Tuesday, 8 July 2025
พรรคประชาชน

‘เท้ง’ แนะ!! ‘อิ๊งค์’ สิ่งที่ควรทำมากกว่า ไลฟ์สดขายทุเรียน คือต้องเปิดตลาดใหม่ อย่าพึ่งพิงแค่ตลาดจีน ประเทศเดียว

(18 พ.ค. 68) นายณัฐพงษ์ เรืองปัญญาวุฒิ สส.บัญชีรายชื่อ หัวหน้าพรรคประชาชน ให้สัมภาษณ์กรณีนายกรัฐมนตรีลงพื้นที่ไลฟ์ขายทุเรียน ที่จ.จันทบุรี เมื่อวานนี้ (17 พ.ค.) ว่า เรื่องทุเรียน คนนำเข้าหลักๆ คือประเทศจีน ซึ่งคู่แข่งที่สำคัญคือประเทศเวียดนาม

ดังนั้น ตอนนี้ถ้าเราดูสิ่งที่รัฐบาลเวียดนามสนับสนุนเกษตรกรในประเทศของเขา เขาพยายามที่จะมีเงินอุดหนุนให้เกษตรกรตามชนิดพืชที่ปลูกแล้วมีมูลค่ามากขึ้น พูดง่ายๆ คือเปลี่ยนให้ไปปลูกทุเรียน เพื่อมาแข่งกับไทย

แต่เมื่อดูบริบทที่ประเทศไทย ทุเรียนเป็นผลไม้ที่มีมูลค่า แต่ที่ผ่านมาไม่ได้เห็นการยกระดับหรือช่วยเหลือจากรัฐบาลเท่าที่ควร เกษตรกรอยู่รอดด้วยตัวเอง เพราะคนจีนชอบบริโภคและมองว่าทุเรียนเป็นสินค้าที่มีมูลค่าทานแล้วดีต่อสุขภาพ

“ถ้าจะให้ผมเสนอแนะ สิ่งที่รัฐบาลควรจะทำมากกว่าการไลฟ์สด วัตถุประสงค์ของการไลฟ์สดคือช่วยขยายตลาด แต่ตลาดปัจจุบันเราส่งออกไปจีนโดยส่วนมากอยู่แล้ว สิ่งที่รัฐบาลควรจะทำมากกว่า คือการเปิดตลาดใหม่ เช่น ประเทศอินเดีย ก็มีประชากรเยอะ และเป็นประเทศที่บริโภคผลไม้อาหารต่างๆ ที่มีรสจัดอยู่แล้ว มองหาทางเลือกใหม่ๆ เป็นไปได้หรือไม่

อย่าไปพึ่งพิงที่ตลาดประเทศจีนประเทศเดียว เพราะเราเห็นผลกระทบที่ตามมา เมื่อไหร่ก็ตามที่รัฐบาลจีนมีมาตรการในการกีดกันทุเรียนนำเข้า เราก็จะได้รับผลกระทบ เพราะเราพึ่งพาอยู่ตลาดเดียว ดังนั้น สิ่งที่จำเป็น เราจะช่วยลดต้นทุนเกษตรกร เพิ่มผลผลิตต่อไร่แล้วต้องขยายตลาดออกไปยังพื้นที่ใหม่ๆ ด้วย” นายณัฐพงษ์ กล่าวทิ้งท้าย

ผู้นำฝ่ายค้าน ชี้ พ.ร.บ.จัดระเบียบทรัพย์สินพระมหากษัตริย์ เป็นเพียงการเปลี่ยนชื่อเท่านั้น ทางพรรคประชาชนจึงไม่มีประเด็นคัดค้าน

เมื่อวันที่ (28 พ.ค.68) ณัฐพงษ์ เรืองปัญญาวุฒิ หัวหน้าพรรคประชาชน ได้อภิปรายในการประชุมสภาผู้แทนราษฎร ครั้งที่ 1 สมัยวิสามัญ เป็นพิเศษ วาระพิจารณาร่าง พ.ร.บ.จัดระเบียบทรัพย์สินพระมหากษัตริย์ โดยมีสาระสำคัญคือ เปลี่ยนชื่อสำนักงานทรัพย์สินพระมหากษัตริย์ เป็น สำนักงานพระคลังข้างที่ โดยระบุว่า ร่าง พ.ร.บ.ฉบับใหม่ที่ถูกคณะรัฐมนตรีเสนอเข้ามาในวันนี้ (28 พ.ค.2568) เป็นเพียงการเปลี่ยนชื่อ 'สำนักงานทรัพย์สินพระมหากษัตริย์' ตามกฎหมายปี 2561 เป็น 'สำนักงานพระคลังข้างที่' เท่านั้น ด้วยเหตุนี้ พรรคประชาชนจึงไม่มีประเด็นอะไรที่จะคัดค้านร่างกฎหมายดังกล่าวของรัฐบาล

ขณะเดียวกัน ณัฐพงษ์ จะกล่าวทิ้งท้ายไว้ว่า "สุดท้ายขอยืนยันว่าผู้แทนราษฎรพรรคประชาชนจะทำหน้าที่พิทักษ์ระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข หรือ Constitutional Monarchy ซึ่งก็คือระบอบประชาธิปไตยที่พระมหากษัตริย์อยู่ใต้รัฐธธรรมนูญ เราจะระวังไม่ให้กฎหมายใดถูกติฉินครหาได้ว่ามีใครพยายามทำให้หลุดพ้นไปจากหลักอันเป็นหัวใจของ Constitutional Monarchy นั่นคือการที่พระมหากษัตริย์ทรง 'ปกเกล้าไม่ปกครอง' อันเป็นการรักษาพระราชสถานะของพระประมุขให้ปราศจากการเมืองอย่างแท้จริง"

‘สส.จิรัฏฐ์’ ทวิต!! อย่าสร้างสถานการณ์ ให้ประชาชนแตกตื่น ชี้!! กองทัพฉวยโอกาสสร้างกระแส โหม PR. ถึงขั้นจะเสียเอกราช

(8 มิ.ย. 68) นายจิรัฏฐ์ ทองสุวรรณ์ สส.พรรคประชาชน ทวิต 

“จากดราม่า ผมยอมรับว่าสวนกระแสสังคมครับ

แต่ยังขอยืนยันข้อความที่โพสต์

ตำรวจ หมอ พยาบาล ทำงานเสี่ยงตายทุกวัน ไม่เคยเห็นต้องมาทำ Pr ขอแรงสนับสนุน นี่เกิดการปะทะตามตะเข็บชายแดนแค่ 10 นาที บนที่พื้นที่ป่า 200 เมตร ซึ่งยังพิพาทกันอยู่

กองทัพเล่นฉวยโอกาสมาสร้างกระแส โหม Pr
ถึงขนาดจะเสียชาติไทย* จะเสียเอกราช *

แบบนี้ไม่ได้เป็นผลดีกับประเทศเลย

กองทัพไม่ควรเล่นการเมือง มันเป็นหน้าที่รัฐบาลตัดสินใจ จะเจรจาอย่างไร จะใช้มาตรการอะไร

ทุกประเทศทั่วโลกมีปัญหาพิพาทเส้นเขตแดนทั้งนั้น เค้าก็แก้ด้วยการทูต ใครละเมิดข้อตกลงก็ว่ากันไป ไม่ได้แก้ด้วยการบอกว่าพร้อมจะทำสงคราม
กองทัพแค่ทำหน้าที่ตัวเอง เตรียมกำลังเตรียมความพร้อมไป ให้รัฐบาลเจรจาหาข้อยุติโดยไม่เกิดการปะทะคือเป้าหมาย 

อย่าสร้างสถานการณ์ให้ประชาชนแตกตื่น จนถึงขนาดเรียกร้องหาสงคราม!!”

‘ศ.ดร.ไชยันต์’ จี้!! ‘พรรคส้ม’ ยื่นซักฟอก สลัด!! ปมอิงแอบลับๆ กับตระกูลชินวัตร

(29 มิ.ย. 68) ศ.ดร.ไชยันต์ ไชยพร อาจารย์ประจำภาควิชาการปกครอง คณะรัฐศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย โพสต์เฟซบุ๊กว่า … 

เรียน พรรคประชาชน

สภาจะเปิด 3 ก ค นี้ หากพรรคประชาชนไม่ยื่นญัตติอภิปรายไม่ไว้วางใจนายกฯแพทองธาร  ทั้งๆที่พรรคมีจำนวน สส มากพอที่จะขอเปิด

ก็แปลว่า พวกคุณยังให้ความไว้วางใจแพทองธาร

ในอนาคต หากพวกคุณจะขอเปิดอภิปรายไม่ไว้วางใจนายกฯคนใด ที่ไม่ได้ทำงานแย่อย่างนายกฯ คนนี้  คุณจะมีคำอธิบายอย่างไร ?

การอภิปรายไม่ไว้วางใจอาจไม่ได้ลงเอยอย่างที่คุณคาดหวัง

นายกฯอาจจะยังได้เสียงเกินครึ่ง

อาจไม่มีการยุบสภา

แต่การอภิปรายไม่ไว้วางใจโดย สส ฝ่ายค้านที่มีคุณภาพ คือ การทำหน้าที่แทนประชาชนในการซักถาม ติติงสิ่งที่นายกฯได้ทำลงไป

เชื่อว่า ถ้าพรรคประชาชนเลือกทำตามหน้าที่และครรลองของผู้นำฝ่านค้านยื่นญัตติขออภิปรายไม่ไว้วางใจนายกฯแพ ตามแบบแผนระบบรัฐสภาของตะวันตก

พรรคประชาชนจะได้รับความเชื่อมั่นและไว้วางใจว่า ไม่เล่นการเมืองแบบอิงผลประโยชน์ของพรรคเหนือมาตรฐานทางการเมืองสากล

แม้อาจจะไม่มีการยุบสภาโดยเร็วตามที่พรรคต้องการ

แต่เชื่อว่า หากทำตามหน้าที่แล้ว ยุบสภาเมื่อไร พรรคท่านจะได้คะแนนนิยมมากขึ้นโดยไม่มีใครคิดว่า ท่านแอบเป็นพันธมิตรแบบลับๆกับตระกูลชินวัตร!!

ที่น่าผิดหวังพอๆ กับพรรคเพื่อไทย ก็คือ พรรคประชาชน มัวแต่นั่งประดิษฐ์วาทกรรม โน่นนี่นั่น ใช้คำใหญ่โต

(29 มิ.ย. 68) เฟซบุ๊กของ นายปวิน ชัชวาลพงศ์พันธ์ นักวิชาการและผู้ต้องหาคดี 112 ซึ่งหลบหนีอยู่ในต่างประเทศ โพสต์ข้อความกรณีที่นายณัฐพงษ์ เรืองปัญญาวุฒิ หัวหน้าพรรคประชาชน กล่าวหาว่าการชุมนุมของคณะรวมพลังแผ่นดินปกป้องอธิปไตยเปิดทางให้กับการทำรัฐประหาร และปลุกปั่นกระแสชาตินิยมที่เกินเลยขอบเขต ว่า "ที่น่าผิดหวังพอๆ กับพรรคเพื่อไทย ก็คือพรรคประชาชน มัวแต่นั่งประดิษฐ์วาทกรรมโน่นนี่นั่น ใช้คำใหญ่โต ด่าฮุนเซนเป็นบิดาแห่งสแกมเมอร์ ใช่ การเมืองต้องมีสีสัน แต่มึงต้องมีสาระด้วย ตั้งแต่เกิดวิกฤตการเมืองล่าสุด พรรคส้มได้ตั้งโต๊ะแถลงหรือยัง ได้ออกแถลงการณ์ประนามกัมพูชาหรือยัง ได้ส่งตัวแทนไปยื่นหนังสือที่สถานทูตเขมรหรือยัง ได้ reach out ไปถึงอาเซียนขอความช่วยเหลือในการคลี่คลายปัญหาไหม หรือแม้แต่ยกหูโทรศัพท์คุยกับทูตเขมรหรือเปล่า (ถ้าเค้าไม่คุยกับมึงก็อีกเรื่องนึง)

นอกจากนี้ มีการตั้งโต๊ะแถลงให้รัฐบาลต้องรับผิดชอบเรื่องนี้ไหม รับผิดชอบอย่างไร หาทางออกให้สังคมอย่างไร รวมถึงการหารือร่วมกับฝ่ายค้าน ตัวแทนภาคประชาสังคม NGOs เรื่องนี้อย่างไร ส่ง สส ให้ไปดู/สังเกตการณ์ชายแดนกัมพูชาไหม หรือสาระแนแต่จับแรงงานต่างด้าวทางภาคเหนือเท่านั้น

แล้วการชุมนุมเมื่อวาน ท่าทีพรรคส้มคืออะไร มีการประนามการเรียกร้องรัฐประหารทันทีไหม หรือแค่รอดูทิศทางลม อีกเรื่อง ในวิกฤตนี้ พรรคส้มได้ให้การศึกษาสังคมแค่ไหน มี สส คนไหนพูดรู้เรื่องเกี่ยวกับประวัติศาสตร์ความขัดแย้งไทย-กัมพูชาที่นอกเหนือจาก official statement ของรัฐบาลไหม มีใครรู้จริงเรื่องข้อพิพาทล่าสุดไหม หรือข้อมูลเชิงลึกเรื่องผลประโยชน์ฮุนเซนในธุรกิจชายแดนหรือเปล่า

...ที่เขียนมาซะยาว อาจจะดูเยอะ แต่ถ้าพรรคประชาชนไม่ทำ/ทำไม่ได้ เราจะมีหวังให้อีพรรคนี้เข้าไปเป็นรัฐบาลในอนาคตได้อย่างไร เพราะเข้าไป ก็คงเข้าไปนั่งประดิษฐ์คำพูด รอทิศทางลม หรือจนในปัญญาตัวเองที่แก้ไขสถานการณ์แบบนี้ไม่ได้"

‘สุริยะใส’ กระตุก!! มาตรฐานการเมือง ‘พรรคประชาชน’ กินข้าวข้ามพรรค ต้องซื่อตรงต่อทุกฝ่าย ไม่ย้อนแย้งกันเอง

(6 ก.ค. 68) ดร.สุริยะใส กตะศิลา คณบดีวิทยาลัยผู้นำและนวัตกรรมสังคม มหาวิทยาลัยรังสิต โพสต์เฟซบุ๊ก ระบุว่า …

‘มาตรฐานทางการเมืองต้องซื่อตรงต่อทุกฝ่าย มิใช่เข้มงวดกับผู้อื่นแต่ผ่อนปรนต่อตนเอง’

กรณีการพบปะระหว่างสมาชิกพรรคประชาชนกับหัวหน้าพรรคภูมิใจไทย แม้ในทางการเมือง การพูดคุยหรือพบปะระหว่างนักการเมืองต่างพรรคจะมิใช่เรื่องผิดปกติ หากถือเป็นวิถีในระบอบประชาธิปไตยที่การสื่อสารและการเจรจาคือกลไกสำคัญในการแสวงหาฉันทามติ แต่สิ่งที่ทำให้กรณีนี้กลับกลายเป็นประเด็นร้อนและก่อให้เกิดแรงสั่นสะเทือนในสังคม ไม่ได้อยู่ที่การกระทำ หากแต่อยู่ที่บริบทของผู้กระทำและมาตรฐานที่พรรคการเมืองนั้นเคยประกาศยึดถือ

พรรคประชาชนเป็นพรรคที่ก่อตั้งขึ้นจากเจตจำนงที่จะสร้างมาตรฐานใหม่ให้กับการเมืองไทย เป็นพรรคที่ยืนหยัดวิพากษ์การเมืองแบบเก่า ต่อต้านการเมืองใต้โต๊ะ ต่อต้านการต่อรองลับหลัง และประกาศความโปร่งใสเป็นหลักการสูงสุด แต่เมื่อสมาชิกของพรรคแสดงพฤติกรรมในลักษณะที่เคยถูกใช้เป็นข้อกล่าวหาโจมตีผู้อื่น

พรรคกลับไม่มีคำอธิบายที่เพียงพอหรือการแสดงความรับผิดชอบที่ชัดเจนต่อสาธารณะ สิ่งนี้จึงไม่ใช่เพียงการถูกตั้งคำถามจากสังคม แต่คือการที่พรรคกำลังทำลายทุนทางศีลธรรมที่ตนเองได้สร้างสะสมมาตลอด

มาตรฐานทางการเมืองมิใช่สิ่งที่เลือกใช้เฉพาะเวลาที่พูดถึงผู้อื่น และมิใช่สิ่งที่จะอ่อนลงเมื่อต้องหันกลับมาตรวจสอบตัวเอง พรรคการเมืองที่อ้างความใหม่และยืนยันความแตกต่างจากการเมืองเดิม ต้องมีความกล้าหาญที่จะซื่อตรงต่อมาตรฐานเดียวกัน ทั้งต่อบุคคลภายนอกและภายใน การนิ่งเงียบ การเบี่ยงเบน หรือการลดทอนความสำคัญของข้อครหาในครั้งนี้ ไม่เพียงทำลายความน่าเชื่อถือของพรรค แต่ยังตอกย้ำภาพการเมืองที่ไม่สามารถรักษาหลักการของตนเองได้เมื่อถึงเวลาสำคัญ

สุดท้ายแล้ว การเมืองจะไม่ถูกวิจารณ์เพียงเพราะสมาชิกพรรคไปกินข้าวหรือพูดคุยกับนักการเมืองต่างพรรค แต่จะถูกวิจารณ์เมื่อสิ่งที่เคยกล่าวหาผู้อื่น กลับถูกทำซ้ำโดยคนของตัวเองโดยไม่มีความซื่อตรงในการชี้แจง (ตอนที่คุณธนาธร ไปพบคุณทักษิณ ที่ฮ่องกง ก็อ้างว่าเจอโดยบังเอิญและอคุยกันเรื่องทั่วไป)

ความเข้มแข็งของมาตรฐานทางการเมืองมิใช่อยู่ที่ความเข้มงวดกับผู้อื่น แต่อยู่ที่ความสม่ำเสมอและความจริงใจกับตนเอง เพราะประชาธิปไตยที่ประชาชนคาดหวัง คือการเมืองที่คำพูดและการกระทำไม่ย้อนแย้งกันเอง…


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top