Saturday, 4 May 2024
ชัยวุฒิ_ธนาคมานุสรณ์

'สรยุทธ' อึ้ง!! ‘ก้าวไกล’ ฝันสลาย ตรงกับทุกคำพูดตัวตึง ‘ชัยวุฒิ’ บนเวทีดีเบตก่อนเลือกตั้ง 66 ชาวเน็ตยกให้เป็น 'ผู้มาก่อนกาล'

จากรายการเรื่องเล่า เสาร์-อาทิตย์ เมื่อวันที่ 19 สิงหาคม 2566 นายสรยุทธ สุทัศนะจินดา ผู้ประกาศข่าวและผู้ดำเนินรายการโทรทัศน์ชื่อดัง ได้ยกคำดีเบตช่วงหนึ่งของ นายชัยวุฒิ ธนาคมานุสรณ์ รองหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ ซึ่งเคยกล่าวไว้ใน 'รายการดีเบตเลือกตั้ง 66 เปลี่ยนใหม่หรือไปต่อ ตอน ดีเบตครั้งสุดท้าย' ที่ช่อง 3 จัดขึ้น เมื่อวันที่ 11 พ.ค.66

โดยช่วงหนึ่งในเนื้อหาของนายชัยวุฒิ ที่มักถูกตั้งฉายาว่า 'ตัวตึง' และไม่ได้เต็มอิ่มไปด้วยวาทกรรมโดนใจใครเหมือนผู้ดีเบตท่านอื่นนัก ก็ได้พูดถึง 'พรรคก้าวไกล' เกี่ยวกับแนวนโยบายหาเสียง ที่ถึงเวลาได้เป็นรัฐบาลแล้ว ก็จะทำไม่ได้ และหากจัดตั้งรัฐบาลขึ้นมา ก็จะไม่มีเสถียรภาพ

ยิ่งไปกว่านั้น จะไม่มีใคร พรรคไหน พร้อมเคียงข้างกับพรรคก้าวไกลด้วย ซึ่งดูเหมือนคำดีเบตในวันนั้น จะกลายเป็นคำพยากรณ์กลายๆ ที่แม่นยำ จนถูกสังคมโซเชียลนำมาแชร์กันอย่างแพร่หลาย เพราะก้าวไกลอยู่ในสภาพดังกล่าวจริงๆ

โดยหลังจากจบการรีวิวคำดีเบตดังกล่าว นายสรยุทธ ถึงกล่าวว่า "แกรู้ล่วงหน้าหรืออะไร? อ้าว!! หา!! รู้ล่วงหน้าหรือยังไง?" และนั่นก็ทำให้ผู้คนเริ่มกลับมาย้อนฟังคำพูดของ 'นายชัยวุฒิ' ในฐานะ 'ผู้มาก่อนกาล' กันเลยทีเดียว...

‘ชัยวุฒิ’ ขีดเส้น 1 เดือน ปิดกั้น ‘เฟซบุ๊ก’ ไม่ให้บริการในไทย หลังตรวจพบ ‘รับเงินยิงโฆษณา’ จากเพจหลอกลวง ปชช.

(21 ส.ค. 66) นายชัยวุฒิ ธนาคมานุสรณ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (ดีอีเอส) เปิดเผยว่า ดีอีเอส จะดำเนินการฟ้องต่อศาล เพื่อขอคำสั่งปิดกั้นแพลตฟอร์ม เฟซบุ๊ก ไม่ให้บริการในไทย หลังจากที่ผ่านมา เฟซบุ๊ก ได้มีการรับเงินโฆษณาจากเพจปลอมเพื่อเป็นสปอนเซอร์ที่หลอกชักชวนลงทุน จนเกิดความเสียหายต่อคนไทยจำนวนมาก โดยมีมูลค่ากว่า 1 แสนล้านบาท โดยจากสถิติการหลอกลวงลงทุนผ่านโซเซียลมีเดียกว่า 70% เป็นการหลอกลวงผ่าน เฟซบุ๊ก และจำนวน 90% เป็นการหลอกขายของออนไลน์ผ่านเฟซบุ๊ก

“ที่ผ่านมาเฟซบุ๊กมีการรับเงินจากเพจเหล่านี้ ซึ่งถือเป็นรายได้เข้าบริษัท แต่กลับไม่มีการตรวจสอบ และสกรีน ว่าเป็นเพจที่หลอกลวงหรือไม่ แต่กลับปล่อยให้เพจเหล่านี้มาหลอกลวงคนไทยจำนวนมาก แม้ที่ผ่านมา ดีอีเอส จะรวบรวมเสนอศาลขอคำสั่งปิดแต่เพจเหล่านี้ก็จะไปเปิดใหม่ เหมือนแมวไล่จับหนู ไม่จบสิ้น”

นายชัยวุฒิ กล่าวต่อว่า ทั้งนี้จะมีการแนะนำให้ผู้เสียหายแจ้งความดำเนินคดีกับแพลตฟอร์มด้วย ทั้งคดีแพ่งและคดีอาญาด้วย ขณะที่ทางดีอีเอสจะประสานกับทางตำรวจทำการรวบรวมหลักฐานเพื่อฟ้องต่อศาลเพื่อปิดกั้นแพลตฟอร์มเฟซบุ๊กไม่ให้บริการในไทย เนื่องจากผิด พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ ในการสมคบกับผู้กระทำผิด โดยการรับเงินโฆษณาจากมิจฉาชีพเหล่านี้ ซึ่งจะขออำนาจศาลปิดภายใน 1 เดือน 

“เป็นการทำตามหน้าที่ ที่ต้องเสนอปิดกั้น ที่ผ่านมาพบการซื้อโฆษณามาหลอกลวงคนไทยจำนวนมาก โดยจะดำเนินการภายในเดือนนี้ แล้วก็มีดุลยพินิจของศาลว่าจะมีคำสั่งปิดกั้นหรือไม่ เป็นอำนาจของศาล และแพลตฟอร์มก็มีสิทธิร้องคัดค้าน ส่วนจะเป็นการกระทบสิทธิของผู้ใช้งานทั่วไปหรือไม่นั้น ก็คงต้องให้ศาลเป็นผู้พิจารณา และก็ไม่กลัวทัวร์ลง โดยตนจะขอทำหน้าที่เป็นรัฐมนตรีคนแรกที่ฟ้องเฟซบุ๊กเป็นผู้ร่วมกระทำความผิด ถือเป็นผลงานชิ้นสุดท้ายก่อนลงจากตำแหน่ง”

ด้าน พล.อ.ต. อมร ชมเชย เลขาธิการคณะกรรมการ การรักษาความมั่นคงปลอดภัยไซเบอร์แห่งชาติ (สกมช.) เปิดเผยว่า สกมช.ได้ทำการสำรวจ เรื่อง เฟก แอด ในโซเชียลมีเดีย หรือสื่อสังคมออนไลน์ ที่เป็นการหลอกลวง พบว่า คนไทยกว่า 70% พบโฆษณาหลอกลวง บนโซเซียลมีเดีย มากกว่า 50% ของโฆษณาทั้งหมดในแต่ละวัน โดยโฆษณาหลอกลวง ที่พบมากที่สุดเป็นเรื่อง หลอกให้ลงทุนกว่า 52% รองลงมา ชักชวนเล่นพนัน 43% หลอกขายของถูกเกินจริง 40% หลอกทำงาน 24% และอื่น ๆ 14%

ปัจจุบันมีโฆษณาหลอกลวงบนโซเซียลมีเดียจำนวนมาก ทั้งที่ซื้อโฆษณา และที่โฆษณาแฝง เช่น ชักชวนเล่นพนัน และหลอกลวงลงทุน จึงอยากเตือนประชาชน ได้ตรวจสอบความน่าเชื่อถือ ของโฆษณาต่าง ๆ บนโซเซียล มีเดีย อย่าหลงเชื่อง่าย ๆ และหากพบเห็นขอให้ช่วยรายงาน ไปที่ เจ้าของแพลตฟอร์มโซเซียลมีเดียที่ให้บริการในไทย ซึ่งผู้ให้บริการเหล่านี้ก็พร้อมที่จะตรวจสอบ และทำการแก้ไข ระงับ เพื่อไม่ให้ผู้ใช้งานหลงเชื่อ หรือตกเป็นเหยื่อโฆษณาเหล่านี้

‘ชัยวุฒิ’ แจ้ง Google ปิดกั้นแอป Digital Wallet  สกัดมิจฉาชีพ ตุ๋นรับเงินดิจิทัล 1 หมื่นบาท

(24 ส.ค. 66) นายชัยวุฒิ  ธนาคมานุสรณ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (ดีอีเอส) กล่าวว่า ปัจจุบันมิจฉาชีพได้มีการโฆษณาชวนเชื่อและหลอกลวงให้ประชาชนดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน Digital wallet เพื่อรับเงินดิจิทัล จำนวน 10,000 บาท กระทรวงดิจิทัลฯ ได้ทำการตรวจสอบแอปพลิเคชันดังกล่าวแล้ว พบว่า เป็นแอปพลิเคชันปลอมที่มิจฉาชีพหลอกให้ประชาชนเข้าไปโหลดแอปพลิเคชัน จากนั้นจะใช้แอปพลิเคชันที่สามารถเข้าถึงมือถือจากภายนอกเข้ามาขโมยถอนเงินจากบัญชีของท่าน ซึ่งขณะนี้กระทรวงดิจิทัลฯ ได้แจ้ง google ให้ปิดกั้นแอปดังกล่าว โดยจะติดตามตรวจสอบต่อไป

ขอให้ทุกท่านงดเว้น ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน Digital wallet ทุกกรณี หากมีข้อมูลที่ต้องการสอบถามหรือมีเบาะแสเกี่ยวกับพฤติกรรมที่น่าสงสัย หรือได้รับการแจ้งข้อมูลที่ผิดปกติผ่านเอสเอ็มเอส หรือทางโทรศัพท์ สามารถแจ้งได้ที่ศูนย์ต่อต้านข่าวปลอม ไลน์ @antifakenewscenter เว็บไซต์ https://www.antifakenewscenter.com ทวิตเตอร์ https://twitter.com/AFNCThailand และโทรสายด่วน GCC 1111 ต่อ 87 ตลอด 24 ชั่วโมง

‘ชัยวุฒิ’ ร่วมยินดีครบรอบ 5 ปี ‘ทีทรี เทคโนโลยี’ ยกเป็นองค์กรที่มีบทบาทร่วมขับเคลื่อนเทคโนโลยีของไทย

เมื่อวันที่ 8 ก.ย. 66 นายชัยวุฒิ ธนาคมานุสรณ์  รองหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (ดีอีเอส) เป็นประธานเปิดงานในพิธีเฉลิมฉลองครบรอบ 5 ปี ของบริษัท ทีทรี เทคโนโลยี จำกัด พร้อมกล่าวว่า รู้สึกเป็นเกียรติอย่างยิ่งที่ได้มาร่วมงานครบรอบ 5 ปีของบริษัทที ทรี เทคโนโลยี ซึ่งเป็นบริษัทที่ประสบความสำเร็จ และมีบทบาทสำคัญในการกำหนดทิศทางการขับเคลื่อนระบบเทคโนโลยีของประเทศไทย ผมขอแสดงความยินดีกับบริษัทที ทรี เทคโนโลยี ในความสำเร็จครั้งนี้ด้วย

ในช่วงระยะเวลาห้าปีที่ผ่านมา บริษัท ที ทรี ได้กลายเป็นสัญลักษณ์แห่งนวัตกรรม การเชื่อมต่อระหว่างความมุ่งมั่นสู่ความเป็นเลิศ และการแสวงหาความรู้อย่างไม่หยุดยั้ง อีกทั้งยังเป็นเครื่องมือที่ช่วยในการส่งเสริมเทคโนโลยีของประเทศไทยให้เจริญรุ่งเรืองและการเชื่อมโยงโครงข่ายให้ถึงกันในทุกมิติ 

‘บริษัท ที ทรี เทคโนโลยี’ มีส่วนร่วมในการพัฒนาเทคโนโลยีอันล้ำสมัยในทุกด้าน ไม่ว่าจะเป็น ฟิกส์บรอดแบนด์ (FBB), โมบาย บรอดแบนด์ (MBB), Internet of things (IoT), และโซลูชั่นระดับองค์กร เทคโนโลยีเหล่านี้ล้วนเป็นรากฐานสำคัญซึ่งจะช่วยขับเคลื่อนธุรกิจอย่างยั่งยืน  และยังแสดงให้เห็นถึงความร่วมมือทางธุรกิจกับภาคส่วนต่างๆ เพื่อผลักดันเศรษฐกิจของประเทศไทยให้เติบโตยิ่งขึ้นควบคู่กับการดำเนินธุรกิจอย่างมีความรับผิดชอบต่อสังคม ต่อสิ่งแวดล้อม และมีการพัฒนาทางด้านเทคโนโลยีอยู่ตลอดเวลา เพื่อตอบสนองต่อความต้องการของผู้บริโภค เพื่อยกระดับศักยภาพของประเทศไทยในโลกยุคดิจิทัลนี้ และสร้างการเติบโตทางเศรษฐกิจของประเทศไทย

‘ชัยวุฒิ’ ยก ‘ปลาช่อนแม่ลา’ ตำนานของอร่อย สร้างอัตลักษณ์จากพื้นถิ่นสู่ ‘Soft Power อาหารไทย’

นายชัยวุฒิ ธนาคมานุสรณ์ รองหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) โพสต์เฟซบุ๊กส่วนตัวถึงการสนับสนุนอัตลักษณ์ความเป็นไทย มุ่งสู่การเป็น Soft Power โดยระบุว่า ขึ้นชื่อว่า ‘อาหารไทย’ ไม่ว่าจะเป็นประเภท ต้ม ผัด แกง ทอด ล้วนได้รับการยอมรับจากทั่วโลก อย่าง ‘ต้มยำกุ้ง’ ที่เมื่อเอ่ยขึ้นมา ชาวต่างชาติจะรู้ได้ทันทีว่าเป็น อาหารไทย นั่นแสดงให้เห็นว่า อาหารไทยนี่แหละ คือ Soft Power ที่สะท้อนความเป็นไทยได้อย่างแท้จริง

ซึ่งเป็นหนึ่งใน 5F ที่รัฐบาลชุดที่แล้วได้วางรากฐานไว้ ไม่ว่าจะเป็น F-Food อาหาร, F-Film ภาพยนตร์และวีดิทัศน์, F-Fashion การออกแบบแฟชั่นไทย, F-Fighting ศิลปะการป้องกันตัวแบบไทย และ F-Festival เทศกาลประเพณีไทย ซึ่งผมเชื่อว่ายังมีศิลปวัฒนธรรมและอาหารที่คนต่างชาติหรือแม้แต่คนไทยเราด้วยกันเองยังไม่รู้จัก หรือยังไม่มีโอกาสได้สัมผัสอีกมาก

นายชัยวุฒิ ได้กล่าวถึงการสนับสนุนอาหารท้องถิ่นที่มีอัตลักษณ์เหมาะที่สนับสนุนให้เป็นสินค้าให้ท้องถิ่นที่มีอัตลักษณ์ โดยยกตัวอย่างของใกล้ตัวในฐานะคนสิงห์บุรี นั่นก็คือ ‘ปลาช่อนแม่ลา’ ซึ่งเป็นปลาที่ถือกำเนิดในลำน้ำแม่ลา อยู่ระหว่างแม่น้ำเจ้าพระยากับแม่น้ำน้อย ในเขตพื้นที่ จ.สิงห์บุรี เป็นแหล่งน้ำที่น้ำนิ่ง มีความอุดมสมบูรณ์ของแหล่งอาหารตามธรรมชาติที่ว่ากันว่าเป็นปลาช่อนที่รสชาติดีกว่าปลาช่อนที่ไหน ๆ แม้แต่ล้นเกล้ารัชกาลที่ 5 ยังทรงตรัสเมื่อครั้งเสด็จประพาสต้น พักแรมที่เมืองอินทร์ และได้เสวยปลาช่อนแม่ลาว่า “ปลาของลำแม่ลามีรสชาติดีกว่าที่อื่น”

นั่นคือ ตำนานความอร่อยของปลาช่อนแม่ลา ที่ได้รับการยอมรับและสืบทอดมาจนถึงทุกวันนี้ และที่สำคัญปลาช่อนแม่ลา ที่มีลักษณะเด่นลำตัวอ้วนกลม หัวหลิม และครีบหูสีชมพู ยังได้รับการขึ้นทะเบียนสิ่งบ่งชี้ทางภูมิศาสตร์ (GI) ตั้งแต่ปี 2560 อีกด้วย

แต่อย่างที่เราทราบกันดีว่า จากสภาพแวดล้อมที่เปลี่ยนแปลงไปทั้งการทำประตูเปิด-ปิดทำให้ลำน้ำตื้นเขิน หรือหากเป็นในช่วงฤดูน้ำหลาก ก็จะเกิดภาวะน้ำท่วม ทำให้ปลาในธรรมชาติเริ่มลดน้อยลงทุกที จนทางกรมประมงได้เริ่มทำโครงการอนุรักษ์พันธุ์ปลาช่อนแม่ลาขึ้นมา ส่วนหนึ่งเป็นการอนุรักษ์ไม่ให้ปลาสูญพันธุ์ และอีกส่วนคือการคัดพันธุ์ปลาที่มีคุณภาพและสามารถสร้างมูลค่าให้กับตัวสินค้าได้ โดยเฉพาะหากต้องการส่งออกสินค้าไปขายในต่างประเทศ

“ผมเชื่อว่า คนไทยส่วนใหญ่รู้จักปลาช่อนแม่ลากันเป็นอย่างดีอยู่แล้ว เพราะมีการแปรรูป และส่งเสริมเป็นสินค้าของฝากที่ขึ้นชื่อของจังหวัดสิงห์บุรีมานาน แต่ในต่างประเทศเราอาจจะต้องโปรโมตและสนับสนุนในการทำตลาด เพื่อให้ชาวต่างชาติได้รู้จักกันมากขึ้น มีของดีเราต้องบอกต่อครับ เพื่อพี่น้องในชุมชนจะได้มีอาชีพและสร้างรายได้เพิ่มมากยิ่งขึ้นครับ”

‘ชัยวุฒิ' ปัดข่าวนั่งเก้าอี้ สส.แทน 'บิ๊กป้อม' ยัน พปชร.ไม่ระส่ำ หลังมีข่าวเลขาธิการย้ายพรรค

ที่พรรคพลังประชารัฐ นายชัยวุฒิ ธนาคมานุสรณ์ รองหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ กล่าวถึงกระแสข่าวที่ตนเองจะมาเป็นสส.แทน พลเอกประวิตร วงษ์สุวรรณ หัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ หาก พลเอกประวิตร ลาออก ว่า ยังไม่มีการทาบทามจากพลเอกประวิตร และพลเอกประวิตรเองก็ยังเป็นหัวหน้าพรรคและเป็นสส. อยู่ ทำงานการเมืองต่อ 

เมื่อถามว่า ถ้ามีโอกาสเข้าไปในสภาก็จะทำงานสภาต่อใช่หรือไม่ นายชัยวุฒิ กล่าวว่าอย่าไปพูดเลยยังไม่ถึงเวลา

เมื่อถามว่าตัวตึงจะกลับมาหรือไม่ นายชัยวุฒิ กล่าวว่าไม่มีตัวตึง  หมดยุคไปแล้ว วันนี้ไม่มีใครเป็นตัวตึงสบาย ๆ การเมืองยุคใหม่ เท่าที่ดูก็สร้างสรรค์

ส่วนความเป็นไปได้ที่พลเอกประวิตร จะลาออกสส.นั้น ตนไม่ทราบ ต้องถามหัวหน้าพรรคดีกว่า อย่าถามเรื่องนี้เลย ไม่มีผลทางการเมือง ถามเรื่องสำคัญ ๆ ดีกว่า 

เมื่อถามว่าอาจจะอยากให้นายชัยวุฒิ เข้าไปขับเคลื่อนในสภา นายชัยวุฒิ กล่าวว่า ตนก็ช่วยอยู่แล้ว เป็นรองหัวหน้าพรรคมาประชุม สส.และประสานงานต่างๆในสภาอยู่แล้ว พรุ่งนี้ตนก็เข้าสภาไปประชุมกรรมาธิการวิสามัญ

ทั้งนี้ ตนก็ยังทำหน้าที่ในสภาอยู่แม้จะไม่ได้เป็นสส. ก็ต้องช่วยทำงานเพราะเราเป็นรองหัวหน้าพรรค โดยวันนี้มีสัมมนาประชุมพรรคเตรียมความพร้อมสส. ในการทำงานทุกๆด้านทางการเมือง

ส่วนกระแสข่าวพรรคพลังประชารัฐอาจจะอยู่ได้แบบระส่ำ หลังมีข่าวลือว่าเลขาธิการพรรคอาจจะย้ายพรรคนั้น นายชัยวุฒิ กล่าวว่า "เขาย้ายพรรคแล้วหรอ ตนยังไม่รู้ ยังไม่ถึงเวลาหรอก พรรคเพิ่งเลือกตั้งเสร็จ เพิ่งจะตั้งรัฐบาลคงทำงานร่วมกันไปในนามพรรคพลังประชารัฐยังไม่ถึงเวลาที่จะพูดเรื่องพวกนี้"

เมื่อถามว่ายังมั่นคงหรือไม่กับ 40 เก้าอี้สส. นายชัยวุฒิกล่าวว่าก็ยังดีอยู่ ส่วนบรรยากาศก็ยังราบรื่นดี

สำหรับกรณีนางนฤมล ภิญโญสินวัฒน์ อดีตเหรัญญิกพรรคพลังประชารัฐ ลาออกจากสมาชิกพรรคนั้น ตนไม่ทราบน่าจะเป็นเรื่องส่วนตัว มีเหตุผลน่าจะไปทำงานอะไรบางอย่างที่ต้องลาออกจากพรรคการเมือง ต้องถามนางนฤมล

พร้อมกันนี้ นายชัยวุฒิ ยังกล่าวถึง คณะกรรมการทำประชามติ เพื่อแก้ไขปัญหาความเห็นที่แตกต่างในเรื่องรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทยพุทธศักราช 2560 ที่แต่ละพรรคการเมืองจะส่งตัวแทนเข้าไปอยู่ในคณะกรรมการนั้น ว่า  เท่าที่ทราบคือจะมีการยกร่างรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ โดย สมาชิกสภาร่างรัฐธรรมนูญ (ส.ส.ร.)ซึ่งเป็นแนวทางที่ทุกพรรคคุยกันอยู่ว่าเป็นแนวทางนี้แต่ข้อสรุปสุดท้ายจะเป็นอย่างไรก็ต้องรอให้คณะกรรมการหรือกรรมาธิการที่ตั้งขึ้นคุยกันอีกที

ทั้งนี้ ในนามพรรคพลังประชารัฐยังไม่ได้มีการพูดคุยกันอย่างเป็นทางการ เป็นเรื่องของทุกพรรคการเมือง และมองว่าพรรคการเมืองใดพรรคการเมืองหนึ่ง ขับเคลื่อนเรื่องนี้พรรคการเมืองเดียวไม่ได้ เป็นเรื่องของทุกฝ่าย ทุกพรรคและ สมาชิกวุฒิสภา (สว.)เพราะการแก้รัฐธรรมนูญเป็นเรื่องใหญ่ต้องคุยกันทุกกลุ่มทุกฝ่าย และคงจะใช้เวลา ไม่ได้ข้อสรุปเร็วๆนี้  นายชัยวุฒิกล่าว

‘ชัยวุฒิ’ โสด!! พาสาวเที่ยวเยือนแดนพุทธภูมิ!ฉลองวันเกิด หลังพาคณะแสวงบุญเยือนวัดไทยในอินเดีย

‘ชัยวุฒิ ธนาคมานุสรณ์’ ฉลองวันเกิดสุดอิ่มเอมใจ ทั้งได้ทำบุญใหญ่ พร้อมตอบแทนผู้มีพระคุณที่สุดในโลก หลังพาคุณแม่ เดินทางแสวงบุญไกลถึงอินเดีย ดินแดนแห่งพุทธภูมิ

(3 พ.ย. 66) นายชัยวุฒิ ธนาคมานุสรณ์ รองหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กส่วนตัว ซึ่งเป็นภาพตนเอง พร้อมกับคุณแม่ (แม่ภรณี ธนาคมานุสรณ์) พร้อมข้อความว่า “สุขสันต์วันเกิด..ปีนี้พาสาวมาเที่ยวครับ”

พร้อมโพสต์ข้อความเพิ่มเติมว่า อิ่มบุญ สุขใจ ณ ดินแดนพุทธภูมิ

“ผมและคุณแม่ พร้อมด้วยชาวคณะ ได้ร่วมเดินทางไปแสวงบุญยังประเทศอินเดีย ดินแดนแห่งพุทธภูมิ ซึ่งในการเดินทางในครั้งนี้ ผมได้มีโอกาสร่วมทำบุญ พร้อมกราบนมัสการและสนทนาธรรม กับพระเดชพระคุณหลวงพ่อพระเทพปริยัติสุธี เจ้าคณะจังหวัดสิงห์บุรี เจ้าอาวาสวัดพระนอนจักรศรีวรวิหาร ประธานอำนวยการสร้างวัดไทยธรรมศาลา ดารัมซาลา อีกด้วย

“สำหรับวัดไทยธรรมศาลานั้น ตั้งอยู่ในรัฐหิมาจัล ประเทศสาธารณรัฐอินเดีย ซึ่งพระเดชพระคุณท่านเจ้าคุณฯ ได้มีดำริสร้างขึ้นเพื่อเป็นการเผยแผ่พระพุทธศาสนา และเพื่อเทิดพระเกียรติสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้าพระบรมราชินี

“อย่างที่เราชาวพุทธทราบกันดีว่า การได้สร้างวัด สร้างโบสถ์วิหาร ซึ่งเป็นถาวรวัตถุจารึกไว้ในพระศาสนา นับเป็นการสร้างบุญกุศลอันยิ่งใหญ่ และผมขออาราธนาบุญกุศลที่ได้ทำในครั้งนี้ส่งไปถึงยังทุกท่านครับ”

‘โอ๋ ชัยวุฒิ’ ไม่ห่าง ‘ลุงป้อม’ แวะเยี่ยมหาสม่ำเสมอ เหตุเพราะ ‘สำนึกบุญคุณ’ ผู้มีพระคุณที่เคยมอบโอกาสให้

(17 พ.ย. 66) จากคอลัมน์ 'เปลวสีเงิน' ได้นำเสนอบทความในหัวข้อ…อยู่กับ ‘ลุงป้อม’ เสมอ…ระบุความว่า...

นี่แหละการเมือง ยามมีอำนาจมีแต่คนรายล้อม วันสิ้นอำนาจหันมองข้าง ๆ ช่างบางตา ชีวิต ลุงป้อม พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ สส.บัญชีรายชื่อ และหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ แทบจะเป็นแบบนั้น

ย้อนกลับไปก่อนการเลือกตั้งที่ผ่านมา เมื่อครั้งยังเป็นรองนายกรัฐมนตรี บารมีเฉิดฉาย ไปที่ไหนรัฐมนตรี สส. และนักการเมือง แย่งกันเบียดเพื่อไปยืนข้าง ๆ ชนิดแทบจะเหยียบกันตาย

ขนาดงานลงพื้นที่ธรรมดา ๆ ลูกพรรคยังยกพรรคกันไปแห่รอรับ พินอบพิเทาเอาใจ ลุงป้อม ประหนึ่งขอความเมตตา

แต่มาวันนี้ เหลือกันไม่กี่คนที่ยังคอยเคียงข้างลุง แบบว่างานราษฎร์ งานหลวง ไปตลอดแทบไม่เคยขาด อย่างเมื่อวันที่ 11 พฤศจิกายนที่ผ่านมา ลุงป้อม เดินทางไปเป็นประธานพิธีทอดกฐินสามัคคีที่วัดเกาะแก้ว และวัดโพธิ์เผือก อ.เมืองฯ จ.พระนครศรีอยุธยา เห็นแล้วต้องบอกว่าใจหาย นั่นเพราะข้างกายวันนี้เหลือกันอยู่ไม่กี่คน

วันดังกล่าว ข้าง ๆ ตัว ลุงป้อม มีแค่ ‘บิ๊กน้อย’ พล.อ.วิชญ์ เทพหัสดิน ณ อยุธยา และ ‘บิ๊กณัฐ’ พล.อ.ณัฐ อินทรเจริญ 2 น้องรักตั้งแต่อยู่ด้วยกันในกองทัพ

ขณะที่นักการเมืองแท้ๆ มีแค่ ‘เสี่ยโอ๋ นายชัยวุฒิ ธนาคมานุสรณ์’ รองหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ และอดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม คนเดียวเท่านั้น

มีคนเล่าว่า ทุกวันนี้เป็นแบบนี้จริง ๆ คนที่เข้า ๆ ออก ๆ มูลนิธิป่ารอยต่อฯ เหลือกันไม่กี่คน ต่างจากอดีตที่แทบจะแย่งบัตรคิวเข้าพบลุงป้อม

ส่วนในราย ‘เสี่ยโอ๋’ หลายคนยืนยันตรงกัน ยังเข้าไปหา ‘ลุงป้อม’ สม่ำเสมอ แม้วันนี้จะไม่มีตำแหน่งแห่งหนอะไร หากมีงานที่ไหน คิวว่าง อดีตเสนาบดีรายนี้ยืนไม่เคยห่าง

เรื่องของเรื่อง เพราะ ‘เสี่ยโอ๋’ ซาบซึ้งใจ ‘ลุงป้อม’ ในฐานะที่เป็นผู้ให้โอกาส ให้นักการเมืองสิงห์บุรีรายนี้ได้พาสชั้นเป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกับเขาสักครั้ง บุญคุณนี้ยากจะทดแทน

แล้วในยามที่ ‘ลุงป้อม’ เป็นแบบนี้ การปลีกห่างไม่ใช่แนวทางคนอย่าง ‘เสี่ยโอ๋’ แน่

‘ชัยวุฒิ’ ชมรัฐบาลลุงตู่ หลังความสามารถด้านดิจิทัลไทยพุ่ง 5 อันดับ พร้อมให้กำลังใจรัฐบาลปัจจุบันสานต่อให้ดียิ่งขึ้น

จากผลการจัดอันดับขีดความสามารถในการแข่งขันด้านดิจิทัลของประเทศโดย World Competitiveness Center ของ International Institute for Management Development หรือ IMD สวิตเซอร์แลนด์ ประจำปี 2566 ที่เพิ่งประกาศออกมาล่าสุด ผลปรากฏว่า ปีนี้ไทยมีอันดับดีขึ้น 5 อันดับมาอยู่ในอันดับที่ 35 จาก 64 เขตเศรษฐกิจ โดยปรับตัวดีขึ้นทั้ง 3 ด้าน

ด้านเทคโนโลยี (Technology) เป็นปัจจัยที่มีอันดับดีที่สุด โดยอยู่ในอันดับที่ 15 ดีขึ้นกว่าปี 2565 ถึง 5 อันดับ ในขณะที่ด้านความรู้ (Knowledge) และด้านความพร้อมสำหรับอนาคต (Future Readiness) มีอันดับดีขึ้น 4 และ 7 อันดับ ตามลำดับ แม้ว่าจะยังคงอยู่ในอันดับที่ไม่สูงนัก คือ อันดับที่ 41 และ 42 ตามลำดับ แต่ก็มีแนวโน้มที่ดีขึ้นอย่างต่อเนื่อง

นายชัยวุฒิ ธนาคมานุสรณ์ รองหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ ในฐานะอดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม โพสต์เฟซบุ๊ก โดยระบุว่า รู้สึกภาคภูมิใจที่ IMD เผยอันดับขีดความสามารถการแข่งขันไทย ปี 66 ไต่ขึ้น 3 อันดับ พบปัจจัยบวกทุกด้าน เศรษฐกิจ ประสิทธิภาพภาครัฐและภาคธุรกิจ โครงสร้างพื้นฐานทางเทคโนโลยีเป็นบวก เป็นข่าวดีและความภาคภูมิใจของคนไทยทุกคนครับขอบคุณรัฐบาลภายใต้การนำของพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา ที่ผลักดันโครงการสำคัญมากมายและพัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน ขับเคลื่อนประเทศของเรามาอย่างต่อเนื่อง ทำให้อันดับความสามารถในการแข่งขันของประเทศไทยปีนี้ ขยับดีขึ้นครับต้องขอบคุณทุกภาคส่วนที่ร่วมแรงร่วมใจ ทุ่มเทกำลังช่วยกันทำงานอย่างหนัก 

ที่น่าสนใจคืออันดับขีดความสามารถในการแข่งขันด้านดิจิทัลของประเทศไทยดีขึ้นถึง 5 อันดับ World Digital Competitiveness Ranking ปรับดีขึ้นจาก 40 ในปีที่ผ่านมา เป็นลำดับ 35 ในปีนี้ ทำให้เห็นอย่างชัดเจนว่า สิ่งที่กระทรวงดีอีเอสได้ทุ่มเทกันไปนั้นไม่สูญเปล่า และเชื่อว่า อันดับของประเทศไทยจะดีขึ้นในปีต่อ ๆ ไป เพราะเราได้มีการวางรากฐานด้านดิจิทัลมาอย่างต่อเนื่องและเริ่มปรากฎผลลัพธ์ออกมาให้เห็นแล้วครับ

“ผมขอเป็นกำลังใจให้กับผู้บริหารกระทรวงดีอีเอสเเละรัฐบาล ชุดปัจจุบัน รวมถึงทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ให้บรรลุเป้าหมายการเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันด้านดิจิทัลให้เป็นกลไกสำคัญในการพัฒนาเศรษฐกิจของประเทศไทยให้ดีขึ้นทุก ๆ ปีครับ”


TRENDING
© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top