Tuesday, 8 July 2025
พรรคประชาชน

‘ลิณธิภรณ์’ ฟาดใส่!! ‘โรม’ ไร้มารยาท เหตุ!! วิจารณ์ ‘อันวาร์’ หารือ ‘ทักษิณ’

(29 ธ.ค. 67) น.ส.ลิณธิภรณ์ วริณวัชรโรจน์ สส.บัญชีรายชื่อ และรองเลขาธิการพรรคเพื่อไทย (พท.) กล่าวกรณีนายรังสิมันต์ โรม สส.บัญชีรายชื่อ รองหัวหน้าพรรคประชาชน พาดพิงนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯ พบหารือนายดาโตะ เซอรี อันวาร์ อิบราฮิม นายกรัฐมนตรีมาเลเซียว่า งงกับนายรังสิมันต์ที่ตั้งคำถามเหมือนคนไม่ตามข่าวสาร ว่า นายกรัฐมนตรีมาเลเซียซึ่งกำลังรับตำแหน่งเป็นประธานอาเซียนในปี 2568 แต่งตั้งอดีตนายกฯ ทักษิณเป็นที่ปรึกษาประธานอาเซียนอย่างไม่เป็นทางการ ไม่ใช่เพราะท่านทักษิณเป็นล็อบบี้ยิสต์หรือเป็นเสมือนนายกรัฐมนตรีอย่างที่นายรังสิมันต์ยัดเยียด แต่เพราะนายกฯ มาเลเซียชี้แจงว่า “ท่านทักษิณเป็นผู้มีความเชี่ยวชาญอันโดดเด่น และจะเปิดโอกาสอันประเมินค่าไม่ได้กับมาเลเซียและอาเซียน”

น.ส.ลิณธิภรณ์ กล่าวต่อว่า แม้อดีตนายกฯ ทักษิณ จะไม่มีตำแหน่งอย่างเป็นทางการในรัฐบาลนี้ แต่การหารือที่เกิดขึ้นนั้น นายกฯ อันวาร์ก็เน้นย้ำวิสัยทัศน์การพัฒนาความสัมพันธ์ทวิภาคีระหว่างประเทศร่วมกับนายกฯ แพทองธาร ซึ่งเป็นผู้นำรัฐบาลไทย ดังนั้นเป้าหมายของเหล่าผู้นำ และประสบการณ์ที่ผู้นำต่างประเทศยกย่องเชิดชูอดีตนายกฯ ทักษิณ ล้วนแล้วแต่จะเป็นประโยชน์สูงสุดกับประเทศและภูมิภาค

“มัวแต่จ้องจับผิดจนลามถึงผู้นำต่างประเทศ ที่เขาแต่งตั้งอดีตนายกฯ ทักษิณเป็นที่ปรึกษา นับว่านายรังสิมันต์ตั้งคำถามแบบไม่มีมารยาท สุ่มเสี่ยงยุแยงความสัมพันธ์ระหว่างสองประเทศ โดยที่พรรคประชาชนไม่เคยรับผิดชอบ เลิกอ้างประชาชนอยากรู้ เพราะประชาชนทั่วไปต่างติดตามประโยชน์ของชาติ ที่มีอดีตผู้นำที่มีความสัมพันธ์อันดีกับนานาชาติ นำพาการเจรจาร่วมมือไปได้อย่างราบรื่น ต่างจากการมองโลกในแง่ลบ ตีทุกอย่างในแง่ร้าย เกิดประโยชน์อะไรกับประเทศ” น.ส.ลิณธิภรณ์ กล่าวทิ้งท้าย

โซเชียลวิจารณ์ยับ ‘สส. พรรคส้ม’ ขึ้นป้ายอวยพรปีใหม่ "ทำบาปมาทั้งปี สวดมนต์ข้ามปีแค่วันเดียว?"

สะพัดป้ายไวนิลนักการเมืองพรรคประชาชน หรืออดีตพรรคก้าวไกล ขึ้นป้าย "สวัสดีปีใหม่ ทำบาปมาทั้งปี สวดมนต์ข้ามปีแค่วันเดียว?" พบเป็นของ ‘ฉัตร สุภัทรวณิชย์’ สส.โคราช ยกบุญกิริยาวัตถุ 10 สั่งสอน

(30 ธ.ค. 67) บนโซเชียลฯ แชร์ภาพป้ายไวนิลของนักการเมืองพรรคประชาชน หรืออดีตพรรคก้าวไกลรายหนึ่ง ระบุข้อความว่า "สวัสดีปีใหม่ ทำบาปมาทั้งปี สวดมนต์ข้ามปีแค่วันเดียว?" และระบุว่า "สแกน QR CODE เข้าร่วมการเปลี่ยนแปลงได้ที่" พร้อมกับคิวอาร์โค้ดให้ผู้สนใจ

จากการตรวจสอบพบว่านักการเมืองรายดังกล่าว คือ นายฉัตร สุภัทรวณิชย์ สส.นครราชสีมา เขต 1 พรรคประชาชน หรืออดีตพรรคก้าวไกลเดิม โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กส่วนตัว ระบุว่า "รู้จัก “บุญกิริยาวัตถุ 10” ทางแห่งการทำดี 10 ประการ

ในทางพระพุทธศาสนา มีการทำบุญด้วยกัน 10 วิธี เรียกว่า บุญกิริยาวัตถุ 10 ที่ตั้งแห่งการกระทำความดี ทางกาย วาจา และ ทางใจ ได้แก่

1. ทานมัย บุญสำเร็จจากการให้วัตถุเพื่อสงเคราะห์หรือบูชาแก่ผู้อื่น
ทานมัย หมายถึง การให้ทาน การสละ หรือการเผื่อแผ่แบ่งปัน ไม่ว่าจะเป็นเงินทอง ข้าวของเครื่องใช้หรือสิ่งอื่นใด กับใครก็ได้ถือเป็นบุญทั้งสิ้น สิ่งสำคัญของการบริจาคหรือให้ทานแก่ผู้อื่น ควรเป็นสิ่งของที่ยังใช้ได้ ไม่เสียหายชำรุด หรือ หมดอายุ การให้ทานทำได้ทุกที่ทุกเวลา และไม่จำเป็นต้องเป็นเงิน เช่น การแบ่งของกินให้กับแม่บ้านที่ทำงาน หรือยาม เป็นต้น

ผลที่ได้รับ ทำให้ผู้ที่ให้ทานลดความเห็นแก่ตัว ความตระหนี่ และความคับแคบในจิตใจให้น้อยลง ไม่ยึดติดในวัตถุสิ่งของ

2. สีลมัย บุญสำเร็จจากการงดเว้นจากทุจริต หรือประพฤติสุจริตทางกาย วาจา
สีลมัย หรือ การรักษาศีล หมายถึง การปฏิบัติทางกายและวาจา เช่น ศีล 5 ศีล 8 เช่น เป็นแม่ค้าไม่โกหกหลอกขายของไม่ดีแก่ลูกค้า เป็นพ่อบ้านไม่กินเหล้าเมายา ทำให้ลูกเมียมีความสุข ล้วนเป็นการรักษาศีล

ผลที่ได้รับ เป็นการฝึกฝนมิให้ไปเบียดเบียนผู้อื่น ลด ละ เลิกความชั่ว มุ่งให้กระทำความดี อันเป็นการพัฒนาคุณภาพชีวิต มิให้ตกต่ำลง ทำให้เป็นคนเยือกเย็น สุขุม

3. ภาวนามัย บุญสำเร็จจากการอบรมจิตให้สงบจากกิเลส และการอบรมปัญญาเพื่อละกิเลสทั้งปวง
ภาวนามัย หรือ เจริญภาวนา เป็นการมุ่งพัฒนาจิตใจและปัญญา เห็นคุณค่าสิ่งต่างๆ ตามความเป็นจริง เช่น นั่งสมาธิ วิปัสสนา หรือ วิธีการสวดมนต์

ผลที่ได้รับ เป็นการเตือนสติให้เรายึดมั่นในการประพฤติปฏิบัติชอบ ทำให้จิตใจสงบ และผลบุญนี้จะทำให้เกิดปัญญาแก่ผู้ปฏิบัติ

4. อปจายนมัย บุญสำเร็จจากการประพฤติอ่อนน้อมถ่อมตน
อปจายนมัย หรือ การอ่อนน้อมถ่อมตน คือ การประพฤติตนเป็นคนอ่อนน้อมถ่อมตน ไม่ว่าจะเป็นผู้น้อยประพฤติต่อผู้ใหญ่ และการที่ผู้ใหญ่แสดงตอบด้วยความเมตตา หรือการอ่อนน้อมต่อผู้มีคุณธรรม รวมถึงการให้เกียรติ ให้ความเคารพต่อความคิด ความเชื่อ และวิถีปฏิบัติของบุคคล หรือสังคมอื่นที่แตกต่างจากเรา

ผลที่ได้รับ ลดความยึดมั่นถือมั่นในความเป็นตัวตนของเรา ช่วยให้สังคมทุกระดับเกิดความเข้าใจต่อกัน ผลบุญข้อนี้จะทำให้เกิดความเมตตาต่อกัน

5. เวยยาวัจจมัย บุญสำเร็จจากการขวนขวายบำเพ็ญประโยชน์ต่อผู้อื่น
เวยยาวัจจมัย หรือ การช่วยขวนขวายทำในกิจที่ชอบเป็นการให้ความช่วยเหลือแก่สังคมรอบข้าง ในการทำกิจกรรมความดีต่างๆ เช่น ช่วยงานเพื่อนที่ทำงานให้แล้วเสร็จทันเวลา ให้กำลังใจแก่เพื่อนที่มีความทุกข์

ผลที่ได้รับ ช่วยให้เกิดความรักความสามัคคี

6. ปัตติทานมัย บุญสำเร็จจากการให้ส่วนบุญที่ได้บำเพ็ญมาแล้ว
ปัตติทานมัย หรือ การให้ผู้อื่นมาร่วมทำบุญกับเรา คือ ไม่ว่าจะทำบุญอะไร ก็เปิดโอกาสให้คนอื่นได้มาร่วมทำบุญด้วย ไม่ขี้เหนียว หรืองกบุญเพราะอยากได้บุญใหญ่ไว้คนเดียว เช่น จะทำบุญสร้างโบสถ์ ก็ให้คนอื่นได้ร่วมสร้างด้วย

ผลที่ได้รับ จะช่วยให้เราเป็นคนใจกว้าง และปราศจากอคติต่างๆ เพราะพร้อมเปิดใจรับผู้อื่น

7. ปัตตานุโมทนามัย บุญสำเร็จจากการยินดีในกุศลที่ผู้อื่นได้กระทำแล้ว
ปัตตานุโมทนามัย หรือ การอนุโมทนาส่วนบุญ คือ การยอมรับหรือยินดีในการทำความดีหรือทำบุญของผู้อื่น เมื่อใครไปทำบุญมาก็รู้สึกชื่นชมยินดีไปด้วย โดยไม่คิดอิจฉาหรือระแวงสงสัยในการทำความดีของผู้อื่น เช่น ร่วมอนุโมทนากับเพื่อนที่ไปสร้างโบสถ์สร้างวัด ไม่อิจฉาแม้เราไม่ได้ไป และอย่าไปคิดอกุศลว่าในทางที่ไม่ดี

ผลที่ได้รับ การไม่คิดในแง่ร้ายทำให้เราจิตใจไม่เศร้าหมอง เพราะได้ยินดีกับกุศลผลบุญต่างๆ อยู่ตลอดเวลา แม้จะมิได้ทำเองโดยตรงก็ตาม

8. ธัมมัสสวนมัย บุญสำเร็จจากการฟังพระสัทธรรม
ธัมมัสสวนมัย หรือ การฟังธรรม ทำให้เราได้ฟังเรื่องที่ดี มีประโยชน์ทั้งต่อสติปัญญา และการดำเนินชีวิต ซึ่งการฟังธรรมนี้ ไม่จำเป็นต้องไปฟังที่วัด แต่อาจจะฟังจากเทป ซีดี หรือเป็นการฟังจากผู้รู้ต่างๆ โดยไม่รวมเฉพาะหลักธรรมทางศาสนาเท่านั้น แต่ยังหมายรวมไปถึงเรื่องจริง เรื่องดีๆ ที่ทำให้ผู้ฟังเกิดความรู้และปัญญา

ผลที่ได้รับ จะทำให้ผู้ฟังเกิดการรู้แจ้งเห็นจริงยิ่งขึ้น

9. ธัมมเทสนามัย บุญสำเร็จจากการแสดงพระสัทธรรม
ธัมมเทสนามัย หรือ การแสดงธรรม คือการให้ธรรมะหรือข้อคิดที่ดี ๆ แก่ผู้อื่น ด้วยการนำธรรมะหรือเรื่องดีๆ ที่เป็นประโยชน์ไปบอกต่อ หรือให้คำแนะนำให้เขาได้รู้จักวิธีการดำเนินชีวิตที่ดี เช่น สอนวิธีการแก้ปัญหา สอนวิธีการทำงานให้ แนะหลักธรรมที่ดีในการดำเนินชีวิต

ผลที่ได้รับ ทำให้ผู้อื่นได้รับรู้สิ่งที่เป็นประโยชน์ และทำให้ผู้บอกกล่าวได้รับการยกย่องสรรเสริญอีกด้วย

10. ทิฏฐุชุกัมม์ ทำความเห็นให้ตรงถูกต้องตามความเป็นจริง
ทิฏฐุชุกัมม์ หรือ การทำความเห็นให้ถูกต้อง คือ การไม่ถือทิฐิ เอาแต่ความคิดเห็นของตนเป็นใหญ่ แต่ให้รู้จักแก้ไข ปรับปรุงพัฒนาความคิดเห็น และความเข้าใจในเรื่องต่างๆ ให้ถูกต้องตามธรรมอยู่เสมอ เป็นบุญข้อสุดท้ายที่สำคัญ เพราะไม่ว่าจะทำบุญใดทั้ง 9 ข้อที่กล่าวมา หากมิได้ตั้งอยู่ในทำนองครองธรรม การทำบุญนั้นก็ไม่บริสุทธิ์ และให้ผลได้ไม่เต็มที่

ผลที่ได้รับ ความเข้าใจให้ถูกต้องตามธรรม เป็นการพัฒนาปัญญาที่นำไปสู่การมีชีวิตที่ดีงาม"

อย่างไรก็ตาม โพสต์ดังกล่าวมีทั้งผู้สนับสนุนพรรคประชาชน หรืออดีตพรรคก้าวไกลเดิมต่างเห็นด้วย กดไลค์และกดหัวใจ แต่ก็มีชาวเน็ตที่เห็นข้อความดังกล่าวตำหนิโพสต์ดังกล่าว อาทิ
- ป้ายนี้รู้สึกจะมีดราม่านะครับ
- ท่าน สส. ทำได้อย่างที่คัดลอกตำรามาโพสต์ไหม
- ต้องกินเหล้าข้ามปีรึไง เรื่องดีๆ ไม่ชอบเหรอ
- เป็นการโปร (โปรโมต) ที่ห่วยแตกมาก ทำบาปมาทั้งปีสวดมนต์ข้ามปีเเค่วันเดียว อย่างน้อยในช่วงเวลาที่เขาสวดมนต์ก็เป็นเวลาที่เขาเจริญกุศล ไม่ควรดูหมิ่นว่าบุญมีประมาณน้อย ดังที่พระสัมมาสัมพุทธเจ้าตรัสว่า “บุคคลไม่ควรดูหมิ่นบุญว่าบุญมีประมาณน้อยจะไม่มาถึง แม้หม้อน้ำยังเต็มด้วยหยาดน้ำที่ตกลงมาทีละหยาดได้ ฉันใด ชนผู้มีปัญญา สั่งสมบุญแม้ทีละน้อย ย่อมเต็มด้วยบุญได้ฉันนั้น” และในการที่ไปสวดมนต์นั้นเขาคงไม่ได้ไปสวดอย่างเดียวหรอกต้องมีการฟังบรรยายธรรม รักษาศีล เจริญภาวนาบ้างเเหละ ไปศึกษาให้ดีก่อนนะ ค่อยโปร มีแต่เสียกับเสียไปทำความเข้าใจกับบุญกิริยาวัตถุ 10 มาใหม่ ไม่ใช่สักว่า copy เเล้วมาวาง

- สวดมนต์เป็นการเจริญกุศลครับ เข้าภาวนามัยและขวนขวายในทางที่ควรอย่าเอาไวรัลแบบนี้เลย
- สำหรับเรา นี่คือการสื่อสารที่ห่วยมาก
คนที่สวนมนต์ข้ามปี = คนที่ทำบาปมาทั้งปี ?
สิ่งหนึ่งที่ต้องระวังให้มาก ถึงมากที่สุด คือ "การสื่อสารทางเดียว" มันจะถูกตีความเสมอ และบ่อยครั้งมากที่จะไม่ตรงตามเจตนาของผู้ส่งสาร เพราะการตีความนั้นขึ้นอยู่กับประสบการณ์ของผู้รับสาร ไม่ใช่ผู้ส่งสาร

เราเข้าไปอ่านเนื้อหาข้างใน ก็ยังไม่เข้าใจอยู่ดีว่ามันเกี่ยวอะไรกับภาพ อยากเป็นคนตื่นธรรม รู้แจ้งเรื่องธรรม ก็ทำไปสิ วิธีที่จะใช้ปูเข้าเนื้อหา 10 ข้อนั้นที่ "ชวนอ่านแบบสุนทรีย์" มีตั้งเยอะแยะ ไม่ต้องใช้วิธีแบบ "หาเรื่อง" อย่างนี้ก็ได้.

เหนืออื่นใดคือ เราทุกผู้ทุกคนล้วนเป็นคนบาป เพราะเราเป็นมนุษย์ ถ้ามันจะพอมีสักวันหนึ่งที่เขาจะได้เข้าวัด(หรือสถานที่อื่นใดของศาสนาอื่น) เพื่อสวดปลอบประโลมจิตใจตัวเองบ้าง ก็เรื่องของเขา ซึ่งคุณไม่มีวันรู้เลยว่าตลอดทั้งปีเขาเจออะไรมาบ้าง

ไม่ต้องเรียกแขกมากหรอก เอาแค่ที่มีอยู่ก็รับมือกันไม่ไหวแล้ว สื่อสารแบบสร้าง "มิตร" เถอะ ยื่งหายากอยู่นะ

อย่างไรก็ตาม ล่าสุดเจ้าตัวได้โพสต์ขออภัยผ่านเฟซบุ๊กของตนเองแล้ว โดยระบุว่า ขออภัยและขอโทษ ผู้หลักผู้ใหญ่หลายๆท่านครับ  การสวดมนต์เป็นเรื่องดี และอยากให้เราสวดมนต์กันบ่อยๆ อยู่บ้านสวดได้ทุกวัน ก่อนไปทำงาน พนมมือตั้งนะโม 3 จบ เป็นมงคลดีมากๆ และนำแนวทาง บุญกิริยาวัตถุ 10 ประการ มาเป็นแนวทางการสร้างบุญคับ

สำหรับนายฉัตร สุภัทรวณิชย์ เป็นศิษย์เก่าโรงเรียนมารีย์วิทยา โรงเรียนอัสสัมชัญนครราชสีมา โรงเรียนราชสีมาวิทยาลัย โรงเรียนเตรียมอุดมศึกษา จบการศึกษาปริญญาตรี บริหารการขนส่งระหว่างประเทศ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ปริญญาโท การตลาดเชิงกลยุทธ์ มหาวิทยาลัยศรีปทุม และกำลังศึกษารัฐประศาสนศาสตร์ระดับปริญญาโท สถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์ ผู้บริหารและที่ปรึกษาบริษัทเอกชน ก่อตั้งและสร้างธุรกิจ บริษัทนำเข้า-ส่งออก ผู้อำนวยการสถาบันชุณหะวัณเพื่อการพัฒนาธุรกิจ SMEs อย่างยั่งยืน มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลอีสาน

เส้นทางการเมือง เคยเป็นรองประธานสภาและสมาชิกสภาเทศบาลนครนครราชสีมา กลุ่มประสานมิตร ของนายสุรวุฒิ เชิดชัย เคยเป็นผู้สมัครรับเลือกตั้งนายกเทศมนตรีนครนครราชสีมา ในนามคณะก้าวหน้า ของนายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ เมื่อปี 2564 แต่ไม่ได้รับการเลือกตั้ง แพ้ให้กับนายประเสริฐ บุญชัยสุข กลุ่มโคราชชาติพัฒนา ของนายสุวัจน์ ลิปตพัลลภ แต่การเลือกตั้ง สส. เมื่อปี 2565 นายฉัตรลงสมัครในนามพรรคก้าวไกล ซึ่งมีแคนดิเดตนายกรัฐมนตรี คือนายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ ชนะนายเทวัญ ลิปตพัลลภ จากพรรคชาติพัฒนากล้า ได้เป็น สส.ถึงปัจจุบัน

‘ไอติม’ อัด!! ก.ศึกษาฯ แก้ ‘ทรงผมนักเรียน’ ไม่ตรงจุด แนะส่วนกลางชี้ขาด!! ทุกโรงเรียน หยุดบังคับเด็ก

(4 ม.ค. 68) จากกรณีที่ นายสิริพงศ์ อังคสกุลเกียรติ โฆษกกระทรวงศึกษาธิการ (ศธ.) กล่าวยืนยันว่า กระทรวงมีหนังสือยกเลิกระเบียบว่าด้วยการไว้ทรงผมของนักเรียน พ.ศ.2563 ตั้งแต่วันที่ 16 มกราคม พ.ศ.2566 ดังนั้น ‘ทรงติ่งหู’ หรือ ‘ทรงขาว 3 ด้าน’ จะไม่ถูกเรียกว่า ‘ทรงผมนักเรียน’ อีกต่อไป เพราะไม่มีการระบุความสั้น/ยาวของทรงผมนักเรียนชายและนักเรียนหญิงแล้ว ส่วนการจะกำหนดให้ผู้เรียนไว้ทรงผม แต่งกายแบบไหน ให้เป็นไปตามวิจารณญาณของสถานศึกษา โดยให้โรงเรียนเปิดช่องทางให้ผู้เรียนพูดคุยเพื่อหาทางออกที่ดีที่สุดนั้น

เรื่องนี้ นายพริษฐ์ วัชรสินธุ สส.บัญชีรายชื่อและโฆษกพรรคประชาชน แสดงความเห็นผ่าน X เมื่อวันที่ 3 มกราคมที่ผ่านมา ระบุว่า หาก ศธ. ตั้งเป้าว่าไม่ควรมีนักเรียนคนไหนที่ต้องถูกบังคับเรื่องทรงผม ผมเห็นว่าสิ่งที่กระทรวงทำอยู่ ยังแก้ปัญหาไม่ตรงจุดครับ

สิ่งที่กระทรวงทำ = ยกเลิกการบังคับจากส่วนกลางว่านักเรียนจะต้องมีทรงผมแบบไหน แต่เปิดช่องให้แต่ละโรงเรียนตัดสินใจเองได้ที่จะบังคับนักเรียนในโรงเรียนนั้นๆ เรื่องทรงผม

สิ่งที่กระทรวงควรทำ = ออกมาตรฐานจากส่วนกลาง เพื่อกำหนดว่าทุกโรงเรียนจะต้องหยุดการบังคับนักเรียนเรื่องทรงผม

‘ทักษิณ - พิธา’ ชื่นมื่น!! ร่วมงานแต่ง สส.ลำปาง ย้ำ!! ไม่คุยเรื่องการเมือง แต่คุยเรื่องบ้านเมือง

เมื่อวานนี้ (10 ม.ค. 68) เมื่อเวลา 18.00 น. ที่โรงแรมอัศวิน แกรนด์ คอนเวนชั่น หลักสี่ กรุงเทพฯ นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี พร้อมด้วยนายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ อดีตหัวหน้าพรรคก้าวไกล (ก.ก.) เดินทางมาร่วมพิธีฉลองมงคลสมรสระหว่างนายธนาธร โล่ห์สุนทร สส.ลำปาง เขต 2 พรรคเพื่อไทย (พท.) บุตรชายนายไพโรจน์ โล่ห์สุนทร อดีตสส.ลำปาง พรรค พท. กับน.ส.รภัสสรณ์ นิยะโมสถ สส.ลำปาง เขต 4 พรรคประชาชน (ปชน.)

โดยมีบรรดารัฐมนตรี สส.จากพรรค พท.และพรรค ปชน. เดินทางมาร่วมงานอย่างคึกคัก อาทิ นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม นายพิชัย นริพทะพันธุ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ นายชูศักดิ์ ศิรินิล รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ ที่ปรึกษาของนายกรัฐมนตรี น.ส.พรรณิการ์ วานิช แกนนำคณะก้าวหน้า

ทันทีที่นายทักษิณมาถึง ได้มีรัฐมนตรี สส. อดีตสส. ของพรรค พท. มารอต้อนรับบริเวณด้านหน้าทางเข้า และมีนายอัศวิน อิงคะกุล ประธานกรรมการบริหารมิราเคิลกรุ๊ป ในฐานะเจ้าของโรงแรมอัศวินแกรนด์ คอนเวนชั่น มารอให้การต้อนรับและมอบกระเช้าดอกไม้ พวงมาลัยพร้อมด้วยกระเช้าส้ม ให้แก่นายทักษิณ

นายทักษิณ ให้สัมภาษณ์ถึงการมาออกงานคู่กับนายพิธาว่า ดี ๆ เดี๋ยวก็ได้เจอกันบ้าง ไม่ได้เจอกันเลย ผู้สื่อข่าวจึงถามย้ำว่า ก่อนหน้านี้ไปเป็นผู้ช่วยหาเสียงในหลายจังหวัดในช่วงระยะเวลาใกล้เคียงกัน แต่ก็ไม่ได้เจอกันเลย นายทักษิณ กล่าวว่า ก็ไม่ได้เจอกันเลย เดี๋ยวจะนั่งคุยกัน สำหรับประเด็นในการพูดคุยก็มี ส่วนจะได้มีการพูดคุยเรื่องการหาเสียงนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัด (อบจ.) หรือไม่ นายทักษิณกล่าวว่า คงไม่ได้คุยกันเรื่องการเมือง แต่คุยเรื่องบ้านเมือง

โดยนายทักษิณได้เขียนคำอวยพรให้คู่บ่าวสาวว่า “ขอแสดงความยินดีกับคุณธนาธรและคุณน.ส.รภัสสรณ์ ที่ได้ร่วมชีวิตกัน ขออวยพรให้มีแต่ความสุข ความสมหวัง และความสำเร็จในชีวิตคู่ตลอดไป ด้วยรักและปรารถนา”

‘พรรคประชาชน’ จัดงานวันเด็ก ‘ไอติม’ ปลื้ม!! ร่าง พ.ร.บ.ไม่ตีเด็ก ผ่านสภาฯ ย้ำ!! สร้างระบบการศึกษาที่ตอบโจทย์ เพื่อประโยชน์อันสูงสุด ของเด็กทุกคน

(11 ม.ค. 68) ที่อาคารอนาคตใหม่ ‘พรรคประชาชน’ จัดกิจกรรมวันเด็ก ‘เมื่อทุกคนเลือกห้องเรียนเองได้’ โดยบรรยากาศที่อาคารอนาคตใหม่เป็นไปอย่างคึกคัก เด็ก ผู้ปกครอง และประชาชนเดินทางมาร่วมกิจกรรมตั้งแต่เช้า นอกจากนี้ยังมีการแถลงข่าวสรุปร่าง พ.ร.บ. การศึกษา ฉบับพรรคประชาชน พร้อมเปิดตัว e-book โดยเปิดให้เด็กและประชาชนที่มาร่วมงานสามารถชมเบื้องหลังการแถลงข่าวได้ 

นายพริษฐ์ กล่าวว่า ในวันเด็กทุก ๆ ปีคำขวัญวันเด็ก เป็นสิ่งที่สังคมมักให้ความสนใจ แม้เป็นธรรมเนียมที่เราคุ้นชินกันมายาวนานกว่า 60 ปี ตนและพรรคประชาชนมองว่าในฐานะคนทำงานการเมือง สิ่งที่สำคัญที่สุดสำหรับเด็กและเยาวชนในประเทศเรา อาจไม่ใช่คำขวัญ ที่เป็นการสรุปสิ่งที่ผู้ใหญ่ในสังคมคาดหวังจากพวกเขา แต่คือคำสัญญาว่าพวกเราจะทำให้อนาคตพวกเขาดีขึ้นได้อย่างไร 

ย้อนไปเมื่อวันเด็กปีที่แล้ว (13 ม.ค. 2567) คำสัญญาหนึ่งที่เราได้แถลงต่อสาธารณะ คือการผลักดันร่าง พ.ร.บ. ไม่ตีเด็ก เพื่อทำให้บ้าน สถานศึกษา และทุกพื้นที่ในสังคม เป็นพื้นที่ปลอดภัยที่เด็กทุกคนสามารถเติบโตขึ้นมาได้โดยไม่ถูกลงโทษในลักษณะที่เป็นการใช้ความรุนแรงต่อร่างกายหรือจิตใจเด็ก ผ่านไปไม่ถึง 1 ปี ภูมิใจที่พรรคประชาชนและฝ่ายต่างๆ ในรัฐสภาร่วมกันผลักดันให้กฎหมายดังกล่าวผ่านความเห็นชอบของทั้งสองสภาได้โดยสำเร็จ 

นายพริษฐ์กล่าวว่า ในวันเด็กปีนี้11 ม.ค. 2568 เราจึงใช้โอกาสเปิดตัวร่าง พ.ร.บ. การศึกษาของพรรคประชาชน ที่เราจะยื่นเข้าสู่สภาผู้แทนราษฎร และหวังจะผลักดันร่วมกับพรรคการเมืองอื่นๆ เพื่อหวังให้สภาผู้แทนราษฎรอย่างน้อยได้ลงมติรับหลักการร่างดังกล่าว ก่อนจะถึงวันเด็กในปีหน้า ตนเชื่อว่าพวกเราเห็นตรงกัน ว่าท่ามกลางปัญหาต่างๆของการศึกษาไทย ทั้งเรื่องคุณภาพ ความเหลื่อมล้ำ ความสุขผู้เรียน และภาระงานครู และความท้าทายใหม่ๆ ที่เข้ามา เราจะปล่อยให้การศึกษาไทยไปต่อแบบเดิมไม่ได้ แม้หลายปัญหาถูกแก้ไขได้โดยไม่ต้องรอการแก้ไขกฎหมาย แม้กฎหมายฉบับเดียวไม่สามารถแก้ปัญหาการศึกษาได้ทั้งหมด แต่การผลักดัน พ.ร.บ.การศึกษา ฉบับใหม่ จะเป็นกระดุมเม็ดแรกที่สำคัญ ในการสร้างบทสนทนาและวางรากฐานสำหรับระบบการศึกษาที่เราอยากเห็น  เพื่อพลิกโฉมการศึกษาและพาไทยเท่าทันโลก พวกเราพรรคประชาชนจึงขอเชิญชวนพี่น้องประชาชนทุกคนมาร่วมกันผลักดัน พ.ร.บ. การศึกษา ฉบับพรรคประชาชน ที่เราหวังว่าจะตอบโจทย์ผู้เรียน และยึดประโยชน์และอนาคตของผู้เรียนอยู่ในทุกมาตรา หากทำสำเร็จ พวกเราจะมีระบบการศึกษาที่ตอบโจทย์ผู้เรียนในอย่างน้อย 5 ด้านสำคัญ

1.สิทธิและสวัสดิการด้านการศึกษา ที่ตอบโจทย์ผู้เรียน จะได้รับสิทธิและสวัสดิการขั้นพื้นฐาน ที่ครอบคลุมและถูกรับประกันอย่างรัดกุมกว่าที่เคยเป็นมา (เช่น เรียนฟรีจนอย่างน้อยจบการศึกษาขั้นพื้นฐาน ใช้บริการแหล่งเรียนรู้ของรัฐได้ฟรี การเรียนการสอนที่มีคุณภาพ อุปกรณ์การเรียนที่ครบถ้วน การส่งเสริมสุขภาพที่ดีทั้งกายและใจ สถานศึกษาที่เป็นพื้นที่ปลอดภัย สิ่งอำนวยความสะดวกด้านการเดินทาง)ผู้ปกครองและผู้ดูแล จะได้รับสิทธิในการเข้าถึงแหล่งเรียนรู้และช่องทางพัฒนาทักษะในการส่งเสริมพัฒนาการและการเรียนรู้ของลูก รวมถึงข้อมูล สถิติ สารสนเทศ ที่จำเป็นหรือเป็นประโยชน์ต่อการร่วมวางแผน-ติดตามการเรียนรู้ของลูก

2.บุคลากรทางการศึกษา ที่ตอบโจทย์ผู้เรียน
- ครู จะมีเวลา-แรงจูงใจ-สมรรถนะ-สวัสดิภาพที่มั่นคง ในการจัดการเรียนการสอนที่มีคุณภาพ (เช่น การกำหนดมาตรฐานเพื่อลดภาระงานครูที่ไม่เกี่ยวข้องกับการเรียนการสอน ระบบการประเมินครูที่เชื่อมโยงกับผลสัมฤทธิ์ผู้เรียน การเข้าถึงการพัฒนาสมรรถนะของครูอย่างสม่ำเสมอโดยเน้นการใช้สถานศึกษาเป็นฐาน การมีส่วนร่วมของครูในการสรรหาและประเมินการทำงานหน้าที่ของผู้บริหาร)
- บุคลากรทางการศึกษา จะมีครอบคลุมได้หลากหลายตำแหน่ง ซึ่งสอดคล้องกับความท้าทายในการจัดการเรียนรู้ในยุคใหม่ (เช่น นักจิตวิทยา นักการภารโรง นักธุรการ นักการเงิน นักพัสดุ นักโภชนาการ นักเทคโนโลยีการศึกษา)

3.การเรียนการสอน ที่ตอบโจทย์ผู้เรียน
- หลักสูตร จะมี 3 ระดับ (กรอบหลักสูตรระดับประเทศ กรอบหลักสูตรระดับพื้นที่ หลักสูตรสถานศึกษา) เพื่อให้มีความยืดหยุ่นในการรองรับความหลากหลายของผู้เรียน โดยจะมีการทบทวนกรอบหลักสูตรระดับชาติอย่างสม่ำเสมอทุกๆ 5 ปี เพื่อให้เท่าทันการเปลี่ยนแปลง
- ระบบการประเมิน จะต้องมีความเชื่อมโยงกันทั้งระบบ มีการคำนึงถึงความพึงพอใจของนักเรียน ผู้ปกครอง ผู้ปฏิบัติงานในสถานศึกษา และชุมชนรอบข้างสถานศึกษา ไม่สร้างภาระต่อครูและบุคลากรทางการศึกษาเกินความจำเป็น และไม่กระทบต่อกิจกรรมการเรียนรู้ของผู้เรียน เทคโนโลยีด้านการศึกษา (เช่น แพลตฟอร์มการเรียนรู้ สื่อการเรียนการสอน เครื่องมือสำหรับครูและห้องเรียน) จะต้องได้รับการส่งเสริมทั้งด้านการผลิต การพัฒนา และการยกระดับทักษะบุคลากรในการใช้งาน โดยมีมาตรฐานการจัดเก็บ แลกเปลี่ยน และใช้ประโยชน์จากข้อมูลด้านการศึกษา อย่างเป็นระบบ

4.สถานศึกษา ที่ตอบโจทย์ผู้เรียน
- สถานศึกษา จะมีอิสระและอำนาจมากขึ้น ในการจัดการศึกษา (เช่น อำนาจด้าน 'วิชาการ' ในการออกแบบหลักสูตรสถานศึกษาของตนเอง อำนาจด้าน 'งบประมาณ' ในการได้รับเงินอุดหนุนแบบวงเงินรวม (block grant) ที่ไม่กำหนดวัตถุประสงค์ อำนาจด้าน 'บุคลากร' ในการร่วมสรรหาและบรรจุบุคลากรของตนเอง) คณะกรรมการสถานศึกษา จะทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น ด้วยตัวแทนของภาคส่วนต่าง ๆ ที่หลากหลายขึ้น อำนาจหน้าที่ที่กว้างขวางขึ้น และการสนับสนุนที่เพิ่มขึ้นเรื่องค่าตอบแทน ทรัพยากร และองค์ความรู้
- สถานศึกษาหลากหลายรูปแบบ จะได้รับการปลดล็อก โดยเฉพาะการศึกษานอกระบบโรงเรียน (เช่น บ้านเรียน ศูนย์การเรียน) ที่จะสามารถจัดได้สำหรับนักเรียนทุกประเภท โดยที่รัฐจะต้องคำนึงถึงความเสมอภาคในการอุดหนุนผู้เรียนในสถานศึกษาทุกสังกัดและทุกรูปแบบ

5.กระทรวงศึกษาธิการ ที่ตอบโจทย์ผู้เรียน
- โครงสร้างกระทรวง จะมีการออกแบบใหม่ให้มีประสิทธิภาพมากขึ้นด้วยกระบวนการการที่ทุกภาคส่วนมีส่วนร่วม ซึ่งจะเกิดขึ้นภายใน 2 ปี หลัง พ.ร.บ. การศึกษา บังคับใช้ โครงสร้างกระทรวง (ส่วนกลาง) จะมุ่งสู่การทำงานอย่างเป็นเอกภาพ & เน้นบทบาทในการกำหนดมาตรฐานสำหรับสถานศึกษา (regulator) มากกว่าการดำเนินงานภายในสถานศึกษา (operator) (เช่น มาตรฐานทางวิชาการ เกณฑ์ในการบริหารงานบุคคล สูตรในการจัดสรรงบประมาณระหว่างสถานศึกษาที่เป็นธรรม)
- โครงสร้างกระทรวง (ในพื้นที่) จะจะมุ่งสู่การทำงานอย่างไม่ซ้ำซ้อน & เน้นบทบาทเรื่องการอำนวยความสะดวกและสนับสนุนสถานศึกษา (facilitate) มากกว่าเรื่องการสั่งการและบังคับบัญชาสถานศึกษา (command & control)
- องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น จะเข้ามามีบทบาทได้มากขึ้นในภารกิจด้านการศึกษาและการเรียนรู้ รวมถึงได้รับการปลดล็อกให้สามารถสนับสนุนงบประมาณและทรัพยากรให้กับผู้เรียนหรือสถานศึกษาทุกสังกัดทุกแห่งในท้องถิ่นของตนเอง หรือเพื่อประโยชน์ของประชาชนในท้องถิ่นของตนเองได้

นายพริษฐ์กล่าวว่า แม้ต่างพรรคการเมืองต่างมีร่าง พ.ร.บ. การศึกษา ของตนเอง ซึ่งอาจมีเนื้อหาทั้งส่วนที่เหมือนและแตกต่างกันออกไปบ้าง แต่เราหวังว่าการผลักดัน พ.ร.บ. การศึกษา ฉบับใหม่ จะเป็นภารกิจที่ทุกพรรคพร้อมทำงานและผลักดันร่วมกันต่อไปในสภาผู้แทนราษฎร เพื่อประโยชน์สูงสุดต่อชีวิตความเป็นอยู่และอนาคตของเด็กทุกคน

‘พิธา’ บุก!! ตลาดบ้านเกิด ‘ทักษิณ’ ช่วยหาเสียง นายกฯ อบจ.เชียงใหม่ เชื่อ!! ฐานเสียงเปลี่ยนแล้วเปลี่ยนเลย ขอปชช.ช่วยทำครอบครัวส้มใหญ่ขึ้น

(12 ม.ค. 68) นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ อดีตหัวหน้าพรรคก้าวไกล ในฐานะผู้ช่วยหาเสียงพรรคประชาชน ลงพื้นที่ช่วยนายพันธุ์อาจ ชัยรัตน์ ผู้สมัครนายก อบจ.เชียงใหม่ ช่วงเช้าไปหาเสียงที่ตลาดอุ๊ยทา อ.สันกำแพง จ.เชียงใหม่ ซึ่งเป็นบ้านเกิดของนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี

นายพิธา เดินตลาดพบปะพี่น้องประชาชน ถือโทรโข่งปลุกใจด้วยการขานเบอร์ผู้สมัครเสียงดัง พร้อมกล่าวว่า ขอบคุณพี่น้องชาวสันกำแพงที่ไม่เคยลืมพวกเรา พวกเราจะไม่ลืมชาวสันกำแพงแน่นอน

จากนั้น นายพิธา ให้สัมภาษณ์สื่อมวลชนที่ต้องมาที่นี่ เพราะเป็นเขต สส. พรรคเรา ตนยังนึกถึงความไว้วางใจที่พี่น้องชาวสันกำแพงมอบให้มา ยังจำได้อยู่ ภาพที่เห็นก็เป็นครอบครัวก้าวไกล-ประชาชน เป็นครอบครัวที่ใหญ่ขึ้น

“ครอบครัวในเชียงใหม่เราก็ใหญ่ขึ้นเรื่อยๆ เป็นความตั้งใจที่จะมาชวนพี่น้องชาวเชียงใหม่ให้ความไว้วางใจอีกครั้ง เพื่อจะให้ครอบครัวของเราขยายมากขึ้นจะได้ดูแลพวกท่าน หากครอบครัวของพวกเราใหญ่ขึ้น นั่นหมายความว่าการเมืองในสภา การแก้กฎหมายสำคัญ การแก้ไขปัญหาพื้นที่รวมถึงงบประมาณที่จะนำมาใช้ อบจ. ก็มีหน้าที่โดยตรง เราจะได้ทำงานอย่างไร้รอยต่อกับท้องถิ่น” นายพิธา กล่าว

นายพิธา ให้สัมภาษณ์ถึงการพูดคุยกับนายทักษิณ ในงานฉลองมงคลสมรส สส.พรรคเพื่อไทยและพรรคประชาชน ว่า ไม่ได้มีอะไร วันนั้นก็ทักทายตามปกติ พอเสร็จงานตนก็แพ็คของมาลงพื้นที่หาเสียงลำพูน เชียงใหม่ต่อ ตนเชื่อว่า ประชาชนต้องการการแข่งขันทางการเมืองที่เข้มข้นตรงไปตรงมาทำงาน เพื่อให้เขาสามารถมีความเชื่อถือและเชื่อมั่นได้ว่าความเป็นไปของเชียงใหม่ที่จับต้องได้

“มันก็ผ่านมา 25 ปีแล้วนะ แกก็คงอยากจะเห็นว่าเชียงใหม่เปลี่ยนแปลงอะไร เจอโควิด ที่เรียกว่าเป็นเมืองปราบเซียนแล้ว ปราบเซียนเข้าไปใหญ่ เจอทั้งโควิดเจอทั้งฝุ่น เจอทั้งฝน ทั้งน้ำท่วม ดังนั้น ต้องมีคนรุ่นใหม่เข้าไปบริหารจัดการ” นายพิธา กล่าว

นายพิธา กล่าวต่อว่า ตนมาเชียงใหม่ครั้งนี้ ยังอบอุ่นเหมือนเดิม ไม่ว่าจะไปที่ไหนก็ได้รับการต้อนรับอย่างฝาคั่ง เชื่อว่าเป็นเพราะนโยบายที่ตอบโจทย์และโดนใจ

เมื่อถามว่ากังวลเรื่องฐานเสียงหรือไม่ นายพิธา กล่าวว่า การที่จะเป็นพรรคการเมืองอันดับ 1 อย่าง 42% เลือกเรา เดินไป 10 คน เลือกเราพรรคเดียว จะให้เป็นคนรุ่นใหม่อย่างเดียว มันไม่ใช่ มีคนรุ่นใหม่และคนรุ่นใหญ่ด้วย คราวนี้ พอเป็นเรื่อง อบจ. มันดูแลได้ตั้งแต่เด็กเล็กไปจนถึงคนสูงอายุ คงไม่ได้เลือกว่าจบเป็นคนรุ่นใหม่อย่างเดียว

นายพิธา ยังเชิญชวนให้คนกลับมาเลือกตั้ง ว่า ตนเข้าใจว่าเพิ่งกลับบ้านเมื่อช่วงปีใหม่ เดือนเดียวต้องกลับมาอีกแล้ว คนที่หาเช้ากินค่ำก็เดินทาง ลางานได้ลำบาก ดังนั้นใครที่อยู่ในพื้นที่ขอให้ไปใช้สิทธิ์ให้เต็มที่

นายพิธา ระบุว่า พรรคเก่าที่ผ่านมาชอบที่จะแข่งขันและเน้นการแข่งขันกับตัวเอง เราก็จะโฟกัสกับปัจจัยที่เราพยายามควบคุมให้ได้มากที่สุด แล้วไปเทียบกับอดีตว่าทำได้ดีขึ้นมากหรือไม่

“เชื่อว่าพี่น้องเชียงใหม่ เปลี่ยนแล้วเปลี่ยนเลย สายน้ำไม่ไหลย้อนกลับ ก็จะให้โอกาสคนที่ตอบโจทย์กับยุคสมัยเราต้องการคนรุ่นใหม่ที่มีกำลังวังชาและเจอกับความท้าทายใหม่ๆของเชียงใหม่”

ภายหลังการให้สัมภาษณ์นายพิธาได้เดินทางไปพักรับประทานอาหารที่ร้านเสน่ห์แม่วง อำเภอดอยสะเก็ดต่อ ก่อนมีกำหนดการปราศรัยในช่วงเย็น

'โรม' แฉ 'จีนเทา' เคยบุกถึงสภาฯ ขายงาน ห่วง ‘เอ็นเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์’ ในไทยถูกใช้ฟอกเงิน

เมื่อวันที่ (14 ม.ค.68) ที่รัฐสภา นายรังสิมันต์ โรม สส.บัญชีรายชื่อ รองหัวหน้าพรรคประชาชน ให้สัมภาษณ์ถึงท่าทีของฝ่ายค้านหลังจากที่ ครม.มีมติผ่านร่างพระราชบัญญัติ การประกอบธุรกิจสถานบันเทิงครบวงจร (เอ็นเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์) ว่า ในเรื่องนี้ที่ผ่านมามีกลุ่มจีนเทามาถึงรัฐสภา เพื่อมาพรีเซนต์ราวกลับเข้ามาขายงาน ซึ่งกลุ่มจีนเทาไม่ใช่ใครคือบริษัท หย่าไถ้ คือเจ้าของชเวโก๊กโก ที่เป็นประเด็นมาก่อนหน้านี้ ดังนั้นหากรัฐบาลจะเดินหน้าในเรื่องนี้ต้องเผชิญกับความต้องการ ความมุ่งหมายของกลุ่มจีนเทาที่จะเข้ามา ซึ่งตนเป็นห่วงว่าอาจจะเข้ามาในฐานะผู้ประกอบการ และอาจจะนำเงินที่ผิดกฎหมาย มาฟอกเงินผ่านคาสิโนที่จะเปิดขึ้นในประเทศไทย จึงคือสิ่งที่รัฐบาลจะต้องเตรียมการ ตนในฐานะ สส. แทบไม่เห็น รัฐบาลสื่อสารหรือออกมาพูดเรื่องนี้เลย และไม่เห็นความพยายามของรัฐบาล ที่จะทำความเข้าใจต่อประชาชน ดังนั้นส่วนตัวของตนเป็นห่วงว่าหากมีการเปิดคาสิโน สิ่งที่จะตามมาคือจะรับมือกับทุนจีนสีเทาอย่างไร

นายรังสิมันต์ กล่าวว่า ปัญหาที่สองคือเรื่องโครงสร้างกฎหมายระบบราชการ มีความพร้อมเพียงใดในการรับมือกับเรื่องนี้ นอกจากเจอปัญหาเรื่องบัญชีม้า ซิมม้า ปัญหาของทุนจีนสีเทาที่ใช้การฟอกเงิน และเจอปัญหาเรื่องการค้ามนุษย์ที่ใช้ประเทศไทยเป็นทางผ่าน ดังนั้นคำถามคือรัฐบาล มีแนวทางการแก้ปัญหาเหล่านี้อย่างไร และประเด็นที่สาม เรื่องของความโปร่งใส ถ้าร่างพ.ร.บ.ฉบับนี้ เป็นร่างที่เคยมีการรับฟังความเห็น จากประชาชนมาแล้ว ตนมีความเป็นห่วงในเรื่องของการคอร์รัปชันที่จะเกิดขึ้น ไม่ว่าจะเป็นการเลือกสถานที่ว่าใครจะได้ประโยชน์ในการเลือกให้ใบอนุญาต ตนจึงเป็นห่วงว่า อาจเกิดปัญหาเรื่องการล็อกสเป็ก ดังนั้นเมื่อนำเหตุผลมาประกอบทั้งหมดตนจะมีความกังวลจริงๆ ว่าการที่รัฐบาลจะเร่งรัดเรื่องของ เอ็นเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์ อาจจะอันตรายต่อประเทศไทยได้

เมื่อถามเหตุผลของรัฐบาลที่จะดึงเม็ดเงิน 1 แสนล้านบาท เข้าสู่ประเทศจึงเกิดการเร่งรัดในเรื่องนี้ นายรังสิมันต์ กล่าวว่า ต้องยอมรับว่าประเทศไทย กำลังเจอปัญหา 2 อย่าง คือการถูกดึงเม็ดเงินออกด้วยธุรกิจสีเทาด้วยแก๊งคอลเซ็นเตอร์ 1 แสนล้านบาท เรื่องพนันออนไลน์ และ ปัญหายาเสพติด ซึ่งก็เข้าใจว่าทุกรัฐบาลอยากให้มีเม็ดเงินไหลเข้ามา แต่ประเด็นประเด็นที่ต้องพิจารณาต่อ จะได้เม็ดเงินเป็นไปตามเป้าหมายหรือไม่ ซึ่งอย่าลืมว่าเรื่องนี้ต้องมีคู่แข่ง เช่น มาเก๊า สิงคโปร์ หรือที่โอซาก้าประเทศญี่ปุ่น หากมีการสร้างสำเร็จ อาจทำให้ประชาชนรู้สึกว่าไม่มีความจำเป็น ขณะเดียวกันในพื้นที่ กทม. ก็มีโรงแรมและห้องประชุม ครบอยู่แล้ว เพียงเติมคาสิโนเข้าไป ก็กลายเป็นเอ็นเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์ หรือเช่นที่พัทยา และ ภูเก็ต ก็มีทุกอย่างพร้อมอยู่แล้ว เติมคาสิโนไปก็เป็นเอ็นเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์ ดังนั้นแทบจะไม่มีความจำเป็น จะต้องคิดถึงการลงทุนจำนวนมากมายมหาศาล

อย่างไรก็ตาม เมื่อย้อนกลับไปดูนโยบายหาเสียงของพรรคก้าวไกล (พรรคประชาชนเดิม) จะพบว่า ทางพรรคฯ มีนโยบายเกี่ยวกับคาสิโนเอาไว้เช่นกัน โดยอยู่ข้อที่ 286 และ 287 จากนโยบาย 300 ข้อ 

โดยข้อ 286 ระบุว่า คาสิโนถูกกฎหมาย รัฐกำกับดูแล 
- อนุญาตให้ เสนอให้มีคาสิโนอย่างถูกกฎหมายโดย
- จำกัดอายุผู้เล่น ไม่ต่ำกว่า 20 ปี
- จำกัดฐานะของผู้เล่น โดยกำหนดรายได้ขั้นต่ำของผู้ที่จะมีสิทธิเล่นได้ ยึดตามรายได้ที่แจ้งต่อสรรพากรในปีภาษีก่อนหน้า
- จำกัดจำนวนคาสิโน โดยถ้าจังหวัดไหนจะมีคาสิโนได้ ต้องออกเป็น พ.ร.ฎ. กำหนดพื้นที่และจำนวนคาสิโนที่จะออกใบอนุญาตได้
- มีคณะกรรมการการพนันและขันต่อเป็นผู้ออกใบอนุญาต รวมทั้งกำหนดประเภทของการพนันและขันต่อที่จะมีในคาสิโนได้

ขณะที่ ข้อ 287 ระบุว่า คาสิโนออนไลน์ถูกกฎหมาย รัฐกำกับดูแล

- ออก พ.ร.ฎ. กำหนดจำนวน และให้คณะกรรมการฯ ออกใบอนุญาต-ควบคุม เหมือนเป็นคาสิโนปกติ
- ข้อกำหนดอายุและข้อกำหนดอื่นเป็นเหมือนคาสิโนปกติ บัญชีธนาคารที่ผูกกับบัญชีคาสิโนต้องเป็นชื่อของตัวเองเท่านั้น
- การพนันขันต่อบางอย่างอาจแตกต่างกันกับคาสิโนปกติ เช่น การพนันผลการแข่งขันกีฬา
- ต้องทำเรื่อง National Digital ID ให้ดี เพื่อให้แน่ใจว่าจะไม่มีการสวมรอยเข้ามาเล่นพนันโดยคนที่ขาดคุณสมบัติ

‘เท่าพิภพ’ สนับสนุน!! ‘นายกฯ อิ๊งค์’ แก้กฎหมาย ยกเลิกวันห้ามขาย ‘เหล้า-เบียร์’ อธิบายละเอียด มีมาตรายกเลิก แต่ต้องเหนื่อย!! ตอนคุยกับข้าราชการสายสุขภาพ

(12 ก.พ. 68) นายเท่าพิภพ ลิ้มจิตรกร สส.กทม. พรรคประชาชน โพสต์เฟซบุ๊กส่วนตัว เกี่ยวกับกฎหมายควบคุมการจำหน่ายเเอลกอฮอล์ ภายหลัง น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี มีคำสั่งให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ศึกษาข้อมูลการแก้กฎหมาย เรื่องการห้ามขายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ต่าง ๆ ในช่วงเวลา 14.00 – 17.00 น. รวมทั้งเรื่องการจำหน่ายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ในวันพระ
.
นายเท่าพิภพ ระบุว่า สนับสนุนครับ ประเทศเราต้องควบคุมเเอลกอฮอล์ด้วยการเคร่งครัดการบังคับใช้กฎหมายโดยเฉพาะเรื่องเยาวชนครับ แต่กฎหมายเราไปเข้มเรื่องอื่นออกทะเล จนทำให้กฎหมายดูไปเป็นสากลไปซะมาก ต้องแก้เเบบนายกฯ ว่าเเหละครับ
.
การศึกษาผลกระทบท่านก็ลองทำดู แต่เรื่องข้อกฎหมายผมศึกษาให้เเล้ว ไม่มีอะไรมากครับ
.
เรื่องเวลาขาย
.
1. ประกาศของคณะปฏิวัติ ฉบับที่ 253 ลงวันที่ 16 พฤศจิกายน 2515 เรื่องเวลาขายอันนี้ต้องยกเลิก ซึ่งร่าง พ.ร.บ.ควบคุมเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ที่กมธ.พิจารณาเสร็จ มีมาตรายกเลิกครับ
.
2. หลังจากยกเลิกตามข้อ 1 เเล้ว พ.ร.บ.ควบคุมเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ (ฉบับปัจจุบัน) ให้เป็นอำนาจของคณะกรรมการควบคุมเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ ชงให้ รมต.สาธารณสุข เห็นชอบครับ ย้ำว่ารัฐมนตรีไม่มีอำนาจชงเอง คณะกรรมการจะมีข้าราชการสายหมอ สายสุขภาพเยอะหน่อย จะอนุรักษ์นิยมหน่อยครับ
.
3. ร่าง พ.ร.บ.ควบคุมฯ ฉบับใหม่จะตัดอำนาจรัฐมนตรีออก เป็นอำนาจของคณะกรรมการโดยตรง ซึ่งเเม้ รมต.สาธารณสุข จะเป็นประธาน เเต่ก็จะตีโต้คัดค้านไม่เซ็นเห็นชอบได้เเบบเดิม
.
เรื่องวันพระ หรือห้ามขายออนไลน์ เป็นผลงานจากคณะกรรมการดังกล่าวด้วย
.
ข้อเสนอที่สงวนไว้เป็นเสียงข้างน้อยนั้นเห็นว่าควรยกเลิก หรือลดอำนาจการออกกฎประกาศของคณะกรรมการดังกล่าวแล้วเปลี่ยนเป็นการออกกฎกระทวงด้วยอำนาจรัฐมนตรีแทนครับ ยังไงฝากท่านนายกในฐานะหัวหน้ารัฐบาล และพรรคเพื่อไทย ช่วยให้ สส.ฝ่ายรัฐบาลสนับสนุน คำสงวนของผมในฐานะกรรมาธิการเสียงข้างน้อยด้วยครับ
.
สิ่งนี้จะทำให้ท่านนายกได้ทำตามที่อยากทำได้ครับ ไม่งั้นถึงเเม้เป็นนายกก็จะบังคับคณะกรรมการควบคุมให้แก้เเค่เรื่องวันเวลาขายเหล้านี้บอกเลยยากครับ

‘รังสิมันต์ โรม’โพสต์ข้อความ!! ผ่านโซเชียล หลังได้รับเอกสารจาก ‘ป.ป.ช.’ ยัน!! ไม่มีทางที่จะทำผิดมาตรฐานจริยธรรม คดี 44 สส.ผิดจริยธรรมร้ายแรง

(15 ก.พ. 68) นายรังสิมันต์ โรม สส. บัญชีรายชื่อ พรรคประชาชน ได้โพสต์ข้อความผ่านโซเชียลมีเดีย หลังได้รับเอกสารจากสำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ลงวันที่ 11 ก.พ. 2568 ที่เชิญเขาเข้ารับทราบข้อกล่าวหากรณีการเสนอร่างแก้ไขประมวลกฎหมายอาญามาตรา 112 โดยกล่าวหาว่าฝ่าฝืนมาตรฐานจริยธรรมอย่างร้ายแรง

นายรังสิมันต์ ระบุว่าไม่เข้าใจว่าการเสนอกฎหมายที่เป็นหน้าที่ของ สส. จะเป็นความผิดได้อย่างไร พร้อมยืนยันว่าไม่มีบทกฎหมายใดห้ามการเสนอแก้ไขมาตรา 112 และการกระทำนี้ก็เป็นการทำหน้าที่ของผู้แทนประชาชนตามรัฐธรรมนูญ

“ผมยืนยันว่าไม่มีทางที่เราจะทำผิดมาตรฐานจริยธรรม”

อย่างไรก็ตาม นายรังสิมันต์ ได้บอกว่า “ส่วนตัวผมทราบดีว่าเวลาของผมคงจะมีอีกไม่มาก” ซึ่งแสดงถึงการยอมรับว่าอาจจะมีการดำเนินการต่อไปอย่างรวดเร็ว โดยเขาจะทำหน้าที่ในสภาอย่างเต็มที่ระหว่างที่ยังมีเวลา

นายรังสิมันต์ ยังกล่าวถึงการทำงานของ ป.ป.ช. ที่เขามองว่าเป็นการเลือกปฏิบัติ โดยข้อกล่าวหาต่อ สส. ทั้ง 44 คนจากพรรคประชาชนในกรณีนี้มีความรวดเร็วในการดำเนินการ ขณะที่ข้อร้องเรียนจากฝ่ายค้านกลับไม่ได้รับการพิจารณาอย่างเท่าเทียมกัน

เขายังตั้งคำถามถึงมาตรฐานของ ป.ป.ช. และการทำงานที่ดูจะมีความไม่โปร่งใสโดยเฉพาะข้อครหาที่ ป.ป.ช. บางคนเข้าไปเกี่ยวข้องกับเรื่องวิ่งเต้น ให้หลุดพ้นจากการถูกร้องถอดถอน

ในตอนท้าย นายรังสิมันต์ กล่าวถึงการได้รับข้อกล่าวหาภายในวันมาฆบูชา ซึ่งอาจจะเป็นเหตุบังเอิญ พร้อมแสดงความยินดีให้กับนายสุชาติ ตระกูลเกษมสุข ที่ได้รับการโปรดเกล้าขึ้นเป็นประธาน ป.ป.ช. และกล่าวว่าจะติดตามความคืบหน้าของคดีนี้เพื่อแจ้งให้ประชาชนทราบ

รายงานข่าวแจ้งว่า ป.ป.ช. ได้ทยอยส่งข้อกล่าวหาให้ 44 สส.แล้ว โดยแต่ละคนได้รับแจ้งไม่เหมือนกันตามฐานความผิดในชั้นสอบสวน

ทั้งนี้ข้อกล่าวหาดังกล่าว สืบเนื่องจากนายธีรยุทธ สุวรรณเกษร ทนายความ ยื่นคำร้องต่อ ป.ป.ช. เมื่อ 2 ก.พ.2567 เพื่อขอให้ไต่สวนและดำเนินคดีกับ สส.พรรคก้าวไกล (ขณะนั้น)จำนวน 44 คน

ฐานฝ่าฝืนหรือไม่ปฏิบัติตามมาตรฐานจริยธรรมอย่างร้ายแรง กรณีร่วมกันเสนอร่างพระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลกฎหมายอาญามาตรา 112 ซึ่งศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยว่า เป็นการล้มล้างการปกครองระบบประชาธิปไตย อันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข

‘โรม’ ไล่!! ‘ป.ป.ช.’ ให้ไปเคลียร์ตัวเอง ก่อน!! แจ้งข้อกล่าวหา 44 สส. เสนอแก้ 112

(16 ก.พ. 68) นายรังสิมันต์ โรม สส.บัญชีรายชื่อ  รองหัวหน้าพรรคประชาชน ให้สัมภาษณ์กรณีคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ออกหนังมือเรียกให้ไปรับทราบข้อกล่าวหากรณี 44 สส.อดีตพรรคก้าวไกล ลงชื่อเสนอแก้ไขกฎหมายมาตรา 112 ว่า ตอนนี้น่าจะได้รับหนังสือเรียกกันหมดแล้ว แค่ติดอยู่ที่ความล่าช้าในการส่งไปรษณีย์ ดังนั้นก็เป็นสิ่งที่เราต้องรับมือกันต่อไป แต่ยืนยันว่าการทำหน้าที่ของพวกเรา เป็นการทำหน้าที่ของฝ่ายนิติบัญญัติ

“วันนี้คุณอ้างเรื่อง ม.112 วันนี้หน้าคุณก็อ้างเรื่องอื่นมาทำลายพรรคการเมืองที่ต้องการเปลี่ยนแปลงประเทศนี้ก้าวหน้าเพิ่มขึ้น มันไม่มีกฎหมายห้ามในการเสนอแก้เรื่องดังกล่าว ก็ต้องยืนยันในการทำหน้าที่ของเรา”

นายรังสิมันต์ ถามกลับว่า อะไรคือภารกิจเร่งด่วนของ ป.ป.ช. ซึ่งภารกิจเร่งด่วนของ ป.ป.ช.คือการเคลียร์ตัวเอง วันนี้ตัวเองยังเคลียร์ไม่ได้ และอาจจะมีความผิดต่างๆ นาๆ เกี่ยวเรื่องทุจริต ดังนั้นมีความชอบธรรมอะไรมาทำหน้าที่ตรงนี้

”ประทานโทษ นายสุชาติ ตระกูลเกษมสุข ท่านเป็นถึงประธาน ป.ป.ช. ตัวท่านเองจะอยู่แบบนี้เงียบๆ ต่อไปเรื่อยๆ เดี๋ยวเรื่องมันก็เงียบไปเองหรือไม่ ผมคิดว่าต้องฝากพี่น้องสื่อมวลชนในการติดตาม ประธาน ป.ป.ช.หรือ ป.ป.ช.ท่านเป็นองค์อิสระ ใช้เงินภาษีของประชาชน เมื่อมีเรื่องที่เป็นข้อกล่าวหาต่างๆ มากมายไปสู่ท่าน ท่านมีหน้าที่สร้างความกระจ่างให้กับประชาชน ถ้าท่านไม่ทำหน้าที่ตรงนี้ ท่านต้องสังวรณ์ว่าท่านกินภาษีของประชาชนอยู่ ต้องตอบคำถาม“ นายรังสิมันต์กล่าว

เมื่อถามว่า เรื่องนี้ทำให้เสียสมาธิหรือไม่ เพราะใกล้ช่วงอภิปรายไม่ไว้วางใจ นายรังสิมันต์ กล่าวว่า ตนไม่เข้าใจเหมือนกัน ว่าทำไม ป.ป.ช.ต้องรีบขนาดนี้ เรื่องชี้แจงเราพร้อมจะไปชี้แจงอยู่แล้ว เราในฐานะที่ต้องเตรียมชี้แจง ก็ยอมรับว่าเสียสมาธิในการเตรียมอภิปราย เพราะต้องมานั่งคิดเรื่องคดีความ รวมถึงบางคนก็ต้องถอนตัวจากการอภิปรายไม่ไว้วางใจ แต่เราก็พยายามทำหน้าที่ของเราให้ดีที่สุดเพื่อประโยชน์ของประชาชน ประเทศนี้ต้องการฝ่ายค้านที่มีคุณภาพในการตรวจสอบต่อไป

เมื่อถามว่าจะกระทบเสถียรภาพของฝ่านค้านหรือไม่ นายรังสิมันต์ กล่าวว่า อยากให้ประชาชนประเมิน พวกเราต้องโฟกัสเรื่องแก๊งคอลเซ็นเตอร์ โฟกัสเรื่องอภิปรายไม่ไว้วางใจ และคดีความอีกมันก็กินพลังไปมากแล้ว แต่ถ้าตัวเลขฝ่ายค้านลดลงก็ยอมรับว่ามีผลต่อการตรวจสอบอย่างแน่นอน

เมื่อถามว่าจะกระทบไปถึงเลือกตั้งปี 2570 หรือไม่ นายรังสิมันต์ กล่าวว่า ตนยังไม่อยากประเมิน ยังไม่รู้ผลจะจบอย่างไร พร้อมยิ้ม และกล่าวว่า ตอนนี้ยังทำหน้าที่อยู่


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top