Sunday, 5 May 2024
บิ๊กป้อม

‘บิ๊กป้อม’ สั่ง!! กอนช.รับมือ ‘เอลนีโญ’ ลดพื้นที่เสี่ยงขาดแคลนน้ำ พร้อมรณรงค์ทุกภาคส่วนบริหารจัดการน้ำอย่างประหยัด-คุ้มค่า

(16 ส.ค. 66) พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี ได้เป็นประธานการประชุม คณะกรรมการกองอำนวยการน้ำแห่งชาติ (กอนช.) ครั้งที่ 2/2566

โดยที่ประชุมเห็นชอบ ร่างมาตรการรับมือฤดูฝนปี 2566 เพิ่มเติมเพื่อรองรับสถานการณ์ ‘เอลนีโญ’ ซึ่งประกอบด้วย 3 มาตรการที่สำคัญ ได้แก่

มาตรการที่ 1 การจัดสรรน้ำให้เป็นไปตามลำดับความสำคัญที่คณะกรรมการลุ่มน้ำกำหนด เกี่ยวกับการวางแผนการระบายน้ำ

มาตรการที่ 2 ให้ควบคุมการเพาะปลูกข้าวนาปีต่อเนื่อง (ตลอดช่วงฤดูฝน) และให้มีการประชาสัมพันธ์ สร้างการรับรู้ให้กับเกษตรกร

มาตรการที่ 3 ให้เพิ่มประสิทธิภาพการใช้น้ำ (ตลอดช่วงฤดูฝน) ได้แก่การใช้น้ำภาคการเกษตร เช่น การปลูกพืชใช้น้ำน้อย การปรับปรุงระบบการให้น้ำพืช และการนำเทคโนโลยีเข้ามาช่วยในการบริหารจัดการน้ำ เป็นต้น

รวมถึงการประหยัดน้ำของทุกภาคส่วน ส่งเสริมให้โรงงานอุตสาหกรรมใช้ระบบ 3R เพื่อลดการใช้น้ำจากแหล่งต่างๆ และการลดการสูญเสียน้ำในระบบประปา และระบบชลประทาน

โดยที่ประชุม กอนช.รับทราบสถานการณ์จากอิทธิพลของปรากฏการณ์เอลนีโญ ที่เกิดขึ้นในขณะนี้และรัฐบาลได้มีความห่วงใยต่อพี่น้องประชาชนในพื้นที่ ที่กำลังประสบปัญหาเป็นอย่างมาก สืบเนื่องจากปริมาณฝนที่ตกน้อยในหลายพื้นที่ และแหล่งน้ำมีปริมาณน้ำจำกัดโดยเฉพาะ น้ำอุปโภคบริโภค

แม้ว่าปัจจุบันหน่วยงานที่เกี่ยวข้องจะได้ดำเนินการตาม ‘12 มาตรการรับมือฤดูฝน’ อย่างต่อเนื่องและเต็มที่ จึงยังคงต้องเฝ้าระวังพื้นที่ที่มีความเสี่ยงขาดแคลนน้ำ ซึ่งอาจส่งผลกระทบและก่อให้เกิดปัญหาภัยแล้งอย่างรุนแรงได้ และขณะเดียวกันปรากฏการณ์ ‘เอ็นโซ่’ (ENSO) อยู่ในสภาวะ
เอลนีโญ และจะมีแนวโน้มที่มีความรุนแรงมากขึ้นในช่วงเดือน ต.ค.-ธ.ค.66  ทำให้ประเทศไทยช่วงเดือน ก.ค.-ก.ย.66 จะมีปริมาณฝนต่ำกว่าปกติ

พล.อ.ประวิตร กล่าวว่า ขอให้ สทนช.และหน่วยงานต่างๆ เร่งประชาสัมพันธ์ สร้างความเข้าใจให้ประชาชน รับทราบสถานการณ์ที่เกิดขึ้นอย่างทั่วถึง ทันเวลา เพื่อเตรียมความพร้อมและจัดลำดับความสำคัญในการใช้น้ำเพื่อการอุปโภค-บริโภค อย่างเพียงพอของประชาชนเป็นอันดับแรก น้ำที่เหลือจึงใช้เพื่อการอื่นๆ รวมถึงพื้นที่ EEC ที่มีความสำคัญด้วย ต่อไป พร้อมรณรงค์ขอให้ประชาชน เกษตรกรและทุกภาคส่วนร่วมกันใช้น้ำอย่างประหยัด และคุ้มค่า

‘ตู่-ป้อม’ ดาวคนละดวง ปชป.แหกโค้ง หลับไม่ตื่น ฟื้นไม่มี…

บันทึกเอาไว้ว่า วันที่ 22 ส.ค.2566 เหตุการณ์ใหญ่ทางการเมืองสองเหตุการณ์ผ่านพ้นไปด้วยดี  มีความน่าระทึกใจอยู่บ้าง แต่มันก็ผ่านไปแล้ว… ตถตา… มันเป็นเช่นนั้นเอง…

เรื่องแรก นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี คนที่ 23 ของประเทศไทย หลังบำเพ็ญเพียรเป็นนักโทษหนีคดีอยู่ 15 ปีเศษ ได้เดินทางกลับบ้าน เข้าสู่กระบวนการยุติธรรม เข้าไปอยู่ในเรือนจำรับโทษ 3 คดีที่ถึงที่สุดแล้วจำนวน 8 ปี อนาคตจะได้รับพระราชทานอภัยโทษ หรือลดโทษอย่างไรหรือไม่ ค่อยว่ากันอีกที ส่วนจะอยู่กินอย่างไรในคุกนั้น ไม่ต้องเป็นห่วง มาวันแรกก็ได้ใช้สิทธิ์กลุ่มเปราะบางวัย 74 ปี นอนเตียงเดี่ยวอยู่ที่โรงพยาบาลราชทัณฑ์แล้ว แต่ไม่ทันย่ำรุ่งก็ย้ายไปนอนเกาสะดืออยู่ที่โรงพยาบาลตำรวจ เรียบร้อยโรงเรียนชินวัตรไปแล้ว

กรณีทักษิณกลับบ้าน… ถ้าไม่คิดอะไรให้มากความ ก็ถือว่าเป็นเรื่องที่ดี อย่างน้อยยุทธการป่วนไทยอยู่ในต่างแดนก็หายไป… ยิ่งวันนี้พรรคเพื่อไทยที่ตัวเองสร้างมากับมือได้หวนคืนมาเป็นรัฐบาล ก็คงไม่กล้าด่าหรือทำมิดีมิร้ายกับประเทศ… ความสงบเรียบร้อยก็เกิดขึ้น และอาจจะตามมาด้วยการปรองดองสมานฉันท์ของคนในชาติครั้งใหญ่ หากรัฐบาลชุดใหม่คิดใหญ่-ทำเป็น… นิรโทษกรรมคดีการเมืองที่ไม่เกี่ยวคดีทุจริตและอาญาฆ่าคนให้เป็นเรื่องเป็นราว

เรื่องที่สอง การโหวตนายกรัฐมนตรีประเภทม้วนเดียวจบ นายเศรษฐา ทวีสิน ได้รับคะแนนสนับสนุนหรือเห็นชอบท่วมท้น 482 เสียง ไม่เห็นชอบ 165 งดออกเสียง 81 โดยในส่วนคะแนนที่เห็นชอบนั้น เป็นคะแนนของสมาชิกวุฒิสภา หรือ สว.ถึง 152 เสียง ไม่เพียงเท่านั้นรัฐบาลที่กำลังรวมตัวกันอยู่มีเสียงสนับสนุน 314 เสียง แต่ปรากฏว่ามีเสียงสนับสนุนจาก สส.สูงถึง 330 เสียง ตรวจสอบพบว่าเป็นเสียงจากพรรคประชาธิปัตย์ 16 เสียง…

กรณีพรรคประชาธิปัตย์นั้นอ่านไม่ยาก… สาระสำคัญก็คือที่ประชุม สส.มีมติให้งดออกเสียง แต่นายชวน หลีกภัย และนายบัญญัติ บรรทัดฐาน ได้ขออนุญาตที่ประชุมว่าจะลงมติ ‘ไม่เห็นชอบ’ ไว้แล้ว แต่กลุ่ม สส.ภายใต้ร่วมธงของนายเฉลิมชัย ศรีอ่อน และนายเดชอิศม์ ขาวทอง โหวตเห็นชอบแบบเย้ยฟ้าท้าดินนั้น เจตนาก็ชัดเจนเป็นการตีตั๋วเข้าร่วมรัฐบาล ยอมเป็นยางอะไหล่ไปพลางก่อน… ทำให้สถานภาพพรรคประชาธิปัตย์นาทีนี้ดิ่งเหว… หลับไม่ตื่น ฟื้นไม่มี… มันจบแล้วครับนาย!!

สำหรับกรณีที่เสียง สว.โหวต ‘เห็นชอบ’ ท่วมท้นนั้น พบว่า สว.สายบิ๊กตู่ ‘พรึ่บ’ หนุนเศรษฐา ทวีสิน ทำให้ สว.บางส่วนที่ทำการบ้านเพื่อคว่ำเศรษฐา รู้สึกว่าตัวเองโดน ‘เท’ เกิดอาการน้อยอกน้อยใจกันพอประมาณ บางกลุ่มก็ตั้งคำถามในเชิงไม่เข้าใจว่า ‘บิ๊กตู่’ เล่นเกมอะไร… โดยเฉพาะกลุ่ม สว.ที่ทำการบ้านรุกฆาตให้พรรคเพื่อไทยรับปากไม่รื้อรัฐธรรมนูญทั้งฉบับนั้น ค่อนข้างผิดหวังกับบิ๊ก สว.สายบิ๊กตู่… ดังกรณี สว.สมชาย แสวงการ โพสต์ในเฟซบุ๊กตัวเองตั้งแต่ผลโหวตยังไม่จบว่า…

“#สงสารประเทศไทย” และต่อมาโพสต์อีกว่า “#เสียของ” เป็นต้น…

ทราบว่าขณะนี้กำลังเคลียร์ใจล้างใจกันยังไม่จบ..!!

ส่วน สว.สายบิ๊กป้อม… ซึ่งมีอยู่ประมาณ 40-50 คนนั้น ปรากฏว่าส่วนใหญ่จะงดออกเสียง แม้แต่ พล.ร.อ.ศิษฐวัชร วงษ์สุวรรณ ‘บิ๊กปุ้ม’ น้องชายแท้ๆ บิ๊กป้อมก็ไม่ไปร่วมประชุม… วิเคราะห์กันว่า สว.สายบิ๊กป้อมพยายามลากเกมให้ไหลไปถึงคิว ‘บิ๊กป้อม’ แต่ สว.สายบิ๊กตู่ไม่เล่นด้วย ก็เลยปิดเกมโหวตให้เศรษฐา ทั้งนี้ทั้งนั้น ต้องหมายเหตุเอาไว้ว่า กลุ่มทุนพลังงานและรถไฟฟ้ามีบทบาทไม่น้อย ที่ทำให้พรรคการเมือง 3-4 พรรคประสานผลประโยชน์กันแบบ ‘มองตาก็รู้ใจ’

สวัสดี

25 สิงหาคม พ.ศ. 2565  พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ  รักษาการนายกฯ แทน พล.อ.ประยุทธ์ เป็นวันแรก

วันนี้ เมื่อปีก่อน พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ นั่งเก้าอี้รักษาการนายกรัฐมนตรี แทน พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ที่ศาลรัฐธรรมนูญ สั่งหยุดปฏิบัติหน้าที่ ระหว่างรอวินิจฉัยอยู่ในตำแหน่งนายกฯ 8 ปี

จากกรณีที่ศาลรัฐธรรมนูญ มีมติเสียงข้างมาก 5:4 รับคำร้อง วาระการดำรงตำแหน่ง 8 ปี และ สั่ง พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา หยุดปฏิบัติหน้าที่ เมื่อวันที่ 24 สิงหาคม พ.ศ. 2565 โดยในระหว่างนี้ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี จะปฏิบัติหน้าที่นายกรัฐมนตรีแทนไปจนกว่าศาลจะมีคำวินิจฉัยออกมา

พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ หรือที่คนส่วนใหญ่รู้จักกันในนาม ‘ลุงป้อม’ กับภาพลักษณ์ผู้ใหญ่ใจดี ยิ้มง่าย มีใบหน้าเปื้อนยิ้มตลอดเวลา

พล.อ.ประวิตร เกิดเมื่อวันที่ 11 สิงหาคม 2488 เพิ่งอายุครบ 78 ปีไปหมาด ๆ เป็นชาวกรุงเทพมหานครโดยกำเนิด เข้าเรียนที่โรงเรียนเซนต์คาเบรียล ก่อนศึกษาต่อยังโรงเรียนเตรียมทหาร ในรุ่นที่ 6 โรงเรียนนายร้อยพระจุลจอมเกล้า รุ่นที่ 17 พร้อมกับจบการศึกษาหลักสูตรประจำ ชุดที่ 56 โรงเรียนเสนาธิการทหารบก เมื่อปี 2521

ในด้านการรับราชการทหาร พล.อ.ประวิตร ก้าวขึ้นมาเป็นผู้บังคับการกรมทหารราบที่ 12 รักษาพระองค์ เมื่อปี 2532 ต่อด้วยผู้บัญชาการกรมทหารราบที่ 2 รักษาพระองค์ฯ เมื่อปี 2539 และค่อย ๆ ได้รับการขยับตำแหน่งสูงขึ้น จนได้มาเป็นผู้บัญชาการทหารบกเมื่อปี 2547 ในสมัยนายทักษิณ ชินวัตร เป็นนายกรัฐมนตรี และถือได้ว่าเป็นนายทหารรุ่นพี่ที่สนิทสนมกับนายทหารอดีตผู้บัญชาการทหารบกสองนาย คือ พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา และพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา จนได้รับฉายาว่าเป็นพี่ใหญ่แห่งพี่น้อง 3 ป.

สำหรับเส้นทางการเมืองของพล.อ.ประวิตร เป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมในรัฐบาล อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ในปี พ.ศ. 2552 จากนั้น ได้รับแต่งตั้งเป็นประธานที่ปรึกษา และเป็นรองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ในรัฐบาลพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ภายหลังจากการรัฐประหารในประเทศไทย พ.ศ. 2557

‘บิ๊กป้อม’ หารือแนวทางรับมือสภาพอากาศผันผวน เร่งสร้างความเข้าใจ ปชช. ลดผลกระทบรุนแรง

(25 ส.ค. 66) ที่มูลนิธิป่ารอยต่อฯ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รอง นายกรัฐมนตรี เป็นประธานประชุมคณะกรรมการนโยบายการเปลี่ยนแปลงสภาพอากาศแห่งชาติ (กนภ.) ครั้งที่ 3/66 มีนายวราวุธ ศิลปอาชา รมว. ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม และตัวแทนหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้าร่วมประชุม 

โดยที่ประชุมเห็นชอบแก้ไขเพิ่มเติมระเบียบว่าด้วยการดำเนินงานด้านการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ รวมทั้งการปรับปรุงองค์ประกอบคณะอนุกรรมการภายใต้ กนภ.จำนวน 8 คณะ ให้สอดคล้องกับการเปลี่ยนแปลงดังกล่าว และเสนอให้ส่วนราชการต่างกระทรวง มีหน่วยงานรองรับร่วมขับเคลื่อนภารกิจดังกล่าวไปด้วยกัน

นอกจากนั้นที่ประชุมรับทราบ การปรับปรุงกฎกระทรวงและการแบ่งส่วนราชการ กรมการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศและสิ่งแวดล้อม พ.ศ. 2566 ที่เปลี่ยนชื่อมาจาก กรมส่งเสริมคุณภาพสิ่งแวดล้อม โดยจะทำหน้าที่จะเป็นหน่วยงานหลักในการขับเคลื่อนดำเนินงานด้านการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศของประเทศร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ทั้งการลดก๊าซเรือนกระจกและการปรับตัวต่อการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ โดยเป็นหน่วยประสานงานกลางของประเทศ ภายใต้กรอบอนุสัญญาสหประชาชาติว่าด้วยการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ รวมถึงความร่วมมือระหว่างประเทศต่าง ๆ นอกจากนี้ ยังเป็นหน่วยให้บริการข้อมูลข่าวสารเพื่อเผยแพร่และประชาสัมพันธ์ ศึกษาวิจัย พัฒนาองค์ความรู้และเทคโนโลยี เพื่อการจัดการการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศและสิ่งแวดล้อม รวมถึงการสร้างเครือข่ายความร่วมมือทุกภาคส่วนต่อไป

พล.อ.ประวิตร กล่าวว่า สภาพอากาศมีการเปลี่ยนแปลง ผันผวนและทวีรุนแรงมากขึ้น มีผลกระทบต่อสภาวะแวดล้อมของประเทศอย่างมาก ซึ่งเป็นเรื่องที่รอไม่ได้ต้องเตรียมการรับมือ จึงกำชับขอให้คณะกรรมการฯ กรมการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศและสิ่งแวดล้อม ศึกษา ติดตามและขับเคลื่อนดำเนินงานร่วมกับภาคีเครือข่ายองค์กรที่เกี่ยวข้อง ทั้งในและระหว่างประเทศ เตรียมพร้อมรับมือกับผลกระทบจากการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศที่เกิดขึ้นไปด้วยกัน โดยให้ความสำคัญกับการสร้างความตระหนักรู้ ความเข้าใจและความร่วมมือกัน รับมือกับการเปลี่ยนแปลง ทั้งการป้องกันและการแก้ปัญหาไปพร้อม ๆ กัน เพื่อลดผลกระทบที่จะเกิดขึ้นให้มากที่สุด

‘บิ๊กป้อม’ ร่วมประชุม ‘กบฉ.’ ขยาย พ.ร.ก.ฉุกเฉินฯ พื้นที่ จชต. พร้อมกำชับตรวจเข้มโรงงานสารประกอบระเบิด เพื่อลดความเสี่ยง

(28 ส.ค. 66) ที่มูลนิธิป่ารอยต่อฯ พล.อ. ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี เป็นประธานการประชุม คณะกรรมการบริหารสถานการณ์ฉุกเฉิน (กบฉ.) ครั้งที่ 3/2566 โดยมีรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย และรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงกลาโหม เข้าร่วมประชุม

โดยที่ประชุมเห็นชอบตามข้อเสนอของ กอ.รมน.ภาค 4 ส่วนหน้า ปรับลดพื้นที่อำเภอกะพ้อ จังหวัดปัตตานี ออกจากพื้นที่ประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินฯ เพื่อนำ พ.ร.บ.การรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักรฯ มาใช้แทน และขอขยายเวลาการประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินที่มีความร้ายแรงในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ ยกเว้นอำเภอศรีสาคร อำเภอสุไหงโก-ลก อำเภอแว้ง และอำเภอสุคิริน จังหวัดนราธิวาส, อำเภอยะหริ่ง อำเภอมายอ อำเภอไม้แก่น และอำเภอแม่ลาน จังหวัดปัตตานี, อำเภอเบตง และอำเภอกาบัง จังหวัดยะลา ออกไปอีกเป็นระยะเวลา 3 เดือน ทั้งนี้ตั้งแต่ 20 ก.ย. ถึง 19 ธ.ค. 66 โดยเป็นการขยายระยะเวลา ครั้งที่ 73 เพื่อให้เกิดความต่อเนื่องในการปฏิบัติงาน ป้องกัน ระงับ ยับยั้งเหตุการณ์ในพื้นที่ให้ได้อย่างทันท่วงที รวมทั้งจะเป็นประโยชน์ต่อการดูแลรักษาความสงบ และความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินของประชาชนในพื้นที่ด้วย โดยให้ สมช.เสนอเรื่องไปยัง ครม.เพื่อพิจารณาเห็นชอบต่อไป

ที่ประชุมรับทราบผลการปฎิบัติงานตาม พ.ร.ก.ฉุกเฉิน พ.ศ. 2548 วันที่ 20 มิ.ย. ถึง 20 ส.ค.ที่ผ่านมา ซึ่งมีแนวโน้มของสถานการณ์ ที่มีความสงบเรียบร้อยมากขึ้นตามลำดับ และมีสถิติการก่อเหตุความรุนแรงลดลง สามารถพัฒนาไปสู่การปรับลดพื้นที่ออกจากการประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินได้มากขึ้น ทั้งนี้ โดยกำชับหน่วยงานด้านความมั่นคงในพื้นที่ ให้เข้มงวดตรวจสอบโรงงานที่เกี่ยวข้องกับสารประกอบระเบิด พร้อมเร่งรัดการช่วยเหลือและฟื้นฟูประชาชน ที่ได้รับผลกระทบจากเหตุการณ์โรงงานพลุดอกไม้เพลิงระเบิดที่ผ่านมาโดยเร็ว

พล.อ.ประวิตร กล่าวว่า ขอบคุณ คณะกรรมการฯ หน่วยงานความมั่นคง ฝ่ายปกครอง และกำลังพลทุกนายที่ได้ปฏิบัติหน้าที่ ด้วยความเสียสละ ทุ่มเท และกล้าหาญ อย่างน่าภาคภูมิใจ สามารถแก้ปัญหา จชต.เป็นไปด้วยความเรียบร้อยที่ผ่านมา และมีสถิติการก่อเหตุฯลดลง ตามลำดับ พร้อมทั้งได้ขอบคุณประชาชนในพื้นที่ ที่ให้ความร่วมมือเป็นอย่างดี รวมทั้งได้กำชับ สมช. ซึ่งถือเป็นกลไกหลักในการเตรียมความพร้อมแก้ปัญหา จชต.ในระดับนโยบาย ที่ต้องขับเคลื่อนให้ต่อเนื่อง ไม่ขาดตอน มีความเป็นมืออาชีพ ด้วยความซื่อสัตย์ สุจริต และเตรียมรับนโยบายจาก ครม.ชุดใหม่ ที่จะเข้าปฏิบัติหน้าที่ในระยะเวลาอันใกล้นี้ต่อไป

'บิ๊กป้อม' เผย เตรียมลาออก สส.พปชร. เร็วๆ นี้ ลั่น!! เป็น หน.พรรคอย่างเดียว ไม่เล่นการเมืองแล้ว

(31 ส.ค.66) ที่สำนักงานคณะกรรมการโอลิมปิกแห่งประเทศไทย พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี ในฐานะหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) กล่าวก่อนเป็นประธานประชุมคณะกรรมการโอลิมปิกฯ ว่า "ห้ามถามการเมืองนะ ไม่เล่นการเมืองแล้ว เป็นหัวหน้าพรรคอย่างเดียว ไม่ได้เล่นการเมือง"

ผู้สื่อข่าวถามว่า จะเป็นหัวหน้าพรรคอย่างเดียวแล้วในตำแหน่ง สส. บัญชีรายชื่อจะอย่างไร? พล.อ.ประวิตร กล่าวทันทีว่า "เดี๋ยวก็จะลาออก คนอื่นก็ทำไป" เมื่อถามถึงความชัดเจนว่าจะลาออกเมื่อไหร่ พล.อ.ประวิตร ไม่ได้ตอบคำถามดังกล่าว

เมื่อถามย้ำว่า จะยังทำหน้าที่เป็นหัวหน้าพรรคอย่างเดียวใช่หรือไม่? พล.อ.ประวิตร กล่าวว่า "ใช่ อย่างเดียว"

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า หากพล.อ.ประวิตร ลาออกจากสส. บัญชีรายชื่อ ผู้ที่จะขยับขึ้นมาเป็นสส.แทน คือ นายสันติ พร้อมพัฒน์ รองหัวหน้าพรรค พปชร.ที่มีชื่อเป็น รมช.สาธารณสุข

สำหรับบรรยากาศในวันนี้ ผู้สื่อข่าวรายงานว่าพล.อ.ประวิตร มีสีหน้ายิ้มแย้มแจ่มใสและกล่าวอวยพรสื่อ อย่างอารมณ์ดี "โอเคนะ โชคดีนะทุกคน โชคดีจ๊ะ" จากนั้นเดินทางเข้าห้องรับรอง และเมื่อออกจากห้องได้กวักมือเรียกสื่อผู้สื่อข่าว ให้มาถ่ายภาพร่วมกันเป็นที่ระลึก

อย่างไรก็ตาม พล.อ.ประวิตร ยังได้กล่าวเสริมกับสื่อมวลชนอีกด้วยว่า "ตนยังมีพลังการทำงานในด้านกีฬา ส่วนการเมืองขอให้เป็นหน้าที่คนอื่น ทำมาเยอะแล้ว"

เมื่อถามย้ำว่าทำมาเยอะแล้วและอยากทำต่อหรือไม่? (ก่อนผู้สื่อข่าวจะแซวว่า ทำอยู่ ทำต่อ) พล.อ.ประวิตร จึงถามกลับว่า "ทำอยู่ ทำต่อ หมายความว่าอย่างไร" ผู้สื่อข่าวจึงตอบว่า หมายถึงทำให้ประเทศ พล.อ.ประวิตร จึงกล่าวว่า "ผมทำมาเยอะแล้ว ผมทำให้พรรคบ้าง"

‘บิ๊กป้อม’ ต้อนรับ ‘รองประธาน อลป.จีน’ หารือยกระดับด้านกีฬา ส่งเสริมความร่วมมือ-เชื่อมสัมพันธ์ระหว่าง ‘ไทย-จีน’ อย่างยั่งยืน

(31 ส.ค. 66) ที่บ้านอัมพวัน คณะกรรมการโอลิมปิกแห่งประเทศไทย พล.ท.พัชร์ชศักดิ์ ปฏิรูปานนท์ รอง โฆษก คณะกรรมการ โอลิมปิกฯ เปิดเผยว่า พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี / ประธานคณะกรรมการโอลิมปิกแห่งประเทศไทยฯ ได้ให้การต้อนรับ ‘นายหวัง รุ่ยเหลียน’ (Mr.Wang Ruilian) รองประธานคณะกรรมการโอลิมปิกแห่งสาธารณรัฐ ประชาชนจีน และคณะ ในโอกาสที่เดินทางมาเข้าร่วมประชุม รัฐมนตรีอาเซียน - สาธารณรัฐประชาชนจีน ในด้านกีฬา

พล.อ.ประวิตร ได้ให้การต้อนรับพร้อมกล่าวขอบคุณนายหวัง รุ่ยเหลียน และคณะทุกท่าน ที่ให้เกียรติมาเข้าพบในวันนี้  ซึ่งประเทศไทยกับจีนมีความสัมพันธ์อันดีต่อกัน มาอย่างยาวนาน ในทุกระดับ รวมทั้งประชาชนของทั้ง 2 ประเทศ ที่มีความรักความผูกพันกันอย่างแน่นแฟ้น ทั้งด้านการค้า วัฒนธรรม ประเพณี และอื่นๆ รวมถึงด้านการกีฬาด้วย

ซึ่งในโอกาสที่จีนจะเป็นเจ้าภาพจัดการแข่งขันกีฬาเอเชียนเกมส์ ครั้งที่ 19 ณ นครหางโจว สาธารณรัฐประชาชนจีน ระหว่าง 23 ก.ย.- 8 ต.ค. 66 โดยมีนักกีฬาของไทยหลายประเภท เข้าร่วมการแข่งขันด้วย ทั้งนี้ พล.อ.ประวิตร ได้กล่าวอวยพรขอให้จีนประสบความสำเร็จ ในการจัดการแข่งขันด้วยดี

นายหวัง รุ่ยเหลียน ได้กล่าวขอบคุณ พล.อ.ประวิตร ที่ให้การต้อนรับอย่างอบอุ่น ในวันนี้ และยืนยันความสัมพันธ์อันดีที่มีมาอย่างมั่นคงของทั้ง 2 ประเทศ ที่ผ่านมา พร้อมทั้งได้กล่าวเรียนเชิญ พล.อ.ประวิตร และคณะ เพื่อเป็นเกียรติเข้าร่วมพิธีเปิดการแข่งขันกีฬาเอเชียนเกมส์ ครั้งที่ 19 ณ นครหางโจว สาธารณรัฐประชาชนจีนด้วย

ต่อจากนั้นทั้งสองฝ่าย ยังได้หารือความร่วมมือทางด้านกีฬา เพื่อส่งเสริมการกีฬาของทั้ง 2 ประเทศ ให้มีการพัฒนาร่วมกัน และนำไปสู่ความสัมพันธ์อันดีระหว่างประเทศให้มากยิ่งขึ้นต่อไปด้วย พร้อมกล่าวยินดีต้อนรับ และสนับสนุนนักกีฬา และเจ้าหน้าที่ของไทยอย่างเต็มที่ ในการเข้าร่วมแข่งขันครั้งนี้ ภายหลังเสร็จสิ้นการหารือ ทั้ง 2 ฝ่ายได้มอบของที่ระลึกระหว่างกัน ก่อน รองประธาน คณะกรรมการโอลิมปิกฯ ของจีน พร้อมคณะจะเดินทางกลับ สำหรับ พล.อ.ประวิตร ได้เป็นประธานการประชุมคณะกรรมการโอลิมปิกฯของไทย ต่อเนื่องทันที

‘บิ๊กป้อม’ เปิดงาน ‘วันน้ำโลก ปี 66’ วอนคนไทย ใช้น้ำอย่างรู้คุณค่า กำชับทุกภาคส่วน บริหารจัดการน้ำเต็มประสิทธิภาพ-รับมือภัยแล้ง

(1 ก.ย. 66) โรงแรมรามาการ์เด้นส์ กทม. พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี เป็นประธานจัดกิจกรรม ‘ความร่วมมือ และการมีส่วนร่วมบริหารจัดการทรัพยากรน้ำ’ เนื่องใน ‘วันน้ำโลก ประจำปี 2566’ พร้อมมอบนโยบายให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง

พล.อ.ประวิตร กล่าวว่า เจตนารมย์ของรัฐบาลไทย ที่พร้อมเดินหน้าไปกับประเทศสมาชิก เพื่อยืนยันความร่วมมือ ภายใต้กรอบองค์การสหประชาชาติ และไทยพร้อมรับข้อเสนอและแลกเปลี่ยนเรียนรู้กับหน่วยงาน และองค์กรด้านน้ำของประเทศสมาชิก เพื่อเพิ่มอัตราเร่งการพัฒนาการบริหารจัดการทรัพยากรน้ำ ให้มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้นด้วย

ซึ่ง พล.อ.ประวิตร ยังได้ รณรงค์ขอให้ประชาชน และทุกภาคส่วนมีส่วนร่วมบริหารจัดการน้ำ และใช้น้ำอย่างประหยัด เห็นคุณค่าในโอกาสนี้ด้วย

‘บิ๊กป้อม’ แต่งตั้ง ‘ไพบูลย์’ นั่งปธ. ติดตามงานกฎหมาย ดูแลกิจการพรรค - สส. - สมาชิกพรรค ให้เป็นไปตาม รธน.

(7 ก.ย. 66) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ หัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) ได้ลงนามคำสั่งพรรคพลังประชารัฐ ที่ 117/2566 เรื่อง แต่งตั้งคณะกรรมการด้านกฎหมาย เมื่อวันที่ 4 ก.ย.ที่ผ่านมา เพื่อขับเคลื่อนการดำเนินงานในด้านกฎหมายของพรรค ให้เป็นไปตามยุทธศาสตร์ นโยบายและแนวทางที่พรรคกำหนดให้สัมฤทธิ์ผลและสอดประสานไปในทิศทางเดียวกัน

อาศัยอำนาจตามข้อบังคับพรรคพลังประชารัฐ พ.ศ. 2561 และฉบับแก้ไขเพิ่มเติมครั้งที่ 5 พ.ศ. 2566 ข้อ 17 (1) (ซ) แต่งตั้งคณะกรรมการด้านกฎหมายโดยมีองค์ประกอบ หน้าที่และอำนาจ ดังนี้

นายไพบูลย์ นิติตะวัน เป็นประธานกรรมการ 
นายประสาน หวังรัตนปราณี เป็นกรรมการ 
นายสุธรรม จริตงาม เป็นกรรมการ 
นายองอาจ วงษ์ประยูร เป็นกรรมการ 
นายภาส ภาสสัทธา เป็นกรรมการ 
นายทศพล เพ็งส้ม เป็นกรรมการ 
นายณรงค์ โยธนัง เป็นกรรมการ และเลขานุการ

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า กรรมการชุดดังกล่าว มีอำนาจหน้าที่ ติดตามดูแลการดำเนินกิจการของพรรค สส.และสมาชิกพรรค ให้เป็นไปตามรัฐธรรมนูญ กฎหมายที่เกี่ยวข้องและข้อบังคับพรรค และยกร่างพระราชบัญญัติที่เกี่ยวข้องกับกระทรวง ที่พรรคกำกับดูแล หรือ ตามที่ สส. ขอให้ยกร่างพระราชบัญญัติเพื่อแก้ไขปัญหาเดือดร้อนของประชาชนเสนอต่อสภาผู้แทนราษฎร รวมถึงให้คำปรึกษาและคำแนะนำทางด้านกฎหมายแก่คณะกรรมการบริหารพรรค คณะกรรมการด้านต่าง ๆ สส. และสมาชิกพรรค

นอกจากนั้นตรวจสอบกรณีสมาชิกพรรค ฝ่าฝืนไม่ปฏิบัติตามข้อบังคับพรรคและเสนอผลการตรวจสอบต่อหัวหน้าพรรคหรือคณะกรรมการบริหารพรรค และแต่งตั้งที่ปรึกษา คณะอนุกรรมการ คณะทำงานเพื่อช่วยเหลือสนับสนุนการดำเนินงานตามอำนาจหน้าที่ของคณะกรรมการ จัดทำแผนดำเนินงานและรายงานผลการดำเนินงานของคณะกรรมการต่อหัวหน้าพรรคโดยตรงหรือประธานคณะกรรมการยุทธศาสตร์ แล้วแต่กรณี รวมถึงดำเนินงานอื่นใดที่เกี่ยวข้องกับหน้าที่และอำนาจของคณะกรรมการ และปฏิบัติงานอื่นตามที่หัวหน้าพรรคมอบหมาย

‘บิ๊กป้อม’ อารมณ์แจ่มใส เข้าครัวโชว์ฝีมือทำ ‘ผัดซีอิ๊ว’ บอก!! หากทีมวอลเลย์บอลสาวไทยกลับมา จะทำเลี้ยงทั้งทีม

(22 ก.ย. 66) ผู้สื่อข่าวรายงานความเคลื่อนไหวของ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ หัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ ในฐานะประธานโอลิมปิกแห่งประเทศไทยในพระบรมราชูปถัมภ์ ที่เก็บตัวเงียบนับตั้งแต่การแถลงนโยบายรัฐบาล โดยเข้าทำงานที่มูลนิธิอนุรักษ์ป่ารอยต่อฯ และในช่วงเที่ยงวันเดียวกันนี้ พล.อ.ประวิตร ได้เข้าครัวทำผัดซีอิ๊ว ซึ่งเป็นเมนูโปรด เลี้ยงบุคคลคนใกล้ชิดยามว่างจากภารกิจ และรอติดตามการแข่งขันวอลเลย์บอลหญิง รอบคัดเลือกโอลิมปิก 2023 ที่ประเทศโปแลนด์ เวลา 19.30 นี้ ที่ทีมชาติไทย จะพบกับ ทีมชาติสโลวิเนีย 

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า พล.อ.ประวิตร ปรุงอาหารอย่างอารมณ์ดี พร้อมกับกล่าวกับบุคคลใกล้ชิดว่า “วันนี้จะติดตามเชียร์ทีมวอลเลย์บอลหญิงไทย หลังจากเอาชนะทีมเจ้าภาพโปแลนด์ 3-2 เซต และในการแข่งขันวันนี้ ขอให้ได้รับชัยชนะ หากทีมวอลเลย์บอลเดินทางกลับมาถึงประเทศไทย จะทำผัดซีอิ๊ว เลี้ยงทั้งทีม”


TRENDING
© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top