Sunday, 5 May 2024
ภูมิใจไทย

‘เสี่ยหนู’ ย้ำ!! จุดยืนภูมิใจไทยไม่เปลี่ยนแปลง ไม่หนุนพรรคแก้ ม.112 - ไม่ตั้งรัฐบาลเสียงข้างน้อย

(19 ก.ค. 66) ที่รัฐสภา นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และรมว.สาธารณสุข ในฐานะหัวหน้าพรรคภูมิใจไทย (ภท.) ให้สัมภาษณ์ถึงสถานการณ์ทางการเมืองที่อาจมีการเปลี่ยนแปลงพรรคแกนนำจัดตั้งรัฐบาล ว่า ของพรรคภูมิใจไทยยังไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลง ยังเหมือนเดิม คือไม่แก้ประมวลกฎหมายอาญามาตรา 112 และไม่ตั้งรัฐบาลเสียงข้างน้อย

เมื่อถามว่า หากพรรคเพื่อไทยได้เป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาล พรรคภูมิใจไทยจะมีเงื่อนไขอะไรหรือไม่นายอนุทิน กล่าวว่า มีแนวทางอยู่ 2 ข้อ ที่เป็นเรื่องหลัก คือ เรื่องมาตรา 112 และไม่เอารัฐบาลเสียงข้างน้อย ซึ่งเป็นสิ่งที่เราจะไม่ทำ

เมื่อถามว่า มีการมองว่าหากพรรคลำดับที่ 2 จัดตั้งรัฐบาลไม่ได้ และเป็นพรรคลำดับที่ 3 มองอย่างไร นายอนุทิน กล่าวว่า รอให้เกิดขึ้นก่อน ซึ่งตอนนี้มันยังไม่เกิด ตอนนี้ยังอยู่ในกระบวนการที่พรรคอันดับ 1 ยังจัดตั้งรัฐบาลอยู่ ยังมาไม่ถึงพรรคลำดับที่ 2 เลย

เมื่อถามว่า หากพรรคเพื่อไทยเป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาล แต่ยังจับมือกับพรรคก้าวไกลอยู่ พรรคภูมิใจไทยจะร่วมด้วยได้หรือไม่ นายอนุทิน กล่าวว่า ก็พูดไปแล้ว คือไม่เอา ซึ่งตนก็ยังอยู่ในแนวทางไม่แตะมาตรา 112 และไม่เอาเสียงข้างน้อย

เมื่อถามย้ำว่า แต่หากไม่มีพรรคก้าวไกลจะพิจารณารับข้อเสนอใช่หรือไม่ นายอนุทิน กล่าวว่า อย่าเพิ่งแต่ อย่าเพิ่งถ้า

เมื่อถามว่า ขณะนี้มีชื่อของนายเศรษฐา ทวีสิน แคนดิเดตนายกฯ พรรคเพื่อไทย ขึ้นมาแทนนายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกล รับได้หรือไม่ นายอนุทิน กล่าวว่า เป็นเรื่องของแต่ละพรรคที่มีแคนดิเดตนายกฯ ตนขอบอกว่าทุกคนที่แต่ละพรรคเสนอมีความเหมาะสมตามเหตุผลของพรรคนั้น ถ้าเราไปบอกคนนู้นไม่เหมาะคนนี้ไม่เหมาะ ซึ่งไม่มีสิทธิ์ที่จะไปพูด ถ้าเราไปบอกไม่เหมาะเดี๋ยวเขาจะบอกว่าเราฝั่งเราไม่เหมาะก็ยุ่งตาย

เมื่อถามว่า โดยส่วนตัวพร้อมชิงตำแหน่งนายกฯ หรือไม่ นายอนุทิน กล่าวว่า เอาไว้ให้มีความชัดเจนก่อน ตอนนี้ก็ยังเหมือนเดิมสนับสนุนให้พรรคที่กำลังจัดตั้งรัฐบาลทำได้สำเร็จ

‘เพื่อไทย’ หักดิบ!! ผสมข้ามขั้ว สลัด ‘ก้าวไกล’ จับตาแนวรบ ส.ว. ลุ้นหนัก ‘อนุทิน’ เข้าชิง

ก็ไม่เหนือความคาดหมายแต่ประการใด...ศาลรัฐธรรมนูญมีมติเอกฉันท์รับเรื่องจากคณะกรรมการการเลือกตั้งหรือ กกต. กรณีพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ ถือหุ้นสื่อฯ ไอทีวี และมีมติ 7 ต่อ 2 ให้พิธาหยุดปฏิบัติหน้าที่ ส.ส.เอาไว้ก่อนตั้งแต่ 19 ก.ค.จนกว่าศาลจะมีคำวินิจฉัย...

ไม่กี่นาทีหลังคำสั่งศาลรัฐธรรมนูญเผยแพร่เป็นทางการ ‘ทิม พิธา’ ก็ประกาศอำกลางสภาฯ บอกกว่าจนกว่าจะพบกันใหม่..ท่ามกลางเสียงปรบมือกึกก้อง…

และในวันเดียวกันที่ประชุมรัฐสภามีมติประเภทตอกฝาโลงพิธา ด้วยการมีมติว่าการเสนอโหวตนายกฯนั้นเป็นญัตติและเสนอชื่อซ้ำอีกไม่ได้เหตุขัดข้อบังคับการประชุมรัฐสภา 2563 ข้อที่ 41 ด้วยคะแนน 394 ต่อ 312 งดออกเสียง 8 ไม่ลงคะแนน 1  

น่าสังเกตว่าคะแนน 312 ที่เห็นว่าเสนอชื่อพิธาซ้ำได้อีกนั้น น้อยกว่าคะแนนที่พิธาได้รับการโหวตเลือกเมื่อวันที่ 13 ก.ค. เพราะวันนั้นพิธาได้คะแนนสูงถึง 324 เสียง

สำหรับ ‘พิธา’ ก็ต้องฝ่าวิบากกรรมอีกหลายกรณี กรณีคดีหุ้นสื่อก็ต้องใช้เวลา 3-4 เดือนกว่าจะรู้ผลว่าจะได้กลับสภาฯ หรือต้องลาไกล

กรณีพรรคก้าวไกลนั้นนาทีนี้แม้จะยังไม่ยอมโยนผ้ายอมแพ้หรือประกาศตัวเป็นฝ่ายค้าน แต่เกมการเมืองเรื่องการจัดตั้งรัฐบาลไปตกอยู่ในมือของพรรคเพื่อไทยเรียบร้อยแล้ว...ทั้งพรรคเพื่อไทยและก้าวไกลอยู่ในสภาพกดดันทั้งคู่

พรรคก้าวไกลนั้นความกดดันคือ...จะเดินหน้าอย่างไร จบแค่นี้อย่างมีศักดิ์ศรีหรือเดินหน้าเกาะเอวพรรคเพื่อไทยขอเป็นรัฐบาลด้วย แล้วในที่สุดจะถูกสลัดออกมา...ให้สังคมและด้อมส้มรู้สึกสงสารมากขึ้น

ส่วนพรรคเพื่อไทย...รู้ดีว่าการเสนอชื่อนายกฯ โดยมีพรรคก้าวไกลร่วมรัฐบาลด้วยนั้นเสียงโหวตไม่ผ่านแน่นอน...ดังนั้นความกดดันคือถ้าพรรคก้าวไกลไม่สลัดออก ก็อาจจะต้องยอมเสนอชื่อนายกฯ ที่ไม่หวังผลได้ หรือเสนอให้รัฐสภาโหวตทิ้งไปสักชื่อหนึ่งก่อน ซึ่งอาจจะเป็นชัยเกษม นิติสิริ

แต่สายข่าวจากพรรคเพื่อไทยรายงานล่าสุดว่าจะพยายามเสนอชื่อแรกแล้วให้ผ่านเลย...ซึ่งแน่นอนที่สุดว่าพรรคเพื่อไทยต้องผสมข้ามขั้วกับพรรคภูมิใจไทยและพรรคพลังประชารัฐและพรรคอื่น ๆ อีกจำนวนหนึ่ง...เพื่อบีบให้พรรคก้าวไกลถอนตัวไปโดยอัตโนมัติตั้งแต่ตอนแรก

ทั้งนี้เต็งหนึ่งนายกฯ ของเพื่อไทยตอนนี้คือ เศรษฐา ทวีสิน คนที่เพจของพรรคกำลังทยอยปล่อยคลิปโชว์กึ๋นออกมารัวๆ...แต่อย่างไรก็ตามโอกาสของ ‘เสี่ยนิด-เศรษฐา’ จะถูกปิดตายทันทีถ้าเขายังยืนกรานในจุดยืน...มีเศรษฐาต้องมีก้าวไกล

ทั้งหลายทั้งปวงต้องยอมรับว่า...การจัดตั้งรัฐบาลสูตรที่ไม่มีพรรคก้าวไกลดูเหมือนจะง่ายขึ้น แต่จริง ๆ แล้วหาได้เป็นเช่นนั้นไม่ เพราะรัฐบาลใหม่ไม่เพียงเดิมพันอนาคตบ้านเมืองเท่านั้น ในส่วนของพรรคเพื่อไทยยังแบกเดิมพันการกลับบ้านของคนแดนไกลรวมอยู่ด้วย..และปัจจัยนี้คือราคาที่พรรคเพื่อไทยต้องจ่าย...จ่ายด้วยเงื่อนไขการต่อรองของพรรคร่วมรัฐบาล หรือแม้กระทั่งตำแหน่งนายกรัฐมนตรี...

วันที่ 27 ก.ค.รัฐสภานัดประชุมโหวตเลือกนายกรัฐมนตรีอีกครั้ง สภากาแฟยังไม่ตัดชื่อ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ หรือ ‘บิ๊กป้อม’ และ ‘อนุทิน ชาญวีรกูล’ ออกจากตัวเต็งนายกฯ คนที่ 30 โดยเฉพาะ อ.อนุทิน นั้นราคาหุ้นพุ่งแรงแซงลุงป้อมไปเป็นช่วงตัวแล้ว บรรดา ส.ว.หลายสายกำลังลุ้นหนักให้ถูกเสนอชื่อเข้าชิง

ทราบแล้วเปลี่ยน..!!

‘ชลน่าน’ ลุยหารือ ‘ภูมิใจไทย’ ร่วมรัฐบาล ส่วนพลังประชารัฐ ชี้!! ยังไม่ถึงขั้นนั้น

(22 ก.ค. 66) ที่พรรคเพื่อไทย (พท.) นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว หัวหน้าพรรคพท.เปิดเผยถึงการพูดคุยกับพรรคภูมิใจไทย (ภท.) ในวันนี้ ว่า ไม่ได้เตรียมพร้อมอะไรมาก การพูดคุยเป็นการทำงานต่อเนื่องหลังจากที่ประชุม 8 พรรค ซึ่งมีทางเลือกให้ไปพูดคุยกับทาง ส.ว.และพรรคการเมืองเพื่อหาเสียงเพิ่มเติม แต่ไม่ใช่การตกลงกัน กติกาคือแค่พูดคุยมีแนวโน้มจะได้เสียงจาก ส.ว. หรือพรรคการเมืองเพิ่มเติมหรือไม่ จากนั้นค่อยเอามาพูดคุยกับ 8 พรรคร่วมจัดตั้งรัฐบาล เพราะที่ประชุมให้แนวทางเมื่อวาน ให้การบ้านไว้แบบนั้น ทั้งนี้ การติดต่อไปทางพรรคภท.เกิดขึ้นหลังจากคุยกับ 8 พรรคร่วมแล้ว โดยนายภูมิธรรม เวชยชัย รองหัวหน้าพรรค และนายประเสริฐ จันทรรวงทอง เลขาธิการพรรคเป็นผู้ติดต่อไป และเดิมทีพรรคพท.จะไปหาที่พรรคเองตามธรรมเนียมปฏิบัติที่ดี ในฐานะแกนนำมักจะไปส่งเทียบเชิญ เพื่อให้มาร่วมงาน แต่พรรคภท.ประกาศว่าเมื่อพท.เป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาล พรรคภท.ก็ยินดีเดินทางมาหาเอง ซึ่งก็ต้องขอบคุณพรรคภท.ด้วย 

นพ.ชลน่าน กล่าวอีกว่า ส่วนพรรคอื่น ๆ ยังไม่ได้พูดคุย เลือกติดต่อพรรคที่มีความเป็นไปได้ก่อน ไม่ติดต่อทั้งหมดพร้อม ๆ กัน เพราะการที่จะเพิ่มพรรคที่ 9 และ 10 มีเงื่อนไข ในการพูดคุยระหว่าง 8 พรรคร่วม ต้องดูพรรคที่เราไปส่งเทียบเชิญด้วยว่าเขารับเราได้หรือไม่ เพราะฟังจากแถลงการณ์แล้วเขาไม่เอา ซึ่งต้องไปพูดคุยเหตุและผลอีกที เชื่อว่าถ้าเอาประชาชนและประเทศเป็นที่ตั้งก็คงมีความหวัง 

เมื่อถามว่าได้ติดต่อพรรคพลังประชารัฐด้วยหรือไม่  นพ.ชลน่าน กล่าวว่า ยังไม่ถึงขั้นนั้น

'หมออั้ม' กระตุก 'ด้อมส้ม' ตีกันโดยไร้หลักการสภาฯ ถึงเวลา 'ภูมิใจไทย' เสียบ ก็กรี๊ดคาบ้านแล้วกัน

(24 ก.ค.66) หมออั้ม อิราวัต อารีกิจ อดีตนักร้องค่ายดัง ได้โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กในหัวข้อ 'ระหว่างที่ตีกัน โดยไม่เข้าใจหลักการสภาฯ' ระบุว่า...

ถ้าโหวตนายกฯ ครั้งที่ 2 จากพรรคเพื่อไทย
(ครั้งแรกพิธา จากก้าวไกล ในฐานะพรรคอันดับ 1) 
แล้วเกิดปัญหา โหวตไม่ผ่าน

การโหวตนายกฯ ครั้งที่ 3 จะเกิดขึ้น

โดยพรรคอันดับที่ 3 คือ พรรคภูมิใจไทย
จะได้สิทธิ์ ในการจัดตั้งรัฐบาล รวมพรรคต่าง ๆ
ให้ได้เสียง เป็นรัฐบาลข้างมาก 

ซึ่งไม่ต้องคิดครับ เขาทำได้แน่ๆ

จะได้ยังไงอ่ะหมอ ตลกละ
เพราะก้าวไกล 151 + เพื่อไทย 141 ก็ 292 แล้วนะ
และพรรคร่วมอีก 6 พรรค เป็น 310+

ถ้าใครไม่เดียงสาทางการเมือง ก็จะคิดแบบนั้นล่ะครับ

แต่คนที่รู้ บอกเลย ว่า ‘อนุทิน’ จัดการได้
ถึงเวลานั้น ก็อย่า #กรี๊ดคาบ้าน ก็แล้วกัน
เมื่อสีที่เชียร์ ๆ กัน เปลี่ยนเป็นเขียว

งูเห่าในตำนาน พรรคไหนเลื้อยมากสุด
ผมคงไม่ต้องบอกนะครับ..

จะเลื้อยกันยั๊วเยี๊ยะในสภา อีกเกือบครึ่งร้อย

และนายกรัฐมนตรี จะเป็นขั้วเดิม
แถมมีศักยภาพเพิ่ม ไม่รู้อีกกี่ปี ระหว่างนั้น
ฝ่ายเผด็จการจะเรียนรู้และแทรกแซง
ไม่ให้เกิดการแก้กฎหมาย
ซ้ำต่ออายุกฎหมายเฉพาะกาลบางอย่าง
แบบที่เขาทำกันมาแล้ว

ต่อให้ยุบสภาฯ อีก เขาก็ยังเป็นต่อ

---------------------------

นาทีนี้ พวกซอมบี้คลั่ง ช่วยเอาหัวทุบกำแพง
แล้วเอาน้ำใส่กะโหลก ชะโงกดูเงาตนเองที 
ว่าที่กรี๊ดที่โหยหวนนี้ ต้องการอะไรกันแน่

และตกลงศัตรูของพวกคุณ คือใคร?
พรรคเพื่อไทย หรือ ฝั่งเผด็จการ

เมื่อเราเดินทางมาถึงจุดที่พรรคก้าวไกล 
ไม่สามารถไปต่อได้แล้ว ในจุดนี้
เราดัน เราพยุง เราโอบอุ้มเต็มที่แล้ว

ผมก็ขอฝากให้ พรรคเพื่อไทย 
มีความเด็ดเดี่ยวเด็ดขาด และตัดสินใจอย่าลังเล
เอาประโยชน์ของประเทศ เป็นที่ตั้ง
เพราะความหวังในการโหวตนายกฯ รอบ 2
อยู่ที่การตัดสินใจของพรรคเพื่อไทย

ภารกิจตอนนี้ คือ ประชาชนทั้งประเทศ
ไม่ใช่แค่พรรคใดพรรคหนึ่ง ที่เราช่วยสุด ๆ แล้ว

หันกลับมามอง Voter เพื่อไทยที่เหนียวแน่น
พวกเขาไม่ได้เลือกท่าน มาเป็นพรมเช็ดเท้าใคร
ไม่ได้เลือกท่านมาเป็นสนามอารมณ์ของใคร

และ เขาเลือกท่านมาเป็นรัฐบาล
ไม่ใช่ฝ่ายค้าน ที่ไร้ศักยภาพ

10 เดือน ถ้ารอ เจอรัฐประหารแน่
ไม่ทางตรง ก็ทางอ้อม พวกเขาสืบอำนาจแน่ๆ
แน่นอนว่าเศรษฐกิจทุกภาคส่วน พังยับ 
ปัญหาปากท้องประชาชนจะยิ่งวิกฤติ

เด็ดขาด และเงยหน้ามองประชาชน
เลิกก้มหน้า กุมเป้า แคร์แต่มิตรปลอมๆ
ที่คอยทิ่มแทง เหยียดหยามท่านไม่เว้นวัน

อ่อ ไม่ต้องกลัวจะสูญพันธุ์
เพราะไม่ว่าครั้งนี้ หรือครั้งไหนๆ
พวกปากแจ๋ว มันก็ไม่เลือกท่าน

แคร์คนที่แคร์ และลงคะแนนให้ท่านจริงๆ
จะเกิดประโยชน์ต่อประเทศชาติมากกว่า

‘หนุ่ม’ ไม่โทษ ‘ภูมิใจไทย’ หลังสูญเสียญาติ 2 คนจากโควิด ไม่มีชาติไหนรับมือได้สมบูรณ์ ขนาดสหรัฐฯ ยังเละไม่เป็นท่า

(9 ส.ค. 66) สืบเนื่องจากเมื่อวันที่ 7 สิงหาคม 2566 ที่ผ่านมา กลุ่มทะลุวังได้เดินทางมาที่พรรคเพื่อไทย เพื่อแสดงจุดยืนต่อต้านไม่ให้พรรคภูมิใจไทยร่วมจัดตั้งรัฐบาลกับพรรคเพื่อไทย ทําให้เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยของพรรคเพื่อไทยต่างเร่งรักษาความปลอดภัย ได้นําล้อเหล็กมากั้นไว้ที่บันไดหน้าทางขึ้น โดยแก๊งทะลุวัง นําโดยสายน้ำ บุ้งทะลุวัง หยก ตะวัน และแนวร่วมไม่ถึงสิบคนเดินทางมาถึงพรรคเพื่อไทย จากนั้นได้มีการตะโกนด่าพรรคภูมิใจไทยที่มีนายอนุทิน ชาญวีรกูล เป็นหัวหน้าพรรค ว่า ‘เป็นฆาตกร’ เนื่อจากการบริหารจัดการที่ผิดพลาดในช่วงสถานการณ์โควิด-19 ในช่วงหลายปีที่ผ่านมา จนทำให้มีผู้เสียชีวิตนับหมื่นคน

ล่าสุด มีหนุ่มรายหนึ่งออกมาอัดคลิปผ่านช่อง TikTok บัญชี kittikarn_kotcharkarn โดยได้กล่าวถึงกลุ่มทะลุวัง ที่ได้แสดงพฤติกรรมต่าง ๆ ออกมา และตราหน้าพรรคภูมิใจไทย และนายอนุทิน ชาญวีรกูล หัวหน้าพรรคภูมิใจไทยว่าเป็นฆาตกร โดยระบุว่า

“พอดีเมื่อเช้าผมได้เห็นข่าวกลุ่มทะลุวัง ได้เข้าไปพูดคุยกับตัวแทนของพรรคภูมิใจไทย แล้วไปบอกว่าเขาเป็นฆาตกร เป็นพรรคฆาตกร ผมจึงอยากจะเล่าว่า ผมได้สูญเสียญาติไป 2 คนจากโควิด-19 แต่ผมก็ไม่ได้โทษพรรคภูมิใจไทย ถึงแม้ว่าการปฏิบัติงานบริหารจัดการอะไรต่าง ๆ มันควรจะดีกว่านี้ เพราะหัวหน้าพรรคภูมิใจไทยนั่งเก้าอี้สาธารณสุขอยู่ แต่ผมก็เข้าใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นว่าไม่มีชาติไหนรับมือได้เพอร์เฟคจริง ๆ สักชาติหนึ่ง ขนาดชาติที่พัฒนาแล้วอย่างอเมริกายังเละไม่เป็นท่า แถมหนักกว่าเราอีก เพราะบ้านเขาคือเอาความเสรี หน้ากากก็ไม่ใส่ อะไรก็ไม่ใส่ เละเลย…บ้านเรายังถือว่าประชาชนตื่นตัว ตื่นรู้ ซึ่งเป็นเรื่องที่น่าชื่นชมและน่ายินดี ก็เลยทำให้ผ่านมาได้” 

“แต่การที่ไปตราหน้าเขาว่าเป็นฆาตกร ซึ่งมันไม่ใช่ เขาไม่ใช่ฆาตกร ฆาตกรตัวจริงคือชาติที่คิดเชื้อนี้ขึ้นมา ผมไม่เชื่อว่าโควิด-19 จะเป็นไวรัสที่กลายพันธุ์ตามธรรมชาติ ผมเชื่อว่ามันคืออาวุธชีวภาพ ดังนั้นฆาตกรตัวจริงคือคนที่คิดมันขึ้นมา ก็ยังไม่เห็นว่าชาตินั้นน่ะจะต้องรับผิดชอบอะไร”

นอกจากนี้หนุ่มรายดังกล่าวยังได้กล่าวเพิ่มเติมว่า ในทางกลับกันขยันปล่อยให้ชาติอื่น ๆ กู้
ในช่วงเวลาที่ประเทศหลายประเทศประสบปัญหาเรื่องการเงินก็ต้องไปกู้ชาตินั้น มันกลายเป็นการช้อนซื้อประเทศแบบเลือดเย็น แล้วเรายิ่งมาเสียเวลาทะเลาะกันเองอีก ซึ่งไม่มีประโยชน์ เราควรจะร่วมมือกัน คนไทยทุกคนกินของไทย ใช้ของไทย สนับสนุนของไทย ที่เจ้าของเป็นคนไทยแท้ ๆ

“มันจะทําให้ประเทศไทยสามารถฟื้นตัวได้เร็วขึ้น เรื่องพื้นฐานเลย คือไม่อยากจะด่า ไม่อยากจะใช้คําหยาบแล้ว เพราะว่าผมอยากจะเป็นบุคคลที่มีคุณภาพ พูดในเรื่องที่มีคุณภาพมากกว่า”

อย่างที่ทราบกันดีกับสถานการณ์โควิด-19 ที่ผ่านมา ทั่วโลกก็มีการสูญเสียกันเยอะมาก หากเราเทียบสถิติการเสียชีวิตกับประเทศอื่น รวมถึงการบริหารจัดการโควิด-19 ในประเทศไทย ถือว่าประเทศไทยนั้น รับมือเกี่ยวกับการบริหารจัดการโควิด-19 ได้เป็นอย่างดีในระดับหนึ่ง ถึงขนาดที่ทาง WHO ก็มีการชื่นชมในเรื่องของการบริหารจัดการโควิด-19 ของประเทศไทย ชื่นชมว่าเป็นแชมป์ทางด้านสาธารณสุขเลยก็ว่าได้

'ช่อ' โยนบาป 'พท.' ขวางตั้งรัฐบาล เหตุไม่เอา ภท.  ทั้งที่ความเป็นจริง 'พิธา' เคยพูดเองว่าไม่เอา ภท.

(20 ส.ค. 66) มีรายงานว่า ขณะนี้มีข้อความและคำพูดของ น.ส. พรรณิการ์ วานิช ผู้ช่วยหาเสียงพรรคก้าวไกล แชร์ว่อนเน็ต หลังไปออกรายการโทรทัศน์แห่งหนึ่ง เมื่อวันที่ 2 ส.ค. ระบุถึงย้อนไปถึงเหตุการณ์ ครั้งที่ ‘พรรคก้าวไกล’ จัดตั้งรัฐบาลไม่สำเร็จ เป็นเพราะพรรคเพื่อไทย ไม่ต้องให้ พรรคภูมิใจไทย เข้าร่วมรัฐบาล ท้้งที่หากได้ 71 เสียงของพรรคภูมิใจไทย จะได้เสียง เกิน 376 เสียงเป็นนายกฯ ได้ทันที โดยไม่ต้องพึ่ง สว. พร้อมระบุว่า ถ้าเรื่องที่ตัวเองพูดไม่จริง ก็บอกมาว่าไม่จริง

ขณะที่ข้อเท็จจริงช่วงนั้น ผู้ที่ไม่เอาพรรคภูมิใจไทย ร่วมรัฐบาล ก็คือ นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกล และได้ให้สัมภาษณ์สื่อมวลชนทุกแขนงเมื่อวันที่ 15 พ.ค. หลังวันเลือกตั้ง 14 พ.ค. มั่นใจเสียงของ 8 พรรคเดิม ก่อนจะเพิ่มเป็น 312 เสียง เพราะเชื่อว่าในขณะนั้นจะได้เสียงสนับสนุนเป็นนายกฯได้ ก่อนถูกรัฐสภาโหวตคว่ำในเวลาต่อมา

'หมอชลน่าน' เห็นร่วม!! 'ภท.' ปิดช่องกัญชาสันทนาการ เล็งออกประกาศ สธ. คืนบางส่วนกลับไปเป็นยาเสพติด

(21 ก.ย.66) ที่กระทรวงสาธารณสุข นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข (สธ.) กล่าวถึงการผลักดันร่าง พ.ร.บ.กัญชา กัญชง ซึ่งล่าสุดพรรคภูมิใจไทยประกาศผลักดันร่างเดิม 94 มาตรา ว่า การเสนอกฎหมายเป็นสิทธิของ สส. ที่สามารถเข้าชื่อ 20 คนก็สามารถเสนอได้ ส่วนเสนอแล้ว สภาจะพิจารณาอย่างไรก็เป็นไปตามเสียงข้างมาก สอดรับกับนโยบายรัฐบาลหรือไม่ เพราะเสียงข้างมากเป็นนโยบายของรัฐบาล ถ้าสอดรับกัน ส่วนใหญ่กฎหมายก็ถูกขับเคลื่อนตามกลไกรัฐสภา ไปยังวุฒิสภา ตามขั้นตอน ดังนั้น พรรคภูมิใจไทยในฐานะเป็นพรรคร่วมรัฐบาลก็สามารถให้สมาชิกเสนอกฎหมายได้ เราในฐานะพรรคแกนนำก็จะเข้าไปดู เพราะมันมีความจำเป็นที่ต้องมีกฎหมายออกมารับ กำกับ ควบคุมการใช้กัญชาในขณะนี้ ส่วนใช้อย่างไรก็จะยึดตามนโยบายของรัฐบาลเป็นหลักว่า เพื่อการแพทย์และสุขภาพ ส่วนอย่างอื่นที่นอกเหนือจากนี้ คือ นอกเหนือจากนโยบาย การเอาไปใช้สันทนาการ หรือใช้ผิดประเภทถือว่านอกเหนือจากนโยบายรัฐบาล ต้องมีกฎหมายมารองรับว่า มันไม่ชอบอย่างไร

ถามว่า พรรคเพื่อไทยจะร่างกฎหมายของพรรคเข้าไปเสนอหรือไม่ หรือร่างในนามของรัฐบาล นพ.ชลน่าน กล่าวว่า เราจะดูในรายละเอียดอีกครั้ง หากเป็นไปได้ก็จะเสนอเป็นร่างของ ครม.ซึ่งจะถือเป็นความร่วมมือในเชิงนโยบายที่เราพูดคุยกันจบแล้ว

ถามต่อว่า มีความเป็นไปได้ว่าอาจจะไม่ยืนยันร่างเดิมที่เคยมีการเสนอเข้าสภา แต่ตกไปแล้ว หรือไม่ นพ.ชลน่าน กล่าวว่า คงไม่เป็นการยืนยัน แต่จะหยิบเอาร่างนั้นมาดูว่าอะไรเป็นส่วนที่ดี อะไรที่จะเติมเต็ม แทนที่จะเขียนร่างใหม่ ก็เอาร่างนั้นมาปรับแก้ ส่วนที่ภูมิใจไทยเสนอ 94 มาตราเลยนั้นเป็นสิทธิของเขาที่ทำได้ ส่วนเสนอเข้าสภาแล้วจะเอาทั้ง 94 หรือมาตราหรือไม่ หรือเอามาบางส่วนก็แล้วแต่สภา อย่างไรก็ตาม ในรัฐบาลมีการพูดคุยกันอยู่แล้ว ซึ่งภูมิใจไทยเองก็ยืนยันว่า ไม่เคยให้กัญชาเป็นสันทนาการ

ถามว่าสมัยอยู่ในสภาชุดที่แล้ว และเห็นร่างกัญชามาก่อน ยังมีช่องโหว่ในเรื่องสันทนาการอยู่ จะมีการเพิ่มตรงนี้เข้าไปในร่างใหม่หรือไม่ นพ.ชลน่าน กล่าวว่า ต้องมีวิธีการใช้ว่าจะใช้ทางการแพทย์และสุขภาพ ใช้อย่างไรมีกระบวนการควบคุมกำกับอย่างไร หากใช้ประเภทอื่นถือว่าผิดวัตถุประสงค์ของกฎหมาย จะดูว่ามีข้อห้ามอย่างไร รวมทั้งการกำหนดว่า กัญชาจะเป็นยาเสพติดได้เมื่อไร ความหมายคือ ประมวลกฎหมายยา

เสพติด เอาชื่อกัญชาออกจากยาเสพติดประเภท 5 แต่ไม่ได้บอกว่ากัญชาไม่ใช่ยาเสพติด เพียงแต่บอกว่า ถ้าจะกำหนดให้กัญชาเป็นยาเสพติดให้ไปกำหนดในประกาศกระทรวงสาธารณสุข โดยความเห็นชอบของคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด (ป.ป.ส.) ดังนั้นกัญชายังเป็นยาเสพติดอยู่ในความหมาย ยังมีสารเสพติดอยู่ ขณะนี้ประกาศนี้เขียนเฉพาะสารสกัด THC มากกว่า 0.2% ถือเป็นยาเสพติด นอกนั้นไม่เป็น พอไม่เป็น ทุกคนก็เอาไปใช้ลักษณะผิดประเภท เช่น เอาช่อดอกไปเสพ เอาใบไปพี้ พันลำ เป็นการใช้ที่มีผลต่อจิตประสาท ถือว่าเป็นการใช้ไม่ถูกต้อง ก็ต้องดูว่าปรับอย่างไร

เมื่อถามย้ำว่า ในร่างประกาศกระทรวงสาธารณสุข จะมีการเพิ่มเติมข้อกำหนดให้บางส่วนของกัญชาให้เป็นยาเสพติดหรือไม่ นพ.ชลน่าน กล่าวว่า ก็จะพิจารณากันอยู่ว่าอันไหนเหมาะสม หรือไม่เหมาะสม แต่ไม่น่าจะกลับไปเป็นยาเสพติดทั้งหมด เพราะกัญชาเพื่อสุขภาพนั้น หากไปยึดแบบเดิมจะแข็งเกินไป แค่มีกัญชา 1 ต้นอยู่ในบ้านก็ถูกจับแล้ว กลายเป็นเรื่องมือของผู้มีหน้าที่บังคับใช้กฎหมาย ประชาชนเดือดร้อน ดังนั้นเราต้องออกกฎหมายมาในลักษณะที่ทุกฝ่ายไม่เสียประโยชน์ และเป็นโทษต่อเพื่อนมนุษย์ ทุกฝ่ายต้องได้ประโยชน์จากการใช้กัญชาเพื่อสุขภาพและการแพทย์เพื่อสุขภาพ เช่น อาหารที่ผสม CBD ซึ่งได้ประโยชน์ แต่ถ้าออกกฎหมายที่เข้มเกินไปโดยไม่ดูบริบทของการใช้ก็จะส่งผลกระทบ ขณะนี้มีการริเริ่มปลูกกัญชาไปใช้ในเชิงพาณิชย์จำนวนมาก ซึ่งพาณิชย์ที่ไม่เกี่ยวกับสุขภาพก็ถือว่านอกเหนือจากเรา

เมื่อถามว่าการผลักดันกฎหมายยุคนี้จะมาปิดจุดอ่อนหรือไม่ นพ.ชลน่าน กล่าวว่า ใช่ เพราะการที่สมาชิกสภาฯ อภิปรายและไม่ให้กฎหมายนี้ผ่าน เนื่องจากยังมีช่องว่าง ถ้าปล่อยออกไปจะเหมือนไปส่งเสริม เช่นปลูกมากขึ้น ปลูก 15 ต้น การเข้าถึงมากขึ้น ถ้าไม่มีกฎหมายควบคุมที่ดีก็จะเกิดโทษ อย่างไรก็ตาม ตอนนี้เป็นหน้าที่ของเราจะมีการฟอร์มทีม และแต่งตั้งผู้เชี่ยวชาญด้านกฎหมายเข้ามาดูแล ซึ่งเป็นไปตามโครงสร้าง แต่ตอนนี้ยังไม่ได้มีการวางตัวใครมาดูแลเป็นพิเศษ

เมื่อถามต่อว่าในแนวคิดที่จะดำเนินการนี้จะไม่ขัดกับพรรคร่วมรัฐบาลอย่างภูมิใจไทยหรือไม่ นพ.ชลน่าน กล่าวว่า ไม่ขัดเพราะภูมิใจไทยก็พูดชัดอยู่แล้วว่านโยบายเขาไม่สนับสนุนการใช้สันทนาการ กัญชาเสรีไม่มี เป็นเพียงวาทกรรมที่เขาถูกโจมตี

'อนุทิน' ยัน 320 เสียงพรรคร่วมฯ หนุนดิจิทัลวอลเล็ต 10,000 แต่หากในอนาคตมีอะไรที่ไม่ชอบมาพากล ก็ต้องตรวจสอบ

(24 ต.ค.66) ที่ทำเนียบรัฐบาล นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ในฐานะหัวหน้าพรรคภูมิใจไทย กล่าวถึงกระแสพรรคร่วมรัฐบาลพยายามลอยแพพรรคเพื่อไทย หลังมีกระแสด้านลบเกี่ยวกับเงินดิจิทัล วอลเล็ต 1 หมื่นบาท ว่า ยืนยันว่าไม่มีการลอยแพ ตนเองก็ติดตามเรื่องนี้อยู่ และเชื่อว่าเมื่อถึงเวลาจะมีการหารือในที่ประชุมคณะรัฐมนตรี แต่หากในอนาคตมีอะไรที่ไม่ชอบมาพากลก็ต้องตรวจสอบ เพราะไม่เช่นนั้นจะมาเป็นนโยบายรัฐบาลไม่ได้ และเมื่อเป็นนโยบายของรัฐบาลพรรคร่วมจะต้องช่วยกันสนับสนุน แต่ก่อนจะออกเป็นนโยบายจะต้องผ่านการพิจารณาของคณะรัฐมนตรี และการตราเป็นพระราชบัญญัติ อย่างไรก็ตามเมื่อเป็นนโยบายของรัฐบาลที่นายกรัฐมนตรีได้แถลงต่อที่ประชุมรัฐสภาแล้วเราก็มีหน้าที่ในการทำให้นโยบายของรัฐบาลได้รับการผลักดัน พร้อมย้ำว่าไม่มีการลอยแพอยู่แล้ว แต่อยู่ในเรือนแพ

เมื่อถามว่า กรณีที่นายสนั่น อังอุบลกุล ประธานกรรมการหอการค้าไทย และสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย มีความเห็นว่าอยากให้เป็นการใช้เงินเฉพาะกลุ่ม จะมีผลกับเรื่องดังกล่าวหรือไม่ นายอนุทิน กล่าวว่ารัฐบาลรับฟังความคิดเห็นของทุกฝ่าย เพื่อนำมาพิจารณาว่าอะไรคือสิ่งที่เหมาะสม ตามรัฐธรรมนูญและทำได้จริง ขออย่าไปมองว่า มีนโยบายอะไรที่เป็นพิเศษขึ้นมา เพราะนโยบายนี้ถือเป็นนโยบายหลักที่พรรคเพื่อไทยใช้หาเสียงอยู่แล้ว เพราะฉะนั้นต้องมั่นใจว่าการนำไปใช้ ต้องไม่ขัดแย้งกับหลักกฎหมาย ส่วนที่ขณะนี้มีแต่เสียงวิพากษ์วิจารณ์ แต่ยังขาดเสียงสนับสนุนนั้น นายอนุทินกล่าวว่า ในส่วนของรัฐบาล 320 เสียง ต้องสนับสนุน 

เมื่อถามว่า ในฐานะคณะรัฐมนตรีหากในท้ายที่สุดนโยบายนี้มีปัญหาจะต้องรับผิดชอบร่วมกันหรือไม่ นายอนุทิน ย้ำว่า นโยบายนี้ไม่ใช่ว่าจะนำออกมาใช้ได้เลย ยังต้องผ่านขั้นตอนการพิจารณา แต่ในขณะนี้ก็ยังสนับสนุนในฐานะเป็นรัฐบาล แต่หากดูแล้วมีอะไรที่เป็นปัญหาขัดต่อรัฐธรรมนูญ ระเบียบ ก็ต้องคุยกันเพื่อหาทางออกให้ได้

'อนุทิน' ยัน 'ภท.' หนุนเต็มที่ดิจิทัลวอลเล็ต ชี้!! ผ่านขั้นครม. มาแล้ว ต้องสนับสนุน

(3 พ.ย. 66) นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ในฐานะหัวหน้าพรรคภูมิใจไทย (ภท.) ให้สัมภาษณ์กรณีนโยบายดิจิทัลวอลเล็ตถูกโจมตี ในฐานะพรรคร่วมรัฐบาลจะสนับสนุนโครงการดังกล่าวหรือไม่ ว่า พรรคร่วมรัฐบาลต้องปฏิบัติตามนโยบายของรัฐบาล ไม่อย่างนั้นจะเป็นพรรคร่วมได้อย่างไร 

อย่างกรณีนี้ถือเป็นนโยบายของพรรคแกนนำ ที่ต้องมีการหารือถึงนโยบาย งบประมาณ และวิธีการ กว่าจะมาถึงคณะรัฐมนตรี (ครม.) ต้องผ่านกระบวนการทั้งหลายมาแล้ว เรามีหน้าที่ต้องให้การสนับสนุน

'เสี่ยหนู' ลั่น!! เมินรับ 'สส.แจ้' เข้าพรรคเพื่อเติมเสียง ไม่ฉวยจังหวะเอาคู่แข่งเสริมแกร่ง เพราะไม่ใช่แนว

(7 พ.ย. 66) ที่ทำเนียบรัฐบาล นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และรมว.มหาดไทย ในฐานะหัวหน้าพรรคภูมิใจไทย (ภท.) ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีที่พรรคก้าวไกลมีมติขับนายวุฒิพงศ์ ทองเหลา สส.ปราจีนบุรี ออกจากพรรค จะรับเข้า ภท.หรือไม่ ว่า “ไม่รับครับ” เหตุผลเพราะวันนี้ ภท.ไม่ได้มีปัญหาอะไรในทางการเมือง เราก็ต้องดูเรื่องของความเหมาะสมและอะไรต่าง ๆ และในวันนี้การเมืองเปลี่ยนไปแล้ว รัฐบาลมีความเข้มแข็ง มีเสียงสนับสนุนในสภาเกือบ 320 เสียง และ ภท.ก็ใหญ่ขึ้น จากที่มี สส. 50 คน เป็น 71 คน น่าจะโอเคแล้ว อีกทั้งเราก็มี สส. ที่เคยลงแข่งกับนายวุฒิพงศ์คือ นายชยุต ภุมมะกาญจนะ อดีต สส.ปราจีนบุรี

“ถ้าเรารับนายวุฒิพงศ์มา แล้วนายชยุตจะทำอย่างไร ต้องเอาใจเขามาใส่ใจเรา ซึ่งนายชยุตอยู่กับภูมิใจไทยมาตั้งแต่ตั้งพรรคแล้ว แต่เลือกตั้งครั้งนี้เขาพลาดไป ไม่ใช่ว่าพอเขาพลาดปุ๊บ ก็เอาคู่แข่งของเขามาเป็น สส.พรรคเพื่อเติมเสียง สส. เราคงไม่ทำอย่างนั้น” นายอนุทิน กล่าว


TRENDING
© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top