Tuesday, 7 May 2024
ฝ่ายค้าน

‘มาดามเดียร์’ ลั่น!! ถึงเวลา ปชป. ประกาศจุดยืนฝ่ายค้าน ก่อนตั้ง ครม. ใหม่ ยัน!! ยึดหลักการอยู่ข้าง ปชช. ไม่แสวงหาผลประโยชน์ส่วนตน

เมื่อวานนี้ (24 ส.ค.66) น.ส.วทันยา บุนนาค ประธานคณะทำงานนวัตกรรมการเมือง กทม. พรรคประชาธิปัตย์ โพสต์ภาพและข้อความผ่านเฟซบุ๊กแฟนเพจ ‘เดียร์ วทันยา บุนนาค’ เพื่อเรียกร้องให้พรรคประชาธิปัตย์ประกาศจุดยืนเป็นฝ่ายค้านอย่างสมศักดิ์ศรีก่อนจัดตั้ง ครม. ชุดใหม่ ท่ามกลางกระแสวิจารณ์เรื่องผลโหวตนายกรัฐมนตรีที่ สส. พรรคประชาธิปัตย์มีทิศทางที่แตกต่างและไม่มีเอกภาพ โดยมีเนื้อหาดังนี้...

[ถึงเวลาที่พรรคประชาธิปัตย์ต้องชัดเจน ประกาศจุดยืนฝ่ายค้านอย่างมีศักดิ์ศรีก่อนจัดตั้งครม.ชุดใหม่]

แม้ผลการโหวตเลือกนายกฯ คนที่ 30 ของสมาชิกพรรคประชาธิปัตย์บางท่านในวันที่ 22 ส.ค. ที่ผ่านมาได้สร้างความเคลือบแคลงใจและไม่สบายใจให้แก่สมาชิกพรรคและสังคม แต่เดียร์ยังคงเชื่อมั่นว่าเป็นเพียงเพราะความเห็นต่างทางการเมืองที่เกิดขึ้นของ สส. ในพรรคประชาธิปัตย์ 

ดังนั้นเพื่อสร้างความกระจ่างให้แก่สมาชิกและประชาชนที่ติดตามการทำงานของพรรค จึงเห็นว่า สส. และคณะกรรมการบริหารซึ่งเป็นผู้มีอำนาจตัดสินใจเข้าร่วมรัฐบาล ควรออกมา ‘ประกาศจุดยืนการเป็นฝ่ายค้านของพรรคประชาธิปัตย์’ ให้ชัดเจน โดยไม่จำเป็นต้องรอการจัดตั้ง ครม. ให้เสร็จสิ้น เพื่อแสดงออกถึงจุดยืนทางการเมืองของพรรคที่พร้อมทำงานในฐานะตัวแทนประชาชนโดยไม่ยึดการแสวงหาผลประโยชน์ส่วนตนและเพื่อพวกพ้องเป็นที่ตั้ง

ทั้งนี้เดียร์ยังคงเชื่อมั่นว่าพรรคประชาธิปัตย์เป็นพรรคการเมืองที่สมาชิกทุกคนเป็นเจ้าของร่วมกัน สมาชิกสามารถมีส่วนร่วมในการตัดสินใจ ขับเคลื่อนการทำงานของพรรคอย่างแท้จริง อีกทางหนึ่งคือเครื่องบ่งชี้ว่า พรรคประชาธิปัตย์เป็นพรรคการเมืองที่ขับเคลื่อนอยู่บนกลไกความเป็นประชาธิปไตย ซึ่งถือเป็นหัวใจสำคัญของพรรคการเมืองที่เป็นองค์กรสาธารณะ ต้องเปิดโอกาสให้ประชาชน ภาคสังคม และสมาชิกเข้ามามีส่วนร่วมในการทำงาน ไม่ปิดกั้นโอกาสทางความคิด

อย่างไรก็ตามภายใต้เสรีภาพในการทำงาน ที่ต้องการพลังความคิดที่หลากหลาย แต่องค์กรจะเดินไปได้อย่างเข้มแข็ง ย่อมต้องเดินเคียงคู่กับความเป็นเอกภาพของสมาชิกภายใน และนั่นจึงเป็นเหตุผลว่าทำไมเราต้องมี ‘กติกา’ ที่เรียกว่า ‘มติพรรค’ เพื่อให้สมาชิกสามารถทำงานร่วมกันได้ด้วยหลักการเคารพเสียงข้างมาก แต่ไม่ละเลยมองข้ามเสียงข้างน้อย สร้างให้พรรคเป็นพื้นที่ของคนทุกคน ดังนั้นไม่ว่ามติพรรคออกมาเป็นอย่างไรสมาชิกก็พร้อมน้อมรับผลลัพธ์ร่วมกันเพราะเกิดจากการตัดสินใจร่วมกัน

การกระทำใด ๆ ที่ไม่เป็นไปตามมติพรรค จึงเป็นเรื่องสำคัญที่ต้องพิสูจน์ได้ว่าเป็นการใช้เอกสิทธิ์โดยสุจริต ด้วยการยึดหลักยืนเคียงข้างประชาชน ทำเพื่อประโยชน์ส่วนรวม

‘สุวัจน์’ ชี้!! ตำแหน่งผู้นําฝ่ายค้านสำคัญต่อการบริหารบ้านเมือง ย้ำ!! รัฐบาลมีเสถียรภาพ ฝ่ายค้านเข้มแข็ง ประเทศได้ประโยชน์

เมื่อไม่นานนี้ นายสุวัจน์ ลิปตพัลลภ ประธานพรรคชาติพัฒนากล้า ได้ให้สัมภาษณ์ในรายการเคลียร์ ชัด ชัด ช่องเวิร์คพอยท์ 23 ดำเนินรายการโดย ดร.ภูวนาท คุนผลิน เมื่อวันที่ 30 ส.ค. 2566 โดยมีประเด็นทางการเมืองที่น่าสนใจดังนี้

ปรากฏการณ์ ‘สลายขั้ว’
นายสุวัจน์ มองว่าที่ผ่านมาการแบ่งขั้วทางการเมืองมันแรงมากในประเทศไม่ว่าจะเป็นสี หรือจะเป็นอะไร แต่ละยุคแต่ละสมัย มีการเกิดความรุนแรง มีการสูญเสียเกิดขึ้น และวันนี้เราเห็นสิ่งที่มีอุดมคติว่า ‘จบสลายขั้ว’ สารพัดสีรวมกันได้หมด เพราะการเมืองนําไปสู่การเดดล็อก ทําให้มีการจัดตั้งรัฐบาลไม่ได้

ฉะนั้น พรรคการเมืองที่มีหน้าที่รับผิดชอบก็คือ พรรคที่เป็นแกนนําในการจัดตั้งรัฐบาล อันนี้เหมือนเป็นราคาที่ต้องสูญเสียหมายความว่าต้องพยายามคลี่คลายวิกฤติในการจัดตั้งรัฐบาลให้ได้ ยกตัวอย่าง หมอชลน่าน ศรีแก้ว หัวหน้าพรรคเพื่อไทย พรรคแกนนําท่านเคยบอกไว้ว่าจะไม่จับมือกับคนนั้น ไม่จับมือกับพรรคนี้ แล้ววันนี้ด้วยเหตุจําเป็นทางการเมืองว่าถ้าไม่จับมือกับพรรคนั้นพรรคนี้ พรรคแกนนําไม่สามารถจะรวบรวมเสียงที่นําไปสู่การมีนายกรัฐมนตรี จัดตั้งรัฐบาลได้ จําเป็นจะต้องไปจับมือ

เมื่อจัดตั้งรัฐบาลเสร็จ หมอชลน่าน แสดงสปิริตประกาศลาออกจากการเป็นหัวหน้าพรรคเพื่อไทยแล้ว (30 ส.ค. 66) พรรคการเมืองอาจจะถูกวิพากษ์วิจารณ์บ้าง แต่สิ่งที่พี่น้องประชาชนได้รับ คือ การกอบกู้วิกฤตเศรษฐกิจ ประเทศชาติเดินหน้า พี่น้องประชาชนมีความสุข

นายสุวัจน์ กล่าวว่ารัฐบาลชุดนี้เป็นรัฐบาลผสม ที่เรียกว่า ‘สลายขั้ว’ รัฐบาลผสม คือ พรรคแกนนําไม่สามารถที่จะกําหนดอะไรได้จะต้องแบ่งกระทรวงให้พรรคนั้นพรรคนี้ ไม่สามารถที่จะเป็นลีดเดอร์ชิพได้ร้อยเปอร์เซ็นต์ และพอแบ่งกระทรวงไปให้พรรคนั้นพรรคนี้แล้ว ก็เป็นเรื่องภายในของแต่ละพรรคว่าจะไปจัดบุคคลอย่างไร มันเป็นขีดจํากัดของรัฐบาลผสม ซึ่งมันจะไม่เกิดเหตุการณ์นี้เลยถ้าแลนด์สไลด์ ถ้าเกิดมีพรรคหนึ่งพรรคใดได้เกินครึ่งไปเลยไม่ต้องพึ่งพรรคอื่น แต่เมื่อเป็นรัฐบาลผสมสิ่งที่เห็น คือ เสถียรภาพ และเรื่องความขัดแย้งทางการเมืองระหว่างพรรคการเมืองนั้น จะลดลง

บทบาทแกนนำฝ่ายค้านสำคัญอย่างไร?
นายสุวัจน์ กล่าวว่า ตําแหน่งผู้นําฝ่ายค้าน เป็นตําแหน่งที่สําคัญที่กําหนดไว้ในรัฐธรรมนูญ ว่าจะต้องมีผู้นําฝ่ายค้าน และเป็นตําแหน่งโปรดเกล้าฯ รัฐธรรมนูญต้องให้ความสําคัญกับตําแหน่งผู้นําฝ่ายค้าน เพราะในการบริหารประเทศเมื่อเลือกตั้งมาแล้วก็มีรัฐบาลกับมีฝ่ายค้าน ผู้นํารัฐบาล ก็คือนายกรัฐมนตรี ผู้นําฝ่ายค้าน ก็คือ ตําแหน่งผู้นําฝ่ายค้าน

ฉะนั้น ถ้าพรรคที่ได้อันดับหนึ่งของการเป็นฝ่ายค้านไม่รับตําแหน่ง ก็ต้องไปพรรคอันดับสอง พรรคอันดับสามที่จะไปเลือกกันตามที่กําหนดไว้ในรัฐธรรมนูญ

แต่ศักยภาพของความเป็นผู้นําฝ่ายค้านถ้าเป็นพรรคใหญ่ก็จะมีน้ำหนัก มีศักยภาพ ถ้าพรรคเล็กเป็นผู้นําฝ่ายค้าน ศักยภาพก็น้อย

“ถ้าตําแหน่งผู้นําฝ่ายค้าน อยู่กับพรรคการเมืองที่เป็นฝ่ายค้านที่มีเสียงเยอะๆ จะทําให้การทํางาน มีพลัง เป็นประโยชน์ต่อประเทศ คือ รัฐบาลที่มีเสถียรภาพ ฝ่ายค้านที่เข้มแข็ง ประเทศได้ประโยชน์” นายสุวัจน์ กล่าว

นโยบายเร่งด่วนที่สุดของรัฐบาล
นายสุวัจน์ กล่าวว่าทําอย่างไรของไม่แพง น้ำมันจะถูกลงได้อย่างไร ไฟฟ้าจะถูกลงได้อย่างไร เพื่อทําให้ต้นเหตุของราคาสินค้าต่างๆ มีราคาลดลง และทําให้ทุกคนมีงานทํา คือ การกระตุ้นเศรษฐกิจ ทําอย่างไรนักท่องเที่ยวเพิ่มขึ้น ทําอย่างไรส่งออกดีขึ้น ทําอย่างไรให้เอสเอ็มอีได้กลับมาทํางานกันอีกครั้ง ฉะนั้น ปัญหาเฉพาะหน้าของรัฐบาล คือ จะต้องกระตุ้นเศรษฐกิจ ให้เศรษฐกิจกลับมากระเตื้อง

'จักพันธ์-ปชป.' อู้ฟู่ 161 ล้าน ส่วน 'พล.ต.ต.สุรินทร์' รวย 30 ล้าน ด้าน 'สส.หมิว-ก้าวไกล' มีแค่ 5 แสนกว่าบาท และยังเช่าบ้านอยู่

วันนี้ (29 ก.ย.66) สำนักงานป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ เปิดเผยบัญชีทรัพย์สินและหนี้สินของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง กรณีเข้ารับตำแหน่ง สส. โดยมีบุคคลที่น่าสนใจ อาทิ นายจักพันธ์ ปิยพรไพบูลย์ สส.พรรคประชาธิปัตย์ มีทรัพย์สินรวม 161,227,934.16 บาท มีหนี้สินรวม 11,446,764.85 บาท แบ่งเป็นบัญชีเงินฝาก 3 บัญชี รวม 1,620,769.16 บาท เลี้ยงไก่ชน 500 ตัว มูลค่า 5 ล้านบาท ที่ดิน 44 แปลงใน จ.ประจวบคีรีขันธ์, นครราชสีมา, ลำปาง มูลค่ารวม 94,769,165 บาท โรงเรือนและสิ่งปลูกสร้าง 11 หลัง มูลค่ารวม 44,750,000 บาท และมีรถยนต์ 29 คัน มูลค่ารวม 14,650,000 บาท เป็นรถโดยสารประจำทาง 26 คัน

ขณะที่ทรัพย์สินอื่น คือ อาวุธปืน 8 กระบอก มูลค่ารวม 438,000 บาท นอกจากนี้ยอดเงินกู้ จากธนาคารกรุงเทพฯ และกสิกรไทย คงเหลือ 11,446,764.85 บาท

ด้าน พล.ต.ต.สุรินทร์ ปาลาเร่ สส.สงขลา พรรคประชาธิปัตย์ และนางจรีพรคู่สมรส แจ้งมีทรัพย์สินรวม 30,334,833.88 บาท มีหนี้สินเป็นของคู่สมรส 19,465.19 บาท ทรัพย์สินที่น่าสนใจของทั้งคู่เป็นเงินฝากรวม 13 บัญชี 5,764,833.88 บาท ที่ดินในจังหวัดสงขลา นราธิวาส รวม 9 แปลง 13,570,000 บาท บ้าน 1 หลังในอ.หาดใหญ่ จ.สงขลา 1,200,000 บาท นอกจากนี้ยังมีปืนพกสั้นกึ่งอัตโนมัติขนาด 5 มม. อาร์อาร์จี 667 กล็อค มูลค่า 1 แสนบาท

ขณะที่ สส.ใหม่พรรคก้าวไกลอย่าง น.ส.สิริลภัส  กองตระการ แจ้งว่ามีทรัพย์สิน 573,566 บาท มีหนี้สินเป็นเงินเบิกเกินบัญชี 12,625 บาท เงินฝาก 8 บัญชีรวม 144,566 บาท ยานพาหนะมูลค่า 329,000 บาท สิทธิสัมปทาน 1 แสนบาท ไม่มีรายการทรัพย์สินอื่น

นอกจากนี้แจ้งมีรายได้ต่อปี รวม 1,682,720 บาท เป็นเงินเดือน สส. 1,362,720 บาท เงินค่าจ้างการแสดง 320,000 บาท รายจ่ายต่อปี 1,051,810 บาท เป็นค่าเช่าที่อยู่อาศัย 132,000 บาท ค่าอุปโภคบริโภค 260,000 บาท ค่าเบี้ยประกันภัย 3,779 บาท จ่ายเงินกองทุน สส. 42,000 บาท ค่าใช้จ่ายส่วนตัว 360,000 บาท ค่าเบี้ยประกัน 13,386 บาท ค่าเบี้ยประกันรถยนต์ 645 บาท ค่าอุปการะบิดามารดา 240,000 บาท ขณะที่ข้อมูลการเสียภาษีเงินได้บุคคลในรอบปีที่ผ่านมาแจ้งว่ามีเงินได้พึงประเมินตามประมวลรัษฎากร 0 บาท

ทั้งนี้ น.ส.สิริลภัส เคยมีข่าวดรามาถูกถ่ายภาพนำอาหารกล่องจากสภาผู้แทนราษฎรกลับบ้าน ซึ่งเป็นอาหารที่แม่บ้านสภาฯ บรรจุกล่องไว้ เนื่องจาก สส.เข้ามาประชุมน้อยทำให้อาหารที่เตรียมไว้เหลือเป็นจำนวนมาก มีการเปิดค่าอาหาร สส.ต่อหัวในวันประชุมสภาอยู่ที่หัวละ 1,000 บาท และถูกวิพากษ์วิจารณ์ว่าอาหาร สส.แพงเกินอีกทั้งเหลือทิ้ง จนต้องมีการเรียกหารือถึงทางออกปัญหาดังกล่าว แต่จนถึงขณะนี้ยังไม่มีข้อสรุป

‘ภูมิธรรม’ เบรกเสียงวิจารณ์ ผลงานรัฐบาล 60 วันไม่คืบ ขอฝ่ายค้านใจเย็นๆ มั่นใจ ผลงานชัดเจนใน 100 วัน ลั่น!! มีเวลา 4 ปี ให้ ปชช.ตัดสินว่าผ่านไม่ผ่าน

(10 พ.ย. 66) ที่ทำเนียบรัฐบาล นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ ให้สัมภาษณ์ถึงเสียงวิจารณ์จากฝ่ายค้านว่าการแถลงผลงาน 60 วัน ของรัฐบาล ไม่มีอะไรใหม่ ว่า ไม่เป็นไร เป็นธรรมดา และพยายามจะบอกกับฝ่ายค้านว่ารัฐบาลทำงานสร้างสรรค์ อย่าคิดว่าเป็นรัฐบาลกับฝ่ายค้าน อยากให้มองว่าอะไรที่รัฐบาลทำ และเห็นว่าจะมีผลดีเกิดขึ้นในอนาคต อย่าซีเรียส อย่ามองทุกอย่างเป็นการเมืองหมด แต่เมื่อมีความเห็นก็สะท้อนได้เพราะรัฐบาลก็จะได้เป็นกระจกสะท้อนตัวเองด้วย ว่าทำอะไรไปแล้วเข้ายังไม่เข้าใจ

หน้าที่รัฐบาล คือ ทำให้เกิดความเข้าใจ และขณะนี้ทุกอย่างได้เริ่มต้นหมดแล้ว และที่วางไว้จริงๆ คือช่วง 100 วันแรก ที่จะปรากฏผลงาน แต่นายกรัฐมนตรี ต้องการชี้แจง 30 วัน 60 วัน เพื่อจะได้เห็นว่ามีความคืบหน้าในการทำงานอะไรบ้าง เชื่อว่าช่วง 90 วัน และ 100 วัน จะเป็นรูปธรรมชัดเจนขึ้น เช่น กระทรวงพาณิชย์ ได้ทำอะไรหลายอย่างแต่ยังไม่ได้เอามาพูดออกสื่อ เช่น แก้ปัญหาสินค้าราคาแพง การบุกตลาดเชิงรุกไปมณฑลต่างๆ และคิกออฟเรื่องการส่งออก

“นายกฯ ต้องการจะบอกว่ามีอะไรคืบ แต่ต้องใช้เวลา 90 วัน 100 วัน ถึงจะเห็น อย่าเพิ่งวิจารณ์ วันนี้รัฐบาลทำงานหนักมากอยู่แล้ว นายกฯ บุกทุกด้าน และวันที่ 21 พ.ย.นี้ จะเป็นการรวมทีมระหว่างบีโอไอ เอกอัครราชทูต และทูตพาณิชย์ทั่วโลก สภาอุตสาหกรรมสภาหอการค้าสภาการท่องเที่ยว จะประชุมที่กรุงเทพฯ กำหนดรูปแบบการทำงานร่วมกัน เพื่อรุกตลาดต่างประเทศ การทำงานได้วางรูปแบบไว้และเคลียร์เรื่องต่างๆ ผลจึงยังไม่เกิด ขอให้อดใจรอ 100 วัน จะแถลงว่ามีอะไรบ้างที่เกิดเป็นรูปธรรม เรื่องไหนที่เริ่มต้นแล้วและจะดำเนินการต่อไปอย่างไร เรื่องใดที่ทำสำเร็จในขั้นต้นแล้ว ใจเย็นๆ รอจะเห็นภาพชัดเจนขึ้น ขอย้ำว่าทุกอย่างเริ่มต้นแล้ว ขอให้รอดูวัดกัน รัฐบาลมีโอกาส 4 ปี ค่อยๆ ดูไป ถ้า 4 ปี คิดว่าไม่สามารถทำอะไรได้เลย มาเสวยอำนาจเสวยสุขอย่างเดียว งวดหน้าก็พร้อมให้ประชาชนพิจารณา แต่ผมเชื่อว่าเราตั้งแต่เวลาหลายวันทุกอย่างจะค่อยๆ ปรากฏให้เห็นผล”

นายภูมิธรรม กล่าวว่า ยังมีเรื่องที่นายกฯ สั่งการให้ผู้ว่าฯ ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัด ฝ่ายที่เกี่ยวข้อง ร่วมมือกันเคลียร์เรื่องปัญหาหนี้นอกระบบ ขณะที่ระดับอำเภอ ให้นายอำเภอและผู้กำกับการตำรวจ ร่วมมือจัดการปัญหาโดยเชิญทุกฝ่าย ทั้งคนที่ให้เงินกู้กับผู้กู้มาหารือ สมมติกู้ 1 หมื่นบาท ผ่อนไป 3-4 หมื่นบาทก็น่าจะพอแล้ว เพราะที่ทำมาก็ผิดกฎหมาย เก็บดอกเบี้ยไม่ใช่ดอกเบี้ยตามกฎหมายอยากให้ยุติ เรื่องนี้ทำแล้วแต่ยังไม่เกิดผล และนายกฯ เตรียมที่จะแถลงเรื่องแก้หนี้นอกระบบ

นอกจากนั้น ที่เราทำยังมีเรื่องของยาเสพติดที่จะดำเนินการ โดยนายกฯ สั่งการเสมอว่ามีการวัดเคพีไอผู้ว่าฯ ต้องบอกได้ว่าดีขึ้นอย่างไร ต้องยอมรับว่าเป็นเรื่องยากที่จะเข้ามาทำงานแก้ฐานรากให้ดี แต่พอจะแก้บางทีมีอุปสรรคมาก เพราะสังคมไทยมีความหลากหลาย ดังนั้น หน้าที่รัฐบาลคืออดทน ชี้แจง ทำความเข้าใจ และปรับปรุงให้สอดรับกับสิ่งที่คิดให้เกิดประโยชน์กับประชาชนมากที่สุด

ผู้สื่อข่าวถามว่านายกฯ ควรจะแบ่งหรือกระจายงานให้คนอื่นเป็นเจ้าภาพหลักดูแล เช่น เรื่องกฎหมาย เศรษฐกิจ ความมั่นคง โดยไม่ต้องดูแลหรือพูดเองทุกเรื่อง หรือไม่ นายภูมิธรรม กล่าวว่า ไม่ใช่นายกฯ แย่งงานทำคนเดียวทำคนเดียวทุกเรื่อง เวลานี้งานที่นายกฯ แบ่งให้รองนายกฯ และรัฐมนตรี ก็เต็มไปหมดทุกเรื่อง ผู้ที่รับมอบก็หนักพอสมควร ทุกอย่างอยู่ในขึ้นเตรียมการ

ทั้งนี้ เราเข้ามาในช่วงที่ประเทศ เผชิญกับวิกฤตการณ์เศรษฐกิจภายในที่สะสม ทั้งเรื่องเศรษฐกิจและการเมือง และวิกฤตการณ์ของโลก เช่น วิกฤตการณ์การเงินที่เฟดขึ้นดอกเบี้ย เราจึงต้องเร่งทำงาน และเป็นข้อดีที่นายกฯ ลงรายละเอียดทั้งหมดและสั่งทุกเรื่อง แต่ไม่ใช่แย่งงานไปทำ

เวลานี้ ครม.มี 35 คน อยากจะมี 50 คน 100 คนด้วยซ้ำ เพราะงานหนัก แต่ไม่หวั่น พร้อมสู้ โดยมีนายกฯ เป็นธงนำให้ลงพื้นที่ต่างๆ การที่นายกฯ ออกต่างจังหวัดตลอด ได้เรียนรู้และเข้าใจ และทราบปัญหาแท้จริง เพราะเจอทั้งเกษตรกร และกลุ่มต่างๆ และกำชับว่าไม่ต้องตามไป ใครมีงานที่เกี่ยวข้องก็ไป ใครไม่เกี่ยวก็ไม่ต้องไป ให้ทำงานของตัวเอง

เมื่อถามว่ามั่นใจว่า รัฐบาลจะสอบผ่านหรือไม่ นายภูมิธรรม กล่าวว่า มั่นใจแน่นอน เราตั้งใจ 100% เอาความรู้และประสบการณ์ เรามีความสามารถ ส่วนจะมั่นใจหรือไม่มั่นใจประชาชนจะเป็นคนตอบ

‘สส.ฝ่ายค้านตุรกี’ หัวใจวาย-ล้มฟุบกลางสภาฯ แพทย์ต่อลมหายใจได้ 2 วัน ล่าสุดเสียชีวิตแล้ว

เมื่อวานนี้ (14 ธ.ค. 66)ฟาห์เรตติน โคคา รัฐมนตรีสาธารณสุข เปิดเผยว่า นายฮาซาน บิตเมซ สมาชิกรัฐสภาจากพรรค Islamist Saadet Partisi (Felicity Party) เสียชีวิตชีวิตที่โรงพยาบาลแห่งหนึ่งในกรุงอังการา 2 วันหลังจากเกิดเหตุ

"คุณเปิดทางให้เรือต่าง ๆ เข้าสู่อิสราเอล และน่าละอายที่คุณเรียกมันว่าการค้า คุณคือผู้สมคบคิดกับอิสราเอล" บิตเมซกล่าวอภิปรายเล็งเป้าเล่นงานพรรค Justice and Development Party (AK Party) ของประธานาธิบดี เรเจป ตัยยิบ แอร์โดอัน เมื่อวันอังคาร (12ธ.ค.) หลังจากวางป้ายโปสเตอร์หนึ่งบนโพเดียม มีใจความว่า "พวกฆาตกรอิสราเอล ผู้สมรู้ร่วมคิด AKP"

"แม้หากคุณรอดพ้นจากความทุกข์ทรมาน แต่คุณจะไม่อาจรอดพ้นจากการลงโทษของพระเจ้าไปได้" เขากล่าวในช่วงท้ายของการอภิปรายที่ใช้เวลาราว ๆ 20 นาที ก่อนล้มฟุบลงไปกองกับพื้น

สมาชิกคนอื่น ๆ ของสมัชชาแห่งชาติตุรกี รุดเข้าไปช่วยเหลือเขา และทาง โคคา เปิดเผยในวันอังคาร (12ธ.ค.) ว่า บิตเมซ ได้รับความช่วยเหลือจนฟื้นคืนสติในรัฐสภา และถูกพาตัวส่งโรงพยาบาลภายในเวลาไม่ถึง 20 นาที เบื้องต้นอุปกรณ์ทางการแพทย์ช่วยพยุงชีพเขาไว้ได้ อย่างไรก็ตามในท้ายที่สุดแล้ว เขาก็จากไปอย่างไม่มีวันกลับ

นักการเมืองฝ่ายค้านรายนี้ ซึ่งแต่งงานแล้วและมีลูก 1 คน จบปริญญาจากมหาวิทยาลัยอัล-อาซาร์ ในกรุงไคโร ประเทศอียิปต์ จากนั้นก็ทำงานกับกลุ่มองค์กรอิสลามต่าง ๆ ที่ไม่แสวงหาผลกำไร และเป็นประธานศูนย์วิจัยสหภาพอิสลาม

ระหว่างการอภิปราย เขาได้กล่าวหารัฐบาลต่อการเดินหน้าสานสัมพันธ์ทางเศรษฐกิจด้วยความเป็นมิตรกับอิสราเอล ทั้งที่อิสราเอลยังคงถล่มฉนวนกาซาไม่หยุด ซึ่งคร่าชีวิตชาวปาเลสไตน์ไปแล้วเกือบ 19,000 คน ความคิดเห็นของเขาได้เรียกเสียงค่อนขอดมาจากสมาชิกพรรค AK Party

แม้ แอร์โดอัน หาทางปรับปรุงความสัมพันธ์กับอิสราเอล ตามหลังทั้ง 2 ชาติมีความสัมพันธ์อันเย็นชาอยู่ช่วงหนึ่ง แต่เขาก็ส่งเสียงคัดค้านสงครามปัจจุบันระหว่างอิสราเอลกับกลุ่มติดอาวุธปาเลสไตน์ ‘ฮามาส’ โดยเรียกอิสราเอลว่าเป็น ‘รัฐก่อการร้าย’ และพยายามผลักดันให้เกิดข้อตกลงหยุดยิง

'พีระพันธุ์' เผย ไม่แปลกฝ่ายค้านจ้องตรวจสอบรัฐบาลเข้มข้น ย้ำ!! เป็นเรื่องปกติ พร้อมแนะ พิจารณางบปี 67 ควรจะจบให้เร็ว

(21 ธ.ค. 66) ที่ทำเนียบรัฐบาล นายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค รองนายกรัฐมนตรี และรมว.พลังงาน ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีนายชัยธวัช ตุลาธน สส.บัญชีรายชื่อ และหัวหน้าพรรคก้าวไกล ประกาศจะตรวจสอบรัฐบาลอย่างเข้มข้นหลังได้รับโปรดเกล้าฯ เป็นผู้นำฝ่ายค้านในสภาผู้แทนราษฎร ว่า เป็นเรื่องปกติ ฝ่ายค้านก็ต้องตรวจสอบเข้มข้นทุกยุคทุกสมัยอยู่แล้ว ไม่ใช่เรื่องแปลกประหลาด ถ้าเขาบอกว่าไม่ตรวจสอบเลยถึงจะประหลาด เป็นเรื่องปกติในการทำหน้าที่ฝ่ายค้าน ส่วนที่มองกันว่าฝ่ายค้านอาจไม่เป็นเอกภาพเท่าไหร่นั้น ก็แล้วแต่คนจะมอง อย่างไรก็ตาม ตนไม่ได้เป็น สส. ไม่ทราบรายละเอียดทางสภา 

เมื่อถามถึงกรณีพรรคฝ่ายค้านขอเลื่อนการพิจารณาร่างพ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ 67 จากวันที่ 3-5 ม.ค. เป็นวันที่ 9-11 ม.ค.67 นายพีระพันธุ์ กล่าวว่า ไม่ทราบ เป็นเรื่องของสภา ในส่วนของรัฐบาลก็ทำปกติ สภาจะเห็นว่าอย่างไรก็เป็นเรื่องที่สภาไปหารือกันเอง 

เมื่อถามย้ำว่า การเลื่อนออกไปจะทำให้งบประมาณที่จะออกมาล่าช้าไปอีกหรือไม่ นายพีระพันธุ์ กล่าวว่า วันนี้เราก็ใช้งบของปี 67 อยู่แล้ว แต่โดยหลักการมันก็ไม่ควรเท่านั้นเอง ทุกอย่างมันควรจะรีบ จะจบให้เร็ว เรื่องนี้เป็นเรื่องของสภาที่จะต้องหาประโยชน์สูงสุดของประชาชน เพราะทั้งหมดนี้มันคือประโยชน์ของประชาชน ไม่ใช่ประโยชน์ของรัฐบาลหรือฝ่ายค้าน ซึ่งไม่ว่าเป็นฝ่ายค้านหรือรัฐบาลก็ต้องทำงานร่วมกันเพื่อประชาชน อะไรที่ประชาชนได้ประโยชน์สูงสุดก็ทำตามนั้น เท่านั้นเอง

'ก้าวไกล' ยันไม่ทิ้งซักฟอกรัฐบาล แค่ยังไม่สรุปว่าจะเปิดอภิปรายแบบใด

(29 ก.พ.67) ภคมน หนุนอนันต์ รองโฆษกพรรคก้าวไกล แสดงความเห็นกรณีมีกระแสข่าวที่ตั้งข้อสังเกตว่าพรรคก้าวไกลจะไม่ซักฟอกรัฐบาลผ่านการอภิปรายแบบไม่ลงมติหรือการอภิปรายไม่ไว้วางใจ ว่าความจริงแล้วพรรคก้าวไกลยังไม่สรุปว่าจะเปิดอภิปรายแบบใด อย่างที่ประชาชนเห็นการทำงานของเรา การอภิปรายต้องคำนึงถึงข้อมูลที่มากพอ ต้องนำไปสู่การซักฟอกที่เกิดประโยชน์สูงสุดกับสังคมจริง ๆ ไม่ใช่แค่เปิดอภิปรายเมื่อถึงวาระ 

อีกทั้งปีนี้การพิจารณางบประมาณ 2567 และงบประมาณ 2568 มีระยะเวลาใกล้กันมาก ประมาณเดือนมิถุนายนปีนี้ ก็จะเป็นช่วงการพิจารณางบประมาณ 2568 ซึ่งเป็นงบที่จัดโดยรัฐบาลชุดนี้ร้อยเปอร์เซ็นต์ เราจะได้เห็นหน้าตางบประมาณของรัฐบาลเศรษฐา 1 จึงถือเป็นอีกโอกาสที่พรรคก้าวไกลและพรรคร่วมฝ่ายค้านจะได้ตรวจสอบรัฐบาลผ่านงบประมาณด้วย 

“ยืนยันว่าพรรคก้าวไกล ทำหน้าที่ซักฟอกและตรวจสอบรัฐบาลมาโดยตลอด ผ่านกลไกกระทู้ทั่วไป กระทู้ถามสด หรือกรรมาธิการ ดังนั้นหากจะมาตั้งข้อสังเกตว่าเราไม่ตรวจสอบรัฐบาล คงเป็นการกล่าวหากันมากไป ไม่อยู่บนข้อเท็จจริง และการอภิปรายซักฟอกนั้นต้องคำนึงถึงข้อมูลที่มี ก่อนจะพิจารณาอีกทีว่าจะเป็นอภิปรายทั่วไปหรืออภิปรายไม่ไว้วางใจ” ภคมนกล่าว

รองโฆษกพรรคก้าวไกล กล่าวต่อว่า เชื่อว่าพี่น้องประชาชนและสังคมเห็นการทำงานของพรรคก้าวไกลมาโดยตลอด ว่าเราทำหน้าที่ฝ่านค้านเชิงรุกอย่างเต็มที่ ใช้ทุกโอกาสในการตรวจสอบรัฐบาล ดังนั้นสำหรับคนที่พยายามกล่าวหาพรรคก้าวไกล แล้วใช้วิธีเชื่อมโยงแบบมั่วๆ เหมือนที่เคยทำมา ขอให้รู้ว่าพรรคก้าวไกลทำงานการเมืองแบบมีเป้าหมายและทำงานด้วยข้อมูล หากจะวิเคราะห์วิจารณ์กันเราก็รับฟัง แต่ขอให้ตั้งอยู่บนข้อเท็จจริง อยากเชิญชวนให้ทำงานกันแบบนี้ จะเป็นประโยชน์กับประชาชน ยกระดับการเมืองไทยให้ดีกว่าที่เคยเป็น

ลับลวงลึก ‘ก้าวไกล’ ไม่ใช้บริการ ม.151 เบนเข็มกวาดเก้าอี้ สว.- เลือกตั้งนายกฯ อบจ.

ถูกต้อง…ตรงเผงอย่างที่เพื่อนสื่อมวลชนบางสำนัก ผู้สันทัดกรณีหลายคนสรุปว่า…ในที่สุดพรรคก้าวไกลก็ ‘ก้าวไม่ไกล’ เท่าไหร่..ไปได้แค่มาตรา 152 ของรัฐธรรมนูญ

“มาตรา 152 สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรจำนวนไม่น้อยกว่าหนึ่งในสิบของจำนวนสมาชิกทั้งหมด เท่าที่มีอยู่ของสภาผู้แทนราษฎร จะเข้าชื่อกันเพื่อเสนอญัตติขอเปิดอภิปรายทั่วไปเพื่อซักถามข้อเท็จจริงหรือเสนอแนะปัญหาต่อคณะรัฐมนตรี โดยไม่ลงมติก็ได้”

พรรคก้าวไกลไม่ใช้บริการ มาตรา 151 อภิปรายแบบลงมติ รัฐมนตรีที่ถูกอภิปรายคะแนนไม่ไว้วางใจเกินกึ่งหนึ่ง พ้นจากตำแหน่งทันที...จะว่าไปก็พอเข้าใจได้ระดับหนึ่งว่า รัฐบาลเพิ่งทำงานได้ครึ่งปี จะขยี้จับขึ้นเขียงเชือดเลยก็อาจจะเร็วไป...แต่มองในอีกมุม มาตรฐานและฝีมือตามราคาคุยของพรรคก้าวไกล มันน่าจะทำได้...

เรื่องหมูเถื่อน ตีนไก่เถื่อน ส.ป.ก.โคราช /-ส.ป.ก.โฉนดทองคำสุดซอย กรณีนักโทษเทวดา ฯลฯ อย่างน้อยก็มี รมต. 2-3 คนให้อภิปรายไม่วางใจแบบลงมติได้...แต่ก้าวไกลไปไม่ถึง…

เป็นธรรมดาอยู่เองที่งานนี้...พรรคก้าวไกลของคุณพี่ชัยธวัช ตุลาธน เพื่อนเลิฟผู้นำจิตวิญญาณพรรคก้าวไกล ธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ จะถูกตั้งคำถามว่า...ใช่หรือไม่เบื้องลึกจริงแกนนำพรรคก้าวไกลตัวจริงเสียงจริงยังเกรงอกเกรงใจ…แพ้ทางทักษิณ ชินวัตร เลยต้องใช้ยุทธวิธี ‘แสวงจุดร่วมสงวนจุดต่าง’

ถ้าฝ่ายค้านไม่เปลี่ยนใจ...ก็คงจะได้อภิปรายทั่วไปต้นเดือนเม.ย. ต่อคิวหรือตามหลังสมาชิกวุฒิสภา (สว.) ที่จะอภิปรายจัดหนักจัดเต็มในวันที่ 25 มี.ค. งานนี้ถ้า สว. โชว์ฟอร์มดี ๆ ก้าวไกล-ประชาธิปัตย์ ก็อาจจะเป็นได้แค่เดินตามรอยโปรในเกมกอล์ฟเท่านั้น...

อย่างไรก็ตาม ก็จะเป็นอีกเวทีใหญ่ที่พรรคก้าวไกลได้ปล่อย สส.หน้าใหม่ แถวสี่ แถวห้าออกมาโชว์ฟอร์ม ให้สปอตไลต์ฉายจับ เพราะงานใหญ่ของพรรคก้าวไกลตอนนี้คือ การเดินเกมลึกยึดเวทีเลือกตั้ง สว.ชุดใหม่ 200 คน ซึ่งจะมาจากการเลือก (ไขว้) กันเองใน 20 กลุ่มวิชาชีพ ในราวเดือนก.ค.

เมื่อ 14 พ.ค. 2566 ก้าวไกลเป็นแชมป์เลือกตั้งคะแนนปาร์ตี้ลิสต์ใน 44 จังหวัด ถ้าบริหารจัดการดี ๆ น่าจะยึดเก้าอี้ สว. ได้หลายสิบเก้าอี้…

แล้วหลังจากนั้น…ราวเดือนก.พ. 2568 ก็ถึงวาระการเลือกตั้งสจ. - นายกอบจ. พร้อมกันทั่วประเทศ คะแนนปาร์ตี้ลิสต์ที่ว่าก็น่าจะออกฤทธิ์ออกเดชในเชิงบวกให้กับพรรคส้ม...ต้องรอดูว่า 76 นายกอบจ. จะแหวกม่านบ้านใหญ่มาได้กี่จังหวัด…

วันก่อนคุณลุงพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ ของตะวัน ไปประกาศที่ภูเก็ตว่าไม่เอาแลนด์บริดจ์ แต่จะเอาแลนด์สไลด์…จังหวัดภูเก็ตต้องเด็ดทั้งเกาะ...ได้ 3 สส. แล้วต้องเอานายกอบจ. ด้วย

พร้อม ๆ กับที่อุดรธานีก็เดินงานกันอย่างขันแข็ง ส่ง ‘คณิศร ขุริรัง’ ตั้งเป้าล้ม ‘วิเชียร ขาวขำ’ หวังจะเปลี่ยนอุดรธานีจากเมืองหลวงคนเสื้อแดง เป็นเมืองหลวงสีส้ม กันเลยทีเดียว…

สรุปความตามท้องเรื่อง...ก้าวไกลอภิปรายทั่วไป ไปงั้น ๆ…ความมุ่งมั่นอยู่ที่งานใหญ่เลือกตั้ง สว.ชุดใหม่ และยุทธการยึด อบจ.โน่น

สวัสดี!!

‘พายัพ’ ซัด ‘ชัยธวัช’ อย่าคิดฝันหวาน จะล้มรัฐบาล เย้ย ‘ก้าวไกล’ เหมาะสมแล้วที่เป็นฝ่ายค้าน ขอให้ทำต่อไปนานๆ 

(3 มี.ค.67) นายพายัพ ปั้นเกตุ ที่ปรึกษารองนายกรัฐมนตรี กล่าวกรณีนายชัยธวัช ตุลาธน หัวหน้าพรรคก้าวไกล และ สส.ของพรรคหลายคนที่ออกมาวิพากษ์วิจารณ์การทำงานของรัฐบาลนายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี และนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี โดยอ้างว่าจะมีนายกฯ 2 คน ว่า เป็นเจตนาหวังผลทางการเมือง ต้องการทำให้เกิดความสับสนหวาดระแวงขึ้นในรัฐบาลและพี่น้องประชาชน จึงขอให้หัวหน้าพรรคและ สส.พรรคก้าวไกลหยุดการกระทำ เลิกยุแยงตะแคงรั่ว ลงทุนตอกลิ่มหวังผลให้รัฐบาลสั่นคลอน

“ขอให้ตื่นกันได้แล้ว อย่าฝันหวานเรื่องการสั่นคลอนรัฐบาลเลย เพราะนายเศรษฐาเป็นคนตั้งใจทำงาน การคิดเช่นนั้นเหมือนฝันกลางแดด พรรคก้าวไกลเหมาะสมที่จะทำหน้าที่ฝ่ายค้าน ก็ขอให้ทำต่อไปนานๆ จนครบวาระ 4 ปี”

นายพายัพ ยังกล่าวต่ออีกว่า หากมีเวลาว่างก็ควรเอาเวลาเตรียมข้อมูลข้อกฎหมายไว้ต่อสู้คดีล้มล้างการปกครอง อย่าไปห่วงรัฐบาลหรือนายกฯ เลย เพราะพรรคเพื่อไทยต่อสู้ทางการเมืองเพื่อประเทศชาติและประชาชนมายาวนาน จึงมุ่งมั่นที่จะเป็นรัฐบาลเพื่อแก้ไขปัญหาให้ประชาชน พัฒนาประเทศไทย นำพาพี่น้องประชาชนให้หลุดพ้นจากความยากจน และก้าวไปข้างหน้าเทียบเท่านานาอารยประเทศ

'รทสช.' ยัน!! รัฐพร้อมแจงฝ่ายค้านทุกเรื่อง แม้จะยังไม่ได้ใช้งบฯ-ไร้ปมทุจริต ขอแค่อภิปรายอย่างสร้างสรรค์ ไม่หวังใช้เวทีตีกินทางการเมืองเป็นพอ 

(7 มี.ค.67) นายธนกร วังบุญคงชนะ สส.บัญชีรายชื่อ และรองหัวหน้าพรรครวมไทยสร้างชาติ (รทสช.) กล่าวถึงกรณีฝ่ายค้านมีมติยื่นญัตติขอเปิดอภิปรายทั่วไปแบบไม่ลงมติตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 152 เพื่อซักถามการทำงานของรัฐบาล ว่า ตนมั่นใจรัฐบาลพร้อมชี้แจงและตอบทุกคำถามของฝ่ายค้าน และถือเป็นโอกาสที่จะอธิบายการทำงานของรัฐบาลให้กับประชาชนได้เข้าใจ 

เมื่อถามว่า 6 เดือนของการทำงานรัฐบาล มองว่าเร็วไปหรือไม่ ที่ถูกอภิปรายฯ? นายธนกร กล่าวว่า ถือเป็นการใช้เวทีสภาซักถามการทำงานตามขั้นตอนถือเป็นความชอบธรรมตามกลไกรัฐสภา แม้ว่ารัฐบาลจะเพิ่งเริ่มเดินหน้าทำงานเข้าสู่เดือนที่ 6 ที่สำคัญร่างพระราชบัญญัติงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2567 ยังไม่ผ่านวาระ 2-3 ยังไม่ได้ใช้งบฯ และยังไม่มีข้อมูลการทุจริตเรื่องการใช้งบประมาณของรัฐบาลออกมา 

"ฝ่ายค้านสามารถยื่นอภิปรายรัฐบาลได้ทุกเมื่อ หากเห็นว่ามีความบกพร่อง แต่ผมมองว่าร่างพ.ร.บ.งบฯ ยังไม่ผ่านสภา รัฐบาลจึงยังไม่ได้ใช้งบประมาณ จึงคิดว่าฝ่ายค้านคงยังไม่มีข้อมูลหลักฐานเรื่องการทุจริต จึงขอให้ใช้เวทีสภาในการอภิปรายทั่วไปในครั้งนี้อย่างสร้างสรรค์ หวังว่าจะไม่ใช้โอกาสนี้ สร้างวาทกรรมเพื่อโจมตีทางการเมืองเช่นเดิม" นายธนกร กล่าว


TRENDING
© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top