Saturday, 18 May 2024
ชลบุรี

ชลบุรี - ‘ผู้บัญชาการทหารเรือ’ ตรวจเยี่ยมหน่วยกองทัพเรือในพื้นที่สัตหีบ ‘พลเรือเอก สุวิน แจ้งยอดสุข’ ผู้บัญชาการกองเรือยุทธการ – นายทหารระดับ และกำลังพลกองทัพเรือให้การต้อนรับ

พลเรือเอก สมประสงค์ นิลสมัย ผู้บัญชาการทหารเรือ และคณะนายทหารชั้นผู้ใหญ่ของกองทัพเรือ ได้เดินทางไปตรวจเยี่ยมหน่วยกองทัพเรือในพื้นที่ภาคตะวันออก โดยในเวลา 10.00 น ผู้บัญชาการทหารเรือ ได้เดินทางถึงยังเรือหลวงจักรีนฤเบศร ซึ่งจอดเทียบท่า ภายในท่าเรือจุกเสม็ด การท่าเรือสัตหีบ อำเภอสัตหีบ จังหวัดชลบุรี โดยมี พลเรือเอก สุวิน แจ้งยอดสุข ผู้บัญชาการกองเรือยุทธการรวมถึง นายทหารระดับสูงตลอดจนกำลังพลกองทัพเรือในพื้นที่ภาคตะวันออก ให้การต้อนรับ

จากนั้น ผู้บัญชาการทหารเรือได้ขึ้นแท่นรับการยิงสลุตคำนับ โดยกองเรือยุทธการ ได้จัดเรือหลวงคีรีรัฐ ทำการยิงสลุตเพื่อเป็นเกียรติแก่ผู้บัญชาการทหารเรือจำนวน 19 นัด โอกาสนี้ ผู้บัญชาการทหารเรือ ได้ให้โอวาทแก่กำลังพล โดยกล่าวว่าพื้นที่สัตหีบเป็นที่ตั้งของหน่วยกำลังหลักที่สำคัญของกองทัพเรือ ทั้งส่วนกำลังรบ และส่วนสนับสนุน ซึ่งมีความสำคัญยิ่งในการรักษาอธิปไตย ปกป้องผลประโยชน์ของชาติและช่วยเหลือประชาชนยามเกิดภัยพิบัติต่าง ๆ เพื่อให้บรรลุตามนโยบายของกองทัพเรือ รวมทั้งภารกิจตามที่รัฐบาลมอบหมาย จากผลการปฏิบัติงานที่ผ่านมา ทุกหน่วยได้ดำเนินการสำเร็จลุล่วงไปด้วยความเรียบร้อย แสดงให้เห็นถึงความสามารถของหน่วยที่มีความมุ่งมั่นในการปฏิบัติหน้าที่อย่างดีเยี่ยม  พร้อมทั้งเน้นย้ำกำลังพลทุกนายว่า

"ขอให้ตั้งใจปฏิบัติหน้าที่ดังเช่นที่ผ่านมา ด้วยความจงรักภักดี ความรัก ความสามัคคี มีความวิริยะอุตสาหะ ปฏิบัติหน้าที่อย่างเต็มกำลังความสามารถ ซื่อสัตย์สุจริต สมัครสมานสามัคคี เป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกัน ด้วยสติรู้ตัว ด้วยปัญญารู้คิด สุจริตจริงใจ ยึดถือประโยชน์ของส่วนรวมยิ่งกว่าส่วนอื่น ประสานงานซึ่งกันและกัน เพื่อพัฒนาขีดความสามารถให้สูงขึ้น ถือประโยชน์ของกองทัพเรือเป็นที่ตั้ง โดยยึดนโยบายกองทัพเรือ และนโยบายผู้บัญชาการทหารเรือ ประจำปีงบประมาณ 2565 เป็นกรอบทิศทางหลักและแนวทางปฏิบัติงานที่สำคัญที่จะดำเนินการในปีงบประมาณ 2565 เพื่อร่วมกันเสริมสร้างและพัฒนากองทัพเรืออันเป็นที่รักยิ่งของเราให้มีความเจริญก้าวหน้าและมั่นคงสืบไป"

 

ตำรวจนาจอมเทียน จัดทำ ‘MOU’ ชุมชนยั่งยืน ‘แก้ปัญหายาเสพติดแบบครบวงจร’ ตามยุทธศาสตร์ชาติ!! โดยการมีส่วนร่วมของชุมชน

ตำรวจนาจอมเทียน จัดทำบันทึกข้อตกลงความร่วมมือ (MOU) โครงการดำเนินงานชุมชนยั่งยืน เพื่อแก้ปัญหายาเสพติดแบบครบวงจร ตามยุทธศาสตร์ชาติ เพื่อแก้ไขปัญหาการแพร่ระบาดของยาเสพติดในหมู่บ้าน ชุมชน โดยการมีส่วนร่วมของชุมชน

ที่อาคารอเนกประสงค์ วัดทรัพย์นาบุญญาราม บ้านเขาบำเพ็ญบุญ หมู่ 8 ต.นาจอมเทียน อ.สัตหีบ จ.ชลบุรี นายธณพง โคตรมณี นายกเทศมนตรีตำบลเขาชีจรรย์ พ.ต.อ.สันติ ชูเชิด ผกก.สภ.นาจอมเทียน พ.ต.ท.ชุมพล แสนวิชัย รอง ผกก.(ป.) สภ.นาจอมเทียน พ.ต.ท.พงษ์ศักดิ์ เจริญคลัง สวป.สภ.นาจอมเทียน น.ส.กานดา ทรัพย์นา ผู้ช่วยเลขานุการพัฒนาสตรี จ.ชลบุรี นายพิเชษฐ์ ธรรมโหร ปลัดอำเภอสัตหีบ นายธนพัฒน์ บรรบุปผา กำนันตำบลนาจอมเทียน น.ส.เตือนจิตร์ ทรัพย์นา ผู้ใหญ่บ้านหมู่ 8 ตำบลนาจอมเทียน และผู้นำชุมชน ได้ร่วมทำบันทึกข้อตกลง (MOU) ให้ความร่วมมือ และร่วมเป็นสักขีพยาน โครงการดำเนินงานชุมชนยั่งยืน เพื่อแก้ปัญหายาเสพติดแบบครบวงจรตามยุทธศาสตร์ชาติ

พ.ต.ท.สังวาลย์ พันสีทา สวป. สภ.นาจอมเทียน หัวหน้าชุดปฏิบัติการ กล่าวรายงานว่า ตามที่ตำรวจภูธรภาค 2 ได้มอบหมายให้ สภ.นาจอมเทียดำเนินงานตาม "โครงการดำเนินงานชุมชนยั่งยืน เพื่อแก้ไขปัญหายาเสพติด แบบครบวงจรตามยุทธศาสตร์ชาติ โดยให้ดำเนินการแก้ไขปัญหาการแพร่ระบาดของยาเสพติดในชุมชน หมู่บ้าน โดยเสริมสร้างให้ชุมชนเกิดความเข้มแข็งเข้าใจและรับรู้ปัญหาพิษภัยที่เกิดขึ้นจากยาเสพติด เพื่อให้เกิดกระบวนการป้องกันแก้ไข และการบำบัดยาเสพติด โดยการมีส่วนร่วมของคนในหมู่บ้านชุมชน และเพื่อสร้างรูปแบบการดำเนินงานในหมู่บ้านชุมชนเข้มแข็ง ในการแก้ไขปัญหายาเสพติดอย่างยั่งยืน โดยทางเจ้าหน้าที่ ชุดปฏิบัติการชุมชนยั่งยืน อาทิ เจ้าหน้าที่ตำรวจสถานีตำรวจภูธรนาจอมเทียน เจ้าหน้าที่ฝ่ายปกครอง และเจ้าหน้าที่สาธารณสุข จะเข้ามาดำเนินงานตามกระบวนการในพื้นที่รับผิดชอบ ตลอดระยะเวลา 3 เดือน ระหว่าง 1 พ.ย.64 ถึง 31 ม.ค.65 

นายธณพง โคตรมณี นายกเทศมนตรีตำบลเขาชีจรรย์ ประธานในพิธี กล่าวว่า ตามที่รัฐบาลได้กำหนดให้ปัญหายาเสพติด เป็นวาระสำคัญของชาติ ส่งผลกระทบต่อความเดือดร้อน ความทุกข์ยากของประชาชน และศักยภาพการพัฒนาของประเทศในอนาคต เป็นปัญหาที่มีผลกระทบต่อการพัฒนาประเทศ ทั้งด้านเศรษฐกิจและสังคม โดยเฉพาะอย่างยิ่งในหมู่บ้าน ชุมชนที่มีผู้ติดยาเสพติดอาศัยอยู่ จะมีปัญหามากกว่าทุกระดับ ที่ต้องได้รับการแก้ไขปัญหาอย่างเร่งด่วน ต้องช่วยเหลือผู้ติดยาเสพติด ให้ได้รับการบำบัดรักษา และอยู่ในหมู่บ้านชุมชนอย่างสงบสุข จึงได้ดำเนินการโครงการดำเนินงานชุมชนยั่งยืน เพื่อแก้ไขปัญหายาเสพติด แบบครบวงจรตามยุทธศาสตร์ชาติ เพื่อดำเนินการแก้ไข ปัญหาการแพร่ระบาดของยาเสพติดในหมู่บ้านชุมชน โดยเสริมสร้างให้ชุมชนเกิดความเข้มแข็งเข้าใจ และยั่งยืนต่อไป โดยได้ร่วมลงนาม  MOU เพื่อยืนยันความร่วมมือบนแผ่นป้ายไวนิลขนาดใหญ่ และในเอกสารดำเนินการเสริมในเรื่องอื่น ๆ เช่น การตรวจปัสสาวะผู้สมัครใจบำบัด เป็นต้น

 

ชลบุรี - ‘นายกปลื้ม’ ห่วง! อสม .ปฏิบัติงานด่านหน้าป้องกันโควิด-19 เปิดโครงการตรวจสุขภาพฟรีกว่า 400 คน

นายสนธยา คุณปลื้ม นายกเมืองพัทยา เปิดเผยนโยบายของเมืองพัทยาที่มีความห่วงใยสุขภาพและคุณภาพชีวิตของอาสาสมัครสาธารณสุข (อสม.) บุคลากรด่านหน้า และทีมเฝ้าระวังสอบสวนเคลื่อนที่เร็ว (SRRT) ที่เสียสละปฏิบัติภารกิจช่วยเหลือชาวชุมชนเมืองพัทยาอย่างใกล้ชิดตลอดช่วงโควิด-19 ที่ผ่านมา ส่งผลทำให้เมืองพัทยาเข้มแข็งและมีสุขภาวะที่ดีมาจนถึงขณะนี้

จึงได้มอบให้สำนักการสาธารณสุขและสิ่งแวดล้อม ร่วมกับโรงพยาบาลเมืองพัทยา จัดโปรแกรมตรวจสุขภาพประจำปี 2564 เป็นพิเศษให้แก่ อสม. เจ้าหน้าที่ด่านหน้า และทีม SRRT เมืองพัทยากว่า 400 คน ในวันที่ 2-3 ธันวาคม 2564 นี้ ที่ศาลาว่าการเมืองพัทยา จ.ชลบุรี

นายสนธยา คุณปลื้ม นายกเมืองพัทยา กล่าวว่า การตรวจสุขภาพประจำปีครั้งนี้เป็นการดูแลสุขภาพทางร่างกายและส่งกำลังใจในการปฏิบัติงานแก่บุคลากรด่านหน้าทางด้านสาธารณสุข ทั้งเครือข่าย อสม. และ SRRT ทุกคน โดยทางโรงพยาบาลเมืองพัทยา ได้เตรียมความพร้อม ทีมแพทย์ พยาบาล และรถโมบายเคลื่อนที่ มาให้บริการตรวจสุขภาพในวันดังกล่าวโดยไม่มีค่าใช้จ่าย

หลังจากนี้ เมืองพัทยามีแนวคิดส่งเสริมบริการตรวจสุขภาพอย่างทั่วถึง โดยมุ่งเน้นกลุ่มประชาชนผู้สูงวัย ซึ่งส่วนใหญ่จะมีโรคประจำตัว สามารถเข้ารับการตรวจสุขภาพได้เช่นเดียวกัน รวมถึงบริการตรวจสุขภาพเคลื่อนที่ เพราะผู้ป่วยบางคนอาจอยู่ติดบ้านติดเตียง ไม่สะดวกในการเดินทางไปยังจุดบริการ หรือไปโรงพยาบาลเมืองพัทยาได้ จคงต้องมีทีมสาธารณสุขเคลื่อนที่แบบเพื่อเข้าถึงพี่น้องประชาชน

ด้าน นางมาลี รักษาราษฎร์ ประธาน อสม. หางใหญ่ 1 เมืองพัทยา กล่าวว่า โครงการตรวจสุขภาพ อสม.เมืองพัทยา นับเป็นนโยบายที่ดี เนื่องจาก อสม.ส่วนใหญ่ จะมีอายุเฉลี่ยตั้งแต่ 50 ปีขึ้นไป ไม่มีสวัสดิการ ไม่มีรายได้มากนัก แต่ต้องทำงานลงพื้นที่ ช่วยเหลือดูแลผู้ป่วยตามชุมชนตลอดเวลา จึงจำเป็นต้องตรวจร่างกายให้แข็งแรงก่อนจะไปดูแลผู้ป่วยคนอื่น

 

‘ผช.รมว.แรงงาน’ มอบนโยบายอาสาสมัครแรงงานจังหวัดชลบุรี 280 คน ร่วมกันพัฒนาประเทศก้าวข้ามวิกฤตไปด้วยกัน!!

วันที่ 9 ธันวาคม 2564 เวลา 09.30 น. นายสุชาติ ชมกลิ่น รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน มอบหมายให้ นายสุรชัย ชัยตระกูลทอง ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำกระทรวงแรงงาน เป็นประธานมอบนโยบายแก่อาสาสมัครแรงงานจังหวัดชลบุรี ณ ห้องประชุมชลบุรี ศาลากลางจังหวัดชลบุรี โดยกล่าวว่า จากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID–19) ประเทศไทยได้รับผลกระทบอย่างรุนแรงเมื่อต้นปี 2564 ที่เกิดการแพร่ระบาดกระจายเป็นวงกว้าง ส่งผลกระทบโดยตรงต่อการดำเนินธุรกิจของสถานประกอบกิจการหลายแห่งในพื้นที่จังหวัดชลบุรี ที่ต้องถูกรัฐสั่งปิดการให้บริการ รวมไปถึงสถานประกอบกิจการรายเล็กที่แบกรับภาระค่าใช้จ่ายไม่ไหวทำให้ต้องปิดกิจการลงในที่สุด ก่อให้เกิดปัญหาการว่างงานเป็นจำนวนมาก

ซึ่งจากฐานข้อมูลของจังหวัดชลบุรี พบว่า มีสถานประกอบกิจการปิดกิจการชั่วคราว จำนวน 562 แห่ง ลูกจ้างได้รับผลกระทบ จำนวน 159,644 คน สูงสุด 3 ลำดับแรก ได้แก่ กิจการประเภทการผลิต 140 แห่ง การขายส่งขายปลีก 165 แห่ง ที่พักและบริการด้านอาหาร 62 แห่ง ในส่วนของการให้ความช่วยเหลือและเยียวยาผู้ที่ได้รับผลกระทบ กระทรวงแรงงานโดยสำนักงานประกันสังคมจังหวัดชลบุรี ได้ดำเนินการจ่ายสิทธิประโยชน์ทดแทนกรณีว่างงานเนื่องจากเหตุสุดวิสัย จำนวน 1.33 แสนราย คิดเป็นเงิน 1,527 ล้านบาท และได้มีการฉีดวัคซีนเพื่อป้องกันเชื้อโรคโควิด 19 ให้กับผู้ประกันตนในระบบประกันสังคม มาตรา 33 จำนวน 171,153 ราย

สำหรับในปีงบประมาณ 2565 กระทรวงแรงงาน โดยท่านรัฐมนตรีสุชาติ ชมกลิ่น ได้แถลงนโยบายเมื่อวันที่ 24 พฤศจิกายน 2564 ประกอบด้วย นโยบายเร่งด่วนที่ต้องเร่งดำเนินการ ได้แก่ 1.ยกระดับกระทรวงแรงงานเป็นกระทรวงเศรษฐกิจ 2.กระตุ้นการจ้างงานตามความต้องการในระบบเศรษฐกิจใหม่ทั้งในประเทศและต่างประเทศ 3.บริหารจัดการแรงงานต่างด้าวอย่างเป็นระบบ 4.เร่งรัด ปรับปรุง แก้ไขพระราชบัญญัติประกันสังคมให้สอดคล้องกับบริบทสถานการณ์ปัจจุบันและรองรับการเปลี่ยนแปลงในอนาคต และ 5.ดูแลให้แรงงานและนายจ้างสามารถทำงาน ในสถานการณ์ที่มีการระบาดของโรคโควิด-19 ได้อย่างปลอดภัยและเป็นปกติสุข และนโยบายสำคัญที่ต้องดำเนินการอย่างต่อเนื่อง ได้แก่

1.พัฒนาทักษะแรงงานให้เป็นแรงงานคุณภาพ เตรียมความพร้อมสำหรับการเปิดประเทศและรองรับเศรษฐกิจใหม่

2.บริหารจัดการแรงงานในพื้นที่เขตเศรษฐกิจพิเศษ และในอุตสาหกรรมเป้าหมาย

3.ต่อยอดการประกอบอาชีพ ยกระดับรายได้ และเศรษฐกิจชุมชน รวมทั้งในพื้นที่โครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริ

4.ยกระดับการป้องกันแก้ไขปัญหาหารค้ามนุษย์ด้านแรงงานเพื่อปลดล็อก Tier 2 Watch List

5.พัฒนา ปรับปรุง และส่งเสริมการคุ้มครองแรงงาน ระบบสวัสดิการ และหลักประกันทางสังคม และยกระดับมาตรฐานความปลอดภัย อาชีวอนามัย ในการทำงานให้สอดคล้องกับสภาวะสังคม เศรษฐกิจ และรูปแบบการทำงานที่เปลี่ยนแปลงไป

6.บริหารจัดการแรงงานนอกระบบ แรงงานกลุ่มเปราะบาง แรงงานสูงอายุและคนพิการให้ได้รับสิทธิและคุ้มครองด้านแรงงาน สวัสดิการและหลักประกันทางสังคมอย่างเท่าเทียม มีรายได้ที่เหมาะสมและมีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น ลดความเหลื่อมล้ำด้านรายได้ของประเทศ นำไปสู่การฟื้นฟูเศรษฐกิจของประเทศอย่างยั่งยืน และ

7.พัฒนาระบบฐานข้อมูลด้านแรงงานกระทรวงแรงงาน (Big Data) และบูรณาการข้อมูลภาครัฐเพื่อการบริหาร วางยุทธศาสตร์ด้านแรงงานและหลักประกันทางสังคมอย่างเป็นระบบ

อาสาสมัครแรงงาน คือ ผู้ที่มีบทบาทสำคัญในการขับเคลื่อนนโยบาย และมีส่วนร่วมในการดำเนินกิจกรรมต่างๆ ของกระทรวงแรงงาน ได้แก่

1.กระตุ้น ส่งเสริม รักษาการจ้างงาน และการขยายตลาดแรงงานในต่างประเทศ ได้แก่ การประกอบอาชีพอิสระ การรับงานไปทำที่บ้านให้แก่ผู้ว่างงานและผู้จบการศึกษาใหม่

2.ส่งเสริมการจ้างงานแรงงานคนไทยและบริหารจัดการแรงงานต่างด้าวอย่างเป็นระบบ

3.ป้องกันการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 เชิงรุกในกลุ่มแรงงาน และสถานประกอบการโดยใช้มาตรการด้านสาธารณสุขอย่างเคร่งครัด เช่น การดำเนินโครงการ Factory Sandbox

4.ยกระดับการพัฒนาทักษะฝีมือแรงงาน Up-skill Re-skill New skill โดยการอบรมให้กับแรงงานกลุ่มว่างงานให้มีความรู้เพียงพอต่อการทำงานเป็นการเพิ่มผลิตภาพแรงงานเพื่อกลับเข้าสู่ตลาดแรงงาน โดยการส่งเสริมการเรียนรู้วิธีการทำงานใหม่ ๆ ผ่านช่องทางออฟไลน์และออนไลน์

5.พัฒนาทักษะอาชีพให้กับเยาวชน คนรุ่นใหม่ที่นิยมทำงานรูปแบบแรงงานอิสระไม่ขึ้นกับองค์กรใดองค์กรหนึ่ง

6.ส่งเสริมอาชีพอิสระที่ใช้ภูมิปัญญาท้องถิ่นเป็นหลักในการประกอบอาชีพ ตอบรับภาคการผลิตสู่เศรษฐกิจฐานนวัตกรรมและชุมชนที่ยั่งยืน

7.บูรณาการทำงาน สร้างความรู้ความเข้าใจแก่แรงงาน ผู้ประกอบการและภาคีเครือข่ายทุกภาคส่วนในการร่วมกันป้องกันและแก้ไขปัญหาการค้ามนุษย์ทุกมิติ และ

8.ยกระดับคุณภาพชีวิตในการทำงานให้ดีขึ้น และส่งเสริมให้มีการพัฒนาแรงงานที่ยั่งยืนโดยคนหางานทุกคนมีโอกาสในการทำงานตามความสามารถของตน มีรายได้ที่เหมาะสม ได้รับการพัฒนาฝีมือที่ได้มาตรฐาน ได้รับความคุ้มครองตามสิทธิพื้นฐาน มีสวัสดิการเพิ่มขึ้น มีสภาพแวดล้อมในการทำงานที่ดีและมีหลักประกันทางสังคมที่สอดคล้องกับความจำเป็นพื้นฐานในการดำรงชีพ

 

ชลบุรี - ‘ผอ.เจ้าท่าพัทยา’ เผยโครงการเดินเรือเฟอร์รี่ชลบุรี-สงขลา กระแสตอบรับดี!! เสริมระบบโลจิสติกส์การขนส่งท่องเที่ยวทางทะเล

นายเอกราช คันธโร ผู้อำนวยการสำนักงานเจ้าท่าภูมิภาค สาขาพัทยา เปิดเผยถึงโครงการเดินเรือเฟอร์รี่ระหว่างจ.ชลบุรี-จ.สงขลา ว่า กระทรวงคมนาคม โดยกรมเจ้าท่าได้มีการผลักดันในส่วนของการเดินเรือคอสอ่าวไทย จากท่าต้นทางท่าเรือพาณิชย์สัตหีบ (ท่าเรือจุกเสม็ด) ไป ท่าเรือเซ้าท์เธิร์น โลจิสติกส์ 2009 จ.สงขลา โดยเรือเฟอร์รี่ ซีฮอร์ส นำเข้าจากประเทศญี่ปุ่น เดิมชื่อ Blue Dolphin มีขนาด 7,003 ตันกรอสส์  ความยาว 136.6 เมตร รองรับรถบรรทุกได้ประมาณ 80 คัน รถยนต์ส่วนตัว 20 คัน ผู้โดยสารประมาณ 586 คน ด้วยความเร็ว 17 น๊อต ใช้เวลาเดินทาง 18-20 ชม. เร็วกว่าทางบกที่ระยะทาง 1,130 กม. ช่วยร่นระยะทาง 519 กม. ซึ่งการดำเนินโครงการดังกล่าวเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพของระบบโลจิสติกส์ในภาพรวมการขนส่งภายในประเทศ ส่งเสริมการพัฒนาระบบการขนส่งทางน้ำ อีกทั้งเพื่อลดปัญหา ความแออัดของการจราจร ลดการเกิดอุบัติเหตุท้องถนน และฝุ่นละอองขนาดเล็ก (PM 2.5)

ซึ่งในส่วนพื้นที่ทางทะเลนั้นกรมเจ้าท่ามีความพร้อมในการควบคุมการจราจร ความปลอดภัยในการเดินเรือในเส้นทางดังกล่าวตั้งแต่ต้นทางไปจนถึงปลายทาง อีกทั้งทางเทียบเรือต้นทางที่สัตหีบก็มีความพร้อมในการนำเรือเข้าเทียบท่าได้อย่างปลอดภัย ซึ่งตลอดระยะเวลาที่มีการเปิดให้บริการที่ผ่านมาบริษัทที่รับผิดชอบในการบริการเรือเฟอร์รี่ ซีฮอร์ส เส้นทางชลบุรี (สัตหีบ) - สงขลา พบว่าได้รับการตอบรับจากผู้ประกอบการ ประชาชนที่มีการเดินทางมาท่องเที่ยวจากสงขลาและพัทยามีจำนวนผู้มาใช้บริการเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง แม้จะไม่มีผู้มาใช้บริการแบบเต็มลำเรือที่สามารถให้บริการได้ แต่แนวโน้มในภาพรวมเป็นไปในทางที่ดีขึ้นอีกทั้งยอดของจำนวนรถที่เดินทางมาจากสงขลามาพัทยาก็มีจำนวนมากขึ้นจาก 10 คัน เพิ่มาเป็น 20 คัน และเพิ่มมาถึง 30 คัน ซึ่งเป็นรถบรรทุกเทเลอร์ขนาดใหญ่

 

ชลบุรี - ปลื้มใจ!! สวนนงนุชพัทยา เผย “พังฟ้าใส” ลูกช้างป่าถูกบ่วง - ยิงบาดเจ็บ อาการดีขึ้นมาก

เมื่อวันที่ 22 ธ.ค.64 นายกัมพล ตันสัจจา ประธานสวนนงนุชพัทยา ได้เปิดเผยถึง ความคืบหน้าอาการ "พังฟ้าใส" ลูกช้างป่า ที่ได้รับบาดเจ็บข้อเท้าหน้าขวา ถูกบ่วงพรานป่าหนีบจนขาด และบาดแผลถูกยิงบริเวณหน้าขาซ้าย หัวกระสุนฝังใน 10 นัด จากในพื้นที่ป่าอุทยานแห่งออ ชาติเขาสิบห้าชั้น อ.แก่งหางแมว จ.จันทบุรี ส่งมอบให้อยู่ในความดูแลรักษาของ ปางช้างสวนนงนุชพัทยา ตั้งแต่ 1 ธ.ค.64 รวมระยะเวลาแล้ว 21 วัน

คืบหน้าเรื่องนี้ โดย ทีมสัตวแพทย์ ปางช้างสวนนงนุชพัทยา ร่วมกับ กรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช ได้มีการผ่าตัดชิ้นส่วนข้อเท้า ทำการใส่เฝือก เพื่อรักษาบาดแผล และผ่าตัดเอาหัวกระสุนออกทั้งหมดแล้ว ขณะนี้ อยู่ในการรักษาบาดแผล ด้วยการใช้ยาปฏิชีวนะ และทำความสะอาดบาดแผลทุกวัน เพื่อไม่ให้เกิดการติดเชื้อ พบว่า หลังการรักษา เริ่มมีผิวหนังงอกใหม่เพิ่มขึ้น ไม่พบเศษเนื้อตาย แต่พบหนองเล็กน้อย และขอบแผลด้านในเป็นเนื้อสดสีชมพู

นอกจากนี้ ได้ทำการเลเซอร์อาการอักเสบ และเร่งการสร้างเนื้อเยื่อใหม่ อาจต้องใช้เวลา 2-3 เดือน ในการฟื้นฟูเนื้อเยื่อ และหากหายจากอาการบาดเจ็บ ก็จะทำการธาราบำบัด (ด้วยน้ำ) เพื่อให้ช้างสามารถใช้ชีวิต เดินได้อย่างเป็นปกติ เต็มกำลังความสามารถ

ส่วนด้านสภาพจิตใจ และการตอบสนองโดยรวม “พังฟ้าใส” ให้ความร่วมมือเป็นอย่างดี ไม่ดิ้น ไม่ร้อง ไม่งอแง และยังมีอารมณ์ร่าเริง ดื่มนมเก่งวันละ 14 - 17 ลิตร อีกทั้ง ได้มีการเปลี่ยนเฝือกรองเท้าตามสีประจำวัน จนทำให้น้องช้างดูสดใส อีกด้วย

ชลบุรี - ‘สวนนงนุชพัทยา’ ร่วมกับ ‘วัดคีรีวงก์(วัดน้ำตก)’ จัดอบรม กินอาหารสมุนไพร - อย่างไรให้ปลอดภัย - ปลอดโรค

ที่ สวนนงนุชพัทยา นายกัมพล ตันสัจจา ประธานสวนนงนุชพัทยา ร่วมกับพระมหาขวัญชัย อคฺคชโย เจ้าอาวาสวัดคีรีวงก์ จัดอบรม หัวข้อ "กินอาหารสมุนไพร อย่างไรให้ปลอดภัย ปลอดโรค รุ่นที่ 4" โดยมี พนักงานสวนนงนุช ประชาชนทั่วไปที่ชื่นชมสมุนไพร และเจ้าหน้าที่แพทย์แผนไทย เข้าร่วมอบรมอย่างพร้อมเพรียง

พระมหาขวัญชัย อคฺคชโย เจ้าอาวาสวัดคีรีวงก์กล่าวว่า สำหรับการจัดอบรมกินอาหารสมุนไพร อย่างไรให้ปลอดภัย ปลอดโรค ในครั้งนี้เพื่อให้ประชาชนได้ตระหนักในเรื่องของการรับประทานอาหารให้เกิดประโยชน์ ปลอดภัย ปลอดโรค ด้วยสมุนไพรที่มีอยู่เดิมมาต่อยอดในการนำมาประกอบอาหาร โดยจะเห็นได้จากในสมัยอดีตคนไทยไม่ค่อยเป็นโรค ซึ่งเป็นผลมาจากการทานอาหารที่มีส่วนผสมของสมุนไพรเป็นยารักษาโรค เช่น เมนูผัดกะเพราที่จะช่วยในเรื่องไขมันเกาะตับ ขับลมในลำไส้, เมนูผัดขิง ช่วยในเรื่องลดอาการไข้ ขับลม,เมนูแกงป่าช่วยในการหมุนเวียนเลือดลม,เมนูผัดผักบุ้งช่วยในเรื่องบำรุงสายตา,เมนูส้มตำช่วยในการขับถ่าย,เมนูเครื่องดื่มน้ำมะพร้าวช่วยบำรุงหัวใจ และเมนูชาขิงน้ำผึ้ง ช่วยในเรื่องเจ็บคอ ขับลม คลื่นไส้

สำหรับการอบรมในครั้งนี้ เพื่อต้องการให้ผู้เข้าร่วมได้ตระหนักรู้ในเรื่องของคุณประโยชน์ของพืชสมุนไพรไทย ที่สามารถนำมาปรุงอาหารให้มีรสชาติและคุณค่าที่ดีต่อสุขภาพโดยเน้นการทานอาหารที่มีส่วนประกอบของพืชสมุนไพรไทยแทนยา อีกทั้งเพื่อให้ผู้เข้ารับการอบรม นำความรู้และความเข้าใจที่ถูกต้อง เรื่องการนำสมุนไพรไทยไปใช้ในชีวิตประจำวันของตัวเองและครอบครัวเน้นถึงวิธีการปรุงอาหารหลากหลายเมนูให้ถูกต้องด้วยสมุนไพรไทย เพื่อให้เกิดประโยชน์และคุณค่าสูงสุด รวมถึงการเพิ่มรสชาติและประโยชน์ของอาหารไทยชนิดต่าง ๆ ด้วยการเติมสมุนไพรไทยเข้าไปให้เหมาะสม โดยกำหนดจัดอบรมระหว่างวันที่ 21-23 ธันวาคม 2564 โดยการจัดอบรมครั้งนี้ได้ดำเนินการปฏิบัติตามมาตรการความปลอดภัยด้านสุขอนามัยตามมาตรฐาน SHA+ และ Safe travels ที่ได้รับการรับรองจากการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย

 

พรรคเสรีรวมไทยเปิดตัวผู้สมัคร ส.ส.เขต 2 ชลบุรี ณพล บริบูรณ์ หวังปักธงในพื้นที่ชลบุรี

เมื่อวันที่ 26 ธันวาคม ที่สำนักงานพรรคเสรีรวมไทย เขต 2 ชลบุรี ถนนสายเลี่ยงเมืองชลบุรี ขาไปพัทยา หมู่ 7 ต.บ้านสวน อ.เมือง จ.ชลบุรี พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ เตมียเวส หัวหน้าพรรคเสรีรวมไทย ได้เดินทางมาเป็นประธานในการเปิดสำนักงานพรรคเสรีรวมไทย เขต 2 ชลบุรี โดยมีนายณพล หรือสัมภาษณ์ บริบูรณ์ ว่าที่ผู้ลงสมัครรับเลือกตั้ง ส.ส.เขต 2 ชลบุรีให้การต้อนรับ พร้อมด้วยว่าที่ผู้ลงสมัคร ส.ส.พรรคเสรีรวมไทยในพื้นที่ จ.ชลบุรี และสมาชิกพรรคเสรีรวมไทยประมาณ 500 คน ได้มาร่วมเปิดสำนักงานในครั้งนี้ด้วย

พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์กล่าวว่า ตนเองได้ตัดสินใจจะส่งผู้ลงสมัครรับเลือกตั้ง ส.ส.เขต 2 ชลบุรีคือ นายณพล หรือสัมภาษณ์ บริบูรณ์ โดยหวังว่าจะสร้างกระแสให้กับพรรคเสรีรวมไทยในพื้นที่ จ.ชลบุรี ส่วนเรื่องอิทธิพล เจ้าพ่อตนเองไม่หวั่นแต่อย่างใด ห่วงแต่คณะกรรมการการเลือกตั้งเท่านั้น อยากให้การเลือกตั้งบริสุทธิ์ยุติธรรม

นายณพลกล่าวถึงความสนใจที่จะลงสมัครรับเลือกตั้ง ส.ส.เขต 2 ชลบุรี พรรคเสรีรวมไทยว่า จุดเข้าสู่การเมืองที่ชัดเจนนั้นเป็นช่วงที่ นายอุทัย พิมพ์ใจชน ยื่นฟ้องจอมพลถนอม กิตติขจร หลังรัฐประหารเมื่อเดือนพฤศจิกายน 2514 และถูกจำคุกนานประมาณ 2 ปี และได้รับการปลดปล่อยภายหลังสถานการณ์เมื่อเดือนตุลาคม 2516 ดีขึ้น

ช่วงนั้นนายอุทัย ได้ลงสมัครรับเลือกตั้ง ส.ส.ชลบุรี ในปี 2518 โดยลงสมัครรับเลือกตั้งเขต 1 ชลบุรี พรรคประชาธิปัตย์ โดยแข่งขันกับนายบุญชู โรจนเสถียร พรรคกิจสังคม ซึ่งผลการเลือกตั้งทั้ง 2 คนได้รับการเลือกตั้งเข้าสู่สภา ช่วงนั้นตนเองได้ไปช่วยนายอุทัยหาเสียง โดยรับหน้าที่ฉายหนังกลางแปลงให้ประชาชนได้ดู สมัยก่อนสามารถหาเสียงแบบนี้กันได้ หลังจากนั้นนายอุทัยก็จะมาปราศรัยหาเสียง ยอมรับว่าช่วงนั้น การหาเสียงแข่งขันกันอย่างดุเดือดเผ็ดมัน เพราะจะต้องมีการต่อสู้ทางการเมืองทุกรูปแบบ จึงได้ซึมซับการเมืองมาได้ระดับหนึ่ง

ชลบุรี - ยืนยัน!! คลัสเตอร์ ทหารเรือสัตหีบ ไม่มีการแพร่ระบาดและสามารถควบคุมได้

พลเรือโท ปกครอง มนธาตุผลิน โฆษกกองทัพเรือ เปิดเผยถึงกรณีที่สื่อบางสื่อรายงานข่าวสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ในจังหวัดชลบุรี พร้อมทั้งระบุว่าเกิด Cluster ในเขตพื้นที่ทหารเรือ โดยมีการแพร่ระบาดอย่างต่อเนื่องไม่สามารถควบคุมได้นั้น โฆษกกองทัพเรือ กล่าวว่า กองทัพเรือมีความไม่สบายใจต่อข่าวดังกล่าว ซึ่งอาจทำให้ประชาชนในพื้นที่ โดยเฉพาะ อย่างยิ่งผู้ปกครองและครอบครัวของทหารใหม่ในสังกัดกองทัพเรือ มีความกังวลและตื่นตระหนก

ในการนี้ ผู้บัญชาการทหารเรือ ได้ สั่งการให้กรมแพทย์ทหารเรือ ดำเนินการตรวจสอบข้อเท็จจริงอย่างเร่งด่วน

ทั้งนี้ จากรายงานของกรมแพทย์ทหารเรือ ระบุว่า ระหว่างวันที่ 26 ธันวาคม 2564 ถึงวันที่ 2 มกราคม 2565 มีรายงานการพบกำลังพลในสังกัดกองทัพเรือที่ติดเชื้อโควิด-19 ดังนี้ วันที่ 26 ธันวาคม 2564 ไม่มีผู้ติดเชื้อ วันที่ 27 ธันวาคม 2564  มีผู้ติดเชื้อ 1 ราย วันที่ 28 ธันวาคม 2564 มีผู้ติดเชื้อ 2 ราย วันที่ 29 ธันวาคม 2564  มีผู้ติดเชื้อ 10 ราย  วันที่ 30 ธันวาคม 2564  มีผู้ติดเชื้อ 7 ราย วันที่ 31 ธันวาคม 2564 มีผู้ติดเชื้อ 2 ราย วันที่ 1 มกราคม 2565  มีผู้ติดเชื้อ 9 ราย และ วันที่ 2 มกราคม 2565 มีผู้ติดเชื้อ 6 ราย 

โฆษกกองทัพเรือ กล่าวต่อไปว่า กำลังพลของกองทัพเรือที่ติดเชื้อในพื้นที่สัตหีบ ตามรายงานข้างต้น ไม่ได้อยู่ในสังกัดหน่วยเดียวกัน ไม่มีความเชื่อมโยงสัมพันธ์กัน ไม่มีการระบาดเป็นกลุ่มก้อน (Cluster) และปัจจุบันสามารถควบคุมการแพร่ระบาดในพื้นที่ได้ ดังนั้น ข้อมูลข่าวสารที่ปรากฏที่ระบุว่า ไม่สามารถควบคุมได้ ถือว่าไม่เป็นความจริงแต่อย่างใด ซึ่งที่ผ่านมากองทัพเรือได้ให้ความสำคัญในการป้องกันการติดเชื้อให้กับกำลังพลในทุกระดับ

 

ประธานสวนนงนุชพัทยา รับมอบครุยปริญญากิตติมศักดิ์ สาขาวิชาการจัดการ จาก ม.บูรพา จากที่ประชุมคณะกรรมการปฏิบัติหน้าที่แทนสภาพมหาวิทยาลัยบูรพา ครั้งที่ 12 /2562

เมื่อวันที่ 26 ธันวาคม พ.ศ. 2562 ได้ให้ความเห็นชอบการเสนอแต่งตั้งคณะกรรมการพิจารณากลั่นกรองผู้สมควรได้รับปริญญากิตติมศักดิ์ ประจำปีการศึกษา 2561 โดยศาสตราจารย์สุรพล นิติไกรพจน์ กรรมการในคณะกรรมการปฏิบัติหน้าที่แทนสภามหาวิทยาลัยบูรพา เป็นประธานกรรมการและ มีมติเป็นเอกฉันท์ อนุมัติปริญญากิตติมศักดิ์ ประจำปีการศึกษา 2561 แก่ผู้ทรงคุณวุฒิ โดยมีศักดิ์และสิทธิ์ตามปริญญา ตั้งแต่วันที่ 21 พฤษภาคม พ.ศ. 2563 จำนวน 5 ท่าน โดย 1 ใน 5 มี นายกัมพล ตันสัจจา ปรัชญาดุษฎีบัณฑิตกิตติมศักดิ์ สาขาวิชาการจัดการ

นายกัมพล กล่าวว่า รู้สึกยินดีและเป็นเกียรติอย่างยิ่ง ที่มหาวิทยาลัยบูรพาได้มอบปริญญากิตติศักดิ์ สาขาวิชาการจัดการ ในครั้งนี้ มหาวิทยาลัยบูรพาเป็นมหาวิทยาลัยที่มีประวัติและมีชื่อเสียงในการพัฒนาการศึกษาของชาติมายาวนาน มีส่วนสำคัญในการสร้างทรัพยากรบุคคล ออกมารับใช้สังคมและประเทศชาติ โดยเฉพาะในพื้นที่ภาคตะวันออก และจังหวัดชลบุรี ดังนั้นการที่ผมได้รับเกียรติในการมอบปริญญากิตติมศักดิ์ในครั้งนี้ ถือว่าเป็นเกียรติอย่างสูงสำหรับผมและสวนนงนุชพัทยา

 


TRENDING
© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top