Sunday, 28 April 2024
ชูวิทย์

‘ภูมิใจไทย’ แจง!! เงินบริจาคถูกต้องตาม กม. ยัน!! ที่ผ่านมาแค่ 'ชูวิทย์' จินตนาการไปเอง

(22 มี.ค.66) ที่พรรคภูมิใจไทย นายศุภชัย ใจสมุทร นายทะเบียนพรรคภูมิใจไทย (ภท.) และนายธนิต ศรีประเทศ อดีตรองเลขาธิการคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) หนึ่งในทีมกฎหมายพรรค ภท. ร่วมกันแถลงถึงกรณีที่นายชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์ ยื่นต่อ กกต.ให้ยุบพรรคภท. อันเนื่องมาจากเงินบริจาคพรรคการเมือง ไม่เป็นไปตาม ม.72 ของ พ.ร.ป.ว่าด้วยพรรคการเมือง

โดยนายศุภชัย กล่าวยืนยันว่า พรรคภูมิใจไทย ทำถูกต้องตามกฎหมายทุกประการ การบริจาคเงินให้พรรคการเมือง เป็นไปตาม พ.ร.ป.ว่าด้วยพรรคการเมือง ที่ได้กำหนดรายละเอียด ว่า ถ้าหากจะมีการดำเนินการใดๆ จะต้องดำเนินการตามกฎหมาย ที่แบ่งเป็นสองส่วนคือการบริจาคเงินจากบุคคลธรรมดา และนิติบุคคล ซึ่งเมื่อมีการบริจาคจากทั้ง 2 ส่วน ทางพรรคภท.ในฐานะเป็นผู้รับบริจาค จะต้องตรวจสอบว่า แหล่งที่มาของเงินถูกต้องหรือไม่ ซึ่งยืนยันว่าเราทำถูกต้องทุกประการ โดยยอดบริจาค ตั้งแต่ปี 2561 -ปัจจุบัน อยู่ที่ 355,033,639 บาท แบ่งเป็นปี 2561 จำนวน 10 ล้านบาท ปี 2562 จำนวน 161 ล้านบาท ปี2563 จำนวน 24,884,289 บาท ปี 2564 จำนวน 35,952,000 บาท ปี2565 จำนวน 123,197,350 บาท และปี2566 จำนวน 8,730,000 บาท โดยทั้งหมดบริจาคเป็นเงินสด รวมถึงมีบางส่วนที่บริจาคเป็นทรัพย์สิน ซึ่งต้องมีการลงทะเบียนแล้วแจ้งต่อ กกต. เพื่อประกาศต่อสาธารณะ และขอยืนยันว่า พรรคภูมิใจไทย ทำทุกอย่างถูกต้องตามกฎหมายทุกประการ

ด้านนายธนิต กล่าวยืนยันว่า การบริจาคของพรรคเป็นไปตามกฎหมายและระเบียบของกกต. รวมถึงมีระยะเวลาที่กำหนดเอาไว้หมดแล้ว ที่พรรคการเมืองจะต้องพึงสังวร เนื่องจากที่ผ่านมามีหลายพรรคการเมือง โดนโทษจนถึงขั้นถูกยุบพรรค ขณะที่ขั้นตอนการบริจาคทั้ง ในส่วนของบุคคลธรรมดา และนิติบุคคล ได้กำหนดไว้ให้บริจาคไม่เกิน 10 ล้านบาทต่อปี ซึ่งจะต้องมีหลักฐานยืนยัน อาทิ สำเนาบัตรประชาชน สำเนาทะเบียนบ้าน หนังสือบริคณห์สนธิ (ตราสารที่ผู้เริ่มก่อตั้งบริษัทได้ตกลงร่วมกันจัดทำขึ้น) หนังสือลงนามมอบอำนาจต่างๆ ที่จะต้องรวบรวมแล้วส่งไปยัง กกต.ทั้งหมด อย่างไรก็ตามหลังจากส่งให้กกต.ตรวจแล้ว ก็จะต้องไปยังกรมพัฒนาธุรกิจการค้า กระทรวงพาณิชย์ ตรวจสอบในแง่ของนิติบุคคลอีกด้วย ทั้งนี้เงินบริจาคไม่สามารถนำไปใช้อย่างอื่นได้ ซึ่งจะต้องนำมาดำเนินการ เพื่อทำกิจกรรมทางการเมืองและการเลือกตั้งเท่านั้น

‘ชูวิทย์’ โต้กลับ หากได้ 10 ล้านเงียบไว้ดีกว่าไหม ยัน!! จิตใต้สำนึกรู้ดี ล่าสุดทั้ง 2 รพ. ขอคืนเงินบริจาค พร้อมส่งมอบให้ตำรวจ

เมื่อวานนี้ (23 มี.ค.66) นายชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์ อดีตนักการเมืองและนักธุรกิจกลางคืน โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กส่วนตัว ระบุว่า 

“เงินสีเทา หากทนายตั้มบอกว่าผมได้มา 10 ล้าน และนำไปบริจาค 6 ล้าน เก็บไว้ 4 ล้าน ถ้าผมคิดจะเก็บไว้จริง ผมควรเก็บไว้มากกว่าที่บริจาคไหม? เช่น เก็บไว้ 6 หรือ 7 หรือ 8 ล้าน และนำไปบริจาคเพียงส่วนน้อยย่อมทำได้ หรือไม่ก็ไม่ต้องบริจาคเลย เก็บไว้ทั้ง 10 ล้าน แล้วหยุดพูด เงียบๆ ไป เพราะถึงอย่างไรก็ไม่มีใครรู้อยู่ดีในวันนั้นที่นำเงินมา

หากโรงพยาบาลไม่สบายใจ คืนเงินมา ผมก็ต้องนำเงินไปให้ตำรวจ ก็ไม่ทราบว่าตำรวจจะทำอย่างไรกับเงินนี้ต่อไป แต่ด้วยเจตนาดีในการนำเงินไปให้โรงพยาบาล เพื่อได้ช่วยเหลือคนเจ็บป่วย หรือคนตาย คนนำเงินมาให้ก็เป็นนายตำรวจผู้ใหญ่ที่เกษียณแล้ว และผมรู้จักมานาน จิตใต้สำนึกผมแยกแยะได้ว่า อะไรคือเงินของผม และอะไรที่ไม่ใช่ สังคมพิจารณาได้ว่าผมเป็นคนอย่างไร? การกระทำของผมย่อมมีคนเสียประโยชน์ที่พยายามเล่นงานผมทุกวิถีทาง แต่เมื่อผมตัดสินใจแล้ว เกมนี้เดิมพันด้วยชีวิตที่เหลืออยู่ครับ”

‘ทนายตั้ม’ เผยภาพ ‘ชูวิทย์’ รับเงินจากสารวัตรซัว ลั่น!! ถ้าไม่ยอมเปิดเผยความจริง เดี๋ยวจะเปิดแทนเอง

(24 มี.ค. 66) ทนายษิทราได้โพสต์หลักฐานภาพถ่ายภายในโรงแรมของชูวิทย์ ในเฟซบุ๊ก ษิทรา เบี้ยบังเกิด เลขาธิการมูลนิธิทีมงานทนายประชาชน โดยระบุว่า…

#ชื่นมื่น ภาพนี้ถ่ายที่โรงแรมเดวิส และเป็นวันที่คนของสารวัตรซัว ซึ่งเป็นเจ้าของเว็บหนึ่ง (คนซ้ายในรูป) เอาเงินไปให้พี่ชูวิทย์ครั้งแรก เมื่อปีที่แล้ว ไม่ใช่มีแค่ตำรวจ 2 คนอย่างที่พี่ชูวิทย์ให้สัมภาษณ์

คนบนโต๊ะมีทั้งตำรวจระดับนายพล 2 คน (ตามที่พี่บอกกับสังคม) เจ้าของเว็บ กล่องดวงใจ และพี่ชูวิทย์ นั่งเจรจากัน เรื่องเว็บไหนแตะได้ เว็บไหนแตะไม่ได้ และที่สำคัญตำรวจระดับนายพลที่พี่ชูวิทย์พยายามเลี่ยง ไม่พูดถึง คนนึงเกษียณแล้วเป็นคนสนิทพี่ชูวิทย์เอง ผมไม่ค่อยสนใจเท่าไหร่ แต่อีกคนไม่ใช่ตำรวจแล้ว พี่พูดความจริงครึ่งเดียว คนนี้มีตำแหน่งสำคัญเกี่ยวกับการปราบปรามพนันออนไลน์ ซึ่งถ้าสังคมรู้ว่ามีตำแหน่งอะไรคงช็อกกันทั้งประเทศ ช็อกแรกคือคนนี้มาเกี่ยวข้องกับแก๊งพนันออนไลน์ได้ยังไง ช็อกที่สองก็คือทำไมพี่ชูวิทย์ต้องปกปิด

‘เสี่ยหนู’ ชี้ ถือเป็นเรื่องดีหลัง ‘ทนายตั้ม’ ตรวจสอบ ‘ชูวิทย์’ ขออย่าข่มขู่-บ่ายเบี่ยง ต้องมีน้ำใจนักกีฬา ยอมให้ตรวจสอบ

(24 มี.ค. 66) นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข ในฐานะหัวหน้าพรรคภูมิใจไทย ให้สัมภาษณ์กรณี นายษิทรา เบี้ยบังเกิด หรือ ‘ทนายตั้ม’ ออกมาแฉว่า นายชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์ รับเงินสีเทาภายใต้หัวข้อแฉไปไถมา ว่า ส่วนตัวยังไม่ได้ติดตาม พอดีมีภารกิจส่วนตัวลาราชการมา 2 วัน ได้แต่อ่านข่าวเห็นว่ามีการเปิดเผยกันบางอย่าง ซึ่งก็ดีเป็นสังคมแห่งการเปิดเผย ใครที่ชอบเปิดเผยอะไรของแต่ละคนไว้ เมื่อถูกเปิดเผยบ้างก็ขอให้มีน้ำใจนักกีฬาเพียงพอที่จะให้ตรวจสอบ อย่าไปข่มขู่ อย่าไปขออะไรใคร อย่าไปบิดเบือน ซึ่งถือเป็นเรื่องดีที่พี่น้องประชาชนจะได้เห็นว่าที่จริงแล้วเป็นเช่นไร

‘ทนายรัชพล’ เผย!! ตร. จ่อเรียกสอบ ‘ชูวิทย์’ ปมรับเงิน ‘สารวัตรซัว’ ชี้!! โดนคุก 10 ปี

งานเข้า!ทนายดังชี้ตร.จ่อเรียกสอบ ‘ชูวิทย์’ เสี่ยงผิดฟอกเงิน ปมรับเงิน ‘สารวัตรซัว’

(24 มี.ค.66) จากกรณีนายชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์ อดีตนักการเมือง ออกมายอมรับว่าเงินสด 6 ล้านบาท ที่ถูกนายษิทรา เบี้ยบังเกิด หรือทนายตั้ม โพสต์เปิดโปงและตั้งโต๊ะแถลงว่าเป็นเงินจาก ‘สารวัตรซัว’ โดยนายชูวิทย์ ระบุว่า เป็นเงินของตำรวจผู้ใหญ่นอกราชการมาพยายามเคลียร์ในกรณีการเปิดสถานที่อาบอบนวด ซึ่งเจ้าตัวพยายามปฏิเสธ แต่ถูกยัดเยียด จึงตัดสินใจนำเงินก้อนดังกล่าวไปบริจาคแก่โรงพยาบาลธรรมศาสตร์ และโรงพยาบาลศิริราช ซึ่งโรงพยาบาลทั้ง 2 แห่ง ได้ขอคืนเช็คเงินดังกล่าวให้นายชูวิทย์แล้ว

สีสันวันรับสมัคร ส.ส.ปาร์ตี้ลิสต์ แฟนคลับแห่เชียร์-ให้กำลังใจ ฟาก ‘ชูวิทย์’ โผล่จุดรับสมัคร ทักก้าวไกลปมงูเห่าในพรรค

(4 เม.ย.66) ที่อาคารไอราวัตพัฒนา ศาลาว่าการกรุงเทพมหานคร เขตดินแดง ซึ่งคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) กำหนดให้เป็นสถานที่รับสมัคร ส.ส.แบบบัญชีรายชื่อ และรับแจ้งรายชื่อบุคคล ซึ่งพรรคการเมืองนั้นมีมติว่าจะเสนอให้สภาผู้แทนราษฎรเพื่อพิจารณาให้ความเห็นชอบแต่งตั้งเป็นนายกรัฐมนตรี ระหว่างวันที่ 4-7 เมษายน 2566 บรรยากาศเป็นไปด้วยความคึกคัก โดยมีบรรดากองเชียร์จากพรรคต่างๆ เดินทางเข้ามาให้กำลังใจผู้สมัคร ส.ส.ของพรรคตัวเอง

เช่น พรรคเพื่อไทย (พท.) เหล่ากองเชียร์ต่างตะโกนว่า “แลนด์สไลด์ เพื่อไทย สู้ๆ” พรรคไทยศิวิไลย์ รวมทั้ง พรรคเพื่อชาติ (พช.) นำโดย น.ส.ปวิศรัฐฐ์ ติยะไพรัช หัวหน้าพรรค นพ.เรวัต วิศรุตเวช แคนดิเดตนายกรัฐมนตรี ร.อ.ดร.จารุพล เรืองสุวรรณ แคนดิเดตนายกรัฐมนตรี เดินทางถึงศาลาว่าการ กทม. ตั้งแต่เวลา 06.35 น.

10 อันดับบุคคลแห่งปีเวที ‘The People Awards 2023’ คนดัง ‘แบม – ตะวัน -มิลลิ - ชัชชาติ – ชูวิทย์’ โผล่ติดโผพรึ่บ

สื่อออนไลน์ The People จัดงานประกาศผล 10 คนแห่งปีที่ ผู้ที่มีส่วนในการทำให้โลกในวันพรุ่งนี้ดียิ่งขึ้น โดย แบม – ตะวัน -มิลลิ - ชัชชาติ - ชูวิทย์ ติดโผด้วย

(5 เม.ย. 66)  - The People Awards 2023 งานประกาศรางวัลของสื่อออนไลน์ The People ที่ถูกจัดขึ้นมาเป็นปีที่สองที่มาพร้อมกับธีม ‘People of Tomorrow’ หรือ ‘ผู้คนแห่งอนาคต’ ที่มุ่งมอบรางวัลให้แก่คนจำนวน 10 คน ผู้เป็นบุคคลตัวอย่างในการรับมือกับความผันผวนของอนาคตที่กำลังคืบคลานมาถึงและเป็นส่วนสำคัญในการรับมือและสร้างผลกระทบเชิงบวกให้แก่โลกในวันนี้และวะนพรุ่งนี้ เพราะ The People เชื่อว่า ‘อนาคตข้างหน้าเต็มไปด้วยความไม่แน่นอน และเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว ทำให้ ‘คน’ ต้องเตรียมพร้อมปรับตัวให้เร็วยิ่งกว่า.. ’

“People of Tomorrow หมายถึง คนที่โดดเด่นเรื่องความพร้อม สำหรับการรับมือโลกในวันพรุ่งนี้ ที่เกิดการเปลี่ยนแปลงขึ้นอย่างรวดเร็ว ไม่ว่าจะเป็นวิทยาการ เทคโนโลยีสุดล้ำสมัย การพัฒนาอย่างก้าวกระโดดของปัญญาประดิษฐ์ที่ก้าวเข้ามามีบทบาทมากขึ้นเรื่อย ๆ การเคลื่อนไหวทางสังคมใหม่ๆ ที่เป็นจุดเริ่มต้นการยอมรับความแตกต่างหลากหลาย การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศที่มีผลกับทุกชีวิตไปจนถึงโรคอุบัติใหม่ ที่เปลี่ยนวิธีการดำชีวิตของมนุษย์ไปตลอด สิ่งเหล่านี้ทำให้ทุกวันนี้ ‘คน’ ต้องเตรียมพร้อมปรับตัวให้เร็วยิ่งกว่า”

นอกจากจะมอบรางวัลให้แก่ทั้ง 10 คนผู้เป็นต้นแบบของคนที่พร้อมเผชิญกับความผันผวนของอนาคตแล้ว ในการประกาศรางวัลครั้งนี้ The People ก็ได้เล็งเห็นว่านอกจาก ‘คน’ แล้ว ‘องค์กร’ ผู้ปรับเปลี่ยนตัวเองเผื่อสอดรับกับความเปลี่ยนแปลงกับความไม่แน่นอนของอนาคตก็น่าสนใจไม่แพ้กันเลยแม้แต่น้อย จึงเป็นที่มาของ ‘Corporate of Tomorrow’

‘ชูวิทย์’ แจง เหตุร้องเรียนมรรยาท ‘ทนายตั้ม’ ลั่น!! เพื่อไม่ให้ทนายอื่นทำตาม หาเรื่องให้เกิดคดี-ออกสื่อหาแสง

(11 เม.ย.66) เมื่อวันที่ 10 เม.ย.66 นายชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์ อดีตนักการเมืองและนักธุรกิจกลางคืน เขียนบทความ “ทนาย กับ ช่างทาสี” เผยแพร่ผ่านเฟซบุ๊กส่วนตัว ดังนี้

“ทนาย กับ ช่างทาสี อาชีพที่เปลี่ยนขาวเป็นดำได้ วันนี้ไปสภาทนายความร้องเรียน “มรรยาททนายความ” การมีวิชาชีพทนายต้องมีคุณธรรม ศีลธรรม จริยธรรม เพราะเป็นหนึ่งในกระบวนการยุติธรรมที่ประชาชนต้องพึ่งพาเมื่อมีคดีความ

ผมไม่เคยมีเรื่องบาดหมางโกธรเคืองกับทนายษิทรา เบี้ยบังเกิด หรือทนายตั้ม มาก่อน อีกทั้ง ทนายตั้มก็ไม่เคยเป็นทนายฝั่งตรงข้าม หรือแม้กระทั่งขัดใจกันเรื่องเล็กๆ น้อยๆ แต่จู่ๆ ทนายตั้มก็ออกมาโจมตีผมโดยไม่มีปี่มีขลุ่ย จัดแถลงข่าวกล่าวหาผมสารพัด ลามไปถึงลูกชายผมว่าได้รับเงิน 50 ล้าน เป็นเงินดิจิตอล รวมทั้งพฤติกรรมหลายอย่างที่ทนายตั้มได้รับฟังเพียงการบอกเล่ามา ไม่มีหลักฐานใดๆ และตัวทนายตั้มเองก็ไม่ได้อยู่ในสถานที่เกิดเหตุ การเป็นทนายแล้วกระทำการแบบนี้ จึงเสมือนหาเรื่องให้มีคดีความเกิดขึ้น

ผมรู้จักทนายมามาก และรู้ว่าคุณค่าของทนายสำคัญแค่ไหน หากเลือกทนายผิด ผลจะเป็นอย่างไร การที่ทนายมานั่งแถลงข่าวซัดใครที่ไม่ได้รู้จัก ไม่ได้มีเรื่องโกธรเคืองกันมาก่อน ย่อมมีเจตนาอะไรอยู่เบื้องหลังแน่นอน ไม่มีทางที่อยู่ดีๆ ทนายจะมากล่าวหาผู้อื่น แล้วอ้างทำเพื่อสังคม โดยไม่หวังผล หรือนัยยะใดแอบแฝง มีเพียงทนายตั้มเท่านั้นที่จะทราบได้ ว่ามีใครสั่งการอยู่เบื้องหลัง ซึ่งผมเชื่อว่ามีแน่ หากทนายตั้มมีคุณธรรม ควรจะสอบถามผมก่อน ว่าเรื่องราวเป็นมาอย่างไร แทนที่จะจัดแถลงข่าวโจมตี

เป็นผู้รู้กฎหมาย ใช้เป็นวิชาชีพหาเลี้ยงตน และครอบครัว ย่อมทราบดีว่าการฟังความข้างเดียว ทั้งที่มีข้อสงสัยคลุมเครือ สมควรอย่างยิ่งที่จะให้ความเป็นธรรม และมีความสุจริตเป็นที่ตั้ง ไม่ใช่นึกถึงแต่ความดังจากการโจมตี เพื่อประโยชน์ในการหาทางได้ของตนเอง ทนายตั้มยังอายุไม่มาก การถูกหลอกใช้ หรือเต็มใจให้ใช้จึงเกิดขึ้นได้ เพราะความต้องการให้คนยอมรับนับถือ มีเรื่องโด่งดังฮือฮา ย่อมเป็นประโยชน์ต่อตัวเอง

ผมเป็นคนที่ขึ้นมาแทบทุกศาล จะมากสุดก็ว่าได้ ตั้งแต่ศาลแพ่ง ศาลอาญาทุกศาล (อาญารัชดา อาญาใต้ อาญาสนามหลวงปัจจุบันรื้อไปแล้ว) อีกทั้งศาลแขวง ศาลปกครอง ศาลแรงงาน ศาลเยาวชนและครอบครัว ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง ไปจนถึงศาลรัฐธรรมนูญ (คดีถูกปลดจาก ส.ส. ขณะสังกัดพรรคชาติไทยปี 2548) จึงรู้ซึ้งเข้าใจคนเป็นทนายดี

‘ชูวิทย์’ ล่องใต้ลุยพื้นที่จะนะ รณรงค์ค้านกัญชาเสรี เจอกลุ่มชาวบ้านต้าน ชี้!! เป็นโจรในคราบคนดี

‘ชูวิทย์’ เดินสายลงพื้นที่จะนะ ต้านกัญชาเสรี เจอชาวบ้านกลุ่มต้าน หวิดปะทะคารม

เมื่อวันที่ (17 เม.ย.66) จ.สงขลา ที่วิทยาลัยอาชีวศึกษาฮอไรซอนบริหารธุรกิจ ซึ่งตั้งอยู่ในพื้นที่หมู่ 7 ต.จะโหนง อ.จะนะ จ.สงขลา นายชูวิทย์ กมลวิศิษฐ์ ได้เดินทางมาร่วมรณรงค์ต่อต้านนโยบายกัญชาเสรีของพรรคภูมิใจไทย(ภท.) ซึ่งการเดินทางจะมีทั้งหลายอำเภอใน จ.สงขลา และในจังหวัดชายแดนใต้ รวมทั้งร่วมพิธีละศีลอดในช่วงเย็นของพี่น้องชาวไทยมุสลิมที่ทางสมาคมสมาพันธ์โรงเรียนเอกชนภาคใต้ นำโดย บาบอฮุสณี บินหะยีคอเนาะ และ อาจารย์อับดุลสุโกร์ ดินอะ ที่ปรึกษาสมาคมฯ ได้จัดขึ้นที่วิทยาลัยแห่งนี้ โดยมีผู้เข้าร่วมหลายร้อยคน รวมทั้งยังได้มีการเชิญ นพ.สุภัทร ฮาสุวรรณกิจ  ผอ.รพ.สะบ้าย้อย ให้มาร่วมงานเป็นการส่วนตัวด้วย

ก่อนที่ นายชูวิทย์ จะเดินทางมาถึงราวครึ่งชั่วโมงนั้น ปรากฏว่าได้มีกลุ่มชาวบ้านประมาณ 50 คน เดินทางมารวมตัวกันที่ฝั่งตรงข้ามประตูทางเข้าวิทยาลัย พร้อมถือแผ่นป้ายคัดค้านการเดินทางลงพื้นที่ของ นายชูวิทย์ และส่งเสียงตะโกนเป็นระยะ เพื่อต้องการสื่อให้เห็นว่า ยังมีคนบางส่วนที่ไม่ยอมรับในตัว นายชูวิทย์ เพราะ มองว่า นายชูวิทย์ ทำงานรับใช้คนอื่น คนอื่นทำงานการเมืองเพื่อชาติ แต่นายชูวิทย์ รับงานโจมตีคนอื่น รวมทั้งชาวจะนะไม่ต้องการคนชื่อชูวิทย์ และยังระบุว่า หมดศรัทธาในตัวนายชูวิทย์ เพราะเป็นคนรับงาน และเป็นโจรในคราบคนดี แต่ยังโชคดีที่ทางกลุ่มผู้เห็นต่างได้สลายตัวกันไปก่อนที่ นายชูวิทย์ จะเดินทางมาถึง เนื่องจากต้องเดินทางกลับบ้าน เพื่อไปทำพิธีละศีลอด หวิดที่จะปะทะคารมกัน

จากนั้นในช่วงประมาณ 17.40 น. นายชูวิทย์ เดินทางมาถึงวิทยาลัยอาชีวศึกษาฮอไรซอนบริหารธุรกิจ ก่อนที่จะพูดคุยกับสื่อมวลชนที่มารอทำข่าวว่า ในวันนี้นำความจริงมาเปิดเผย ไม่ต้องมาประท้วงตน เพราะ ตนนำความสันติสุขมาให้กับพี่น้องชาวมุสลิม และเอาความจริงเรื่องกัญชาที่หลายหน่วยงานได้มาร่วมรณรงค์ต่อต้านกัญชาเสรี เพราะกัญชาทางการแพทย์นั้นถูกใช้เป็นเพียงแค่ข้ออ้างในการปลดล็อคกัญชา ใครอยากจะเลือกพรรคภูมิใจไทย หรือพรรคอะไร ก็สามารถเลือกได้ แต่ตนมองเห็นความอันตรายของยาเสพติดและกัญชาที่ปลดล็อคออกมาสู่สังคมไทยโดยที่ไม่มีการควบคุมต่างหาก ซึ่งเมื่อก่อนกัญชาเป็นยาเสพติด และได้ทำการปลดล็อคออกมาโดยทันทีโดยไม่ผ่านสภา ซึ่งเป็นสิ่งที่ไม่ถูกต้องมาตั้งแต่ต้นแล้ว

นอกจากนี้ นายชูวิทย์ ยังได้อ้างถึงข้อมูลจากสมาคมจิตแพทย์ที่ระบุเอาไว้ว่า ความเชื่อเรื่องกัญชาที่จะสามารถเอาไปรักษาโรคจิตเวชได้ เช่น วิตก ซึมเศร้า หรือ นอนไม่หลับ นั้น ความจริงแล้วกัญชาไม่สามารถนำไปรักษาโรคทางจิตเวชเหล่านี้ได้ มิหนำซ้ำยังเป็นต้นเหตุของโรคจิตเวชด้วย

อีกทั้งยังเห็นชัดเจนมากว่า ป้ายหาเสียงของพรรคนี้ไม่ปรากฏนโยบายกัญชาเสรีเลย ทั้งๆ ที่เป็นนโยบายหลักของพรรค ที่จริงๆ แล้วไม่เป็นธรรมกับประชาชน ถ้าจะให้ยุติธรรม ก็ต้องทำความเข้าใจว่า ถ้าเลือกภูมิใจไทย ก็จะได้กัญชา ประชาชนก็จะเป็นผู้ตัดสินเองว่า ถ้าเลือกภูมิใจไทย ก็จะได้กัญชา

‘อนุทิน’ ขอปล่อยวาง-ใช้อุเบกขา ชี้!! ‘ภท.’ ไม่สร้างความขัดแย้ง หลัง ‘ชูวิทย์’ ป่วนเวทีดินแดน ขณะช่วย ‘ภาดาท์’ หาเสียง

(2 พ.ค. 66) ที่โดมหน้าสถานีตำรวจนครบาลดินแดง นายอนุทิน ชาญวีรกูล หัวหน้าพรรคภูมิใจไทย พร้อมด้วยนายพุทธิพงษ์ ปุณณกันต์ ผอ.การเลือกตั้งกทม. คณะผู้บริหารพรรค น.ส.อนุสรี ทับสุวรรณ ผู้สมัคร ส.ส.บัญชีรายชื่อ นายประเดิมชัย บุญช่วยเหลือ ผู้สมัคร ส.ส.กทม. เขต 5 เปิดเวทีปราศรัยช่วย น.ส.ภาดาท์ วรกานนท์ ผู้สมัคร ส.ส.กทม. เขต 6 หาเสียง มีประชาชนมาฟังการปราศรัยประมาณ 1,000 คน บรรยากาศเต็มไปด้วยความสนุกคึกคัก

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ระหว่างที่นายอนุทินกำลังพูดแนะนำนโยบาย ปรากฏว่า นายชูวิทย์ กมลวิศิษฏ์ ได้เข้ามาฟังการปราศรัยจากด้านนอก ก่อนกล่าวโจมตีพรรคภูมิใจไทย ผ่านโทรโข่งเกิดเสียงแทรกเข้ามาในเวทีปราศรัย ด้านเจ้าหน้าที่ตำรวจและทีมงานของน.ส.ภาดาท์ ได้ขอร้องให้นายชูวิทย์ ออกจากพื้นที่ เพื่อป้องกันเหตุความวุ่นวาย 

ด้าน นายอนุทิน เห็นเหตุการณ์ดังกล่าว จึงกล่าวบนเวทีว่า “ต่างคนก็นำเสนอนโยบายของตัวเอง ตนนำเสนอนโยบายของภูมิใจไทย ส่วนนายชูวิทย์ ก็คงมีเรื่องราวอยากจะสื่อสาร ก็ปล่อยไป รับฟัง และต้อนรับด้วย พี่น้องประชาชนจะมองว่าใครถูกใครผิด ตนไปบังคับใครไม่ได้ นโยบายของพรรคภูมิใจไทยทั้งเรื่องของการพักหนี้ กองทุนผู้สูงอายุ เงินกู้ฉุกเฉินที่พี่น้องปรบมือให้คือสิ่งที่พรรคภูมิใจไทยทำได้ จะเลือกตั้งแล้วต้องใช้เวลาให้คุ้มค่า ส่วนคนข้างนอกที่มาโวยวายอยู่นั้น ตนขอตั้งจิตเป็นอุเบกขา ปล่อยวาง และขอทำหน้าที่เพื่อคนไทย ให้ดีที่สุด ภูมิใจไทย ไม่สร้างความขัดแย้ง


TRENDING
© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top