสวัสดิการคนพิการต่อไป

นายวราวุธ กล่าวว่า หากพบเห็นผู้ประสบปัญหาความเดือดร้อนทางสังคม ขอให้โทรแจ้งมาที่ ศูนย์เร่งรัดจัดการสวัสดิภาพประชาชน (ศรส.) กระทรวง พม. ผ่านฮอตไลน์ 1300 บริการตลอด 24 ชั่วโมง โดยหน่วยปฏิบัติการเคลื่อนที่เร็ว ศรส. พร้อมลงพื้นที่ช่วยเหลืออย่างรวดเร็วทันที

‘วราวุธ’ สั่ง!! ‘ศรส.’ ตรวจ ‘สถานรับเลี้ยงเด็กออทิสติกเถื่อน’ ย่านนนทบุรี หลังได้รับเรื่องผู้ดูแลมีพฤติกรรมใช้ความรุนแรง ฝากปชช.ช่วยเป็นหูเป็นตา

(27 ก.พ. 67) ที่ทำเนียบรัฐบาล นายวราวุธ ศิลปอาชา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ (พม.) ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีนายกัณฐัศว์ พงศ์ไพบูลย์เวชย์ หรือ กัน จอมพลัง พร้อมเจ้าหน้าที่พม.จังหวัดนนทบุรี และตำรวจสภ.ไทรน้อย เข้าตรวจสอบหลังได้รับร้องเรียนว่ามีการเปิดบ้านเป็นสถานรับดูแลเด็กออทิสติกไม่ถูกสุขลักษณะ และผู้ดูแลมีพฤติกรรมใช้ความรุนแรง ว่า เรื่องนี้ตนได้ขอให้ศูนย์เร่งรัดจัดการสวัสดิภาพประชาชน (ศรส.) ลงไปดำเนินการกับศูนย์ที่ไม่ได้รับอนุญาต ต้องขอบคุณภาคเอกชนที่ช่วยเป็นหูเป็นตา เพราะตนย้ำอยู่เสมอว่าปัญหาสังคมถ้าเทียบกับหน่วยงานของกระทรวงพม. ซึ่งมีเจ้าหน้าที่จำนวนน้อย การมีส่วนร่วมของภาคประชาชนจึงทำให้เราสามารถทำงานดูแลเด็กได้มากขึ้น

นายวราวุธ กล่าวต่อว่า สำหรับการตรวจสอบปัญหาสถานรับเลี้ยงเด็กค่อนข้างจะเป็นไปได้ไม่รวดเร็วเท่าที่ควร เพราะศูนย์เหล่านี้อยู่ตามชุมชน นึกจะตั้งก็ตั้งขึ้นมา ขณะที่เจ้าหน้าที่ของเรามีจำนวนจำกัด แม้จะมีการออกตรวจเป็นประจำอยู่แล้ว แต่หากพี่น้องประชาชนเห็นว่ามีศูนย์ดูแลเด็กหรือสถานดูแลผู้สูงอายุที่จัดตั้งใหม่ และมีข้อสงสัยว่าถูกต้องตามกฎหมายหรือไม่ ก็ขอให้แจ้งมาที่ศรส.ได้ หรือที่สายด่วน 1300 ตลอด 24 ชม.
 

‘ท็อป วราวุธ’ โพสต์เฟซขอบคุณ ทีมงานผู้ผลิตแอนิเมชัน ย้ำภูมิใจ ที่ได้เกิดเป็นคนไทย ภายใต้ร่มพระบรมโพธิสมภาร แห่งราชจักรีวงศ์

เมื่อวานนี้ (15 มี.ค.67) นายวราวุธ ศิลปอาชา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ ได้โพสต์เฟซบุ๊กถึง งานแอนิเมชันที่ชื่อว่า '2475 Dawn of Revolution' โดยมีข้อความว่า ...

2475 Dawn of Revolution แอนิเมชันคุณภาพ ที่ร้อยเรียงเรื่องราวแห่งประวัติศาสตร์ของแผ่นดินไทยอย่างละเอียด ขอขอบคุณทีมงานผู้ผลิตแอนิเมชันนี้ ที่ได้ตอกย้ำให้ผมรู้สึกภูมิใจและดีใจที่ได้เกิดเป็นคนไทยภายใต้ร่มพระบรมโพธิสมภารแห่งพระบรมราชจักรีวงศ์ ครับ

‘วราวุธ’ ชมหนัง ‘หลานม่า’ พร้อมมอบรางวัล ส่งเสริมความสัมพันธ์ครอบครัว ชี้นำเสนอดี แนะให้คนไทย เอาใจใส่บุพการี สร้าง ‘ความรัก-ความอบอุ่น’

เมื่อเร็ว ๆ นี้ ที่โรงภาพยนตร์พารากอน ซีนีเพล็กซ์ นายวราวุธ ศิลปอาชา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ (พม.) ให้สัมภาษณ์ภายหลังเข้าชมภาพยนตร์เรื่อง ‘หลานม่า’ ซึ่งเป็นภาพยนตร์ส่งเสริมความสัมพันธ์ระหว่างผู้สูงอายุและครอบครัว ซึ่งกระทรวง พม. มอบโล่รางวัล ในฐานะส่งเสริมความสัมพันธ์ระหว่างผู้สูงอายุและครอบครัว ในฐานะองค์กรเครือข่าย ที่สนับสนุนงานด้านผู้สูงอายุ เนื่องในวันผู้สูงอายุแห่งชาติประจำปี 2567 ว่า เป็นภาพยนตร์ที่ทำให้เข้าใจง่าย ทำให้คิดถึงหลายครอบครัว ที่บางครั้งเราอาจหลงลืมไปบ้างว่าเรายังมีอาม่าให้คิดถึง 

นายวราวุธ กล่าวว่า เมื่อสังคมเปลี่ยนไปผู้คนจะมีการงานทำมากขึ้น จึงมีเวลาให้กับผู้มีพระคุณน้อยลง สิ่งเหล่านี้คือสิ่งที่เกิดขึ้นกับทุกครอบครัวโดยเฉพาะสังคมในปัจจุบัน สิ่งที่สำคัญคือจะทำอย่างไรที่เราทุกคนจะต้องหาเวลา ติดต่อกับผู้ที่เราเคารพ บุพการีของเรา อย่างตนเองทุกเช้าจะตั้งนาฬิกา 8 โมงเช้าแล้วโทรศัพท์หาคุณแม่แจ่มใส (ศิลปอาชา) เพราะคิดว่าไม่ได้เจอหน้าแต่ได้ยินเสียงกันก็ยังดี เพราะผู้ใหญ่เขามักจะไม่พูดหรอกว่าคิดถึง โดยเฉพาะคนไทยเชื้อสายจีน ที่จะไม่พูดคำว่าคิดถึง หรือมาแสดงความอ่อนแอให้ลูกหลานได้เห็นโดยเด็ดขาด จะไม่มาอ้อนลูกหลาน ฉะนั้นหากลูกหลานยื่นมือไปและแสดงให้เห็นว่าเรามีความห่วงใย เรารัก มีความเคารพ ห่วงหาอาทรกันอยู่ นั่นคือความอุ่นใจ ที่ลูกหลานให้กับท่านได้ เพราะผู้หลักผู้ใหญ่เมื่อมาถึงวันนี้ไม่ต้องการอะไรมากต้องการเพียงสิ่งที่มีความสุขและอบอุ่นใจเท่านั้น

“ผมดูวันนี้ไม่ได้ร้องไห้แต่ภรรยาต่อมน้ำตาแตก โดยเฉพาะตอนที่หลานไปจับมืออาม่าบ้านพักคนชราแล้วบอกว่า กลับบ้านนะ แสดงให้เห็นว่าความห่วงหาอาทรของหลานที่บอกว่ากลับไปอยู่บ้านเราดีกว่า บ้านพักคนชราไม่ใช่เป็นสิ่งไม่ดี แต่ถ้าหากยังมีลูกหลานที่สามารถดูแลกันได้ ในบ้านปลายชีวิตให้เวลากับท่านดีกว่า ดีกว่าที่จะไปให้เวลากับท่านตอนที่อยู่ฮวงซุ้ยแล้ว มันไม่เกิดประโยชน์ หนังเรื่องนี้สอนพวกเราทุกคน ไม่ว่าจะเป็นสถานะใด ยากดีมีจนอย่างไร ปัญหาแบบนี้เกิดกับทุกบ้าน และเป็นเครื่องเตือนสติได้ว่า ในท้ายที่สุดแล้วสถาบันครอบครัว และ ผู้หลัก ผู้ใหญ่ เป็นสิ่งที่ดึงดูด ให้ทุกคนกลับมารวมกัน คนสูงวัยคือหัวใจของครอบครัวและสถาบันครอบครัว ซึ่งวันนี้สถาบันครอบครัวของประเทศไทยเปราะบางเหลือเกิน เรากลับมาหาผู้สูงอายุกันให้ความสำคัญกับท่านและสร้างความเข้มแข็งให้กับสังคมของประเทศไทยให้มีความอบอุ่นและเดินไปข้างหน้าสร้างความหวังให้กับคนรุ่นต่อๆไป”

'วราวุธ' ยัน!! 'ชาติไทยพัฒนา' เห็นพ้องพรรคร่วมรัฐบาล  ทำประชามติ 3 รอบ แก้รธน. ขอแค่ต้องไม่แตะหมวด 1-2

(22 เม.ย.67) นายวราวุธ ศิลปอาชา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ (พม.) ในฐานะหัวหน้าพรรคชาติไทยพัฒนา (ชทพ.) ให้สัมภาษณ์ถึงกรณี 7 พรรคร่วมรัฐบาลหารือเรื่องการแก้ไขรัฐธรรมนูญ ทำประชามติ 3 รอบ ว่า จากการหารือร่วมกันในพรรคร่วมรัฐบาลทุกพรรคเห็นตรงกันว่า รัฐธรรมนูญจะมีการแก้ไขโดยที่พวกเราจะไม่แตะต้องหมวด 1 และหมวด 2 เพราะถือเป็นนโยบายที่สำคัญของรัฐบาล และเป็นนโยบายที่สำคัญของทุกพรรคการเมืองด้วย โดยเฉพาะอย่างยิ่ง พรรคชาติไทยพัฒนาเราให้ความสำคัญกับการเทิดทูนไว้ซึ่งสถาบันพระมหากษัตริย์ 

ดังนั้นการแก้ไขรัฐธรรมนูญ จะอย่างไรก็แล้วแต่หมวด 1 และหมวด 2 จะต้องไม่มีการไปกระทบ หรือมีการแก้ไขใด ๆ ทั้งสิ้น เมื่อทุกพรรคการเมืองเห็นตรงกันแล้วเราก็จะเดินหน้าไม่ว่าจะเป็นเรื่องการทำประชามติ ครั้งที่ 1 ครั้งที่ 2 และครั้งที่ 3 ซึ่งแนวทางนี้ทราบว่าในวันพรุ่งนี้ (23 เม.ย.) รองนายกฯ ภูมิธรรม จะนำเข้าสู่การพิจารณาของคณะรัฐมนตรี (ครม.) ซึ่งก็เชื่อว่ารัฐมนตรีทุกคนเห็นพ้องกันไปในทิศทางเดียวกัน เพราะได้มีการพูดคุยกันแล้ว


TRENDING
© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top