Saturday, 4 May 2024
ชลบุรี

‘ตร.’ คุมตัว ‘โอลาฟ’ มือฆ่าโหดนักธุรกิจเยอรมัน ส่ง สภ.หนองปรือ เร่งสอบสวนเค้นหาเหตุจูงใจ

(12 ก.ค. 66) จากกรณีการหายตัวไปของ นายฮันส์ ปีเตอร์ แรลเตอร์ มัค (MR.HANS PETER RALTER MACK) อายุ 62 ปี นักธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ชาวเยอรมัน ตั้งแต่เมื่อวันที่ 4 ก.ค.ที่ผ่านมา จนกระทั่งวันที่ 10 ก.ค. ตำรวจไล่กล้องวงจรปิด พบว่า โตโยต้า รีโว สีดำ จค 7679 ชลบุรี ซึ่งนายโอลาฟ ชาวเยอรมัน และเป็นเพื่อนสนิทของนางเพธา ได้รับช่วงต่อในการบรรทุกตู้แช่แข็งขับวนรอบๆ ในพื้นที่จังหวัดชลบุรี เป็นระยะทางกว่า 160 กม. ก่อนจะขับเข้ามาจอดในหมู่บ้านโชคชัย การ์เด้น โฮม 1 ซึ่งห่างจากลานจอดรถชั่วคราวที่รถเบนซ์ของนายฮันส์ถูกนำไปจอดทิ้งไว้

จากนั้นตำรวจจึงนำกำลังเข้าตรวจสอบ จนทราบว่าตู้แช่แข็งถูกนำมาซุกซ่อนไว้ในบ้านทาวน์โฮมชั้นเดียว ภายในหมู่บ้านโชคชัย การ์เด้น โฮม 1 หมู่ 5 ต.หนองปรือ อ.บางละมุง จ.ชลบุรี จึงรีบนำกำลังเข้าตรวจสอบ พร้อมด้วยตำรวจกองพิสูจน์หลักฐาน เขต 2 ชลบุรี ภายหลังเจ้าหน้าที่เปิดตู้แช่ พบร่างนายฮันส์ถูกฆ่าหั่นเป็น 13 ส่วน บรรจุใส่ถุงดำแล้วนำไปแช่แข็งไว้ จากการตรวจสอบอัตลักษณ์บุคคล เบื้องต้นยืนยันว่าเป็นศพนายฮันส์ ปีเตอร์ นักธุรกิจชาวเยอรมัน ที่หายตัวไป ศพถูกแช่แข็ง ทำให้ศพยังอยู่ในสภาพยังไม่เน่าเปื่อย แต่พบว่าที่ศีรษะมีร่องรอยถูกตีด้วยของแข็งหลายครั้งจนเป็นแผลฉกรรจ์ ตำรวจจึงได้ส่งศพให้สถาบันนิติวิทยาศาสตร์ทำการชันสูตรอย่างละเอียดอีกครั้ง

พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล รอง ผบ.ตร. มีการขอศาลอาญาออกหมายจับ ผู้ต้องหา 3 ราย ประกอบด้วย 1.) MRS.PETRA CHRISTL GRUNDGREIF (เพตรา) ชาวเยอรมัน 2.) MR.OLAF THORSTEN BRINKMANN (โอลาฟ) ชาวเยอรมัน และ 3.) นายซาฮ์รูค คารีม อุดดิน ชาวปากีสถาน สัญชาติไทย ในข้อหาร่วมกันฆ่าผู้อื่นโดยไตร่ตรองไว้ก่อน และร่วมกันซ่อนเร้นอำพรางศพ และต่อมา นางเพตรา ถูกจับกุมเป็นรายแรก ก่อนที่ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ออกมาเปิดเผยว่า รู้พิกัดของผู้ต้องหาอีก 2 รายแล้ว อยู่ระหว่างปฏิบัติการล่าตัว

ต่อมาช่วงค่ำวันเดียวกัน ชุด บก.ตม. 3 ไล่ล่าตัวผู้ต้องหา ฆ่าหั่นศพนักธุรกิจชาวเยอรมัน ตรวจสอบวงจรปิดตามเส้นทางที่คาดว่า นายโอลาฟจะใช้หลบหนีหลังมีการขโมยรถ จยย.ในการหลบหนี พบว่าหนีออกนอกพื้นที่ จ.ชลบุรีแล้ว มุ่งหน้าเข้ากรุงเทพฯ จึงติดตามมากระทั่งสามารถจับกุมตัวได้ในห้องพักหลังร้านอาหาร พื้นที่ สน.ประเวศ ก่อนนำตัวไปทำบันทึกจับกุมที่ สน.ประเวศ ตาม พ.ร.บ.อุ้มหายฯ จากนั้นนำตัวไปสอบปากคำที่ สภ.หนองปรือ จ.ชลบุรี

โดยเมื่อเวลา 23.00 น. เจ้าหน้าที่ตำรวจได้ควบคุมตัว นายโอลาฟ ธรอสเทน บริงก์มันน์ มาที่ สภ หนองปรือ โดยได้ควบคุมตัวเข้าห้องสอบสวนทันที โดยผู้สื่อข่าวได้สอบถาม นายโอลาฟ ธรอสเทน บริงก์มันน์ ว่ามีไรจะพูดหรือไม่?

ทางด้าน นายโอลาฟ ธรอสเทน บริงก์มันน์ ไม่ได้พูดอะไร ใช้เสื้อปิดหน้าปิดตา ก่อนเดินเข้าทางด้านหลัง สภ.หนองปรือ ทันที พร้อมนำตัวเข้าห้องสอบสวน เพื่อสอบถามอย่างละเอียดถึงมูลเหตุจูงใจ ที่ก่อเหตุในครั้งนี้

‘พิธา’ พร้อมด้วย ส.ส.ชลบุรี เดินสายขอบคุณประชาชน หลังเปิดทางให้ ‘เพื่อไทย’ เป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาล

(22 ก.ค. 66) นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกล พร้อมด้วย ส.ส.ชลบุรี พรรคก้าวไกล ร่วมเดินสายขอบคุณประชาชน หลังจากพรรคก้าวไกลแถลงเปิดทางให้พรรคอันดับ 2 คือพรรคเพื่อไทยเป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาลของพันธมิตร 8 พรรคที่ได้เคยทำ MOU กันไว้ โดยวันนี้ได้เปิดเวทีปราศรัยสองจุด ที่หาดจอมเทียน เมืองพัทยา และที่อำเภอบ่อวิน มีประชาชนจำนวนมากเข้าร่วมฟังการปราศรัยและรอพบปะนายพิธา แม้จะมีสายฝนโปรยปรายลงมาอย่างต่อเนื่อง

ในช่วงหนึ่งของการปราศรัย นายพิธาระบุว่า ถึงแม้จะมีความพยายามเพื่อไม่ให้ตนเป็นนายกรัฐมนตรี แต่พวกเรายังหมดหวังไม่ได้ เมื่อทั้ง 8 พรรคร่วมจัดตั้งรัฐบาลต่างลงเรือลำเดียวกันแล้ว ก็จะต้องตั้งรัฐบาลของประชาชน ที่รักษาสัจจะที่เคยให้ไว้กับประชาชนให้ได้

เพราะฉะนั้น ตนจะไม่มีวันยอมแพ้ จะยุติการสืบทอดอำนาจของเผด็จการ แม้จะมีความพยายามสกัดกั้นขนาดไหนก็ต้องสู้ต่อ เมื่อบีบให้ตนต้องออกจากสภาตนก็จะมาอยู่กับประชาชน ตนและพรรคก้าวไกลจะขอยืนหยัดเพื่อประเทศไทยและขอทำงานเพื่อประชาชนต่อไป ให้สมกับความตั้งใจที่ประชาชนให้เรามา

นายพิธายังกล่าวต่อไปว่า วันนี้มีการเปรียบเหมือนทั้ง 8 พรรคอยู่บนเรือลำเดียวกัน เมื่อเรือกำลังรั่วอยู่ คำถามคือ จะให้มีคนเสียสละออกจากเรือหรือควรจะอยู่ซ่อมเรือด้วยกัน ขอเพียงทั้ง 8 พรรคที่ประชาชนเลือกมาจะช่วยกันซ่อมเรือ อุดรอยรั่ว ทำเรือให้แข็งแรง ขอเพียงทั้ง 8 พรรครักษาสัจจะที่ได้เคยให้สัญญากับประชาชนไว้ในวันที่มาขอคะแนนและความไว้วางใจจากประชาชน เรือก็จะถึงฝั่งได้

“มันไม่มีความหมายเลยหรือ ประชาชนไม่มีความหมายเลยหรือ แล้วจะเลือกตั้งกันไปทำไม ถ้าอย่างนั้นคุณชี้มาเลยคุณจะเอาใคร ใครจะถีบผมออกจากเรือผมไม่รู้ ผมบอกอย่างเดียวว่าผมไม่ยอม ถ้าเรือมันรั่วต้องช่วยกันซ่อม ไม่ใช่มาถีบเพื่อนออกจากเรือ และไม่ถีบประชาชนออกจากเรือด้วย ถ้า 25 ล้านเสียงสู้ 250 เสียงไม่ได้ก็ให้มันรู้ไป ใครจะปล่อยมือก้าวไกลปล่อยไป ขอเพียงพี่น้องประชาชนอย่าปล่อยมือก้าวไกลก็พอ” นายพิธา กล่าว

หลังการปราศรัยจบลง ประชาชนที่มาพบต่างตะโกนให้กำลังใจด้วยคำว่า “พิธาสู้ๆ” และ “นายกพิธา” ดังกึกก้องไปทั้งบริเวณ

‘กรมควบคุมโรค’ เผย พัทยา-บางละมุง มีแนวโน้มผู้ติดเชื้อ ‘Mpox’ พุ่ง พบส่วนใหญ่เป็นชายรักชาย เตือน!! ให้งดมีเพศสัมพันธ์กับคนแปลกหน้า

(23 ก.ย.66) โดยมีรายงานจากกรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข เกี่ยวกับสถานการณ์โรคติดต่อที่ต้องเฝ้าระวังในปัจจุบัน พบว่า อ.บางละมุง จ.ชลบุรี มีผู้ป่วยโรคฝีดาษวานร หรือโรคฝีดาษลิง (Monkeypox หรือ Mpox) แล้วจำนวนหนึ่ง และยังมีแนวโน้มเพิ่มสูงขึ้นอย่างรวดเร็วในห้วงสัปดาห์ที่ผ่านมา รวมทั้งยังพบว่ามีผู้เสียชีวิต

และผู้ป่วยส่วนใหญ่เป็นเพศชายกลุ่มชายรักชาย ที่พักอาศัยในเขตเมืองพัทยา ซึ่งให้ประวัติสัมผัสโรคจากการมีเพศสัมพันธ์

ทั้งนี้ กรมควบคุมโรคขอให้ประชาชนเพศชายกลุ่มชายรักชายงดมีเพศสัมพันธ์กับคนแปลกหน้า หรือเปลี่ยนคู่นอน หรืองดมีเพศสัมพันธ์ขณะที่ตนเองหรือคู่นอนมีไข้ หรือผื่น หรือตุ่มน้ำที่ปรากฏในร่างกาย เนื่องจากอาการเหล่านี้เป็นอาการในระยะแพร่โรค

อย่างไรก็ตาม หากผู้ใดมีอาการสงสัยเป็นโรคฝีดาษวานร ให้เข้ารับการตรวจวินิจฉัยและรักษาพยาบาลได้ที่โรงพยาบาลบางละมุง หรือโรงพยาบาลเมืองพัทยา โดยไม่เสียค่าใช้จ่าย โดยประชาชนสามารถติดตามรายละเอียดข้อแนะนำความรู้โรคฝีดาษวานรได้ตามลิงก์ https://ddc.moph.go.th/das/news.php?news=34402&deptcode=das 

‘พิมพ์ภัทรา’ ลงพื้นที่ชลบุรี เร่งหารือพัฒนาภาคอุตสาหกรรม หวังปั้นเมืองชลฯ สู่เมืองเศรษฐกิจชั้นนำแห่งภูมิภาคอาเซียน

(27 ต.ค. 66) นางสาวพิมพ์ภัทรา วิชัยกุล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม ลงพื้นที่ตรวจเยี่ยมสำนักงานอุตสาหกรรมจังหวัดชลบุรี (สอจ.ชลบุรี) พร้อมหารือแนวทางการขับเคลื่อนภาคอุตสาหกรรมร่วมกับหน่วยงานภาครัฐและภาคเอกชน โดยมีนางสาวศิรินันท์ ศิริพานิช ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำกระทรวงอุตสาหกรรม, นายดนัยณัฏฐ์ โชคอำนวย ที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม, นายวิษณุ ทับเที่ยง หัวหน้าผู้ตรวจราชการกระทรวงอุตสาหกรรม (หน.ผตร.อก.), นายภาสกร ชัยรัตน์ อธิบดีกรมส่งเสริมอุตสาหกรรม, นางสาวไพลิน เทียนสุวรรณ เลขานุการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม, นายเตมีย์ พันธุ์วงค์ราช ผู้อำนวยการกองตรวจราชการ สำนักงานปลัดกระทรวงอุตสาหกรรม ร่วมหารือ และมีนางสาวอังศุมาลิน ฉัตรสุวรรณวารี อุตสาหกรรมจังหวัดชลบุรี (อสจ.ชลบุรี), นางสาวภารดี เสมอกิจ หัวหน้ากลุ่มพัฒนาการส่งเสริมธุรกิจอุตสาหกรรม รักษาการในตำแหน่งผู้อำนวยการศูนย์ส่งเสริมอุตสาหกรรมภาคที่ 9 (ศภ.9) ข้าราชการ และเจ้าหน้าที่ สอจ.ชลบุรี และ ศภ.9 และสภาอุตสาหกรรมจังหวัดชลบุรี (สอท.ชลบุรี) ให้การต้อนรับ ณ ห้องประชุม ชั้น 7 ศูนย์ส่งเสริมอุตสาหกรรมภาคที่ 9 จังหวัดชลบุรี

อสจ.ชลบุรี ได้รายงานว่า จังหวัดชลบุรี มีโรงงานอุตสาหกรรม จำนวน 4,248 โรงงาน อยู่ในนิคมอุตสาหกรรมอมตะซิตี้ แหลมฉบัง ปิ่นทอง ดับบลิวเอชเอ และปิ่นทอง (แหลมฉบัง) จำนวน 1,099 โรงงาน นอกนิคมอุตสาหกรรม จำนวน 3,149 โรงงาน มีวิสาหกิจชุมชน จำนวน 620 กลุ่ม มี OTOP จำนวน 1,395 ราย มีเหมืองแร่ในจังหวัดได้ประทานบัตร 31 แปลง เปิดการทำเหมือง 22 แปลง ประกอบด้วย อุตสาหกรรมชนิดหินแกรนิต หินปูน และอยู่ระหว่างต่ออายุ 6 แปลง หยุดการทำเหมือง 3 แปลง

นอกจากนี้ สอจ.ชลบุรี ได้รายงานแนวทางปฏิบัติงานภายใต้นโยบายของกระทรวงอุตสาหกรรม (อก.) MIND ใช้ ‘หัว’ และ ‘ใจ’ ปั้นอุตสาหกรรมคู่ชุมชน ด้วยแนวคิดสร้างสรรค์ ที่ทันสมัย และเป็นสากล ซึ่งจังหวัดชลบุรีเป็นจังหวัดที่มีนักลงทุนชาวต่างชาติ จีน ญี่ปุ่น เกาหลี และยุโรป มาลงทุนเป็นจำนวนมาก และได้ดำเนินงานโครงการต่างๆ เช่น โครงการอุตสาหกรรมสีเขียว, โครงการส่งเสริมและพัฒนาศักยภาพของอุตสาหกรรมในภูมิภาค, โครงการพัฒนาผลิตภัณฑ์และกระบวนการผลิตภาคอุตสาหกรรมให้เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม เป็นต้น และได้มีการจัดทำระบบ LINE Open Chat เป็นกลุ่มผู้ประกอบการอุตสาหกรรม ผู้ประกอบการ SME ในจังหวัดชลบุรี จำนวน 1,800 ราย เพื่อเป็นช่องทางในการประชาสัมพันธ์ข้อมูลข่าวสารด้านอุตสาหกรรมต่าง ๆ อีกด้วย

ด้านนายณัฏฐ์ธน สารทจีนพงษ์ รองประธานสภาอุตสาหกรรมจังหวัดชลบุรี ได้กล่าวถึงแนวทางการพัฒนาอุตสาหกรรม เพื่อเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันให้สอดคล้องกับเป้าหมายการพัฒนาจังหวัด 20 ปี ‘เมืองเศรษฐกิจชั้นนำอาเซียน นวัตกรรมเพิ่มมูลค่า แลนด์มาร์ก การท่องเที่ยว สังคมคุณภาพ สิ่งแวดล้อมยั่งยืน’ การพัฒนาอุตสาหกรรมตามแนวทาง BCG และ ESG ของจังหวัดชลบุรี ในด้านยุทธศาสตร์ทางจังหวัดได้ตั้งเป้าในลดปริมาณก๊าซเรือนกระจก ลดลงร้อยละ 16 ผ่านการดำเนินโครงการปรับเปลี่ยนอุปกรณ์ไฟฟ้าทั้งจังหวัด โดยเฉพาะแสงสว่าง ปรับเปลี่ยนพลังงานเป็นพลังงานสะอาด จัดรูปแบบการขนส่งและการขนส่งสาธารณะ แบบ multimodal transportation โครงการปลูกป่า 1 ผู้ประกอบการอุตสาหกรรม 1 ป่า 1 ไร่ ส่วนการพัฒนาผู้ประกอบการสู่เมืองอุตสาหกรรมเชิงนิเวศน์ ได้มีการตั้งค่าเป้าหมายระดับการเป็นเมืองอุตสาหกรรมเชิงนิเวศ ระดับที่ 5 ภายในปี 70

ทั้งนี้ สอท.ชลบุรี มีข้อเสนอในการพัฒนาเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันของอุตสาหกรรมในจังหวัดชลบุรี ดังนี้

1.) ส่งเสริมให้มีนิคมอุตสาหกรรมของรัฐฯ เนื่องจากราคาที่ดินในการนิคมของภาคเอกชนมีราคาค่อนข้างสูงเป็นอุปสรรคปัญหาของนักลงทุนที่ต้องการสร้างโรงงานในนิคมอุตสาหกรรม

2.) ต่อยอดพัฒนาเอสเอ็มอีและวิสาหกิจชุมชน เพื่อเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันในด้านเทคโนโลยี เงินทุนหมุนเวียน และการตลาด ซึ่งการต่อรองกับผู้ประกอบการที่เป็นแบรนด์ของสินค้าให้มีการเลือกใช้ผู้ประกอบการไทยเป็นหลัก

3.) การจัดตั้งกองทุนเพื่อการพัฒนาตามแนวทางพี่ช่วยน้อง (big brother) ในการช่วยบริหารจัดการแบบมีผลประโยชน์ร่วมกัน

4.) การพัฒนาการตรวจประเมินรับรองและสร้างมาตรฐาน เรื่อง Carbon Neutrality เพื่อเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขัน

5.) การพัฒนาฝีมือแรงงานภาคอุตสาหกรรมและการยกระดับฝีมือแรงงานตามคุณวุฒิวิชาชีพ ซึ่งยังไม่ตรงเป้าหมายตามความต้องการ

6.) ส่งเสริมอุตสาหกรรมที่มีวัตถุดิบภายในประเทศ อุตสาหกรรมที่เกี่ยวเนื่องกับภาคการเกษตร เช่น ยางพารา ปาล์มน้ำมัน มันสำปะหลัง อ้อย พืชสมุนไพร เป็นต้น

นอกจากนี้ ทาง สอท. ยังได้เพิ่มเติมในเรื่อง FTA (Free Trade Area) เขตการค้าเสรี ซึ่งเป็นการทำความตกลงทางการค้าของประเทศ โดยขอให้มีการเปิดเขตการค้าเสรีให้มากยิ่งขึ้น ควรมีการพัฒนากฎหมายให้ครอบคลุมภาคอุตสาหกรรมในปัจจุบัน และภาครัฐควรมีการรวบรวมฐานข้อมูลให้เป็นปัจจุบัน เพื่อให้ผู้ประกอบการสามารถนำข้อมูลมาพัฒนาธุรกิจได้อย่างมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น

รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม กล่าวว่า ในวันนี้ได้รับทราบข้อเสนอแนะของทางภาคเอกชน และจะนำข้อเสนอแนะของท่านไปหารือกับคณะรัฐมนตรีต่อไป ทั้งนี้ รัฐบาลได้ให้ความสำคัญและเร่งดำเนินการแก้ไขปัญหาเรื่องน้ำ ไม่ว่าจะเป็นน้ำแล้งหรือน้ำหลาก มีนโยบายเตรียมการวางแผนแก้ไขปัญหาน้ำในระยะยาว

และสุดท้ายนี้ ขอให้กำลังใจพี่ๆ น้องๆ ข้าราชการและเจ้าหน้าที่ที่ปฏิบัติหน้าที่ทุกท่านไม่ว่าจะเป็น สอจ.ชลบุรี ศภ.9 สอท.ชลบุรี ที่ปฏิบัติภารกิจและหน้าที่ให้กับ อก. หรือการบริหารจัดการความขัดแย้งระหว่างประชาชนและผู้ประกอบการเป็นภารกิจที่ยิ่งใหญ่มาก ขอเป็นตัวแทนของ อก. ขอบคุณทุกท่านที่เสียสละ และสนับสนุนในทุกๆ กิจกรรมของกระทรวง

หลังจากนั้น คณะรัฐมนตรีฯ ได้เยี่ยมชมบริษัท ไลอ้อน (ประเทศไทย) จำกัด (เครือสหพัฒน์) ประกอบกิจการผลิตและจำหน่ายสินค้าอุปโภค บริโภค แบบครบวงจร โดยมีนายนิติ วิวัฒน์วานิช รองผู้ว่าราชการจังหวัดชลบุรี นายวรจักร สถาพรภิญโญ นายอำเภอศรีราชา และคุณสายชล ศีติสาร กรรมการบริหารการผลิต บริษัท ไลอ้อน (ประเทศไทย) จำกัด ให้การต้อนรับ

สำนักงานตำรวจแห่งชาติแถลงข่าวจัดการแข่งขันรักบี้ฟุตบอลประเพณี ตำรวจไทย-ตำรวจมาเลเซียชิงถ้วย “รุจิรวงศ์” ครั้งที่ 34 ระหว่างวันที่ 12-15 ธ.ค.66 ณ เมืองพัทยา จ.ชลบุรี

วันที่ 8 ธ.ค.66 เวลา 11.30 น. พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ สุขวิมล ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ มอบหมายให้ พล.ต.ท.กรไชย คล้ายคลึง  ผู้ช่วยผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ/ประธานคณะกรรมการอำนวยการบริหารการกีฬาประเภทรักบี้ฟุตบอล สำนักงานตำรวจแห่งชาติ เป็นประธานแถลงข่าวการแข่งขันกีฬารักบี้ฟุตบอลประเพณีตำรวจไทยและตำรวจมาเลเซีย ชิงถ้วย "รุจิรวงศ์" ครั้งที่ 34 โดยมี พล.ต.ต.เทอดศักดิ์ รุจิรวงศ์ ที่ปรึกษาคณะทำงานการจัดการแข่งขันฯ และพ.ต.อ.เศรษฐสิริ นิพภยะ รองผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดกาญจนบุรี ร่วมแถลงข่าว ณ ห้องสารสิน ชั้น 2 อาคาร 1 สำนักงานตำรวจแห่งชาติ 

สำหรับการแข่งขันกีฬารักบี้ประเพณีระหว่างตำรวจไทยและตำรวจมาเลเซีย มีวัตถุประสงค์
เพื่อเป็นการเสริมสร้างความสัมพันธ์อันดีระหว่างตำรวจไทยและตำรวจมาเลเซีย ก่อให้เกิดความรัก ความสามัคคีระหว่างตำรวจไทยกับตำรวจมาเลเซียอย่างเน้นเฟ้น ในการบูรณาการทำงานร่วมกัน ตลอดจนเพิ่มศักยภาพการป้องกันปราบปรามอาชญากรรมข้ามชาติที่จะมาคุกคามประชาชนระหว่างสองประเทศ โดยการจัดการแข่งขันครั้งแรก เมื่อปีพุทธศักราช 2504 ณ กรุงกัวลาลัมเปอร์ ประเทศมาเลเซีย ในยุคสมัยของ พล.ต.อ.ประเสริฐ รุจิรวงศ์ ดำรงตำแหน่งอธิบดีกรมตำรวจ ได้ดำเนินมาจนถึงปัจจุบัน เป็นระยะเวลานานกว่า 62 ปี มีการจัดการแข่งขันมาแล้วถึง 34 ครั้ง โดยจะมีการหมุนเวียนผลัดเปลี่ยนการเป็นเจ้าภาพจัดการแข่งขัน ในการแข่งขันกีฬารักบี้ฟุตบอลชิงถ้วย "รุจิรวงศ์" ครั้งที่ 34 สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ได้รับเกียรติเป็นเจ้าภาพจัดการแข่งขัน ระหว่างวันที่ 12 - 15 ธ.ค.66 และจะมีการแข่งขันจริงในวันที่ 14 ธ.ค.66 ณ สนามกีฬาราชนาวี สัตหีบ อำเภอสัตหีบ จังหวัดชลบุรี

การแข่งขันกีฬารักบี้ประเพณีระหว่างตำรวจไทยและตำรวจมาเลเซีย ครั้งที่ 34 แบ่งการแข่งขันออกเป็น 2 ประเภท คือ
1. การแข่งขันชิงถ้วย "รุจิรวงศ์" ประเภทอายุไม่เกิน 45 ปี
2. การแข่งขันชิงถ้วย "สุวิมล" ประเภทอาวุโส อายุเกิน 45 ปีขึ้นไป

ทั้งนี้ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ขอประชาสัมพันธ์เชิญชวนพี่น้องประชาชน และข้าราชการ
ตำรวจ ร่วมรับชมผ่านและส่งกำลังใจแก่นักกีฬาตำรวจไทยในการแข่งขันกีฬารักบี้ฟุตบอลประเพณี ระหว่างตำรวจไทยและตำรวจมาเลเซีย ชิงถ้วย "รุจิรวงศ์" ครั้งที่ 34 ในวันที่ 14 ธ.ค.66 ตั้งแต่เวลา 14.00 น. เป็นต้นไป ณ สนามกีฬาโรงเรียนนานาชาติรักบี้ อำเภอบางละมุง จังหวัดชลบุรี

'ฮัท' สุวิชยา วินิจฉัยธรรม คว้าแชมป์ Honda LPGA Thailand 2024 National Qualifiers รับสิทธิ์เข้าดวลวงสวิงกับนักกอล์ฟหญิงระดับโลก ศึก ฮอนด้า แอลพีจีเอ ไทยแลนด์ 2024

ณ สยามคันทรีคลับ โรลลิ่งฮิลส์ พัทยา จ.ชลบุรี ได้จัดให้มีการแข่งขัน Honda LPGA Thailand 2024 National Qualifiers ระหว่างวันที่ 10-11 กุมภาพันธ์ 2567 ผลปรากฏว่า “ฮัท” สุวิชยา วินิจฉัยธรรม คว้าตำแหน่งผู้ชนะพร้อมรับสิทธิ์เข้าร่วมการแข่งขัน ฮอนด้า แอลพีจีเอ ไทยแลนด์ 2024 ชิงเงินรางวัลรวม 1.7 ล้านดอลลาร์ฯ ระหว่างวันที่ 22-25 กุมภาพันธ์ 2567 ณ สยามคันทรีคลับ โอลด์คอร์ส พัทยา  โดยการแข่งขันในครั้งนี้ “ฮัท” สุวิชยา วินิจฉัยธรรม นักกอล์ฟสมัครเล่นวัย 17 ปี จาก จ.ขอนแก่น เป็นผู้นำร่วมหลังจบรอบแรก ทำเพิ่มรอบสองอีก 3 อันเดอร์พาร์ คว้าแชมป์ที่สกอร์รวม 9 อันเดอร์พาร์ เฉือนอันดับ 2 “ปาแปง” อลิศา อินทร์ประสิทธิ์ แค่สโตรคเดียว

ทั้งนี้ “ฮัท” สุวิชยา วินิจฉัยธรรม ซึ่งเป็นนักกีฬาในโครงการทีมชาติไทย ของสมาคมกีฬากอล์ฟแห่งประเทศไทย กล่าวถึงความสำเร็จในครั้งนี้ว่า รู้สึกตื่นเต้นและดีใจมากที่ทำได้สำเร็จ เพราะนักกอล์ฟที่เก่ง ๆ มีเยอะมาก ทำให้รู้สึกกดดันเหมือนกัน แต่พยายามไม่คิดมาก และสามารถควบคุมตนเองได้ดี ปัจจัยสำคัญก็คือ การฝึกซ้อมที่ต่อเนื่องมาตลอด โดยการควบคุมของคุณพ่อซึ่งก็เป็นแคดดี้ให้ด้วย สำหรับแผนการเตรียมตัวก่อนการแข่งขัน “ฮอนด้า แอลพีจีเอ ไทยแลนด์ 2024” นั้น “ฮัท” สุวิชยา วินิจฉัยธรรม กล่าวว่า จะพยายามมาออกรอบที่ สยามคันทรีคลับ โอลด์คอร์ส ให้มากขึ้นเพื่อทำความคุ้นเคยกับสนาม เพื่อที่จะได้ทำผลงานให้ดีที่สุดในการแข่งขันร่วมกับนักกอล์ฟระดับโลก ซึ่งหากเป็นไปได้ อยากจะร่วมก๊วนกับ ลิเดีย โค มากที่สุด เพราะเป็นไอดอลในการเล่นกอล์ฟของตนเอง และอยากจะขอแรงใจจากแฟนกอล์ฟทั่วประเทศช่วยติดตามเชียร์ด้วยค่ะ

ด้านนางสาวมนวรา เพชรพลากร ผู้จัดการทั่วไปส่วนการตลาด บริษัท ฮอนด้า ออโตโมบิล (ประเทศไทย) กล่าวว่า ขอแสดงความยินดีกับ “ฮัท” สุวิชยา วินิจฉัยธรรม ที่สามารถคว้าแชมป์ Honda LPGA Thailand 2024 National Qualifiers ซึ่งการแข่งขันครั้งนี้มีนักกอล์ฟไทยที่มีฝีมือจำนวนมาก และการแข่งขันก็เข้มข้น และสูสีมาก ฮอนด้า รู้สึกยินดีและภาคภูมิใจที่ได้มีส่วนในการสนับสนุนนักกอล์ฟไทยไปสู่ระดับเวิร์ลคลาส และอยากให้แฟนกีฬากอล์ฟติดตามชมการแข่งขัน ฮอนด้า แอลพีจีเอ ไทยแลนด์ 2024 ในวันที่ 22-25 กุมภาพันธ์ 2567 ณ สยามคันทรีคลับ โอลด์คอร์ส พัทยา จ.ชลบุรี และร่วมส่งแรงใจให้นักกอล์ฟไทยด้วย ซึ่งการแข่งขัน Honda LPGA Thailand 2024 National Qualifiers เป็นส่วนหนึ่งของกิจกรรม Road to Honda LPGA Thailand ซึ่งจัดขึ้นเป็นปีที่ 6 ติดต่อกัน โดยเปิดรับนักกอล์ฟสตรีชาวไทยในระดับอาชีพและสมัครเล่น ร่วมแข่งขันในวันที่ 10 -11 มกราคม 2567 ณ สยามคันทรีคลับ โรลลิ่งฮิลส์ พัทยา จ.ชลบุรี โดยครั้งนี้มีนักกอล์ฟเข้าร่วมชิงชัยมากถึง 83 คน โดยมีวัตถุประสงค์ในการส่งเสริมและพัฒนาอุตสาหกรรมกอล์ฟในประเทศไทย รวมถึงการมอบโอกาสให้นักกอล์ฟไทยได้สัมผัสประสบการณ์ในเกมการแข่งขันระดับสากลกับเหล่าโปรกอล์ฟสตรีระดับโลก 

สำหรับการแข่งขัน “ฮอนด้า แอลพีจีเอ ไทยแลนด์ 2024” จะเป็นการแข่งขันกอล์ฟสตรีที่เข้มข้นและเร้าใจที่สุดในประเทศไทย โดย ลิเลีย วู นักกอล์ฟสาวอเมริกันวัย 26 ปี มือ 1 ของโลก และเจ้าของตำแหน่งแชมป์ “ฮอนด้า แอลพีจีเอ ไทยแลนด์ 2023” ยืนยันการกลับมาป้องกันแชมป์ ในขณะที่นักกอล์ฟสาวระดับโลกของไทยก็พร้อมที่จะชิงชัยเพื่อคว้าถ้วยแชมป์ให้แฟน ๆ กอล์ฟชาวไทยได้ชื่นชมเช่นเดียวกัน นำโดย จีน-อาฒยา ฐิติกุล, แพตตี้-ปภังกร ธวัชธนกิจ, เมียว-ปาจรีย์ อนันต์นฤการ, พราว-ชเนตตี วรรณแสน, โม-โมรียา จุฑานุกาล และ เม-เอรียา จุฑานุกาล แชมป์ ฮอนด้า แอลพีจีเอ ไทยแลนด์ 2021 เป็นต้น ส่วนการแข่งขัน ฮอนด้า แอลพีจีเอ ไทยแลนด์ 2024 เปิดจำหน่ายบัตรเข้าชมแล้วทางเว็บไซต์ www.hondalpgathailand.com โดยสามารถติดตามข่าวสารได้ที่เว็บไซต์ของงาน รวมถึงทางโซเชียลมีเดีย เฟซบุ๊ก www.facebook.com/lpgaThailand และอินสตาแกรม https://www.instagram.com/hondalpgathailand

ชลบุรี-พัทยามอบประกาศนียบัตรผู้สำเร็จการศึกษาหลักสูตร D.A.R.E.

วันที่ 22 ก.พ.67 นายปรเมศวร์ งามพิเชษฐ์ นายกเมืองพัทยา เป็นประธานในพิธีมอบประกาศนียบัตรผู้สำเร็จการศึกษาหลักสูตร D.A.R.E. โรงเรียนเมืองพัทยา 3, 4, 8, 9  โดยมี พ.ต.อ.นาวิน ธีระวิทย์ ผกก.สภ.เมืองพัทยา และแขกผู้มีเกียรติ เข้าร่วมพิธีที่โรงเรียนเมืองพัทยา 8 (พัทธยานุกูล) เมืองพัทยา จ.ชลบุรี

ด้วยเมืองพัทยาได้ให้ความสำคัญเรื่องการป้องกันยาเสพติดในสถานศึกษาทุกแห่ง รวมทั้งขจัดปัจจัยเสี่ยงที่เอื้อต่อปัญหายาเสพติดให้หมดไป สร้างคุณภาพชีวิตและทัศนคติให้กับเยาวชนที่จะเป็นอนาคต ของชาติไม่ให้ยุ่งเกี่ยวกับยาเสพติด จึงได้ร่วมกับสถานีตำรวจภูธรเมืองพัทยาและสถานีตำรวจภูธรบางละมุง ดำเนินโครงการการศึกษาเพื่อต่อต้านการใช้ยาเสพติดในเด็กนักเรียน (D.A.R.E.) ขึ้น ซึ่งเป็นกลไกหนึ่งเพื่อร่วมดำเนินงานป้องกันยาเสพติดในชั้นเรียน

โดยได้รับเกียรติจากครูตำรวจ D.A.R.E ในการเป็นวิทยากรฝึกสอนเด็กนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 5 ในโรงเรียนเมืองพัทยา 1-10 ภาคเรียนที่ 2/2566 สัปดาห์ละ 1 ชั่วโมง จำนวน 13 สัปดาห์ เพื่อให้เด็กนักเรียนมีทักษะ รู้จักวิธีหลบเลี่ยงปฏิเสธการใช้สารเสพติดและความรุนแรงได้ สามารถควบคุมการขยายตัว ลดการแพร่ระบาดของยาเสพติดในโรงเรียน และชุมชนในเขตเมืองพัทยาได้อย่างยั่งยืน 

และเป็นการร่วมกันปลูกจิตสำนึกของเด็กนักเรียนและเยาวชน ให้มีความรู้ความเข้าใจ ตระหนักถึงพิษภัยของยาเสพติดที่มีผลต่อร่างกาย สุขภาพอนามัย ซึ่งส่งผลกระทบต่อปัญหาของสังคม  รวมทั้งเพื่อสร้างแกนนำนักเรียนในการต่อต้านยาเสพติดในสถานศึกษาสร้างความเข้มแข็ง และส่งเสริมคุณธรรม จริยธรรม รวมทั้งปลูกฝังพฤติกรรมการกระทำดีให้กับนักเรียนต่อไป 

ศรชล.ภาค 1/ทรภ.1 ส่งเรือช่วยเหลือลูกเรือประมง เชือกพันขาขาด กลางทะเล

เมื่อเวลา 21.30 น. วันที่ 27 ก.พ.67 ทัพเรือภาคที่ 1 และศูนย์อำนวยการรักษาผลประโยชน์ของชาติทางทะเล ภาค 1 (ศรชล.ภาค 1 ) ได้รับแจ้งจากไต๋เรือ ส.ตะวัน 14 ว่ามีลูกเรือได้รับบาดเจ็บจากเชือกพันขาขาด บริเวณระยะ 29.6 ไมล์ทะเล จากแหลมปู่เจ้า ต.สัตหีบ อ.สัตหีบ จ.ชลบุรี 

หลังรับแจ้ง ได้ส่งเรือตรวจการณ์ใกล้ฝั่ง 268 (ต.268) ให้การสนับสนุนขนย้ายผู้ป่วย ลูกเรือ ส.ตะวัน 14 กลับมายังท่าเรือ หน่วยสงครามพิเศษทางเรือ กองเรือยุทธการ (นสร.กร.) เขาหมาจอ ต.แสมสาร อ.สัตหีบ จ.ชลบุรี และดำเนินการส่งต่อไปยัง รพ.สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิตติ์ กรมแพทย์ทหารเรือ เพื่อรับการรักษาโดยเร่งด่วนต่อไป

โดยผู้บาดเจ็บ เป็นลูกเรือประมงที่ประสบอุบัติเหตุอาการสาหัสจากเชือกพันขาจนขาขวาขาด ดังกล่าว

ไฟไหม้ คอนโดหรู 31 ชั้น นทท.แตกตื่น หนีตาย ก่อนจะคุมเพลิงไว้ได้ พบสาเหตุ เพลิงไหม้ มาจาก คอมเพรสเซอร์แอร์ ที่ชั้น 11

(16 มี.ค.67) เมื่อเวลาประมาณ 13.30 น. ศูนย์บรรเทาสาธารณภัย เมืองพัทยา รับแจ้งเหตุเพลิงไหม้คอนโดหรู ริมถนนพัทยาสายสอง หมู่ 9 ต.หนองปรือ อ.บางละมุง จ.ชลบุรี หลังรับแจ้งจึงรีบส่งนักดับเพลิง รถดับเพลิง 3 คัน รถกระเช้า 1 คัน พร้อมด้วย หน่วยกู้ภัยมูลนิธิสว่างบริบูรณ์ฯเมือง พัทยา รีบรุดไปทำการตรวจสอบ

ที่เกิดเหตุเป็นคอนโดหรู 31 ชั้น ตั้งอยู่ใจกลางเมืองพัทยา ตรวจสอบเบื้องต้นพบกลุ่มควันพวยพุ่งออกมาบริเวณระเบียงชั้นที่ 11 ทำให้ผู้ที่พักอยู่ในคอนโด รวมถึงชาวบ้านและนักท่องเที่ยวในละแวกดังกล่าว ต่างพากันแตกตื่นกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น

เจ้าหน้าที่นักผจญเพลิงขึ้นไปใช้น้ำฉีดสกัดกั้นเพลิง เบื้องต้นพบว่าต้นเพลิงเกิดจากคอมเพรสเซอร์แอร์ ตั้งอยู่บริเวณนอกระเบียง ชั้น 11 โดยเจ้าหน้าที่ใช้เวลาประมาณครึ่งชั่วโมง จึงควบคุมเพลิงไว้ได้สำเร็จ

แม่บ้านของคอนโด เล่าว่า ภายในห้องดังกล่าวไม่มีผู้พักอาศัย โดยต้นเหตุเกิดจากคอมเพรสเซอร์แอร์ด้านนอกระเบียง ก่อนเกิดเหตุได้ยินเสียงระเบิด ก่อนจะมีกลุ่มควันพวยพุ่งออกมา จึงรีบประสานเจ้าหน้าที่เข้ามาทำการดับเพลิงดังกล่าว

ขณะนี้ เจ้าหน้าที่ตำรวจได้มีการตรวจสอบในที่เกิดเหตุอย่างละเอียด พร้อมทั้งจะประสานตำรวจกองวิทยาการเข้ามาทำการตรวจสอบหาสาเหตุการเกิดเพลิงไหม้เพิ่มเติมต่อไป

EEC เปิด 'ศูนย์เครือข่ายพลังสตรี อีอีซี' นำร่อง!! สร้างกลไกมีส่วนร่วมชุมชน เชื่อมประโยชน์การลงทุนสู่การพัฒนาพื้นที่และชุมชนอย่างยั่งยืน

(25 มี.ค. 67) ดร.จุฬา สุขมานพ เลขาธิการคณะกรรมการนโยบายเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (สกพอ.) หรือ อีอีซี ร่วมกับนายชัยพร แพภิรมย์รัตน์ รองผู้ว่าราชการจังหวัดชลบุรี นางธัญรัตน์ อินทร รองเลขาธิการสายงานพื้นที่และชุมชน สกพอ. และนายวีกิจ มานะโรจน์กิจ นายอำเภอบางละมุง เข้าร่วมกิจกรรมเปิดศูนย์เครือข่ายพลังสตรี อีอีซี นำร่อง ณ ศูนย์เรียนรู้วิถีชาวนาภูมิปัญญาชุมชน ตำบลหนองปลาไหล จังหวัดชลบุรี เพื่อเป็นเสมือนตัวแทน อีอีซี ในการสร้างการรับรู้และความเข้าใจ บอกเล่าถึงประโยชน์และความคืบหน้าในการพัฒนาพื้นที่ อีอีซี ให้กับชุมชนในอำเภอบางละมุง รวมทั้งเป็นศูนย์กลางดำเนินกิจกรรมของเครือข่ายพลังสตรี อีอีซี ซึ่งเป็นกลไกหลักและเป็นตัวแทนของ อีอีซี ในการสร้างการมีส่วนร่วมของชุมชนในพื้นที่อำเภอบางละมุง จังหวัดชลบุรี

ดร.จุฬา สุขมานพ เลขาธิการ อีอีซี กล่าวว่า ศูนย์เครือข่ายพลังสตรี อีอีซี จะช่วยเป็นแกนกลางในการผลักดันให้สินค้าและบริการของชุมชนเป็นส่วนหนึ่งใน Supply Chain ของนักลงทุน ซึ่งเป็นแนวทางการดำเนินงานสำคัญในปัจจุบัน ในการส่งเสริมให้เกิดการเชื่อมโยงประโยชน์จากการลงทุนมาสู่การพัฒนาพื้นที่ และชุมชนอย่างยั่งยืน ผ่านกระบวนการสร้างการมีส่วนร่วมจากกลุ่มพลังสตรี อีอีซี ที่ได้ร่วมเป็นกระบอกเสียงสำคัญสร้างความรู้ ความเข้าใจให้กับประชาชนในพื้นที่ ได้รับข่าวสารและข้อมูลที่ถูกต้อง เข้าถึงประโยชน์จากการพัฒนาอีอีซีได้อย่างทั่วถึง และถือเป็นช่องทางสำคัญในการรับฟังความคิดเห็น และรับฟังข้อมูล เกี่ยวกับอีอีซี รวมถึงจะสนับสนุนให้กลุ่มพลังสตรี อีอีซี ได้รวมตัวกันเพื่อทำกิจกรรมประโยชน์ต่อสาธารณในพื้นที่ เกิดการแลกเปลี่ยนเรียนรู้การพัฒนาภูมิปัญญาท้องถิ่น เพื่อให้สามารถต่อยอดไปสู่การพัฒนาเชิงพาณิชย์ได้ รวมถึง สกพอ. ก็มีกิจกรรมในการสนับสนุนกลุ่มวิสาหกิจชุมชนหรือวิสาหกิจเพื่อสังคมผ่านกลไกความร่วมมือกับหน่วยงานภาคีเครือข่ายต่างๆ

เพื่อให้เครือข่ายพลังสตรี อีอีซี ได้มีบทบาทเพิ่มขึ้นในการเตรียมความพร้อมการนำประโยชน์จากการลงทุนในพื้นที่ให้สามารถยกระดับเศรษฐกิจชุมชน สร้างโอกาสให้แก่สินค้าชุมชน ภูมิปัญญาท้องถิ่น และการท่องเที่ยวของชุมชนให้มีมาตรฐาน รองรับการเข้ามาใช้จ่ายของคนที่มาทำงานใน อีอีซี มีศูนย์กลางในการพบปะทำกิจกรรมแลกเปลี่ยนเรียนรู้ร่วมกัน

สกพอ. ได้จัดตั้งศูนย์เครือข่ายพลังสตรี อีอีซี นำร่องในชุมชน จำนวน 3 แห่ง ได้แก่ ศูนย์เรียนรู้วิถีชาวนาภูมิปัญญาชุมชน ตำบลหนองปลาไหล อำเภอบางละมุง จังหวัดชลบุรี ศูนย์ส่งเสริมการเรียนรู้อำเภอปลวกแดง ตำบลปลวกแดง อำเภอปลวกแดง จังหวัดระยอง และชมรมผู้สูงอายุดอกลำดวน มัสยิดดารุ้ลดอยร็อต ตำบลหมอนทอง อำเภอบางน้ำเปรี้ยว จังหวัดฉะเชิงเทรา ทั้งนี้ ปัจจุบันมีเครือข่ายพลังสตรี อีอีซี รวมกว่า 600 คน เป็นตัวแทนสร้างความเข้มแข็งให้แก่ชุมชน และร่วมกับอีอีซี ในการดูแลรักษาสิ่งแวดล้อม ร่วมกันพัฒนาและยกระดับคุณภาพชีวิต ตลอดจนรายได้ของชุมชนอย่างต่อเนื่อง

สำหรับที่ตั้ง ศูนย์เครือข่ายพลังสตรี อีอีซี ณ ศูนย์เรียนรู้วิถีชาวนาภูมิปัญญาชุมชน ถือเป็นแหล่งเรียนรู้ชุมชนที่สะท้อนความโดดเด่นด้านการทำนาด้วยภูมิปัญญาการปลูกข้าวที่มีมาตั้งแต่อดีต ปัจจุบันเขตพื้นที่ ต.หนองปลาไหล มีพื้นที่นาประมาณ 190 ไร่ แม้ว่าปัจจุบันจะมีพื้นที่ทำนาลดลง แต่ชาวบ้านยังคงอนุรักษ์และสืบสานอาชีพการทำนา ด้วยการจัดตั้งศูนย์เรียนรู้วิถีชาวนาภูมิปัญญาชุมชน เพื่อเปิดโอกาสให้คนรุ่นใหม่และผู้ที่สนใจได้เข้ามาเรียนรู้ เป็นอีกหนึ่งเส้นทางท่องเที่ยวด้านการเกษตร ที่นักท่องเที่ยวสามารถร่วมกิจกรรมได้ อาทิ ทดลองดำนา เกี่ยวข้าว ชมดนตรีพื้นบ้าน ทดลองทำอาหารพื้นบ้านจากวัตถุดิบท้องถิ่น เป็นต้น


TRENDING
© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top