Tuesday, 8 July 2025
พรรคประชาชน

‘เท้ง ณัฐพงษ์’ ลั่น!! ‘พรรคประชาชน’ ชนะเลือกตั้งปี 70 ได้แน่ ยัน!! สมัยนี้ ไม่ไปร่วมรัฐบาล ย้ำ!! มีข้อมูลแน่น พร้อมอภิปราย

(23 ก.พ. 68) นายณัฐพงษ์ เรืองปัญญาวุฒิ ผู้นำฝ่ายค้าน และหัวหน้าพรรคประชาชน ร่วมบรรยายในหัวข้อ "การเมืองไทย ในทรรศนะ เท้ง-ณัฐพงษ์" ว่า วันนี้พูดคุยหัวข้อการขับเคลื่อนงานทางการเมือง โดยเฉพาะที่มีการยื่นญัตติอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐบาล รวมถึงเตรียมพูดเกี่ยวกับการขับเคลื่อนงานทางการเมืองของพรรคประชาชนและผลงานช่วงที่ผ่านมานับจากพรรคก้าวไกลถูกยุบจนถึงปัจจุบัน เพื่อเพิ่มความเชื่อมั่นของสมาชิกพรรคให้เดินทางต่อ ถึงความคืบหน้าในการเสนอแก้ไขรัฐธรรมนูญสะดุดลง เนื่องจากมีการข่มขู่ว่าหากเดินหน้าลงมติ จะมีการยื่นร้องส่งศาลรัฐธรรมนูญ  พร้อมกล่าวถึงกระบวนการคัดเลือก สว.ที่เป็นประเด็นอยู่ในขณะนี้ เชื่อว่าหากเป็นไปตามหลักฐานที่ปรากฏ ชี้ว่ากระบวนการเลือก สว. ครั้งนี้ไม่โปร่งใส

นายณัฐพงษ์ กล่าวว่า สำหรับการอภิปรายไม่ไว้วางใจ เปิดเผยว่ามีการได้รับข้อมูลจากคนในพรรคร่วมรัฐบาล แต่ขอไม่เปิดเผยชื่อหรือรายละเอียด ซึ่งจะเป็นการคุ้มครองบุคคลดังกล่าว โดยชี้ประเด็นการอภิปรายไม่มั่นใจไปที่ความไม่โปร่งใส ในการบริหารราชการแผ่นดิน และรอยร้าวของคนในพรรคร่วมรัฐบาลที่ไม่สามารถผลักดันนโยบายที่แถลงต่อรัฐสภาได้

ส่วนกรณี 44 สส.ถูกยื่นตรวจสอบจริยธรรม นายณัฐพงษ์เปรียบ “หยักไหล่” แล้วเดินหน้าทำงานฝ่ายนิติบัญญัติต่อไป เชื่อว่าทุกคนไม่มีข้อกังวลใจว่าจะหลุดหรือไม่หลุดจากตำแหน่ง เพราะหากมีความกังวลการเดินหน้างานในสภาผู้แทนราษฎรจะหยุดชะงักลง ทุกการกระทำและการแสดงออกสะท้อนให้เห็นว่าไม่ได้กังวลใจในส่วนนี้ และไม่อยากให้มองว่าเป็นเรื่องปกติที่ใครจะต้องโดน

หัวหน้าพรรคประชาชน กล่าวถึงการที่ปรับวิธีการสื่อสารเกี่ยวกับนโยบายของพรรคว่า ไม่ได้หมายความว่าจะสูญเสียหลักการ หรือทำให้หลักการน้อยลง แต่ยอมรับว่าที่ผ่านมาต้องทำการบ้านหนักเรื่องการสื่อสารกับฝ่ายเห็นต่าง ซึ่งในวันอังคารที่ 25 ก.พ.นี้พรรคประชาชนจะเปิดแคมเปญ รับสมัคร สก. เปิดสนามเลือกตั้ง กทม. ส่วนบุคคลที่จะส่งชิงเก้าอี้ผู้ว่าฯ กทม. อยู่ระหว่างการเจรจาพูดคุย

"เชื่อว่าจุดแข็งของพรรคประชาชนมี สส.ในสภาฯ ทำให้ผลักดันวาระต่างๆได้ พร้อมวิเคราะห์จุดแข็งของนายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ผู้ว่าฯกทม. ว่ามีความตั้งใจทำงาน แต่สิ่งที่ยังเป็นปัญหา คือการแก้ไขปัญหาฝุ่นPM2.5" นายณัฐพงษ์ กล่าว

นายณัฐพงษ์ กล่าวว่า ถ้าพรรคประชาชนยังตั้งใจทำงานในการเลือกตั้งปี 2570 เชื่อว่าชนะการเลือกตั้งได้ ถ้าชนะเลือกตั้งมาแล้วกลุ่มชนชั้นนำจะยอมให้เป็นรัฐบาลหรือไม่ไม่สามารถตอบได้แต่หน้าที่ขณะนี้คือเดินหน้าต่ออย่างเต็มที่ โดยหยิบยกคำพูดของนายปิยบุตร แสงกนกกุล  อดีตเลขาฯพรรคอนาคตใหม่ กล่าวไว้ว่าจะต้องชนะการเลือกตั้ง เพื่อนำใบอนุญาตใบที่1 ในการรัฐบาลให้ได้ก่อน และประกาศชัดเจนในสมัยรัฐบาลชุดนี้ไม่ไปร่วมรัฐบาลแน่นอน

“สิ่งที่เกิดขึ้นในการจัดตั้งรัฐบาลที่ผ่านมาเห็นว่าเป็นสิ่งที่ทำให้ประเทศเสียเวลาไปเยอะ โดยเฉพาะการสลับขั้วการเมืองไปมา แต่สิ่งที่จะทำให้ผลักดันนโยบายเชิงโครงสร้างอย่างแรกหนีไม่พ้นการได้เสียงจากประชาชนเกิน 20 นั้นเสียงเพื่อทำให้มีพลังมากพอที่จะผลักดันวาระต่างๆได้ ดังนั้นในสภาสมัยนี้ไม่มีวันไปร่วมรัฐบาลแน่นอน และมั่นใจว่าเพื่อนที่ร่วมเดินทางมาไม่มีใครย้ายค่าย ตอนที่ยุบพรรคอนาอนาคตใหม่มาก้าวไกลทุกคนมาด้วยกันทุกคน“ นายณัฐพงษ์ กล่าว

นายณัฐพงษ์ กล่าวถึงการจับขั้วทางการเมืองในการเลือกตั้งครั้งหน้า ว่าอยู่ที่ข้างหน้าพรรคภูมิใจไทยออกมาประกาศจุดยืนตัวเองอย่างไร และจุดยืนแต่ละพรรคการเมือง ยกตัวอย่างครั้งหน้าว่าหากจำเป็นต้องจับมือกับพรรคร่วม ต้องลงนามMOU การแก้ไขรัฐธรรมนูญต้องอยู่ในวาระตกลง  ส่วนโอกาสการยุบสภานั้นชี้ว่าอยู่ที่รอยร้าวของพรรคร่วมรัฐบาลเอง หากเกิดเอ็กซิเดนท์ทางการเมืองระหว่างพรรคร่วมรัฐบาลก็มีความเป็นไปได้ที่จะมีโอกาสยุบสภาสูง

ช่วงท้าย นายณัฐพงษ์ ได้เปิดใจถึงเรื่องส่วนตัวแบบไม่เคยพูดที่ไหน  ยอมรับว่าเป็นคนพูดน้อย เซฟโซนที่สุดคืออยู่บ้าน กับครอบครัว กับภรรยา อยู่เฉยๆ ถ้าอยู่เฉยๆ แล้วไม่ได้พูดอะไร ขอให้รู้ไว้ว่าเป็นการสื่อสารรูปแบบหนึ่ง ตอนที่มีชื่อเสนอเป็นหัวหน้าพรรค ก็ปรึกษาภรรยา ภรรยาก็บอกว่าทำได้ วันหนึ่งถ้าไม่รับอาจจะเสียใจหรือไม่

นายณัฐพงษ์ ยังกล่าวว่า ตนและภรรยายังไม่อยากมีลูก เพราะคุยกับภรรยาแล้วว่ามีแล้ว ในสังคมของเรา ถือว่ามีแล้วลำบาก ไม่ใช่เพราะฐานะเราไม่สามารถมีได้ แต่ไม่อยากส่งลูกไปเรียนพิเศษ อยากให้ใช้ชีวิตธรรมดา เพราะเราเองก็เรียนโรงเรียนรัฐบาล อยากให้มีสังคมตามความเป็นอยู่ที่แท้จริง

นอกจากนี้ สส.กทม.พรรคประชาชน ยังอัพเดทงานช่วง 1 ปีครึ่ง นำโดยนางสาวศศินันท์ ธรรมนิฐินันท์, นายภูริวรรธก์ ใจสําราญ, นายณัฐพงศ์ เปรมพูลสวัสดิ์ และนางสาวรักชนก ศรีนอก เช่น การขับเคลื่อนแก้ปัญหาฝุ่นPM2.5 ที่เคยเสนอญัตติด่วนเพื่อเสนแแนะแนวทางแก้ปัญหาต่อรัฐบาลแล้ว ,ปัญหาเรื่องผังเมืองสืบเนื่องถึงปัญหาการจราจรติดจัด ที่หารือสำนักจราจร กทม. ซึ่งหวังว่าจะมีการนำระบบ AI มาใช้แก้ปัญหา และเสนอการกระจายอำนาจให้ท้องถิ่นมีอำนาจในการแก้ไขปัญหาโดยตรง 

‘สส. ต้นกล้า’ พรรคส้ม โพสต์ขอโทษแล้ว ปมทำผิดกฎหมายดูดบุหรี่ไฟฟ้ากลางสภาหมื่นล้าน

‘ต้นกล้า จรยุทธ’ สส. พรรคประชาชน โพสต์ขอโทษแล้ว ปมดูดบุหรี่ไฟฟ้ากลางสภาหมื่นล้าน พร้อมเข้าสู่กระบวนการตรวจสอบ ลั่น ขอมุ่งมั่นทำงาน เพื่อผลักดันการเปลี่ยนแปลงที่เป็นประโยชน์ต่อสังคม

จากกรณีที่ปรากฏภาพ สส. เดินสูบบุหรี่ไฟฟ้ากลางรัฐสภา ที่ถูกแชร์ว่อนโซเชียล จนตกเป็นกระแสวิพากษ์วิจารณ์อย่างกว้างขวาง เนื่องจากบุหรี่ไฟฟ้ากำลังเป็นภัยคุกคามสุขภาพของเด็กและเยาวชนไทย แต่ สส. กลับกระทำผิดกฎหมายกลางสภาฯ เสียเอง 

ล่าสุดวันนี้ (12 มี.ค. 68) นายจรยุทธ จตุรพรประสิทธิ์ สส. พรรคประชาชน ซึ่งเป็นบุคคลในภาพดังกล่าว ได้โพสต์เฟซบุ๊กขอโทษประชาชนแล้ว โดยระบุว่า จากกระแสข่าวที่เผยแพร่ออกมา ผมทราบดีว่าทำให้พี่น้องประชาชนเกิดความกังวลและมีข้อสงสัย ผมจึงอยากขอโทษจากใจจริงที่ทำให้พี่น้องประชาชนไม่สบายใจ ผมเข้าใจถึงความคาดหวังที่พี่น้องประชาชนมีต่อตัวผมในฐานะผู้แทน ผมเองก็ซาบซึ้งกับทุกความคิดเห็นที่ส่งมา

ผมให้ความสำคัญกับบทบาทหน้าที่ของตัวเองในฐานะสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร และมุ่งมั่นที่จะทำงานเพื่อผลประโยชน์ของพี่น้องประชาชน ในขณะเดียวกัน ผมพร้อมที่จะเข้าสู่กระบวนการตรวจสอบจากทางรัฐสภา เพื่อเป็นการสร้างบรรทัดฐานที่ดีของการเป็นผู้แทนราษฎร

สุดท้ายนี้ ผมขอขอบคุณทุกเสียงสะท้อนจากพี่น้องประชาชนและขอยืนยันว่าผมยังคงมุ่งมั่นทำงานอย่างเต็มที่เพื่อผลักดันการเปลี่ยนแปลงที่เป็นประโยชน์ต่อสังคม

โพสต์ของ สส.ต้นกล้า ทำให้แฟนเพจและแอนตีแฟน เข้ามาคอมเมนต์ตอบโต้กันไปมา โดยฝ่ายแอนตีแฟน ต้องการให้ดำเนินการกับ สส.ของพรรคทั้งหมดที่สูบบุหรี่ไฟฟ้า แต่แฟนคลับผู้ชื่นชมในตัว สส.ต้นกล้า เข้ามาให้กำลังใจ พร้อมเรียกร้องให้ตรวจสอบ สส. ฝ่ายรัฐบาลที่สูบบุหรี่ไฟฟ้าในสถานที่ราชการด้วย เพื่อความเท่าเทียม

‘ครูธัญ’ พรรคประชาชน หนุน!! ทบทวนกฎหมาย หลัง ‘ผู้หญิงข้ามเพศ’ ที่ภูเก็ต ถูกตำรวจรวบ!! แจ้งข้อหา สร้างความเดือดร้อนรำคาญ ในที่สาธารณะ

(22 มี.ค. 68) นายธัญวัจน์ กมลวงศ์วัฒน์ สส. แบบบัญชีรายชื่อ พรรคประชาชน กล่าวถึงเหตุการณ์การจับกุมผู้หญิงข้ามเพศจำนวน 37 รายในจังหวัดภูเก็ต เมื่อวันที่ 20 มี.ค. 2568 ว่าได้จุดกระแสวิพากษ์วิจารณ์ในสังคมต่อการใช้กฎหมายมาตรา 397 แห่งประมวลกฎหมายอาญา ซึ่งกำหนดโทษต่อการกระทำที่ก่อให้เกิด 'ความเดือดร้อนรำคาญในที่สาธารณะ' โดยเฉพาะในกรณีที่ส่อไปในทางล่วงละเมิดทางเพศ

จากรายงานข่าวสื่อมวลชน ตำรวจภูเก็ตเข้าควบคุมตัวกลุ่มผู้หญิงข้ามเพศในย่านซอยบางลา โดยอ้างว่าพฤติกรรมของกลุ่มดังกล่าวรบกวนและส่งผลกระทบต่อภาพลักษณ์การท่องเที่ยวของจังหวัด อย่างไรก็ตาม ข้อกล่าวหานี้ก่อให้เกิดคำถามต่อสังคมว่า “อะไร” คือความเดือดร้อนรำคาญตามนิยามของกฎหมาย และการกระทำของกลุ่มผู้หญิงข้ามเพศเข้าข่ายความผิดจริงหรือไม่

นายธัญวัจน์ กล่าวว่าตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 397 วรรคสอง ระบุถึงโทษสำหรับการกระทำในที่สาธารณะหรือลักษณะที่ส่อไปในทางล่วงละเมิดทางเพศ แต่เมื่อพิจารณาจากกรณีนี้ การตีความว่าการแต่งกายหรือการยืนในพื้นที่สาธารณะของผู้หญิงข้ามเพศเป็นการ 'เดือดร้อนรำคาญ' กลับสะท้อนถึงอคติทางเพศมากกว่าการกระทำผิดจริงตามเจตนารมณ์ของกฎหมาย โดยเฉพาะเมื่อเปรียบเทียบกับบุคคลอื่นในพื้นที่เดียวกันที่ไม่ได้ถูกดำเนินคดี

นายธัญวัจน์ กล่าวเพิ่มเติมว่าสิทธิและเสรีภาพของบุคคลในพื้นที่สาธารณะ ตามรัฐธรรมนูญไทยมาตรา 28 ให้ความคุ้มครองสิทธิในชีวิตและร่างกาย รวมถึงเสรีภาพในการแสดงออกทางเพศและการแต่งกายในพื้นที่สาธารณะ ตราบใดที่การกระทำไม่ละเมิดสิทธิของผู้อื่นหรือผิดกฎหมายอย่างชัดเจน การใช้มาตรา 397 ในกรณีของผู้หญิงข้ามเพศที่เพียงแค่ยืนหรือเดินในพื้นที่สาธารณะ ย่อมเป็นการจำกัดเสรีภาพเกินสมควร

“การเลือกใช้กฎหมายกับกลุ่มใดกลุ่มหนึ่ง โดยไม่มีฐานจากพฤติกรรมที่เข้าข่ายความผิดอย่างแท้จริง เป็นการตอกย้ำอคติที่ฝังรากลึกในสังคมมากกว่าการใช้กฎหมายอย่างเป็นธรรม การเหมารวมว่ากลุ่มผู้หญิงข้ามเพศคือ “ต้นเหตุของความเดือดร้อน” หรือ “ปัญหาภาพลักษณ์” จึงเป็นการใช้อำนาจรัฐที่สืบทอดมาจากทัศนคติอคติ ไม่ใช่การคุ้มครองสาธารณะตามหลักสิทธิมนุษยชน“ นายธัญวัจน์กล่าว

นายธัญวัจน์ ได้เสนอว่ากรณีนี้ควรเป็นจุดเริ่มต้นของการทบทวนการใช้มาตรา 397 ให้มีความชัดเจน เป็นกลาง และปราศจากการเลือกปฏิบัติ รวมถึงการพัฒนาความรู้และทัศนคติของเจ้าหน้าที่รัฐเกี่ยวกับความหลากหลายทางเพศและสิทธิมนุษยชน เพื่อไม่ให้กฎหมายกลายเป็นเครื่องมือของการกดทับกลุ่มเปราะบาง

“หากมีความกังวลเรื่องภาพลักษณ์ของประเทศ การขจัดอคติในกระบวนการยุติธรรม และส่งเสริมความเท่าเทียมในพื้นที่สาธารณะต่างหาก ที่จะช่วยสร้างภาพลักษณ์เชิงบวกของประเทศไทยได้มากกว่า” นายธัญวัจน์ กล่าวทิ้งท้าย

‘เรื่องจริงผ่านจอ’ แจงไม่มีส่วนเกี่ยวข้องเพจ ‘IO’ หลังมีภาพโลโก้รายการโผล่ช่วง สส. ปชน. อภิปราย

เมื่อวันที่ (25 มี.ค. 68) เพจรายการ เรื่องจริงผ่านจอ โพสต์ข้อความว่า จากกรณีที่มีตัวแทน #พรรคประชาชน นำเพจที่ใช้รูป Logo รายการ #เรื่องจริงผ่านจอ ขึ้นชี้แจงในสภาและมีการกล่าวอ้างว่า เป็น 1 ในเพจ IO ที่เป็นต้นน้ำ และแชร์ข้อมูลอันเป็นเท็จ

ขอชี้แจงว่า เป็นการแอบอ้าง นำ Logo รายการไปใช้โดยทางรายการไม่มีส่วนเกี่ยงข้อง ใดๆ การกระทำดังกล่าว

‘วิโรจน์’ แฉ!! ส่วยสติกเกอร์ตัว T ขนสินค้าจากลาว ไม่ต้องมี ‘พาสปอร์ตรถ’ ชาวเน็ต สวนกลับ!! สติกเกอร์อันนี้ ถูกกฎหมาย ได้คู่กับสมุดประจำรถผ่านแดน

(7 เม.ย. 68) นายวิโรจน์ ลักขณาอดิศร รองหัวหน้าพรรคประชาชน ได้โพสต์เฟซบุ๊กระบุว่า …

ถ้าจ่ายค่าบริการ 1,000 บาท ก็จะได้สติกเกอร์ตัว T มาติดหน้ารถ ทีนี้ก็จะเอารถบรรทุกไปขนสินค้าจากประเทศลาวมายังประเทศไทยได้ โดยไม่จำเป็นต้องมีพาสปอร์ตรถ นี่จริงหรือครับ

ปรากฎว่า ชาวเน็ตสวนกลับทันที สติกเกอร์ตัว T นั้นมันถูกกฎหมาย โดยมีหลายคนได้แสดงความคิดเห็นกันมากมาย ยกตัวอย่างเช่น … 

สติกเกอร์ ตัว T จะติดหรือไม่ติดไม่สำคัญเท่า ตัวเล่มพาสปอร์ต ที่ระบุข้อมูลของรถคันนั้นๆครับ พาสปอร์ตรถก็เหมือนพาสปอร์ตคน ต้องมีการสแตมป์ประทับตรา ขาเข้า ขาออก ส่วนรถที่ไม่มีมันมีวิธีการ แต่ไม่ได้เกี่ยวว่าต้องแปะสติกเกอร์

ตัว T จากขนส่งนะท่าน รถข้ามด่านมีทุกคัน กรมขนส่งให้มา

สติกเกอร์ถูกกฎหมายแต่เอามาปั่นให้คนด่าได้ สุดยอดครับทั้งคนปั่นและคนเชื่อ

มันเป็นสติกเกอร์ผ่านแดนนี่ครับ

เป็นเหมือนพาสปอร์ตรถครับ สำหรับการขนสินค้ายากครับ ศุลกากรที่สะพานเขาคอยจับตาอย่างใกล้ชิดครับ ปรับหนักมาก

สติ๊กเกอร์อันนี้จะได้คู่กับสมุดประจำรถผ่านแดนครับ ปกติรถบรรทุกป้ายสาธารณะจะเป็นสีเขียว

ไปศึกษามาเยอะๆ

ท่านไม่รู้หรือแกล้งครับ

ตัวนี้ติดปกตินะครับ สำหรับรถขับออกต่างประเทศ

ถ้าขับรถไปลาวคือต้องติดค่ะ แต่ต้องใช้พาสปอร์ตรถตอนข้ามแดนอยู่ดี อันนี้สำหรับรถส่วนบุคคลทั่วไปนะคะ เพิ่งขับรถไปลาวมาค่ะ

‘เจ๊เจี๊ยบ อมรัตน์’ โพสต์เฟซ ประกาศลั่น!! ถ้าเลือกตั้ง นครปฐม ‘ปชน.’ แพ้ทั้งหมด จะวางมือ

เมื่อวานนี้ (25 เม.ย. 68) นางอมรัตน์ โชคปมิตต์กุล หรือ ‘เจี๊ยบ’ อดีตสส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล โพสต์เฟซบุ๊กถึงการเลือกตั้งเทศบาลจังหวัดนครปฐม ในวันที่ 11 พ.ค.นี้ ว่า …

“ตั้งใจจะเที่ยวเล่นยุติบทบาททางการเมืองทั้งหมด ถ้าผลเลือกตั้งเทศบาลจ.นครปฐมแพ้หมดทั้ง 3 แห่ง ที่พรรคประชาชนส่ง” 

ทั้งนี้ จ.นครปฐม พรรคประชาชน ส่งผู้สมัครนายกเทศมนตรี 3 แห่ง ดังนี้
1. เทศบาล(เมือง) นครปฐม นายวิชัย (หนุ่ย) ถ้ำเพชร์
2. เทศบาล(นคร) นครปฐม นายชัชวาล (หมอชัช) นันทะสาร
3. เทศบาลเมืองไร่ขิง นายเอกวิทย์ (เอก) นวเศรษฐ

ไม่มีนักการเมืองที่ทำให้ถูกใจทุกคนได้หรอกครับ ที่เขาทำได้คือเร่งทำผลงาน แล้วให้ประชาชนตัดสินครับ

(27 เม.ย. 68) นายวีรพัฒน์ ปริยวงศ์ นักกฎหมายอิสระ นักเรียนทุนฟูลไบรท์ระหว่าง ไทย-สหรัฐอเมริกา อดีตที่ปรึกษารองนายกรัฐมนตรี นายพงศ์เทพ เทพกาญจนา ปัจจุบันเป็นอาจารย์สอนวิชาด้านกฎหมายการเมืองไทย ณ มหาวิทยาลัยลอนดอน SOAS ประเทศอังกฤษ ได้โพสต์ข้อความระบุว่า ...

ผมไม่แน่ใจว่าจะให้ เพื่อไทย ขอโทษอย่างไร 
ในเมื่อฐานเสียงที่ต้องการให้เพื่อไทยตั้งรัฐบาลก็มีมาก

ดูอย่างคุณเสรีพิสุทธิ์ ยังเปลี่ยนใจได้เรื่อยๆ 
วันนี้อัดพรรคประชาชนเสียแล้ว คุณเท้งยังไม่ทันทำอะไรผิดเลย 

ไม่มีนักการเมืองที่ทำให้ถูกใจทุกคนได้หรอกครับ ที่เขาทำได้คือเร่งทำผลงาน แล้วให้ประชาชนตัดสินครับ

สส.ภูเก็ต' ซัดเดือดใส่!! ‘กรณ์’ อดีต รมว.คลัง ไร้วิสัยทัศน์เลอะเทอะ ไม่เข้าใจคนในพื้นที่

(5 พ.ค. 68) นายฐิติกันต์ ฐิติพฤฒิกุล สส.ภูเก็ต เขต 3 พรรคประชาชน กล่าวตอบโต้กรณีนายกรณ์ จาติกวณิช อดีต รมว.คลัง โพสต์เฟซบุ๊กตำหนิภูเก็ตเมืองโทรมไม่สะอาดรถติดมาก

โดยระบุว่า หลังจาก กรณ์ จาติกวณิช - Korn Chatikavanij โพสท์ในเฟสบุ๊ก ว่า.. ผมไปภูเก็ตมา 2 วัน 1 คืน เป็นครั้งแรกที่กลับไปในรอบ 2 ปี ไปทีไรก็แฮปปี้ ชอบบรรยากาศของที่นี่ เที่ยวนี้ขอยืนยันว่า

1. รถโคตรติด กรุงเทพชิดซ้ายเลย จากสนามบินไปป่าตอง 1 ชม. 20 นาที – ในบ่ายวันหยุด! ทานข้าวเย็นในตัวเมือง ใช้เวลาเดินทางชั่วโมงกว่า (ตอน 3 ทุ่ม!) เพื่อไปที่พักที่ป่าตอง
2. เมืองดูโทรม เส้นทางถนน ทางเดิน ร้านค้าริมทาง ดูโทรมมาก
3. หาดไม่สะอาดเหมือนแต่ก่อน
4. แต่ในแง่โอกาสทางเศรษฐกิจ ไม่มีเมืองไหนในประเทศไทยที่สู้ได้
5. แรงงานบริการเป็นชาวต่างชาติเยอะมาก ส่วนหนึ่งเป็นเพราะภาษาเขาดีกว่า
6. ชาวรัสเซียมีอิทธิพลกับเศรษฐกิจภูเก็ตมากขึ้นเรื่อยๆ

ผมขอขอบคุณสำหรับคำติชมครับ และทุกปัญหาที่ว่ามา พวกเรา สส.ภูเก็ต รับทราบ และกำลังดำเนินการแก้ไข แต่ด้วยกลไกรัฐบาลที่ไร้ความใส่ใจ การแก้ปัญหาร่วมกันนั้น ทำให้บางปัญหา ไม่ได้รับการแก้ไข ตั้งกระทู้ไป ก็ไม่มาตอบ

และ ผมขอแลกเปลี่ยนประเด็นครับ ว่า หากมีข้อเสนอแนะ ที่เป็นประโยชน์ ก็จะรับไว้เพื่อนำไปปรับปรุง แก้ไข แต่ มีแต่คำติ ผมก็ขอ แสดงความคิดเห็น ในมุมของคนในพื้นที่ครับ ว่า บางส่วนของความคิดเห็น ที่คุณกรณ์ เสนอนั้น ไม่เหมาะสม ในฐานะ อดีตขุนคลัง ไร้ซึ่งวิสัยทัศน์

เช่นเรื่อง ให้เลิกคิด เรื่องรถไฟฟ้า แล้วให้ทำถนนแบบ Overpass และ การเพิ่มโรงพยาบาลเอกชน ที่ราคาไม่โหดเกินไป นั้น เป็นความคิดที่เลอะเทอะ ไม่เข้าใจคนในพื้นที่ 

ประการแรก : ไม่ใช่เพิ่มโรงพยาบาลเอกชน แต่ คือ การยกระดับมาตรฐาน โรงพยาบาลรัฐ ให้มีคุณภาพเทียบเท่าเอกชน ซึ่ง ในอดีตรัฐบาลที่ผ่านๆ มา ก็ไม่เคยคิดที่จะแก้ไข

ประการต่อมา : การสร้างถนนยกระดับ (Overpass) แต่ แม้เรามีถนนยกระดับ สัก 3 ชั้น ก็แก้รถติดไม่ได้ครับ และ หากมีการก่อสร้างจริง ทั้งๆ ที่เราไม่มีการลดปริมาณรถยนต์ส่วนตัวลง จะเกิดปัญหาการจราจรอย่างหนัก เพราะภูเก็ต มีถนนเส้นหลัก เพียงเส้นเดียว อีก 2 เส้น ก็กำลังขยายเลนการจราจร หนึ่งในปัญหารถติด เพราะ เรามีรถยนต์ส่วนตัวมากเกินไป การเพิ่มขนส่งสาธารณะ จึงควรเป็นเรื่องหลักในการแก้ปัญหาการจราจรติดขัด มาห้ามคนภูเก็ต มีรถไฟฟ้านี่ อยากถามครับว่า ไม่อยากเห็นภูเก็ตพัฒนาเป็นเมืองระดับโลก ใช่ไหม ครับ?

ที่สำคัญที่สุด เรื่อง การกระจายอำนาจ ซึ่งเป็นเรื่องที่คนภูเก็ตเรียกร้อง มาตลอด ต้องไม่ใช่แค่ เขตเศรษฐกิจพิเศษ หรือ แค่เลือกผู้ว่าฯ ได้เอง แต่หมายรวมถึง การแก้ไข ปรับปรุง กฎหมาย และโครงสร้างการกระจายอำนาจทั้งหมดครับ ไม่งั้น ก็จะเหมือน กรุงเทพ ที่สุดท้ายก็ติดล็อกในข้อกฎหมายอยู่ดี และ เสียดายครับ รัฐบาลที่ผ่านๆมา ชอบพูดสวยหรู เรื่อง กระจายอำนาจ เรื่องภูเก็ตจัดการตนเอง แต่พอมีอำนาจ เรื่องนี้ก็ไม่เคยนำมาแก้ไขให้สำเร็จ ท่าน เคยเป็นอดีตรัฐมนตรี คงเล่าให้ฟังได้ว่า สมัยนั้น ทำไม ไม่ทำ

‘พรรคส้ม’ สมุทรปราการ โร่ออกแถลงการณ์ขอโทษ กรณีผู้สมัคร สท. เมืองลัดหลวง ทำงามหน้าร่วมแก๊งค้ายา

จากกรณีเมื่อวานนี้ (7 พ.ค.68) กรณีตำรวจชุดสืบสวน สน.มีนบุรี บุกจับกุมแก๊งค้ายาบุญรักษา พร้อมยาบ้าเกือบ 5 แสนเม็ด ยาไอซ์ 1,098 กรัม คีตามีน 1,000 กรัม พร้อมกับผู้ต้องหารวม 4 คน ซึ่งหนึ่งในนั้นเป็นผู้สมัครสมาชิกสภาเทศบาลของพรรคประชาชน เมืองลัดหลวง จ.สมุทรปราการ

ล่าสุด พรรคประชาชน สมุทรปราการ ได้ออกแถลงการณ์ขอโทษประชาชน ใจความระบุว่า จากกรณีที่วันนี้ (7 พ.ค.) ผู้สมัครสมาชิกสภาเทศบาล (สท.) เมืองลัดหลวง จังหวัดสมุทรปราการของพรรค ถูกจับกุมในข้อหาร่วมกันจำหน่ายยาเสพติดให้โทษ ซึ่งเป็นข้อกล่าวหาที่ร้ายแรง

พรรคประชาชนสมุทรปราการ เห็นว่านอกเหนือจากการเข้าสู่กระบวนการยุติธรรมเพื่อพิสูจน์ข้อเท็จจริงและรับผิดชอบตามกฎหมาย ผู้สมัครควรต้องแสดงความรับผิดชอบทางการเมือง โดยการแสดงเจตจำนงยุติบทบาท ไม่ประสงค์เป็นผู้สมัครในการเลือกตั้งที่มาถึงนี้ 

พรรคประชาชนสมุทรปราการ จะติดตามเรื่องนี้อย่างใกล้ชิด หากกระบวนการยุติธรรมพิสูจน์ได้ว่าผู้สมัครคนดังกล่าวมีความผิดจริง พรรคจะดำเนินการถอดถอนออกจากการเป็นสมาชิกพรรคตามขั้นตอน

ทั้งนี้ พรรคประชาชนสมุทรปราการขอน้อมรับกรณีนี้เป็นบทเรียนในการปรับปรุงกระบวนการคัดสรรผู้สมัครของพรรคต่อไป

เหตุการณ์การดังกล่าว สืบเนื่องมาจาก เฟซบุ๊กเพจ 'สถานีตำรวจนครบาลมีนบุรี' โพสต์ข้อความรายงานผลการปฏิบัติการปิดล้อมตรวจค้นแหล่งพักคอยยาเสพติดในพื้นที่แพร่ระบาด บก.น.3 เมื่อวันที่ 7 พ.ค. 68 โดยมีรายละเอียดระบุว่า สืบมีนบุรีรวบสมาชิกแก๊งค้ายา 'บุญรักษา' พร้อมยาบ้าเกือบ 5 แสนเม็ด ยาไอซ์-เคตามีน 2 Kg

วันที่ 7 พ.ค. 68 เจ้าพนักงานตำรวจฝ่ายสืบสวน สน.มีนบุรีได้ร่วมกันจับกุมตัว นายอภิวัฒน์ อายุ 27 ปี เลขประจำตัวประชาชน 1-104........ ที่อยู่ อ.บางปะอิน จ.พระนครศรีอยุธยา
นายภานุพงษ์ อายุ 36 ปี เลขประจำตัวประชาชน 1-101......... ที่อยู่ ต.บางพึ่ง อ.พระประแดง จ.สมุทรปราการ
นายศรายุท อายุ 34 ปี เลขประจำตัวประชาชน 1-330............ ที่อยู่ ต.บางพึ่ง อ.พระประแดง จ.สมุทรปราการ
นายสุธี อายุ 33 ปี เลขประจำตัวประชาชน 1-101.............. ที่อยู่ ต.บางครุ อ.พระประแดง จ.สมุทรปราการ

พร้อมของกลาง
1. ยาบ้า 480,000 เม็ด
2. ไอซ์ 1,098 ก.
3. เคตามีน 1,000 ก.
4. โทรศัพท์มือถือ 6 เครื่อง

ฐานความผิดร่วมกันจำหน่ายยาเสพติดให้โทษประเภท 1 (เมทแอมเฟตามีน หรือยาบ้าและไอซ์) โดยมีไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่าย โดยเป็นการกระทำเพื่อการค้า ก่อให้เกิดการแพร่กระจายในกลุ่มประชาชนและเป็นภัยมั่นคงต่อรัฐ

ร่วมกันจำหน่ายวัตถุออกฤทธิ์ต่อจิตและประสาทประเภท 2 (เคตามีน) โดยมีไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่าย โดยเป็นการกระทำเพื่อการค้า ก่อให้เกิดการแพร่กระจายในกลุ่มประชาชน

สถานที่จับกุม บ้านพักเลขที่ 29/785 แยก 15 หมู่บ้าน เคซี รามอินทรา 1 ซอยหทัยราษฎร์ 39 แขวงสามวาตะวันตก เขตคลองสามวา กรุงเทพมหานคร ต่อเนื่องลานจอดรถ ภายในซอยหทัยราษฎร์ 39 แขวงสามวาตะวันตก กทม.

‘ยอดชาย พึ่งพร’ สส.ชลบุรี ปชน.อ้าง!! มีคนติดต่อซื้อตัว 55 ล้าน หากย้ายพรรค!! จะได้ทั้งเงินเดือนละ 2.5 แสน รถหรูเพิ่ม

(10 พ.ค. 68) นายนิยม เที่ยงธรรม ผู้สมัครนายกเทศมนตรีเทศบาลเมืองหนองปรือ อ.บางละมุง จ.ชลบุรี เป็นผู้จัดการปราศัยต่อหน้าประชาชนจำนวนมาก ที่มาร่วมฟังนโยบายการบริหารงานถ้าได้มีโอกาสเข้าไปทำหน้าที่ ณ ไร่วนาสินธุ์ ต.หนองปรือ อ.บางละมุง จ.ชลบุรี

ในงานนี้ ได้มีนายยอดชาย พึ่งพร สส.พรรคประชาชน เขต 9 (พัทยา-หนองปรือ) จ.ชลบุรี ได้กล่าวหน้าเวทีปราศรัยว่า เมื่อวันที่ 19 เมษายนที่ผ่านมา ได้มีผู้แทนของพรรคการเมืองพรรคหนึ่งมายื่นข้อเสนอให้เงิน 55 ล้านบาท พร้อมเงินเดือนเพิ่มอีกเดือนละ 250,000 บาท รถตู้ยี่ห้อหรูอีก 1 คัน เพื่อให้ย้ายไปอยู่ในสังกัดพรรคตัวเอง ที่ยื่นข้อเสนอให้ แต่ไม่ได้พูดว่าผู้ที่ติดต่อมาจากพรรคไหน

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า จากการที่นายยอดชาย พึ่งพร ได้กล่าวต่อหน้าสาธารณชนแบบนี้ ประชาชนต่างตั้งคำถามว่า เป็นการสร้างความสำคัญให้ตัวเองเกินความจริงหรือไม่ อีกทั้ง อาจส่งผลให้ สส.พรรคในพื้นที่ จ.ชลบุรี เกิดความเสียหรือไม่ เพราะ สส.ยอดชาย ไม่บอกว่าเป็นใครที่ติดต่อไปหาตัวเอง ประชาชน และนักการเมืองในพื้นที่ จ.ชลบุรี จึงเรียกร้องขอให้นายยอดชาย พึ่งพร ออกมาแสดงความรับผิดชอบในคำพูดของตัวเอง พร้อมทั้งเปิดเผยตัวตนผู้ที่ติดต่อยื่นข้อเสนอให้ประจักษ์ต่อสังคม จะเชื่อได้ว่านายยอดชาย ไม่ได้สร้างวาทกรรมให้ความสำคัญ และมูลค่าตัวเองเกินความจริง

ส่วนประชาชนที่ร่วมฟังขอเรียกร้องให้นายยอดชาย เปิดเผยเบอร์โทรศัพท์ ชื่อคน และชื่อพรรคการเมือง ที่มายื่นเสนอให้ เพื่อพี่น้องประชาชนจะได้รู้ถึงความชั่วร้ายของการเมืองที่ใช้เงินซื้อเสียง และซื้อตัว สส. และขอเรียกร้องให้นายยอดชาย แจ้งความดำเนินคดีกับผู้ที่โทรมาติดต่อ พร้อมเปิดเผยพรรคการเมืองที่เสนอให้ เพื่อช่วยให้สังคมการเมืองโปร่งใส ถ้านายยอดชาย กล้าแสดงจุดยืนของตัวเอง ก็ต้องไปแจ้งความเพื่อแสดงความเป็นลูกผู้ชาย เพื่อลบล้างวาทกรรม ที่อาจดูเป็นการสร้างมูลค่าให้ตัวเองมากเกินไป


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top