Sunday, 19 May 2024
พรรคเพื่อไทย

‘เพื่อไทย’ ชู 3 นโยบาย เพื่อสตรีและผู้มีประจำเดือน มุ่งมั่นให้หญิงไทยทุกคนได้รับโอกาสอย่างเท่าเทียม

(27 เม.ย.66) พรรคเพื่อไทย ได้โพสต์ข้อความนำเสนอ 3 นโยบายเพื่อสตรีและผู้มีประจำเดือน ระบุว่า...

1.) ผ้าอนามัยฟรีถ้วนหน้า 
นโยบายสำหรับผู้มีประจำเดือนทุกคนต้องเข้าถึงสวัสดิการผ้าอนามัย รัฐฯ สามารถวางระบบแจกผ้าอนามัยผ่าน 3 ช่องทาง โดยประชาชนต้องใช้บัตรประชาชนหรือแอปพลิเคชันของรัฐในการยืนยันสิทธิ

[ ช่องทางที่ 1 ]
แจกผ่านหน่วยงานใต้การกำกับของสำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (สปสช.)

สำหรับ ประชากรนอกตลาดแรงงานรายได้น้อย, ประชากรวัยเรียนที่ไม่อยู่ในระบบการศึกษา และ ประชากรในครอบครัวยากจน คนไร้บ้าน คนข้ามชาติ ไร้สัญชาติ ที่ต้องมีประกันสังคมตามบัตรชมพูและเหลือง

จากการศึกษาพบว่า กลุ่มคนรายได้น้อย ที่เข้าไม่ถึงผ้าอนามัยเป็นกลุ่มที่ใช้สิทธิประกันสุขภาพถ้วนหน้า หรือที่รู้จักกันในชื่อ ‘บัตรทอง’ และ ‘30 บาทรักษาทุกโรค’ อยู่แล้ว อีกทั้งระบบประกันสุขภาพถ้วนหน้ายังมีหน่วยงานครอบคลุมทั่วประเทศ ได้แก่ สถานีอนามัย ร้านขายยาคุณภาพ ศูนย์เทศบาล ศูนย์สุขภาพชุมชน ศูนย์บริการสาธารณสุข โรงพยาบาลชุมชน โรงพยาบาลทั่วไป และโรงพยาบาลศูนย์

สำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติจึงสามารถรับผิดชอบการแจกจ่ายผ้าอนามัยให้แก่ประชาชนกลุ่มนี้ พร้อมให้ความรู้เรื่องสุขภาวะในคราวเดียวกัน

[ ช่องทางที่ 2 ]
แจกผ่านกระทรวงศึกษาธิการ กรมราชทัณฑ์​ กระทรวงยุติธรรม

สำหรับประชากรวัยเรียนที่อยู่ในระบบการศึกษา (ประถมศึกษาตอนปลาย–มหาวิทยาลัย) และ คนในเรือนจำ

ปัจจุบันคนในเรือนจำถูกจำกัดสิทธิเข้าถึงผ้าอนามัยเพียง 3 ชิ้นต่อเดือน ซึ่งไม่ถูกสุขลักษณะ ส่วนประชากรวัยเรียนมักมีข้อจำกัดด้านรายได้ในการซื้อผ้าอนามัยอย่างเพียงพอ ทำให้ขาดสุขอนามัยที่ดี รัฐบาลจึงจำเป็นต้องประสานงานกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ได้แก่ กระทรวงศึกษาธิการ กรมราชทัณฑ์ และกระทรวงยุติธรรม เพื่อจัดหาผ้าอนามัยแก่ประชากรวัยเรียนและคนในเรือนจำอย่างเพียงพอ

[ ช่องทางที่ 3 ]
แจกผ่านแอปพลิเคชัน

สำหรับ ประชากรวัยทำงานในระบบแรงงาน

รัฐฯ สามารถพัฒนาแอปพลิเคชันเพื่อแจกผ้าอนามัย โดยอาจพัฒนาแอปพลิเคชันใหม่ หรือใช้แอปพลิเคชันเดิมที่มีอยู่แล้ว เช่น เป๋าตังค์ โดยเพิ่มเมนู ‘กระเป๋าสุขภาพ’ ให้ประชาชนสามารถเลือกรับผ้าอนามัยได้ตามประเภทและจำนวนที่ต้องการ ได้แก่ ผ้าอนามัย 25 ซม., ผ้าอนามัย 29 ซม., ผ้าอนามัย 35 ซม., และ ผ้าอนามัย 40 ซม. ทั้งแบบมีปีกและไม่มีปีก พร้อมฟังก์ชันให้ประชาชนเลือกสถานที่และวันเวลาเข้ารับผ้าอนามัย หรือแจ้งความประสงค์ว่า ต้องการให้จัดส่งถึงบ้านโดยผู้ขอเป็นผู้รับผิดชอบค่าจัดส่ง

สามารถศึกษาข้อมูลได้ที่ กีบุ๊ก : https://bit.ly/3V9qfFi
รายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ : https://www.facebook.com/pheuthaiparty/posts/pfbid0sh5PwEWPTUKHhpbibBCruaNVTcyhWRSxCgo8CfhQ7SzZCDi1VmX47WfGCRxSn5WWl

2.) การฉีดวัคซีนมะเร็งปากมดลูกฟรี สำหรับผู้หญิงทุกคน
เนื่องจากสาเหตุการเสียชีวิตของหญิงไทยเกิดจากมะเร็งปากมดลูกเป็นอันดับ 1 พรรคเพื่อไทยได้เห็นถึงความสำคัญของสุขภาวะในเพศหญิงและมีแนวทางลดอัตราการเสียชีวิตจากมะเร็งปากกามดลูก ด้วยการฉีดวัคซีนป้องกันให้กับผู้หญิงทุกคนที่ยังไม่ติดเชื้อ HPV ให้แก่ผู้หญิงทุกคนโดยไม่เสียค่าใช้จ่าย 

3.) ยกระดับกองทุนพัฒนาบทบาทสตรี ด้วยเทคโนโลยี ให้ผู้หญิงทุกคนเข้าถึงโอกาสทางเศรษฐกิจ และการพัฒนาทักษะ

‘รศ.ปวิน’ วิเคราะห์รอบด้านท่าที ‘เพื่อไทย’  ในวันที่คนไทยอยากหลุดจากเงารัฐประหาร 

‘รศ.ปวิน’ นักวิชาการมหาวิทยาลัยเกียวโต วิเคราะห์พรรคเพื่อไทย แบบเจาะลึกถึงใจ เปิดมุมมอง กลยุทธ์การเมืองของพรรคการเมืองต่างๆ แลนด์สไลด์มีโอกาสสำเร็จ แต่อุปสรรคใหญ่ก็อยู่ที่ส่วนแบ่งคะแนนเสียงในกลุ่มตลาดเดียวกันอย่างพรรคก้าวไกล ขณะที่พรรคน้องใหม่ อย่างรวมไทยสร้างชาติ และพลังประชารัฐ ก็ไม่น้อยหน้า พร้อมแย่งชิงพื้นที่ได้ตลอดเวลา

เมื่อไม่นานมานี้ ‘รศ.ปวิน ชัชวาลพงศ์พันธ์’ นักวิชาการมหาวิทยาลัยเกียวโต ได้ให้สัมภาษณ์ถึงกลยุทธ์ของพรรคเพื่อไทย ผ่านช่อง YouTube ‘NailName’ โดย ‘เนม รติศา วิเชียรพิทยา’ มีสาระสำคัญดังนี้...

>> เมื่อถามถึงโอกาสแลนด์สไลด์ของพรรคเพื่อไทย รศ.ปวิน มองว่า โอกาสของพรรคเพื่อไทย ที่จะชนะการเลือกตั้ง 66 แบบแลนด์สไลด์นั้น มีความเป็นไปได้มาก ประการแรก เนื่องจากเทรนด์ในการเลือกพรรคการเมืองของคนไทย ในช่วงระยะเวลาที่ผ่านมา โดยมีคุณทักษิณ ชินวัตร อยู่เบื้องหลัง มักจะมีผลต่อชัยชนะทุกการเลือกตั้ง สังเกตได้ว่าไม่ว่าจะจะเป็นการเลือกตั้งใด ที่โยงกับทักษิณ พรรคนั้นๆ ก็จะยังชนะมาได้อย่างต่อเนื่อง ซึ่งส่วนหนึ่งก็คงเพราะนโยบายที่ค่อนข้างถูกจริตคนไทย

ประการต่อมา ตั้งแต่รัฐประหารปี 2557 ก็ต้องบอกตามตรงว่าประเทศไทยยังไม่หลุดออกจากระบอบเดิมเลยมาเป็นระยะเวลาเกือบ 9 ปี ซึ่งเป็น 9 ปีที่โดนครอบด้วยระบอบรัฐประหาร หรือมองอีกมุมก็คือ ระบอบทักษิณหายไปจากเมืองไทยถึง 9 ปีแล้ว และนั่นก็เริ่มสะท้อนให้เห็นว่าคนไทยทุกข์ระทมมาก ความรู้สึกของคนไทยหลายคน จึงโหยหาอยากจะก้าวออกจากระบอบการเมืองในปัจจุบัน และหวนกลับไปคว้าแนวทางการเมืองแบบของคุณทักษิณ นี่คือ 2 ประเด็นสำคัญ ที่จะทำให้พรรคเพื่อไทยได้คะแนนเสียงแบบแลนด์สไลด์

>> ขณะเดียวกันเมื่อถามถึงตัวแปรที่จะทำให้พรรคเพื่อไทยไม่แลนด์สไลด์ รศ.ปวิน ก็ได้ชี้ให้เห็น 2 ประเด็น

1.) เราไม่ควรประเมินค่า พรรคที่เกิดใหม่อย่าง รวมไทยสร้างชาติ และ พรรคพลังประชารัฐ ต่ำจนเกินไป เพราะถึงแม้รัฐบาลที่ผ่านมาจะทำความเจ็บช้ำใจให้กับคนไทยแค่ไหน แต่ก็จะยังมีคนไทยอีกส่วนหนึ่งที่พร้อมจะเลือกพรรคเหล่านี้ เนื่องจากคนกลุ่มนี้ยังมีความกลัวในระบอบทักษิณอยู่

2.) การเกิดขึ้นของพรรคก้าวไกล ที่ผันตัวมาจากพรรคอนาคตใหม่ ก็ถือเป็นอีกตัวแปรสำคัญในการดึงคะแนนเสียงของพรรคเพื่อไทยออกไป เหตุเพราะไม่มีพรรคไหนที่ชัดเจนเท่ากับพรรคก้าวไกล ซึ่งกำลังเดินตามตัวแปรที่หลายคนโหยหาการเปลี่ยนแปลงหลักของประเทศนี้ เช่น ความเปลี่ยนแปลงโครงสร้างการเมือง และการแก้ไข ม.112 ซึ่งก้าวไกลมีความแน่วแน่และชัดเจนกว่าพรรคอื่นๆ 

>> เมื่อถามว่าการเลือกเพื่อไทยให้แลนด์สไลด์ เพื่อให้เป็นไปตามหลัก Strategic Vote รศ.ปวิน มองว่า แน่นอนว่าการเลือกพรรคเพื่อไทยพรรคเดียว ซึ่งนำมาสู่สโลแกน แลนด์สไลด์ นั้น จะนำไปสู่ความเด็ดขาดทางรัฐบาลแบบพรรคไทยรักไทยที่เคยทำได้มาก่อน (One Party) ซึ่งมันจะทำให้ง่ายต่อการแก้ไข หรือปรับเปลี่ยนในรัฐสภา แต่ถ้า Vote ตามใจ โหวตกระจาย เช่น ชอบก้าวไกล ก็โหวตก้าวไกล โดยไม่สนใจในพรรคเพื่อไทยที่ถือเป็น Strategic Vote ในเชิงของพรรคที่โอกาสได้คะแนนเสียงมากที่สุดในครั้งนี้นั้น ก็มีความเป็นไปได้ว่าต่อให้พรรคเพื่อไทยจะได้เสียงมากกว่าพรรคอื่น แต่มันก็จะนำไปสู่การสร้างรัฐบาลและพรรคผสม ซึ่งมันตั้งรัฐบาลได้ก็จริง แต่เสถียรภาพก็จะง่อนแง่น ฉะนั้น สิ่งที่พรรคเพื่อไทยพยายามขายตอนนี้ จึงเป็นการขายความเชื่อมั่นที่ One Party จะเหมาะต่อการขับเคลื่อนประเทศไทยไปข้างหน้าง่ายขึ้น เรียกว่าต่อให้ใจคุณจะอยู่กับพรรคก้าวไกลก็ตาม แต่ถ้าไม่เลือกเพื่อไทย มันก็จะเกิดผลกระทบต่อ Strategicเป็นต้น 

>> อย่างไรก็ตาม เมื่อถามถึง Strategic Vote มีความจำเป็นกับประเทศไทยไหม รศ.ปวิน ย้ำชัดว่า ส่วนตัวผมไม่ซื้อ เพราะการมอบสิทธิของเราให้พรรคการเมืองหนึ่งไปแบบเบ็ดเสร็จ ผมไม่เชื่อว่าพรรคการเมืองนั้นๆ จะทำตามสิ่งที่เราต้องการ เช่น ถ้าผมอยากเห็นการแก้ไข 112 ผมก็อาจต้องโหวตให้ก้าวไกล เพราะผมไม่มั่นใจว่าอะไรจะการันตีว่า เพื่อไทยจะแก้ 112 ให้ เป็นต้น

นอกจากนี้ การให้อำนาจของประชาชนกับพรรคการเมืองใด พรรคการเมืองหนึ่ง โดยให้คุณค่าเขาสูงขนาดนั้น ซึ่งเราไม่แน่ใจว่าเขามีคุณค่าที่จะได้รับเสียงขนาดนั้นอย่างนั้นหรือไม่? มันเหมือนเราควรเอาไข่ทั้งหมดใส่ตะกร้าใบเดียวเช่นนั้นหรือ พูดง่ายๆ ก็คือ ผมไม่คิดว่ามันมีพรรคการเมืองแบบนั้น พรรคการเมืองแบบที่พร้อมตอบสนองเสียงของผู้คนในเมืองไทย จนนำไปสู่ความทุ่มเทที่จะต้องก้าวไปสู่ Strategic Vote 

แน่นอนว่า อาจจะมีบางมุมบอกกับผมว่า ถ้าไม่เลือกแบบ Strategic Vote ไม่เลือกเพื่อไทยให้แลนด์สไลด์ แล้วทหารจะกลับมานั้น ผมก็คงต้องถามกลับไปว่า แล้วถ้าเพื่อไทยแลนด์สไลด์เข้ามา จะแก้ปัญหาก่อนหน้าทั้งหมดได้หรือไม่ ปัญหาการจับตัวเยาวชน / ปัญหาการจับกุมเด็กอายุ 14 / ปัญหาการชุมนุมในที่สาธารณะ หรือปัญหาในการไม่มีสิทธิพูดเรื่องสถาบันพระมหากษัตริย์ จะหมดไปงั้นหรือ จะแก้ไขได้หรือ บางอย่างอาจจะได้ เช่น ปากท้อง ค่าไฟ เศรษฐกิจ แต่ผมถามนะว่า นี่คือ ปัญหาโดดเด่นของเมืองไทยจริงหรือเปล่า ซึ่งผมออกมานอกไทย ผมมองเห็น แล้วผมเชื่อว่าพรรคเพื่อไทยก็จะไม่แก้ปัญหาที่แท้จริงเหล่านั้น

>> เมื่อถามถึงท่าทีในการเปลี่ยนไปเปลี่ยนมาของพรรคเพื่อไทยในช่วงที่ผ่านมา รศ.ปวิน วิเคราะห์ว่า การที่พรรคเพื่อไทยยังไม่แสดงออกถึงจุดยืนในการร่วมรัฐบาล หรือไม่พูดว่าจะจับมือ ไม่จับมือกับพรรคใด ทั้งที่เรื่องบางเรื่องมันไม่ต้องดูรายละเอียด จนถึงขั้นต้องไปอ้างเสียงประชาชนนั้น มันก็คือการสร้างช่องว่างเพื่อเอื้อต่อการดีลกันฉากหลังทางการเมือง ผมบอกเลยว่าการเมืองไทย ก็คือการเมืองไทย ต่อให้คนละขั้วแค่ไหน แต่เมื่อมาถึงจุดที่ Critical เขาก็พร้อมดีลกันหลังไมค์ แต่ที่ไม่ดีลทันที ก็เพราะอาจจะไม่เวิร์ก หรือทิศทางประชาชนเปลี่ยน พรรคก็ต้องปรับแนวทางมาโน้มเอียงฟากประชาชน เช่น กรณีเพื่อไทยไม่เคลียร์ว่าจะเอาประวิตรหรือไม่เอา? พอกระแสหนักเข้า เพื่อไทยก็ต้องแสดงจุดยืน เช่น ไม่จับมือโดยทันที ก็เท่านั้นเอง แต่หลังจากนั้นบอกไม่ได้ เพราะคนพูดมีหลายคน คนนึงในพรรคเพื่อไทยพูดแบบนึง อีกคนพูดแบบนึง มันก็เป็นเรื่องของการเผื่อเหลือเผื่อขาดในการดีล ซึ่งท้ายสุดมันก็เป็นการเมือง ไม่ใช่เรื่องที่ต้องไปประณามอะไร เป็นเทคนิคในการอยู่รอดของพรรคการเมือง

‘เพื่อไทย’ เตรียมเดินสายปราศรัยภาคอีสาน 2 วัน 4 จังหวัด มุ่งทำคะแนนโค้งสุดท้าย แม้โพลสำรวจจะการันตีความนิยม

(28 เม.ย. 66) ที่พรรคเพื่อไทย (พท.) นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ ผอ.ครอบครัวเพื่อไทย แถลงถึงการลงพื้นที่ภาคอีสานของพรรคเพื่อไทย ในวันที่ 29-30 เม.ย.นี้ ว่า นายเศรษฐา ทวีสิน แคนดิเดตนายกฯ พรรคเพื่อไทย และประธานที่ปรึกษาหัวหน้าครอบครัวเพื่อไทย รวมทั้งแกนนำพรรคเพื่อไทย จะลงพื้นที่จังหวัดศรีสะเกษ, สุรินทร์, มหาสารคาม และบุรีรัมย์

โดยจะเริ่มเวทีปราศรัยที่ อ.กันทรลักษ์ และ อ.เมือง จากนั้นไปที่ อ.อุทุมพรพิสัย เสร็จจาก จ.ศรีสะเกษ 3 เวทีในช่วงบ่าย ในช่วงเย็นจะไปเปิดเวทีปราศรัยที่ อ.ท่าตูม จ.สุรินทร์ จากนั้นวันที่ 30 เม.ย.จะเริ่มเปิดเวทีปราศรัยที่ อ.พยัคฆภูมิพิสัย จ.มหาสารคาม จากนั้นไปต่อที่ อ.ละหานทราย และ อ.สตึก จ.บุรีรัมย์

‘พท.’ ชูนโยบายเชิงรุก เร่งเจรจาการค้า ตอบโจทย์เศรษฐกิจ หวังขยายฐานตลาดสินค้าไทยสู่เวทีโลก สร้างเม็ดเงินให้ชาติ

(28 เม.ย. 66) พรรคเพื่อไทยให้ความสำคัญด้านต่างประเทศที่จะเชื่อมไทยเชื่อมโลก เปิดตลาดสินค้าเกษตรใหม่ ๆ เร่งเจรจาการค้า กอบกู้เกียรติภูมิประเทศในเวทีโลก เพื่อให้ประชาชนได้ประโยชน์อย่างแท้จริง

นายนพดล ปัทมะ อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ และผู้สมัคร ส.ส.ระบบบัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย กล่าวถึงนโยบายต่างประเทศของพรรคเพื่อไทยในการเลือกตั้งครั้งนี้ว่า จะเป็นนโยบายเชิงรุกที่ตอบโจทย์เศรษฐกิจ ให้เป็นการต่างประเทศที่กินได้ เกิดประโยชน์ตกถึงมือประชาชน

ถ้าพรรคเพื่อไทยเป็นรัฐบาล จะมีแนวนโยบายดังนี้
1.) ฟื้นฟูบทบาทของไทยในเวทีโลก บนพื้นฐานของกฎบัตรสหประชาชาติ กฎหมายระหว่างประเทศและปฏิญญาสากลว่าด้วยสิทธิมนุษยชน

2.) กำหนดท่าทีของประเทศอย่างสมดุลในพลวัติภูมิรัฐศาสตร์โลก โดยไทยจะเป็นผู้ส่งเสริมสันติภาพ และความรุ่งเรืองอย่างแข็งขันในประชาคมโลก เพื่อผลประโยชน์ร่วมกันของทุกฝ่าย

3.) ปกป้องผลประโยชน์ของคนไทย และธุรกิจไทยในต่างประเทศอย่างเข้มแข็ง

4.) หนังสือเดินทางไทยแข็งแรง เดินทางง่ายได้ทั่วโลก เร่งเจรจายกเว้นวีซ่าให้พาสปอร์ตไทย

5.) นโยบายต่างประเทศที่กินได้ เชื่อมโลกเชื่อมไทย เปิดตลาด เพิ่มรายได้จากการค้าชายแดน เร่งเจรจาข้อตกลงทางการค้า FTA กับอียูและอังกฤษ ผลักดัน soft power ทางการทูตไทย และพลัง soft power ด้านอื่น ๆ ของไทย

‘เพื่อไทย’ ชูนโยบาย ‘คมนาคมไทย’

‘เพื่อไทย’ ชูนโยบาย ‘คมนาคมไทย’ ปรับราคาค่าโดยสารให้ถูกลง ยกระดับการเดินทางให้รวดเร็ว และเข้าถึงง่าย เพื่ออำนวยสะดวกสบายแก่ประชาชนทุกคน พร้อมผลักดันทันที หากได้เป็นรัฐบาล โดยมีนโยบาย ดังนี้

รถไฟฟ้า 20 บาทตลอดสาย
ยกระดับคมนาคมในต่างจังหวัด
ยกระดับรถไฟโดยสารทั่วประเทศ
ยกระดับการขนส่งโลจิสติกส์สินค้า
ยกระดับสนามบินสุวรรณภูมิให้ติดอันดับ 1 ใน 10 ของโลก

‘สวนดุสิตโพล’ เผย คนไทยนิยมพรรคการเมืองใดก่อนเลือกตั้ง ชี้ ‘เพื่อไทย’ อันดับ 1 ทิ้งห่างที่ 2 อย่าง ‘ก้าวไกล’ เท่าตัว!!

(29 เม.ย. 66) ‘สวนดุสิตโพล’ มหาวิทยาลัยสวนดุสิต สำรวจความคิดเห็นของประชาชนทั่วประเทศต่อกรณี “คนไทยนิยมพรรคการเมืองใด (ก่อนเลือกตั้ง)” ระหว่างวันที่ 10-20 เมษายน 2566 เก็บข้อมูลทางภาคสนาม จำนวน 162,454 คน เป็นเพศชาย จำนวน 74,073 คน ร้อยละ 45.60 เพศหญิง จำนวน 88,381 คน ร้อยละ 54.40 โดยมีอายุระหว่าง 18 – 30 ปี จำนวน 31,627 คน ร้อยละ 19.47 อายุ 31 – 50 ปี จำนวน 72,808 คน ร้อยละ 44.82 และอายุ 51 ปีขึ้นไป จำนวน 58,019 คน ร้อยละ 35.71

โดยสำรวจในพื้นที่กรุงเทพฯ จำนวน 13,368 คน ร้อยละ 8.23 ภาคกลาง จำนวน 43,023 คน ร้อยละ 26.48 ภาคเหนือ จำนวน 27,664 ร้อยละ 17.03 ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ จำนวน 53,865 ร้อยละ 33.16 และภาคใต้ จำนวน 24,534 คน ร้อยละ 15.10

พรรคการเมืองที่นิยมมากที่สุดในช่วงก่อนเลือกตั้ง คือ พรรคเพื่อไทย ร้อยละ 41.37 รองลงมาคือ พรรคก้าวไกล ร้อยละ 19.32 พรรคภูมิใจไทย ร้อยละ 9.55 พรรครวมไทยสร้างชาติ ร้อยละ 8.48 พรรคพลังประชารัฐ ร้อยละ 7.49 พรรคประชาธิปัตย์ ร้อยละ 7.30 พรรคไทยสร้างไทย ร้อยละ 2.41 พรรคเสรีรวมไทย ร้อยละ 1.74 พรรคชาติไทยพัฒนา ร้อยละ 1.25 และพรรค อื่น ๆ ร้อยละ 1.09

เมื่อพิจารณาจำแนกตามอายุ พบว่า กลุ่มอายุ 18-30 ปี นิยมพรรคก้าวไกลมากที่สุด ร้อยละ 50.20 กลุ่มอายุ 31-50 ปี และกลุ่มอายุ 51 ปีขึ้นไป นิยมพรรคเพื่อไทยมากที่สุด ร้อยละ 44.59 และ ร้อยละ 44.92 ตามลำดับ

เมื่อพิจารณาจำแนกตามภูมิภาค พบว่า ในพื้นที่กรุงเทพฯ ภาคกลาง ภาคเหนือ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ นิยมพรรคเพื่อไทยมากที่สุด ร้อยละ 41.99, ร้อยละ 42.11, ร้อยละ 49.24 และร้อยละ 48.92 ตามลำดับ ส่วนภาคใต้นิยมพรรคประชาธิปัตย์มากที่สุด ร้อยละ 24.20

จากผลการสำรวจครั้งนี้ ภาพรวมกระแสความนิยมของพรรคเพื่อไทยแม้จะลดลงเล็กน้อยเมื่อเปรียบเทียบกับผลการสำรวจของสวนดุสิตโพลช่วงก่อนยุบสภา แต่ก็ยังคงเป็นที่นิยมในทุกภูมิภาคแม้แต่ในภาคใต้ก็ถือได้ว่าได้รับผลตอบรับที่ไม่แย่นัก ส่วนพรรคก้าวไกลกระแสความนิยมเพิ่มขึ้นในทุกภูมิภาคก็ต้องมาติดตามกันต่อว่าจะเปลี่ยนกระแสเป็นคะแนนในวันเลือกตั้งจริงได้เท่าใด ส่วนพรรคอื่น ๆ กระแสความนิยมไม่ต่างจากเดิมมากนัก

‘เศรษฐา’ ลั่น!! พร้อมยกราคาข้าวให้สูงขึ้นเทียบ ‘รบ.ยิ่งลักษณ์’ หนุนส่งออกข้าวไทยสู่เวทีโลก ปลุก ปชช.เลือก ‘พท.’ ให้ชนะขาด

(30 เม.ย. 66) พรรคเพื่อไทย (พท.) จัดเวทีปราศรัยที่ศูนย์ประสานงานพรรคเพื่อไทย อำเภอพยัคฆภูมิพิสัย จังหวัดมหาสารคาม นำโดยนายเศรษฐา ทวีสิน แคนดิเดตนายกฯ พรรคเพื่อไทยและประธานที่ปรึกษาหัวหน้าครอบครัวเพื่อไทย, นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ แกนนำพรรค, นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ ผอ.ครอบครัวเพื่อไทย, นายพานทองแท้ ชินวัตร บุตรชายนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯ เพื่อหาเสียงให้ผู้สมัคร ส.ส.มหาสารคาม 6 เขต ประกอบด้วย

เขต 1 นพ.กิตติศักดิ์ คณาสวัสดิ์ เบอร์ 4
เขต 2 นายไชยวัฒนา ติณรัตน์ เบอร์ 7
เขต 3 นายยุทธพงศ์ จรัสเสถียร เบอร์ 9
เขต 4 นายสรรพภัญญู ศิริไปล์ เบอร์ 2
เขต 5 นายจิรวัฒน์ ศิริพานิชย์ เบอร์ 1
เขต 6 นายรัฐ คลังแสง เบอร์ 8

โดยมีประชาชนมารับฟังการปราศรัยเต็มพื้นที่แม้จะมีสายฝนโปรยปรายลงมาเป็นระยะ

นายเศรษฐา ปราศรัยว่า สมัยรัฐบาล น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร เป็นนายกฯ ราคาข้าวสูงมาก สูงกว่าที่เป็นอยู่ปัจจุบัน พี่น้องอยากให้ราคาข้าวกลับไปเป็นเหมือนเดิมหรือไม่ แน่นอนว่าราคาข้าวจะกลับมาดี ถ้าพี่น้องเลือกนายยุทธพงศ์ให้ชนะขาด ยืนยันว่าพรรค พท.จะเดินหน้าเอาข้าวไปขายทั่วโลก มีอีกหลายประเทศยังไม่รู้จักข้าวไทย ถ้าหลายประเทศสนใจ มีออเดอร์สั่งซื้อเยอะ ราคาข้าวก็จะขึ้นสูงแน่นอน พี่น้องจำไว้เลยสมัยนายกฯ ยิ่งลักษณ์ราคาข้าวดี เพราะ รมช.เกษตรฯ คือ นายยุทธพงศ์ นำมาซึ่งราคาข้าวที่เป็นที่น่าพอใจ

นอกเหนือจากราคาข้าว ปัญหาความยากจนและรายได้กลายเป็นเรื่องใหญ่ เรามีนโยบายพักต้นพักดอกให้เกษตรกร 3 ปี เราจะติมเงินให้ 2 หมื่นบาท สำหรับครอบครัวที่มีรายได้ไม่ถึง 2 หมื่นบาท ค่าแรงขั้นต่ำ 600 บาทใน 4 ปี ปีหน้าขึ้นทันที 400 บาท นอกจากนี้ยังมีนโยบายดิจิทัล วอลเล็ต ทำพรรคคู่แข่งดิ้น ออกมาบอกว่าทำไม่ได้บ้าง ผิดกฎหมายบ้าง อย่าไปเชื่อ เราทำได้แน่นอน เงินจะเข้าสู่ระบบหลายหมื่นล้าน ไม่ต้องไปรอรัฐบาลที่ไร้หัวใจ บัตรคนจนเราไม่ยกเลิก แต่เมื่อพรรคพท.มา พี่น้องจะมีแต่ความร่ำรวย ไม่ต้องพึ่งบัตรคนจน เก็บบัตรคนจนไว้เป็นที่ระลึกว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯ เคยให้ท่านไว้เพื่อเรียกพวกท่านว่า ‘คนจน’

‘เพื่อไทย’ ตะลุยสยาม ชู 70 นโยบาย ขอคะแนนคนรุ่นใหม่  อ้อน!! ใครยังไม่ตัดสินใจ ช่วยเลือกเพื่อไทยให้แลนด์สไลด์

‘มาดามนครบาล’ ตะลุยสยาม ขอคะแนนคนรุ่นใหม่ ‘อ๋อม-สกาวใจ, ก้อง-อายุน้อยร้อยล้าน’ ชู 70 นโยบายครอบคลุมอ้อนคนที่ยังไม่ตัดสินใจ เลือกเพื่อไทยให้แลนด์สไลด์

เมื่อวันที่ 30 เม.ย.66 พรรคเพื่อไทยนำทีมโดยคณะผู้บริหาร และผู้สมัคร ส.ส.คนรุ่นใหม่ อาทิ เพ็ญพิสุทธิ์ จินตโสภณ ผู้สมัคร ส.ส.กทม.เขต 2, กานกนิษฐ์ แห้วสันตติ ผู้สมัคร ส.ส.กทม.เขต1, อรรฆรัตน์ นิติพน ผู้สมัคร ส.ส.กทม.เขต 21, สกาวใจ พูนสวัสดิ์ ผู้สมัคร ส.ส.กทม.เขต 13, พลภูมิ วิภัติภูมิประเทศ ผู้สมัคร ส.ส. กทม.เขต15, ลีลาวดี วัชโรบล ผู้สมัคร ส.ส.กทม.เขต 2, จิรวัฒน์ อรัณยกานนท์ ผู้สมัคร ส.ส.กทม.เขต 31, และ วิพุธ ศรีวะอุไร ส.ก.เขตบางรัก ชญาดา วิภัติภูมิประเทศ รองประธานสภา กทม.และ สก.เขตคันนายาว พรรคเพื่อไทย ลงพื้นที่หาเสียงพบปะประชาชนที่บริเวณลานหน้าร้านสีฟ้า ตรงข้ามสยามสแควร์วัน ซึ่งได้รับความสนใจจากประชาชน โดยเฉพาะกลุ่มวัยรุ่นที่เดินทางสัญจรไปมาเป็นอย่างมาก 

พวงเพ็ชร ชุนละเอียด กล่าวว่า หลังจากได้เดินสยามสแควร์วันนี้ ทำให้เห็นว่าคนรุ่นใหม่มีความตื่นตัวทางการเมือง เขามีความสามารถหลากหลาย เราจึงมาประชาสัมพันธ์ว่า พรรคเพื่อไทยคือพรรคของคนทุกรุ่นทุกวัย เรามีนโยบายมากกว่า 70 ข้อ ที่ให้ความสำคัญ โดยเฉพาะกับคนรุ่นใหม่ ที่พร้อมจะส่งเสริมความกล้าแสดงออกความสามารถและเสริมทักษะตามความถนัดอย่างมีศักยภาพ

ด้าน สกาวใจ พูนสวัสดิ์ กล่าวว่า ขอคนรุ่นใหม่พิจารณานโยบายของพรรคเพื่อไทย เพราะการเลือกตั้งครั้งนี้เป็นการเลือกตั้งเชิงยุทธศาสตร์ ต้องมองว่าพรรคไหนที่จะเข้าไปเป็นรัฐบาลแล้วมีศักยภาพในการจัดตั้งรัฐบาลได้ โดยไม่ต้องรวมกับพรรคอื่น นอกจากพรรคที่เป็นฝ่ายประชาธิปไตย ยืนยันว่า พรรคเพื่อไทยจะไม่จับขั้วกับพรรคที่มาจากเผด็จการอย่างแน่นอน และอยากขอให้คนรุ่นใหม่ช่วยกันคิดว่า เลือกพรรคไหนแล้วจะสามารถสกัดอำนาจ 3 ป.ได้อย่างแท้จริง เพราะหากวันนี้เรายังแบ่งใจไปเลือกพรรคใดพรรคหนึ่ง หรือไปเลือกพรรคอื่น โดยไม่เลือกพรรคเพื่อไทยให้แลนด์สไลด์ ประเทศไทยอาจจะต้องกลับไปอยู่ภายใต้อำนาจของ 3 ป.อีกอย่างแน่นอน

'พงศ์กวิน-ดร.ตั้น' นำทัพ 'เพื่อไทย' ลุยหาเสียงพื้นที่บางแค ลั่น!! พท.เข้าสภาเกิน 310 เสียง ปักหมุด กทม.25 ที่นั่ง

'พงศ์กวิน จึงรุ่งเรืองกิจ' ลุยหาเสียงโค้งสุดท้าย ลงพื้นที่เขตบางแค ประกาศ พรรคเพื่อไทยแลนด์สไลด์ เกิน 310 เสียง! กทม. กวาด ส.ส. เกิน 25 คน แน่นอน!

'โซนบางแค' ถือเป็นอีกสนามเลือกตั้งที่ขับเคี่ยวกันอย่างหนัก โดยมีผู้สมัคร ส.ส.จากพรรคเพื่อไทยที่น่าจับตาและถือว่ามีฐานเสียงจำนวนมากในย่านนี้

เมื่อวันที่ 1 พ.ค. 2566 ตลาดพลอยทะเลโรงท่อ แขวงบางไผ่ เขตบางแค นายพงศ์กวิน จึงรุ่งเรืองกิจ ผู้ลงสมัคร ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย ลงพื้นที่ตลาดพลอยทะเลโรงท่อและขึ้นเวทีปราศรัย พร้อม ดร.ตั้น กฤชนนท์ อัยยปัญญา ผู้ลงสมัคร ส.ส.เขตเลือกตั้งที่ 29 เบอร์ 9 ภายใต้การต้อนรับจากคนในพื้นที่อย่างอบอุ่น

นายพงศ์กวิน กล่าวว่า "การพบปะและทักทายพ่อค้าแม่ค้า และประชาชนในครั้งนี้ ไม่ใช่แค่การมาหาเสียง แต่เป็นการมารับฟังเสียงของประชาชน ว่าต้องการให้ช่วยเหลืออะไร ซึ่งประชาชนจำนวนมากได้เข้ามาทั้งพูดคุยและฝากเรื่องมากับพรรคเพื่อไทยเป็นจำนวนมาก ซึ่งหากผู้สมัครฯ ในพื้นที่นี้ได้มีโอกาสเข้ามารับใช้พี่น้องประชาชน ขอให้มั่นใจได้ว่าจะดูแลและจัดการทุกปัญหาอย่างแน่นอน เพราะเดิมทีนั้น ท่านดร.ตั้น ผู้สมัคร ส.ส.ในเขตนี้ ก็ทำหน้าที่เสมือน ส.ส.พื้นที่แม้จะไม่ได้เป็น ส.ส.มาอย่างต่อเนื่องตลอด 4 ปีที่ผ่านมาอยู่แล้ว"


TRENDING
© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top