Sunday, 6 July 2025
พรรคเพื่อไทย

'พรรคเพื่อไทย' เปิดตัวเว็บไซต์ แนะนำข้อมูลแบบครบจบ 'ผู้สมัคร ส.ส.เขต-บัญชีรายชื่อ-แคนดิเดตฯ ทั้ง 3 คน'

(11 เม.ย.66) พรรคเพื่อไทย โพสต์ข้อความแนะนำเว็บไซต์ใหม่ ว่า...

ผู้สมัคร ส.ส. เพื่อไทย แถวบ้านเราเป็นใคร เบอร์อะไรกันนะ แล้วแคนดิเดตนายกฯ เพื่อไทย เป็นใครกันบ้าง

เช็กได้แล้วที่นี่!

พรรคเพื่อไทยเปิดตัวเว็บไซต์ให้ประชาชนเข้าไปทำความรู้จักผู้ลงสมัครรับเลือกตั้ง ส.ส. ทั้งแบบเขตและแบบบัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย รวมถึงแนะนำแคนดิเดตฯ ทั้ง 3 คน ค้นหาได้ง่ายๆ ตามขั้นตอนต่อไปนี้

1) เข้าเว็บไซต์ https://candidate.ptp.or.th
2) ค้นหาผู้สมัคร - เลือกจังหวัด และ เขต/อำเภอ หรือ พิมพ์ ชื่อ-นามสกุล

เพียงเท่านี้ก็จะเจอข้อมูลผู้สมัครในเขตบ้านตัวเองว่าผู้สมัคร ส.ส. เพื่อไทย เขตบ้านเราเป็นใคร เรียนจบที่ไหน เคยทำงานอะไรมาบ้าง พร้อมบอกเบอร์ผู้สมัคร ส.ส. แบบเขต ให้พี่น้องได้พิจารณา

กำปากกาไว้ให้แน่น ท่องให้ขึ้นใจ #เลือกเพื่อไทยทั้งคนทั้งพรรค


14 พ.ค. นี้ กา ส.ส. เขตบ้านท่าน
คู่กับเบอร์ 29 พรรคเพื่อไทยได้เลย
 

ฟิล์ม' แจง 'บัตรลุงป้อม700' ช่วยตรงเป้าไม่หว่านมั่ว ชี้!! มีที่มาของเงินชัดเจน แตะงบไม่ถึง 2 แสนล้านต่อปี

(13 เม.ย.66) จากการที่นายเศรษฐา ทวีสิน ประธานที่ปรึกษาหัวหน้าครอบครัวเพื่อไทย และแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีของพรรคเพื่อไทย ได้กล่าวพาดพิงถึงนโยบายบัตรประชารัฐ 700 บาท หรือบัตรลุงป้อม ของพรรคพลังประชารัฐ ที่นายเศรษฐา กล่าวว่าใช้เงินงบประมาณมากถึง 8 แสนล้านบาทนั้น นายรัฐภูมิ โตคงทรัพย์ หรือฟิล์มผู้สมัคร ส.ส. เบอร์ 1 เขต 22 สวนหลวง ประเวศ ของพรรคพลังประชารัฐก็ได้ออกมาตอบโต้โดยระบุว่า ไม่น่าเชื่อว่าคนระดับนายเศรษฐา ทวีสิน แคนดิเดตนายกรัฐมนตรีของพรรคเพื่อไทยนั้นจะออกมาให้ข้อมูลที่ผิดพลาดคลาดเคลื่อนได้อย่างสิ้นเชิง 

โดยประการแรกบัตรประชารัฐนั้น จะเป็นสวัสดิการที่ดูแลคนไทยผู้เข้าหลักเกณฑ์ประมาณจำนวน 14 ล้านคน ไม่ใช่ 20 ล้านคน โดยตัวเลข 20 ล้านคนนั้นคือตัวเลขของผู้ที่ลงทะเบียนทั้งหมด แต่หลังจากที่หน่วยงานราชการได้ทำการคัดกรองแล้วพบว่ามีผู้ที่ผ่านคุณสมบัติเบื้องต้นเพียงประมาณ 14 ล้านคนเท่านั้น จากการวางหลักเกณฑ์ที่รัดกุม ยกตัวอย่างเช่นจะไม่ได้ดูเฉพาะตัวผู้ที่มาลงทะเบียนเท่านั้น แต่จะต้องดูรายได้รวมของคนในครอบครัวด้วย และผู้ที่จะมีสิทธิ์ได้รับการช่วยเหลือนั้นก็จะต้อง เป็นผู้ที่อยู่ใต้เส้นความยากจน หรือก็คือจะต้องมีรายได้ต่ำกว่า 1 แสนบาทต่อปี แตกต่างกับทางพรรคเพื่อไทยที่แจกทุกคนที่มีอายุตั้งแต่ 16 ปีขึ้นไป ไม่วาจะมีรายได้น้อยหรือคนรวยก็ได้หมด 

ซึ่งทางพรรคพลังประชารัฐก็ได้คำนวณมาแล้ว การดูแลในส่วนนี้ จะใช้งบประมาณอยู่ที่ 9,800 ล้านบาทต่อเดือน หรือไม่ถึง 2 แสนล้านบาทต่อปี และเป็นการใช้เงินแบบทยอยใช้ มิใช่จ่ายหมดในครั้งเดียวจึงไม่มีปัญหาในเรื่องของการตั้งงบประมาณ โดยงบประมาที่ใช้นั้นก็จะนำมาจาก กองทุนประชารัฐสวัสดิการเพื่อเศรษฐกิจฐานรากและสังคม

‘จุลพันธ์-วิสาระดี’ ขออาสากระจายเศรษฐกิจที่ดี ให้ทั่วทุกพื้นที่ ชี้!!อยากให้คนไทยอยู่กับครอบครัวทุกวัน

(14 เม.ย. 66) เฟซบุ๊ก ‘พรรคเพื่อไทย’ ได้โพสต์ประกาศขออาสาสร้างเศรษฐกิจ ที่นำพาความเจริญมาสู่คนไทยแบบกระจายไปทุกพื้นที่ ไม่ใช่แค่เมืองหลวง หวังอยากทำให้ปชช. ได้อยู่กับครอบครัว โดยระบุว่า

วันครอบครัวต้องไม่ใช่แค่เทศกาล พี่น้องคนไทยต้องมีโอกาสใช้ชีวิตและทำงานที่บ้านเกิด มีวันครอบครัวได้ทุกวัน

ที่ผ่านมาประเทศไทยพึ่งพากรุงเทพฯ เป็นเขตเศรษฐกิจหลักมาโดยตลอด ความเจริญจึงกระจุกตัว มีเพียงกรุงเทพฯ ที่มีโครงสร้างพื้นฐานพรั่งพร้อมสำหรับการทำธุรกิจ ตลาดแรงงานในเมืองหลวงของประเทศจึงเติบโตและมีความหลากหลายทางอาชีพมากกว่าจังหวัดอื่นๆ 

เมื่อไม่มีโอกาสหารายได้ที่บ้านเกิด คนวัยทำงานจากทุกภาคของประเทศไทยจึงจำเป็นต้องโยกย้ายพลัดถิ่นไปแออัดกันอยู่ที่กรุงเทพฯ เพื่อหารายได้มาจุนเจือครอบครัว เกิดเป็นปัญหาอื่นๆ ตามมา เช่น ท้องถิ่นสูญเสียคนคุณภาพที่สามารถขับเคลื่อนเศรษฐกิจและทำงานพัฒนาพื้นที่บ้านเกิด และที่สำคัญ หลายครอบครัวสูญเสียโอกาสที่จะได้อยู่กันอย่างพร้อมหน้า จะเจอกันได้ก็เพียงช่วงเทศกาลสำคัญอย่างสงกรานต์เท่านั้น

จุลพันธ์ อมรวิวัฒน์ ผู้สมัคร ส.ส.เชียงใหม่ เขต 5 เบอร์ 7 เห็นปัญหานี้จากการลงพื้นที่พบปะประชาชนมาโดยตลอด “พี่น้องเขาจะชอบพูดกัน ถ้าไปหางานทำที่กรุงเทพฯ จะมีตัวเลือกกว่า 50 ทาง แต่ถ้าหาที่บ้านเกิดเขาจะมีเหลือเพียงแค่ 5 ทางเท่านั้น น่าเสียดายที่บางจังหวัดอย่างเชียงใหม่หรือเชียงรายมีสถาบันการศึกษาคุณภาพที่ผลิตบัณฑิตเก่ง ๆ เยอะมาก แต่ตลาดแรงงานในพื้นที่ไม่เพียงพอ ไม่มีงานรองรับ” 

ปัญหาการพลัดถิ่นไปทำงานที่อื่นและต้องแยกจากครอบครัวเป็นสิ่งที่ วิสาระดี เตชะธีราวัฒน์ ผู้สมัคร ส.ส.เชียงราย เขต 4 เบอร์ 4 พบเห็นในพื้นที่จังหวัดเชียงรายเช่นกัน แต่ทั้งจุลพันธ์และวิสาระดีเชื่อมั่นในหลักการเดียวกันว่า ความอบอุ่นและความเข้มแข็งของครอบครัวคือรากฐานความสำเร็จของบุคลากรและชุมชน ในการลงสมัครรับเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรคราวนี้ ทั้งสองจึงตั้งใจผลักดันนโยบาย “เขตธุรกิจใหม่” (New Business Zone) ให้เกิดขึ้นจริง โดยเฉพาะในหัวเมืองที่มีศักยภาพที่จะเติบโตได้ เช่น เชียงใหม่ ขอนแก่น สงขลา และอุดรธานี

วิสาระดีกล่าวด้วยว่า การสร้างงานและกระตุ้นเศรษฐกิจในชุมชนคือทางออกของปัญหาคุณภาพชีวิตและหนี้สินในครัวเรือน “ผู้เฒ่าผู้แก่หลาย ๆ ครอบครัวในต่างจังหวัดมีหน้าที่เลี้ยงเด็กเพียงลำพัง รุ่นไหนโตก็ส่งเข้าไปทำงาน เด็กเกิดมาก็ส่งกลับมาให้เลี้ยง ไม่ใช่ว่าเขาไม่รักลูก แต่สังคมไม่เอื้อให้ครอบครัวได้อยู่อย่างพร้อมหน้า งานในจังหวัดไม่สามารถให้รายได้ที่พวกเขาสามารถเลี้ยงครอบครัวได้อย่างมีศักดิ์ศรี เราอยากให้ประชาชนได้อยู่กันพร้อมหน้า มีรายได้เพียงพอต่อการใช้ชีวิต และมีคุณภาพชีวิตที่ดี”

การสนับสนุนเศรษฐกิจท้องถิ่นเป็นไปได้ด้วยวิสัยทัศน์ที่ “คิดใหญ่ ทำเป็น” แบบพรรคเพื่อไทย “เขตธุรกิจใหม่” เป็นไปได้แน่นอน โดยเริ่มต้นจากการ “สร้าง” 3 ข้อต่อไปนี้ 

1. สร้างกฎหมายเกื้อหนุนผู้ประกอบการ
กฎหมายดั้งเดิมจำนวนมากเป็นอุปสรรคต่อการทำธุรกิจเชิงพาณิชย์และอุตสาหกรรม ต้องแก้ไขด้วยการออกกฎหมายใหม่ที่เหมาะสมกับยุคสมัยและเงื่อนไขการทำธุรกิจในปัจจุบันมากขึ้น ไม่ว่าจะเป็นกฎหมายการเข้าสู่ธุรกิจ กฎหมายแรงงาน กฎหมายป่าไม้ กฎหมายอุทยาน กฎหมายการโรงแรมและการท่องเที่ยว มีระบบ One Stop Service เพื่อให้พี่น้องประชาชนเข้าถึงง่ายดาย สามารถเปิดธุรกิจใหม่ได้โดยใช้เวลาน้อยที่สุด 

2. สร้างแรงจูงใจให้ผู้ประกอบการ
เปิดคลังข้อมูล Open Data ให้ทุกคนสามารถเข้าถึงความรู้ของธุรกิจใหม่ๆ ไปต่อยอดศักยภาพพัฒนาธุรกิจดั้งเดิมที่มีอยู่ ไม่ว่าจะเป็นสินค้าเกษตรหรือสินค้าทางวัฒนธรรม คนที่เคยออกไปทำงานนอกจังหวัดสามารถเห็นลู่ทาง เห็นโอกาสที่มากกว่าคนอื่นในการกลับมาลงทุนทำธุรกิจ สร้างงานสร้างอาชีพที่จังหวัดบ้านเกิด มีนโยบายที่ช่วยสนับสนุนในการเข้าถึงทุนจากรัฐ สร้างแต้มต่อให้ผู้ประกอบการไทยสามารถแข่งขันกับธุรกิจต่างชาติในตลาดเดียวกันได้อย่างทัดเทียม 

‘เศรษฐา’ นำทัพ 'เพื่อไทย' จิบน้ำชา-ทานปาท่องโก๋ พบปะประชาชน ที่ตลาดเช้า 'หัวหิน-ปราณบุรี'

(14 เม.ย.66) นายเศรษฐา ทวีสิน แคนดิเดตนายกรัฐมนตรี พรรคเพื่อไทย, จักรพงษ์ แสงมณี กรรมการบริหารพรรค, ลิณธิภรณ์ วริณวัชรโรจน์ รองเลขาธิการ, สุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ และ ขัตติยา สวัสดิผล ผู้สมัคร ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย พร้อมด้วยผู้สมัคร ส.ส.ประจวบคีรีขันธ์ พรรคเพื่อไทย ได้แก่ วัชรพล ปลั่งศรีสกุล เขต 1 เบอร์ 2, พรเทพ วิสุทธิ์วัฒนศักดิ์ เขต 2 เบอร์ 4 และจีราวัฒน์ กำบัง เขต 3 เบอร์ 1 เดินทางไปตลาดเช้าหัวหิน อ.หัวหิน และ ตลาดปราณบุรี แยกปราณบุรี อ.ปราณบุรี จ.ประจวบคีรีขันธ์  เพื่อพบปะพ่อค้าแม่ค้า พี่น้องประชาชน และนักท่องเที่ยว

พร้อมแวะทานอาหารเช้า พร้อมซื้อหมูปิ้งร้านโปรดของเศรษฐา ทวีสิน ที่แวะทานเป็นประจำเวลามาหัวหิน โดยบรรยากาศการเดินตลาดทั้งตลาดเช้าเป็นไปอย่างคึกครื้น มีประชาชนมอบดอกไม้ให้เศรษฐาเพื่อเป็นกำลังใจ และขอถ่ายภาพกับเศรษฐาตลอดทาง

‘ชุมสาย ศรียาภัย’ ล่องใต้ติวผู้สมัคร 14 จังหวัด 60 เขตหาเสียง ชี้!! กระแสพรรคในภาคใต้แรงมาก เชื่อ ได้ ส.ส.หลายเขตแน่นอน

(17 เม.ย.66) นายชุมสาย ศรียาภัย รองเลขาธิการพรรคเพื่อไทย ลงพื้นที่ปราศรัยย่อยช่วยเหลือผู้สมัคร ตลอดจนให้ความรู้ทางกฎหมายเลือกตั้งและวิธีการป้องกันการโกงเลือกตั้ง และช่วยงานปราศรัยย่อยแก่ผู้สมัครและทีมงาน เป้าหมายจะไปให้ครบทั้ง 60 เขต 14 จังหวัดภาคใต้ โดยเริ่มเดินทางตั้งแต่วันที่ 8 เมษายน 2566 พบว่าพรรคเพื่อไทยได้รับการตอบรับจากประชาชนภาคใต้สูงเป็นอย่างมาก อย่างที่ไม่เคยปรากฏมาก่อน

จากการพบปะพ่อแม่พี่น้อง พบว่าให้การสนับสนุนผู้สมัคร ส.ส.ของพรรคเพื่อไทยได้ทำงานบริหารประเทศ เพื่อยกระดับคุณภาพชีวิตของพี่น้องประชาชนให้ดีขึ้น ตามนโยบายต่างๆที่ได้ประกาศไว้ ซึ่งชาวบ้านเชื่อว่าเป็นนโยบายที่ทำได้จริง เคยทำได้ดีมาแล้วในอดีต ในหลาย ๆ นโยบาย โดยเฉพาะอย่างยิ่ง นโยบายกระเป๋าเงินดิจิทัล 10,000 บาทสำหรับคนไทย อายุ 16 ปีขึ้นไป นโยบายเรื่องค่าแรงขั้นต่ำ 600 บาท/วัน และเงินเดือนสำหรับผู้จบการศึกษาปริญญาตรี 25,000 บาท/เดือน นโยบายเรื่องการเพิ่มราคาผลผลิตทางการเกษตร เอาจริงเอาจังกับการแก้ปัญหายาเสพติด ที่ระบาดรุนแรงมาก และนโยบายการแก้ปัญหาเรื่องที่ดินทำกิน เป็นต้น

นายชุมสาย กล่าวต่อว่า โครงการดังกล่าว ได้รับความร่วมมือจากผู้สมัครของพรรคเป็นอย่างดีเพราะเป็นการประสานงาน และเสริมกันระหว่างพรรคและผู้สมัครในพื้นที่ ทำให้การทำงานในภารกิจเลือกตั้ง เชื่อมโยงและไปในทางเดียวกันกับพรรค และเพื่อทราบปัญหาและอุปสรรคในการทำงานในพื้นที่ เพื่อจะได้นำเสนอพรรคเพื่อหาทางแก้ไขต่อไป

'ศิลัมพา' ถาม 'เศรษฐา' หมดมุกหรือถึงเหยียดลุงตู่เรื่องภาษาอังกฤษ ย้อนเจ็บ ยิ่งลักษณ์ 'แท้งกิ้วทรีไทม์' แบบนี้คือดีใช่ไหม?

(18 เม.ย.66) น.ส.ศิลัมพา เลิศนุวัฒน์ ผู้สมัครส.ส กทม. เขต 24 พรรครวมไทยสร้างชาติ ได้กล่าวถึงกรณีที่นายเศรษฐา ทวีสิน  แคนดิเดตนายกรัฐมนตรี ของพรรคเพื่อไทย ได้กล่าวโจมตีพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา เรื่องเกี่ยวกับภาษาอังกฤษว่า ที่ไม่ได้หาตลาดใหม่ๆ ในต่างประเทศ ตนเห็นข่าวนี้แล้วก็แทบไม่เชื่อ หูตัวเอง ว่าคนพูดจะเป็นถึงแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีของพรรคเพื่อไทย 

เพราะเรื่องแบบนี้ ไม่ใช่สาระสำคัญของการที่จะมาเป็นผู้นำประเทศ เพราะนายเศรษฐา ที่เป็นนักธุรกิจบริหารองค์กรใหญ่โต ย่อมจะต้องทราบดีว่า ผู้นำประเทศต่างๆ ที่มีภาษาเป็นของตนเอง เวลาไปเจรจากับประเทศอื่นๆ ก็จะใช้ภาษาของตนเอง ซึ่งแสดงถึงความภูมิใจในเอกลักษณ์ของชนชาติตนเอง โดยจะมีล่ามทำหน้าที่สื่อความหมาย กับอีกฝ่ายหนึ่ง ซึ่งเรื่องแบบนี้เป็นเรื่องปกติธรรมดามาก ไม่ได้เป็นปัญหาในการเจรจา การค้าหรือการสร้างความสัมพันธ์กับต่างประเทศแต่อย่างใด ไม่ว่าจะเป็นผู้นำจากจีน, อินเดีย, ญี่ปุ่น, เยอรมนี, รัสเซีย หรือประเทศในตะวันออกกลาง ผู้นำเขาก็ใช้ภาษาของตนเองทั้งสิ้นเวลาไปเจรจา กับมิตรประเทศต่างๆ

การที่นายเศรษฐาหยิบยกประเด็นเรื่องความสามารถ ในการใช้ภาษาอังกฤษของพลเอกประยุทธ์ มาเป็นประเด็นโจมตีทางการเมืองว่าเป็นสาเหตุสำคัญที่ทำให้ไม่สามารถ ไปเปิดตลาดการค้าใหม่ๆ ได้ ซึ่งการเชื่อมโยงเรื่องภาษากับเรื่องการเปิดตลาดการค้า ก็ไม่ได้เป็นเหตุเป็นผลต่อกันแต่อย่างใด เพราะจากความเป็นจริงที่ปรากฏ ก็จะพบว่าในยุคของพลเอกประยุทธ์นั้น เดินทางไปเจริญสัมพันธ์ทำไมตรีและเจรจาการค้ากับประเทศต่างๆ มากมาย

'เสธ.หิ' ฟาด 'เศรษฐา' หลังบิดเบือนข้อมูล 'บิ๊กตู่' ไม่สนใจทุกข์ปชช. ลั่น!! วาทกรรมยุคเก่าใช้ไม่ได้ผล ยุคนี้ปชช. ค้นข้อมูลเป็น

'ดร.หิมาลัย' ฟาด 'เศรษฐา' ไม่ยั้ง บิดเบือนข้อมูล ไม่เอาความจริงมาพูด เหตุใส่ความบิ๊กตู่ไม่สนใจทุกข์ประชาชน ชี้!! วาทกรรมยุคเก่าใช้ไม่ได้ผล ยุคนี้ประชาชน ค้นข้อมูลเป็น

(18 เม.ย.66) จากกรณีที่สื่อมวลชนสอบถามนายเศรษฐา ทวีสิน แคนดิเดตนายกรัฐมนตรี พรรคเพื่อไทย เกี่ยวกับนโยบายให้เงินเดือนละ 1,000 บาท 12 เดือน กับของเพื่อไทยที่ให้เงินดิจิทัล 10,000 บาท นายเศรษฐา ได้ตอกกลับว่า “ท่านคิดว่าตลอดเวลาที่ท่านอยู่มา 8 ปี ประชาชนทุกกลุ่มไม่ได้เดือดร้อนไปหัวระแหงหรอ ก็ขอให้กลับไปดูหน่อย พยายามได้ยินเสียงที่ไม่อยากได้ยินบ้าง ท่านจะได้เข้าใจถ่องแท้ถึงความทุกข์ยากของพี่น้องประชาชน” 

ล่าสุด ดร.หิมาลัย ผิวพรรณ ผู้ประสานงานพรรครวมไทยสร้างชาติ ได้ออกมาตอบโต้นายเศรษฐา ถึงประเด็นนี้ว่า "เวลาคุณเศรษฐาออกมาพูดโจมตีท่านพล.อ.ประยุทธ์ มักจะพูดในสิ่งที่ไม่มีรายละเอียดที่ชัดเจน ไม่มีแหล่งอ้างอิง พูดเกินเลยความเป็นจริงไปมาก ที่พูดว่าอยู่มา 8 ปี ประชาชนทุกกลุ่มเดือดร้อนไปหัวระแหง ตนต้องชี้แจงเรื่องนี้ว่าก็มีความจริงบางส่วน เช่น สถานการณ์โควิด19 แต่ไม่ได้มีเพียงแค่ประเทศไทยเท่านั้นที่เดือดร้อน ประเทศอื่นทั่วโลกก็พบเจอ

"ท่านพล.อ.ประยุทธ์ ไม่เคยนิ่งนอนใจที่เห็นประชาชนทุกข์ยากในเวลานั้น ท่านได้รีบสั่งการทันที โดยจัดตั้งศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด19) ทำให้ตัวเลขผู้ป่วยทยอยลดลง อีกทั้งท่านยังรีบระดมฉีดวัคซีนอย่างต่อเนื่องในกลุ่มผู้ป่วยโรคเรื้อรังและผู้สูงอายุ ทำให้ตัวเลขผู้ป่วยติดเชื้อค่อยๆ ลดลงเช่นกัน

"ส่งผลให้หลายฝ่ายต่างชื่นชมการทำงานของรัฐบาล ในการต่อสู้กับสถานการณ์โควิด19 ของประเทศไทย เช่น คุณอีริค เจฟฟรีย์ โทพอล แพทย์โรคหัวใจชาวอเมริกัน ก็ได้ยกย่องประเทศไทยเป็น 1 ใน 5 ประเทศ ที่ประสบความสำเร็จในการควบคุมการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด19 หรือ องค์การอนามัยโลก 

"หรือแม้แต่ WHO ก็ได้ยกย่องประเทศไทย ในฐานะ 'แชมป์เปี้ยน' ซึ่งมีการเตรียมความพร้อมด้านระบบสาธารณสุข ไปจนถึงการวางระบบดูแลสุขภาพประชาชนแบบถ้วนหน้า (Universal Health and Preparedness Review (UHPR)) ไว้อย่างยอดเยี่ยม นี่เป็นเครื่องยืนยันว่าท่าน พล.อ.ประยุทธ์ ไม่เคยนิ่งนอนใจที่เห็นประชาชนทุกข์ยาก ตามที่คุณเศรษฐาออกมาพูดเลย ว่าท่านไม่เข้าใจถ่องแท้ถึงความทุกข์ยากของพี่น้องประชาชน" 

ร้อยเอ็ด…บรรยากาศ คนร้อยเอ็ดแห่ตะโกนเชียร์ ‘เศรษฐา ทวีสิน’ ให้เป็นนายกรัฐมนตรีคนที่ 30 หลังนำทีมเพื่อไทยชุดใหญ่ ลงพื้นที่อีสานปราศรัยวันนี้

วันนี้ (18 เมษายน 2566) เวลา 08.30 น.  ที่อำเภอเมือง จังหวัดร้อยเอ็ด พรรคเพื่อไทย นำโดย เศรษฐา ทวีสิน ประธานคณะที่ปรึกษาหัวหน้าครอบครัวเพื่อไทย และแคนดิเดตนายกรัฐมนตรี พรรคเพื่อไทย พร้อมด้วย เสริมศักดิ์พงษ์พานิช รองหัวหน้าพรรค สุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ ผู้สมัคร ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย พานทองแท้ ชินวัตร ที่ปรึกษาศูนย์ปฏิบัติการการเลือกตั้งพรรคเพื่อไทย ลิณธิภรณ์ วริณวัชรโรจน์ รองเลขาธิการพรรคเพื่อไทย และรักษาการโฆษกพรรค ณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ ผู้อำนวยการครอบครัวเพื่อไทย ขัตติยา สวัสดิผล ผู้สมัคร ส.ส.บัญชีรายชื่อพรรคเพื่อไทย เดินทางพร้อมคณะมาถึง สนามบินร้อยเอ็ด เพื่อเดินทางไปปราศรัยใหญ่ภาคอีสานเป็นวันแรก

โดยทันทีที่คณะของพรรคเพื่อไทยเดินทางมาถึง มีผู้สมัคร ส.ส.ร้อยเอ็ดพรรคเพื่อไทย ประกอบด้วย สถาพร ว่องสัธนพงศ์ เขต1 เบอร์ 3, ฉลาด ขามช่วง เขต 2 เบอร์ 3, จิราพร สินธุไพร เขต 5 เบอร์3, โดยมีFCเสื้อแดงพี่น้องประชาชนชาวร้อยเอ็ด ยืนเข้าแถวรอรับพร้อมมอบพวงมาลัยคล้องคอแคนดิเดตนายกฯ และส่งเสียงตะโกนดึงกึกก้อง ว่า “นายกฯ คนที่ 30 ของประเทศไทย” ตลอดทางระหว่างที่คณะของเศรษฐา เดินออกจากสนามบิน

‘เศรษฐา’ ร่วมหารือผู้ประกอบการร้อยเอ็ด เรื่องผลผลิตราคาตกต่ำ ชี้ ทุกคนเห็นปัญหา แต่ไร้ผู้นำในการแก้ไข ขอเสนอ ‘พท.’ ช่วยกู้วิกฤต

‘เพื่อไทย’ พบกลุ่มนักธุรกิจ ผู้ประกอบการ และเกษตรกร จังหวัดร้อยเอ็ด สะท้อนราคาผลผลิตการเกษตรตกต่ำ ข้าว-วัวราคาถูก รวมถึงระบบชลประทานที่ยังขาดแคลน ‘เศรษฐา ทวีสิน’ ชี้ว่าทุกคนเห็นปัญหาร่วมกันแต่ไร้คนขับเคลื่อนแก้ไข เพื่อไทยขอเสนอตัวเข้าไปแก้ไขปัญหาเอง

(18 เม.ย. 66) ที่สาเกต ฮอลล์ ​จังหวัดร้อยเอ็ด แกนนำพรรคเพื่อไทย (พท.) นำโดย นายเศรษฐา ทวีสิน ​แคนดิเดตนายกรัฐมนตรี และประธานที่ปรึกษาหัวหน้าครอบครัวเพื่อไทย, น.ส.พานทองแท้ ชินวัตร ที่ปรึกษาศูนย์ปฎิบัติการเลือกตั้ง ส.ส.พรรคเพื่อไทย, นายจักรพงษ์ แสงมณี กรรมการบริหารพรรค, นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ​ ผู้สมัคร ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย, นายปานปรีย์ พหิทธานุกร​ คณะทำงานด้านนโยบายเศรษฐกิจพรรคเพื่อไทย พร้อมด้วยผู้สมัคร ส.ส.ร้อยเอ็ด พรรคเพื่อไทยทั้ง 8 เขต พบปะตัวแทนกลุ่มนักธุรกิจ และผู้ประกอบจังหวัดร้อยเอ็ดกว่า 30 คน

ตัวแทนกลุ่มเกษตรกร สะท้อนปัญหาข้าวหอมมะลิของทุ่งกุลาร้องไห้ว่า ตอนนี้ราคาข้าวหอมมะลิราคาตกลง ตั้งแต่หลังรัฐบาลนางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร เกษตรกรชาวนาไม่ได้รับการดูแลสนับสนุน จึงอยากให้รัฐบาลใหม่ส่งเสริมให้ราคาข้าวหอมมะลิเพิ่มขึ้นและใช้เทคโนโลยีเข้ามาช่วยแปรรูปผลิตภัณฑ์ เพื่อให้มีมูลค่าเพิ่มเหมือนเช่นอดีต ซึ่งสิ่งที่เกษตรกร ต้องการคือ 

1.) ต้องการขายข้าวและพืชผลการเกษตรได้ราคา หรือในราคาสูง เพราะทุกวันนี้ขาดทุนอยู่ทุกวัน
2.) โค กระบือ ราคาตกลงอย่างมาก คนทำฟาร์มเลี้ยงไปไม่รอด 
3.) ปัญหาเรื่องน้ำ ซึ่งวันนี้ระบบชลประทานยังเข้าไม่ถึงพื้นที่

ขณะที่ ตัวแทนสภาหอการค้า สะท้อนว่าจังหวัดร้อยเอ็ดติดลำดับเมืองที่ยากจน วันนี้เราต้องผลักดันเกษตรแปรรูป สร้างอุตสาหกรรมเกษตรแปรรูป เพราะราคาข้าวตกต่ำ ต้องนำไปแปรรูปเช่น เหล้าสาเก รวมถึงปัญหาราคาต้นทุนพลังงาน ที่ทั้งประชาชนและภาคอุตสาหกรรมต้องแบกภาระ จึงอยากให้ดูแล

นายเศรษฐา ทวีสิน กล่าวว่า รู้สึกว่า 8 ปีที่ผ่านมา เป็นอะไรที่เราอัดอั้นตันใจ ค้าขายก็ไม่ดี อะไรก็ไม่ดี ตนคิดว่าเรื่องของรายได้เกษตรกรถือว่าเป็นเรื่องที่สำคัญที่สุดของพรรคเพื่อไทย ซึ่งนโยบายหลักของเราคือ รายได้ของพี่น้องเกษตรกรต้องโตขึ้น 3 เท่า ภายใน 4 ปี และต้นทุนซึ่งเป็นค่าใช้จ่ายของพี่น้องต้องต่ำลง โดยเราจะมีการนำนวัตกรรมมาเสริมเพื่อลดต้นทุนตรงนี้

‘เศรษฐา’ ประกาศชัด!! นาทีนี้ไม่มีพรรคพี่พรรคน้อง วอน ปชช.แทงตรง!! เลือกเพื่อไทยทั้ง 2 ใบเท่านั้น

(18 เม.ย.66) พรรคเพื่อไทย นำโดย นายเศรษฐา ทวีสิน แคนดิเดตนายกรัฐมนตรี พรรคเพื่อไทย น.ส.พานทองแท้ ชินวัตร ที่ปรึกษาศูนย์ปฎิบัติการเลือกตั้ง ส.ส.พรรคเพื่อไทย กรรมการบริหารพรรค ผู้บริหารพรรค พร้อมด้วย ผู้สมัคร ส.ส.กาฬสินธุ์ ได้แก่ นายวิรัช พิมพะนิตย์ เขต 1 เบอร์ 9, นายพลากร พิมพะนิตย์ เขต 2 เบอร์ 4, นางยรรยงรัตน์ ไชยศิวามงคล เขต 3 เบอร์ 7, นายพีระเพชร ศิริกุล เขต 4 เบอร์ 3, นายทินพล ศรีธเรศ เขต 5 เบอร์ 8, และ นายประเสริฐ บุญเรือง เขต 6 เบอร์ 9 เปิดปราศรัยที่สวนสุขภาพข้างที่ว่าการ อำเภอกมลาไสย จังหวัดกาฬสินธุ์ ท่ามกลางประชาชนผู้ฟังกว่า 5,000 คน

นายเศรษฐา ทวีสิน แคนดิเดตนายกรัฐมนตรี พรรคเพื่อไทย ชาวนาถือว่าเป็นอาชีพหลักของพี่น้องกาฬสินธุ์ ปัจจุบันค่าปุ๋ยแพง ต้นทุนการผลิตสูง ทำให้รายได้ไม่พอกินพอใช้ ประชาชนอยู่ได้อย่างไม่มีศักดิ์ศรี ถ้าพรรคเพื่อไทยได้เข้ามาบริหารจัดการ เราจะใช้ตลาดนำ นวัตกรรมเสริม มีบุคลากรที่มีคุณภาพ ให้ไปเปิดตลาดใหม่ ๆ ในการค้าขายให้พี่น้องทุกคน ด้านสิทธิที่ดินทำกิน พรรคเพื่อไทยมีนโยบายที่จะให้ที่ดินทำกิน 50 ล้านไร่ภายใน 4 ปี เพื่อให้พี่น้องมีที่ดินอย่างมีศักดิ์ศรี

“นโยบายดี ๆ เหล่านี้จะเกิดขึ้นไม่ได้ ถ้าพรรคเพื่อไทยไม่ได้เป็นรัฐบาล วันนี้พรรคเพื่อไทยมาวิงวอนหาเสียงให้พี่น้องคนกาฬสินธุ์ เข้าคูหากาเพื่อไทยทั้ง 2 ใบ เรายอมไม่ได้ให้ใครมาบอกเป็นพรรคพี่พรรคน้อง วันนี้ต้องแทงตรงอย่างเดียวคือ เลือกพรรคเพื่อไทยทั้ง 2 ใบ แลนด์สไลด์ทั้งแผ่นดิน” นายเศรษฐา ทวีสิน กล่าว

ด้าน นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ ผู้อำนวยการครอบครัวเพื่อไทย กล่าวปราศรัยว่า แคนดิเดตนายกรัฐมนตรีพรรคเพื่อไทย ถ้าคนหนึ่งได้เป็นนายก อีกสองคนก็จะร่วมกันทำงาน ยืนยันว่าพรรคเพื่อไทย คือเพื่อไทย ต้องกาเพื่อไทย ไม่มีพรรคเพื่อน ไม่มีพรรคพี่ พรรคน้อง ขอให้พี่น้องเลือกให้เพื่อไทยชนะขาดลอย และถ้าต้องการให้ประยุทธ์ ประวิตร กลับบ้าน ต้องกาพรรคเพื่อไทย คราวนี้ต้องชนะแลนด์สไลด์ ตนจึงชวนประชาชนล้มอำนาจ 3 ป. และ 250 สว.

“กาฬสินธุ์ เว้นเขตใดเขตหนึ่งไม่ได้ ฟันหลอไม่ได้ เพราะว่าถ้าพลาดแม้แต่แต้มเดียว พวกนั้นทึกทักเอาอีก สิทธิ์ในการตั้งรัฐบาลของพวกเขาคือเสียงข้างน้อย หรือใช้กล้วย มีงูเห่า ฉะนั้น ต้องฆ่างูเห่าล่วงหน้า ด้วยการกาเพื่อไทยให้แลนด์สไลด์” นายณัฐวุฒิ กล่าว


ที่มา : https://www.facebook.com/pheuthaiparty/posts/pfbid0vAFHspD1zYpC9drW88CJQJLMRBURmrFNaDpyvhGRqnG6EmFUYkQ25TusRJ52ickPl


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top