Friday, 10 May 2024
คุกคามทางเพศ

‘ปิยบุตร’ จี้!! ‘สส.หื่น’ ยอมรับผิด ปมคุกคามทางเพศ อย่าปล่อยให้เพื่อนร่วมพรรครับหน้าชี้แจงไม่จบสิ้น

(21 ต.ค.66) นายปิยบุตร แสงกนกกุล อดีตสส.บัญชีรายชื่อ อดีตเลขาธิการพรรคอนาคตใหม่ รีทวีตข้อความบน x หรือทวิตเตอร์ ของ นายพริษฐ์ วัชรสินธุ สส.บัญชีรายชื่อ โฆษกพรรคก้าวไกล ที่ชี้แจงเกี่ยวกับกรณีมี สส.พรรคก้าวไกล ถูกกล่าวหาคุกคามทางเพศ โดยระบุว่า เห็นใจพริษฐ์ และรองโฆษก และ สส.หญิงอีกหลายคน ที่ต้องมารับหน้าที่ ‘แบกพรรค’ แบบนี้

“ผมขอให้กำลังใจ สส.ก้าวไกล หลายๆ คนที่ออกมาต่อสู้เรื่องนี้ และพยายามผลักดันให้พรรคสร้างระบบทั้งป้องกันและแก้ไขอย่างยั่งยืน” นายปิยบุตร ระบุ

นายปิยบุตร ระบุต่อว่า สำหรับบุคคลที่ถูกกล่าวหา หากตระหนักว่า ตนเองทำผิดจริงอย่างที่ถูกกล่าวหา ควรออกมาขอโทษผู้เสียหาย ประชาชน เพื่อน สส. และพรรคก้าวไกล มิใช่ปล่อยให้พรรคและคนอื่นๆ ต้องมาชี้แจงไม่รู้จักจบจักสิ้น แสดงความรับผิดชอบ ไม่ต้องหนี ยอมรับผิด ขอโทษ พร้อมเข้าสู่กระบวนการ

“การกระทำเช่นนี้ ไม่ใช่เพื่อปกป้องตนเอง ไม่ใช่เพื่อปกป้องพรรคก้าวไกล แต่นี่คือมาตรฐานความรับผิดชอบ กล้าเผชิญหน้า และพร้อมจะปรับปรุงแก้ไข เพื่อสร้างมาตรฐานให้พรรคก้าวไกลและสังคมไทย เพื่อร่วมกันยุติความรุนแรงทางเพศและการคุกคามทางเพศ” นายปิยบุตร ระบุ

‘พม.’ พร้อมเยียวยาจิตใจ-ให้คำปรึกษา ‘เหยื่อก้าวไกล’ หากร้องขอ ปมถูก สส.คุกคามทางเพศ โดยไม่ตัดสินใครเป็นผู้กระทำผิด

(24 ต.ค. 66) เวลา 08.40 น. ที่ทำเนียบรัฐบาล นายวราวุธ ศิลปอาชา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ (พม.) ให้สัมภาษณ์ถึงการเยียวยาจิตใจเหยื่อที่ถูก ส.ส.พรรคก้าวไกล (ก.ก.) คุกคามทางเพศว่า ในแต่ละเคสที่โดนกระทำนั้น หากมีการติดต่อเข้ามาทางกระทรวง พม. เราก็ยินดีเข้าไปให้คำปรึกษาโดยไม่ตัดสินว่า ใครเป็นผู้กระทำ อย่างไรก็ตาม ในแต่ละเคสย่อมมีความกระทบกระเทือนด้านจิตใจ โดยกรมกิจการสตรีและสถาบันครอบครัว ที่อยู่ภายใต้กระทรวง พม. จะเข้าไปดูแลสภาพจิตใจของเหยื่อผู้เสียหายในแต่ละเคส 

เมื่อถามว่า จะถูกมองว่าเป็นการเมืองระหว่างพรรค ก.ก. และพรรคชาติไทยพัฒนา (ชทพ.) หรือไม่ นายวราวุธ กล่าวว่า ตนไม่คิดเช่นนั้น แต่เมื่อมีการร้องเรียนขึ้นมา ก็เป็นสิทธิของเหยื่อแต่ละคนที่จะดำเนินการ รวมถึงการกระทำเช่นนี้ก็มีขั้นตอนทางกฎหมายอยู่แล้ว ทั้งเรื่องกฎหมายจริยธรรมของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง กฎหมายอาญา หรือกฎหมายด้านอื่นๆ โดยหน่วยงานที่เกี่ยวข้องก็จะรับไปดำเนินการต่อไป 

‘เจ๊จุก คลองสาม’ แชร์ภาพป้าย ‘ไม่เอา สส.คุกคามทางเพศ’ กระทุ้ง ‘ก้าวไกล’ ใช้เวลาสอบนาน ประชาชนรอไม่ไหว

(27 ต.ค. 66) หลังจากนายณัฐวุฒิ บัวประทุม สส.แบบบัญชีรายชื่อ รองหัวหน้าพรรคพรรคก้าวไกล ในฐานะคณะกรรมการวินัย เปิดเผยความคืบหน้าของการสอบสวนกรณี สส.พรรคก้าวไกลฝั่งธนฯ ที่ถูกกล่าวหาว่ามีพฤติกรรมคุกคามทางเพศ โดยคาดว่าจะรู้ผลสอบปม สส.คุกคามทางเพศภายในต.ค.นี้ และเตรียมเปิดเผยต่อสาธารณะ 

ต่อประเด็นนี้ในโลกโซเชียล ยังคงมีการวิพากษ์วิจารณ์กรณีดังกล่าวอย่างต่อเนื่อง โดยล่าสุดทวิตเตอร์ เจ๊จุก คลองสาม ได้โพสต์ภาพป้ายข้อความที่ระบุว่า พี่น้อง ปชช.จอมทอง-ท่าข้าม ไม่เอาสส.คุกคามทางเพศ 

โดย เจ๊จุก คลองสาม ระบุว่า ประชาชนจะอยู่ด้วยความหวาดระแวงขนาดไหน ถ้ารู้ว่าผู้แทนของตัวเองมีนิสัย #คุกคามทางเพศ ทำไม #ก้าวไกล ใช้เวลาในการตรวจสอบนานจัง ชาวบ้านเขาทนไม่ไหว ต้องขึ้นป้ายไล่แล้วเนี่ย

'ก้าวไกล' มีมติฟัน 'วุฒิพงศ์-สส.ปราจีนบุรี' พ้นพรรค  ส่วน 'ไชยามพวาน' รอด!! เพราะเสียงมติไล่ไม่ถึง 3 ใน 4

'ก้าวไกล' ประชุมเครียดกว่า 6 ชม. มีมติ ฟัน 'สส.ปราจีนบุรี' พ้นพรรค ส่วน 'สส.ปูอัด' ยังรอด ตัดสิทธิ พร้อมให้รับผิด ขอโทษ และเยียวยาผู้เสียหาย เผยทั้ง 2 กรณี คุกคามทางเพศจริง

เมื่อวานนี้ (1 พ.ย.66) ที่รัฐสภา สส.พรรคก้าวไกล ยังคงประชุมเครียดตั้งแต่ช่วงเวลาประมาณ 17.00 น. ที่ผ่านมาโดยเป็นการประชุมของคณะกรรมการบริหารพรรคและ สส.ของพรรค เพื่อหาข้อยุติกรณีเรื่องร้องเรียนกล่าวหา สส.มีพฤติกรรมคุกคามทางเพศ ได้แก่ นายวุฒิพงศ์ ทองเหลา สส.ปราจีนบุรี และนายไชยามพวาน มั่นเพียรจิตต์ สส.กทม. พรรคก้าวไกล

ทันทีที่เริ่มการประชุมเจ้าหน้าที่พรรคก้าวไกลได้มีการนำโต๊ะมากั้นให้ผู้สื่อข่าวออกจากบริเวณใกล้ห้องประชุม เพราะกลัวเสียงจากด้านในจะดังออกมาข้างนอก และมีการขอเก็บโทรศัพท์มือถือรวมถึงอุปกรณ์สื่อสารอื่นๆ วางไว้นอกห้องด้วย ทำให้เมื่อเวลายิ่งดึกก็มีเสียงโทรศัพท์ดังขึ้นมาเรื่อยๆ 

ซึ่งพรรคก้าวไกลยืนยันว่าภายในวันนี้จะมีคำตอบว่าจะมีบทลงโทษ ต่อ สส. ทั้ง 2 คนที่ถูกกล่าวหา จึงทำให้ต้องใช้เวลาการพิจารณานานกว่า 6 ชั่วโมง 

ต่อมาใน เวลา 23.10 น. ภายหลังการประชุมเสร็จสิ้น นายชัยธวัช ตุลาธน สส.บัญชีรายชื่อ และหัวหน้าพรรคก้าวไกล กล่าวถึงมติการประชุมร่วมของคณะกรรมการบริหารพรรคและสส.ของพรรคก้าวไกล ว่า คณะกรรมการบริหารพรรคเห็นว่าทั้ง 2 กรณีมีความผิดจริง และมีมติให้ขับออกจากพรรคก้าวไกล ซึ่งตามรัฐธรรมนูญ การที่จะขับสมาชิกพรรคให้พ้นจากพรรคจะต้องอาศัยเสียง 3 ใน 4 ของ สส.และกรรมการบริหารพรรคก้าวไกล ซึ่ง ในวันนี้มีกรรมการบริหารและสส. มาประชุมร่วมกันทั้งหมด 128 คน ซึ่งผลจากการพิจารณาในที่ประชุมร่วมกับสส.เห็นตรงกันว่าทั้ง 2 กรณีมีพฤติกรรมคุกคามทางเพศจริง และขัดต่อวินัยของพรรคอย่างร้ายแรง โดยโทษสูงสุดสำหรับกรณีนี้คือขับให้พ้นจากสมาชิกพรรคและโทษรองลงมาคือ ตัดสิทธิ์ทั้งหมด รวมถึงคาดโทษตามแต่กรณี 

โดยผลการลงมติของที่ประชุมร่วมระหว่างกรรมการบริหารพรรคและสส. ของพรรค ให้ 'นายวุฒิพงศ์ทองเหลา สส. ปราจีนบุรี' ออกจากพรรคก้าวไกล ด้วยมติ 120 เสียง ส่วน 'นายไชยามพวาน มั่นเพียรจิตต์ สส.เขตจอมทอง' นั้น ทางเสียงส่วนใหญ่ เห็นควรให้ขับ ด้วยมติพรรค 106 เสียง แต่เนื่องจากว่าเสียงไม่ถึง 3 ใน 4 คือ 116 เสียง ของจำนวนคณะกรรมการบริหารพรรคและสส.ที่มีอยู่ ก็เท่ากับว่าไม่สามารถมีมติที่จะขับ นายไชยามพวานออกจากพรรคได้ แต่ที่ประชุมเห็นว่าควรจะตัดสิทธิ์พึงมีทั้งหมด และให้คาดโทษไปตลอดสมัยประชุม หากมีพฤติกรรมใดๆ ที่เข้าข่ายคุกคามทางเพศอีก จะต้องให้พ้นจากสมาชิกพรรค นอกจากนี้ที่ประชุมเห็นว่า นายไชยามพวานจะต้องออกมายอมรับผิดและขอโทษต่อสังคมและขอโทษต่อผู้เสียหายทั้งหมด รวมถึงจะต้องชดเชยเยียวยาตามที่ผู้เสียหายต้องการ

หากนายไชยามพวานยืนยันว่าตนเองไม่ได้กระทำผิด ไม่ยินดีที่จะขอโทษต่อผู้เสียหาย และไม่ยินดีที่จะชดใช้ความผิดของตนเอง ก็จะมีการประชุมคณะกรรมการบริหารพรรค และ สส.พรรคก้าวไกลร่วมกันอีกครั้งเพื่อมีมติต่อไป 

ส่วนที่อาจจะมีข้อสงสัยว่าอีกคนนึงขับออกจากพรรคแต่อีกคนนึงไม่ขับออกจากพรรคนั้น นายชัยธวัช กล่าวว่า เราประชุมกันนานมากคณะกรรมการวินัยคณะกรรมการบริหารพรรคและสส. ของพรรค เห็นตรงกันว่า สส.ทั้ง 2 คน มีพฤติกรรมคุกคามทางเพศจริง และผิดวินัยร้ายแรง แต่เมื่อกระทำความผิด ก็มีบทลงโทษหลายระดับ ซึ่งในกรณีนี้จะเห็นว่า นายไชยามพวานแม้จะเป็นสมาชิกพรรคอยู่ แต่เจ้าตัวจำเป็นจะต้องออกมายอมรับผิดและขอโทษรวมถึงเยียวยาผู้เสียหาย และมีข้อถกเถียงกันมากในที่ประชุม ซึ่งต่างจากกรณีนายวุฒิพงษ์ ที่เห็นตรงกันเกือบทั้งหมดว่ามีการใช้อำนาจในตำแหน่งหน้าที่บทบาทตั้งแต่เป็นว่าที่ผู้สมัคร สส.มาจนถึงการเป็นสส. และเป็นการใช้อำนาจโดยไม่ชอบในการคุกคามทางเพศ และพยายามที่จะใช้อำนาจของตนเองในการปกปิดความผิด จึงทำให้ สส.จำนวนหนึ่งเห็นว่ามาตรการในการลงโทษรุนแรงแตกต่างกัน ซึ่งในกรณีการขับออกจากพรรคของนายวุฒิพงษ์นั้น ไม่ใช่เป็นการตัดหางปล่อยวัด แต่ทำตามบทลงโทษของพรรคเท่าที่ทำได้ 

หลังจากนี้พรรคจะมีการตั้งคณะกรรมการชุดพิเศษขึ้นมาที่มี นางสาวเบญจาแสงจันทร์ รองหัวหน้าพรรคเป็นหัวหน้าคณะทำงาน ที่จะปรับปรุงกระบวนการทั้งหมด เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดปัญหาเรื่องนี้ขึ้นอีก รวมถึงมีมาตรการและกระบวนการที่มีประสิทธิภาพกว่านี้ เมื่อมีปัญหาเกิดขึ้นในพรรค ซึ่งรวมถึงการอบรมด้วย 

ทั้งนี้ยืนยันว่าพรรคย้ำคุณค่าและให้ความสำคัญกับการไม่อดทนต่อการคุกคามทางเพศแต่ต้องยอมรับว่า ในหลักการคนจะรับรู้แต่ในทางปฏิบัติความเข้าใจในแต่ละคนไม่เท่ากัน ว่าอะไรคือการคุกคามทางเพศอะไรไม่ใช่คุกคามทางเพศ สำหรับเรื่องนี้เป็นบทเรียนของพรรค ถ้าหากใช้บทบาทหน้าที่และอำนาจของตนเอง ไปมีพฤติการณ์ในการคุกคามทางเพศ แม้ว่าหลายคนอาจจะมองว่าไม่ได้เกิดการบังคับขืนใจ ไม่เกิดการปฏิเสธและดูเหมือนจะเป็นการยินยอมพร้อมใจกันทั้งสองฝ่ายแต่กรณีนี้จะชี้ให้เห็นว่าการยินยอมพร้อมใจกันทั้งสองฝ่ายไม่ได้เป็นการยินยอมพร้อมใจอย่างแท้จริง แต่เกิดขึ้นภายใต้อำนาจที่ไม่เท่าเทียมกัน

หัวหน้าพรรคก้าวไกล พร้อมรับ และให้ความร่วมมือ หากมีการยื่นร้องคณะกรรมการจริยธรรมของสภาผู้แทนราษฎร ซึ่งก่อนหน้านี้คณะกรรมการบริหารพรรคและกรรมการวินัยก็มีมติตรงกันว่าทั้งสองกรณีมีความผิดวินัยอย่างร้ายแรงตามข้อกล่าวหา 

และหากนายไชยามพวาน ไม่ยอมรับผิดและยืนยันว่าตนเองไม่ได้กระทำผิด ไม่ขอโทษและไม่พร้อมที่จะเยียวยาผู้เสียหาย พรรคพร้อมที่จะนัดประชุมใหม่อีกครั้ง ก่อนจะชี้ว่าเรื่องนี้เป็นตัวอย่างให้เห็นว่าแม้จะรู้แล้วการ แต่ก็ไม่ควรจะคุกคามหรือละเมิดทางเพศใคร แต่มีข้อเท็จจริงที่ผู้กล่าวหารู้สึกว่าสิ่งที่เกิดขึ้น เลยความยินยอมพร้อมใจ 

หลังจากนี้คณะกรรมการวินัยของพรรคจะแจ้งบทลงโทษให้กับ ผู้ถูกร้องและผู้เสียหายได้รับทราบครับ มติของกรรมการบริหารพรรคกลับมติของที่ประชุม โดยทางพรรคไม่ได้มีการเจรจาหรือเรียกร้องให้ 2 สส. ที่กระทำผิดวินัยอย่างร้ายแรงลาออกเพื่อแสดงความรับผิดชอบ เพราะขึ้นอยู่กับวิจารณญาณของผู้ถูกร้อง 

"บางครั้งการแสดงความรับผิดชอบทางการเมือง เป็นเรื่องที่พึงทำ ซึ่งคนทำผิดหากแสดงความรับผิดชอบทางการเมืองสังคมก็พร้อมที่จะให้โอกาส และการรับผิดชอบทางการเมืองไม่จำเป็นต้องรอให้ข้อเท็จจริงยุติ อย่าคิดว่าความรับผิดชอบทางการเมืองเป็นการยอมรับผิด และต้องรอให้กระบวนการยุติธรรมอย่างเป็นทางการ ให้สิ้นสุดก่อนเท่านั้น สนับสนุนหากผู้ที่ถูกกล่าวหา จะแสดงความรับผิดชอบทางการเมือง เป็นนิมิตหมายที่ดี และเป็นมาตรฐานทางการเมืองที่ดี" นายชัยธวัชกล่าว

หัวหน้าพรรคก้าวไกล ชี้แจงข้อวิพากษ์วิจารณ์เรื่องการใช้ระยะเวลาเนินนานในกระบวนการตรวจสอบและได้ข้อสรุป โดยระบุว่าบางกรณีอาจล่าช้าแต่เป็นความจำเป็น ที่กระบวนการสอบซับซ้อนและต้องฟังความอย่างรอบด้าน และต้องมีพยานและข้อเท็จจริงจากทุกฝ่าย ยกตัวอย่างกรณี สส. ปราจีนบุรี ว่าสัปดาห์ที่ผ่านมาได้ข้อมูลเพิ่มเติม เมื่อมีข้อเท็จจริงที่ยังไม่ได้ข้อยุติ พร้อมกับข้อมูลข้อเท็จจริงจากผู้เสียหายซึ่งถือเป็นประโยชน์ต่อกรรมการที่จะพิจารณา โดยเฉพาะมีผลต่อที่ประชุมที่จะลงมติในวันนี้ ดังนั้นจะรวบรัดกระบวนการมากเกินไปไม่ได้ต้องให้ความเป็นธรรมกับทุกฝ่าย ก่อนจะยืนยันว่าพรรคก้าวไกลจะมีการปรับปรุงกระบวนการทั้งของคณะกรรมการวินัยและมาตรการต่างๆ ให้มีประสิทธิภาพและมีคุณภาพมากขึ้น 

ทั้งนี้ มีรายงานว่าบุคคลที่ใกล้ชิดกับผู้เสียหายได้มาร่วมสังเกตการอยู่บริเวณหน้าห้องประชุมด้วย ซึ่งถ้าหากมติของพรรคไม่เป็นไปตามที่น่าพอใจ คาดว่าจะมีการเดินเรื่องต่อ 

'สส.หญิงก้าวไกล' เดือด!! ขึ้นรูปโปรไฟล์ดำประท้วง หลังมติไม่ขับ 'ปูอัด' พ้นพรรค โพสต์สับ "หน้าด้าน"

(2 พ.ย.66) ภายหลังจากการประชุมพรรคก้าวไกล (ก.ก.) ซึ่งนายชัยธวัช ตุลาธน หัวหน้าพรรคก้าวไกล ออกมาแถลงมติพรรคก้าวไกล ให้ขับนายวุฒิพงศ์ ทองเหลา สส.ปราจีนบุรี ออกจากพรรค ขณะที่นายไชยามพวาน มั่นเพียรจิตต์ สส.กทม. เสียงส่วนใหญ่ 106 เสียง จาก 128 เสียงที่มาประชุม เห็นควรให้ขับออกจากพรรค แต่เสียงไม่ถึง 3 ใน 4 ของ สส.และกรรมการบริหารพรรคที่มีอยู่ 116 เสียง จึงยังไม่สามารถมีมติให้ขับพ้นออกจากสมาชิกพรรคได้

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า บัญชีโซเชียลมีเดียของกลุ่ม สส.หญิง พรรคก้าวไกล ได้เปลี่ยนภาพดิสเพลเป็นสีดำ อาทิ นางสาวศศินันท์ ธรรมนิธินันท์ หรือ ทนายแจม สส.กรุงเทพฯ, นางสาวภัสรินทร์ รามวงศ์ สส.กรุงเทพฯ รวมถึง นางสาวภัสราภรณ์ เก่งรุ่งเรืองชัย หรือ ‘สก.เนอส’ สก.กรุงเทพฯ ด้วย

นางสาวภัสราภรณ์ ยังโควททวีตกรณีดังกล่าว โดยมีข้อความว่า “หน้าด้าน ไม่มีความละอายแก่ใจ เป็นคนให้ได้ก่อนค่อยเป็นผู้แทนประชาชน” และแท็ก @chaiyamparwaan บัญชีทวิตเตอร์ของนายไชยามพวาน

นอกจากนี้ยังได้รีทวิตเตอร์ของผู้ใช้รายหนึ่ง ซึ่งมีข้อความว่า “ผิดหวังกรณีปูอัดมาก ดูจากคลิปออกมาไม่มีสำนึกเลย ปฏิเสธไม่ได้ทำตลอดทั้ง ๆ ที่พรรคสอบสวนแล้ว สงสารเหยื่อเหมือนถูกกระทำซ้ำอีกรอบ”

ขณะที่บัญชีเฟซบุ๊กของนายไชยามพวาน มีประชาชนจำนวนไม่น้อย เข้าไปคอมเมนต์ในโพสต์ล่าสุด โดยเรียกร้องให้รับผิดชอบต่อกรณีดังกล่าว

'ปิยบุตร' เชื่อ!! เหตุ สส.บ้ากาม ส่งผลภายในพรรค 'ระส่ำ-แตกแยก' หวั่น!! จากนี้ไป 'ประชาชน' ไม่ไว้ใจร่วมทางพรรคในกิจกรรมต่างๆ

(2 พ.ย.66) นายปิยบุตร แสงกนกกุล เลขาธิการคณะก้าวหน้า ทวีตข้อความผ่าน X (ทวิตเตอร์) กล่าวถึงกรณี สส.ก้าวไกล คุกคามทางเพศ

การใช้อำนาจที่ได้จากตำแหน่งของตนไปจูงใจล่อลวงบุคคลอื่นให้กระทำการตามที่ตนต้องการเพื่อแลกเปลี่ยนกัน โดยเฉพาะเรื่องที่เกี่ยวพันกับเรื่องทางเพศ เป็นเรื่องที่ไม่อาจยอมรับได้ในยุคสมัยนี้

หากพรรคก้าวไกลต้องการยกระดับมาตรฐานในเรื่องเหล่านี้ ต้องการป้องกัน ต่อต้านการคุกคามทางเพศและความรุนแรงทางเพศภายในองค์กรหรือสถานที่ทำงานให้ได้ตามที่โฆษณาไว้จริง

ผลมติที่ออกมาวันนี้ นับว่าน่าผิดหวัง (แน่นอน ส่วนหนึ่งมาจากรัฐธรรมนูญไปบังคับว่าต้องใช้จำนวนถึง 3 ใน 4 ของจำนวน สส.และกรรมการบริหารพรรค ซึ่งถือว่าสูงมาก)

แต่เรื่องแบบนี้ เมื่อทั้งคณะกรรมการวินัยของพรรค และทั้งคณะกรรมการบริหารพรรค มีมติว่ามีการกระทำความผิดร้ายแรงแล้ว หาก สส.ผู้ถูกร้องรู้จักมาตรฐานใหม่ในทางการเมืองอยู่บ้าง รู้จักความรับผิดชอบต่อผู้เสียหาย พรรค เพื่อน สส.คนอื่น ผู้สนับสนุนพรรค และสังคมอยู่บ้าง คิดถึงตำแหน่งหัวโขนที่พึ่งได้มาอย่าง สส. ให้น้อยลงบ้าง สส.ผู้ถูกร้องก็ควรแสดงความรับผิดชอบ โดยไม่ต้องมาถึงวันนี้ที่พรรคต้องใช้กลไกตามรัฐธรรมนูญ เพื่อให้ที่ประชุม สส.ต้องมาลงมติ

'ธนกร' เอือม!! ผลสอบ 2 สส.ก้าวไกลคุกคามทางเพศ 'ผิดจริง' คนหนึ่งถูกขับออกจากพรรค แต่อีกคนกลับได้ไปต่อ

(2 พ.ย.66) นายธนกร วังบุญคงชนะ อดีตรัฐมนตรีประจำสำนักนายกฯ สส.บัญชีรายชื่อและรองหัวหน้าพรรครวมไทยสร้างชาติ (รทสช.) โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กถึงความปั่นป่วนของพรรคก้าวไกล หลังมติขับ สส.คุกคามทางเพศ 2 มาตรฐาน ระบุว่า...

"มาตรฐานใหม่สูงลิ่วจริง ๆ
ผลสอบ 2 สส.คุกคามทางเพศผิดจริง
คนหนึ่งถูกขับออกจากพรรค 
สส. อีกคนได้ไปต่อ อนาถใจจริง"

‘ปธ.วินัยก้าวไกล’ เปิดคำชี้แจง 2 สส.คุกคามทางเพศ  เผยกรณี ‘ปูอัด’ ไม่ยอมรับข้อหา แถมโต้ “คนอื่นก็ทำ”

กรณีพรรคก้าวไกล ได้มีการประชุมเครียดของคณะกรรมการบริหารพรรคและส.ส.ของพรรคก้าวไกล เพื่อหาข้อยุติกรณีเรื่อง ส.ส.มีพฤติกรรมคุกคามทางเพศ 2 กรณี คือ นายวุฒิพงศ์ ทองเหลา ส.ส.ปราจีนบุรี พรรคก้าวไกล และนายไชยามพวาน มั่นเพียรจิตต์ ส.ส.กทม. พรรคก้าวไกล โดยมีผู้ร่วมประชุมจำนวน 128 คน โดยนายวุฒิพงศ์ มติเสียงส่วนใหญ่ 120 เสียง ให้ขับออกจากสมาชิกพรรค ส่วน นายไชยามพวาน เสียงส่วนใหญ่ 106 เสียง จาก 128 เสียงที่มาประชุม เห็นควรให้ขับออกจากพรรค แต่เสียงไม่ถึง 3 ใน 4 ของ ส.ส.และกรรมการบริหารพรรคก้าวไกล ที่มีอยู่ คือ 116 เสียง จึงยังไม่สามารถมีมติให้ขับพ้นออกจากสมาชิกพรรคได้

เมื่อวันที่ 2 พ.ย. 66 นายณัฐวุฒิ บัวประทุม รองหัวหน้าพรรคก้าวไกล ในฐานะประธานคณะกรรมการวินัยฯ ได้เปิดเผยเรื่องดังกล่าวในรายการ ‘กรรมกรข่าวคุยนอกจอ’ ของ นายสรยุทธ สุทัศนะจินดา ว่า... 

สำหรับนายวุฒิพงศ์ มติของที่ประชุมร่วมให้ขับออกจากสมาชิกพรรค ขั้นต่อไปพรรคจะแจ้งให้ทาง กกต.รับทราบ เพื่อดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไป

นายสรยุทธ ถามว่า ทั้งคู่เข้าประชุมหรือไม่? นายณัฐวุฒิ กล่าวว่า “ทั้งคู่แสดงความประสงค์เข้าประชุม แต่เนื่องจากเป็นการพิจารณาเกี่ยวข้อง และวินิจฉัยคดีที่เกี่ยวข้องกับพวกเขา จึงไม่เปิดให้ทั้งคู่เข้าประชุม การลงคะแนนเมื่อวาน เป็นการลงคะแนนอย่างเปิดเผยยกมือ”

นายสรยุทธ ถามว่า มีการได้บันทึกไว้หรือไม่ ว่าใครเป็น 8 เสียง ที่เห็นว่ายังไม่ควรขับ นายวุฒิพงศ์ และอีก 22 เสียงที่ไม่ต้องขับ นายไชยามพวาน? นายณัฐวุฒิ กล่าวว่า “ที่จริงเราเห็นและรับทราบว่าเป็นท่านใด แต่มีการพูดกันออกไปว่าเป็น สส.ชายทั้งหมด หรือเป็น สส.หญิง ไม่ได้ตรงกับข้อเท็จจริง ทั้งนี้ยืนยันว่าไม่มีการลักษณะที่อุ้มกัน และก่อนการลงมติ ก็ได้ถามแล้วว่าจะลงมติแบบเปิดเผยหรือแบบลับ และผลออกมาเป็นการลงมติแบบเปิดเผย ซึ่งเราก็เคารพ และคงไม่มีการเปิดเผยข้อมูลมากไปกว่านี้ว่าท่านใดลงมติแบบใด”

นายสรยุทธ ถามว่า ทาง สส.ฝั่งธนฯ มีความแตกต่างอย่างไร? นายณัฐวุฒิ กล่าวว่า “มีความแตกต่างกันพอสมควร อย่างในกรณีของ สส.ปราจีนบุรี พยายานหลักฐานที่ได้มา โดยเฉพาะแชตไลน์ แต่สิ่งที่ขอขอบคุณคือ ความเด็ดเดี่ยวของผู้เสียหายที่ยอมส่งหลักฐานเพิ่มเติมให้กับเรา ซึ่งเราพบว่ามีพยานหลักฐานชิ้นสำคัญอีกหลายชิ้นที่เป็นเอกสารที่บ่งชี้ว่า พฤติการณ์ของ สส.ปราจีนบุรี มีลักษณะร้ายแรงจริง และไม่ใช้ประเด็นของการคุกคามทางเพศ แต่เป็นการใช้สถานะที่ตนเอง เป็นว่าที่ผู้สมัคร ให้อำนาจเหนือต่อผู้เสียหายที่เป็นอาสาสมัครและทีมงานของพรรค...

“ส่วนกรณีของ สส.ฝั่งธนฯ ไม่ใช่ว่า ไม่มีพยานบุคคล หรือพยานเอกสาร เพียงแต่ว่าในข้อต่อสู้ของเขา เขามองว่าสิ่งที่เขากระทำนั้น เป็นสิ่งที่ปฏิบัติต่อคนอื่นโดยทั่วไป ซึ่งเรื่องนี้เป็นเรื่องใหญ่ที่ถกเถียงกันมากว่า การที่คุณแตะเนื้อต้องตัว การที่คุณสัมผัส และการที่คุณพยายามเข้าหาอาสาสมัคร และเพื่อนร่วมงานแบบนี้เป็นการคุกคามหรือไม่ ซึ่งตรงนี้ผมคิดว่ามีรายละเอียดที่แตกต่างกันจริง ๆ...

“และเป็นเรื่องใหญ่ที่ในอนาคตเราต้องทำความเข้าใจว่า แบบใดที่เรียกว่าการคุกคามทางเพศ แบบใดเรียกว่าการละเมิด หรือว่าสัมพันธ์แบบไหนที่ไม่อนุญาตและเปิดช่องให้คุณกระทำการดังกล่าวได้ ซึ่งผมคิดว่า เรื่องนี้ไม่ใช่เรื่องของมุ้ง ไม่ใช่เรื่องที่ว่าจะต้องลงมติแบบใด แต่เป็นเรื่องมุมมองต่อข้อเท็จจริง และพยานหลักฐานที่อาจจะมีการตีความแตกต่างกัน”

นายสรยุทธ ถามว่า กรณี สส.ปราจีนบุรี สู้ว่าสมยอมถูกหรือไม่? นายณัฐวุฒิ กล่าวว่า “ความสัมพันธ์เป็นลักษณะของการรู้จัก และมีสัมพันธ์พิเศษระหว่างกัน ซึ่งอาจจะไม่ใช่ความสัมพันธ์ในเชิงเพศอย่างเดียว ซึ่งเป็นข้อเท็จจริงที่เขาต่อสู้ ในขณะที่กรณีของฝั่งธนฯ ก็คล้าย ๆ กัน แต่เขามองว่า เขาปฏิบัติแบบนี้เป็นปกติ”

นายสรยุทธ ถามว่า กรณี สส.ปราจีนบุรี พยายามใช้ตำแหน่ง อำนาจปกปิดความผิด? นายณัฐวุฒิ กล่าวว่า “เป็นเรื่องของการตีความ แต่หลังจากที่มีการร้องเรียน สส.ก็มีการติดต่อพูดคุยกับคนหลายคนว่าข้อเท็จจริงไม่เป็นเช่นนั้น ทั้งนี้ ทาง สส.มีการพูดคล้าย ๆ ว่า ทางพรรคจะออกมาปกป้องตัวเขา ซึ่งทางพรรคยืนยันข้อเท็จจริงว่าเราให้ความเป็นธรรมกับทุกฝ่าย และไม่มีทางที่พรรคจะส่งทนายความไปปกป้องตามที่เขากล่าวอ้างกับบุคคลอื่น

นายสรยุทธ ถามว่า สส.ฝั่งธนฯ โต้แย้งว่ากรณีนี้เป็นปกติ? นายณัฐวุฒิ กล่าวว่า “เวลาลงพื้นที่มีประชาชนเข้ามาทักทาย ก็จะมีการโอบกอด แตะเนื้อต้องตัว มีประชาชนมาจูบ ซึ่งเรื่องต้องแยกกัน ต้องดูสถานะ ดูบริบท ดูกาลเวลา และความเหมาะสมด้วย”

นายสรยุทธ ถามว่า สส.ฝั่งธนฯ มีความผิดแตกต่างกับ สส.ปราจีนอย่างไร เพราะตอนนี้ความผิดดูไม่ชัด? นายณัฐวุฒิ กล่าวว่า “ไม่ใช่พฤติกรรมที่ปรากฎต่อสาธารณะ และเป็นลักษณะเข้าข่ายคุกคามทางเพศ ที่ผู้เสียหาย ที่เป็นทีมงานอึดอัดและรับไม่ได้กับการกระทำ”

นายสรยุทธ ถามว่า สส.ฝั่งธนฯ ไม่ได้ยอมรับผิด? นายณัฐวุฒิ กล่าวว่า “ตอนนี้ยังอยู่ระหว่างกระบวนการพูดคุยทำความเข้าใจ ในกรณีของ สส.ฝั่งธนฯ เขายอมรับข้อเท็จจริง แต่เขาไม่ยอมรับเรื่องของการตีความ ว่าสิ่งที่เขาทำเป็นการคุกคามหรือไม่ หลายครั้งเขาบอกว่า คนอื่นก็ทำนะ แสดงว่าเพื่อนสมาชิกท่านอื่นก็โดนกันหมด ซึ่งเราก็ยืนยันว่าไม่ใช่ คนอื่นไม่ได้ทำแบบนี้ แล้วจะมาบอกไม่ได้รับการอบรมก็คงฟังไม่ขึ้น เพราะว่าพรรคย้ำเรื่องนี้มาโดยตลอด...

“ทั้งนี้ ในอนาคต คิดว่าเราต้องเพิ่มกระบวนการจริง ๆ ในการทำความเข้าใจให้มันลึกซึ้งกว่านี้ว่า เรื่องของเพศ บางครั้งไม่ได้วัดจากเรา แต่บางครั้งต้องวัดจากตัวผู้เสียหายว่า เขาอึดอัด ไม่โอเค ไม่ยอมรับ ไม่ได้ยินยอม กับสิ่งที่เราใช้เงื่อนไขกระทำกับตัวเขา…

“โดยเขาพยายามสื่อสารว่า สิ่งที่ปรากฎต่อสาธารณะที่ถ่ายรูปโอบกอด การจับศีรษะด้วยความเอ็นดู เป็นสิ่งที่คนอื่นทำกัน อย่างไรก็ตาม เรื่องนี้ไม่ใช่กรณีของแฟนคลับหรือคนติดตาม แต่มีเงื่อนไขของผู้เสียหายที่มีสถานะไม่เท่าเทียมกันด้วย ซึ่งจะเรียกว่ายินยอมเต็มใจในทุกกรณีไม่ได้” นายณัฐวุฒิ กล่าว

ทั้งนี้ ภายหลังมติพรรคเป็นไปในทิศทางดังกล่าว นายวิโรจน์ ลักขณาอดิศร ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล และ สส.อีกหลายคนของพรรค ต่างโพสต์สถานะลงเฟซบุ๊กเป็นสีดำ กันโดยพร้อมเพรียง

'รุ้ง ปนัสยา' ซัด 'ปูอัด ก้าวไกล' หน้าด้าน ใช้ความเมาเป็นข้ออ้าง ชี้!! ถ้าก้าวไกลแก้ปัญหาเรื่องเพศไม่ได้ เรื่องอื่นก็ไปไม่รอด

(2 พ.ย. 66) จากกรณีที่คณะกรรมการวินัย คณะกรรมการบริหาร พรรคก้าวไกล มีมติว่า นายไชยามพวาน มั่นเพียรจิตต์ ทำผิดวินัยร้ายแรง คุกคามทางเพศ ที่ประชุมร่วม ส.ส. และกรรมการบริหาร โหวตขับ ไชยามพวาน มั่นเพียรจิตต์ ลาออกจากตำแหน่ง ถึง 106 เสียง จาก 128 เสียง จึงทำให้การขับออกยังไม่สามารถเกิดขึ้นได้ (เนื่องจากน้อยกว่า 116 เสียงตามเกณฑ์ 3 ใน 4)

ล่าสุด “รุ้ง ปนัสยา” แกนนำแนวร่วมธรรมศาสตร์และการชุมนุม ทวีตข้อความผ่านแอปพลิเคชั่น X (ทวิตเตอร์) ส่วนตัว @PanusayaS ระบุว่า...ปูอัดต้องลาออก อย่าหน้าด้าน เมาไม่ใช่ข้ออ้างที่จะไปกระทำเลวต่อคนอื่น ก้าวไกลต้องแก้ปัญหาเรื่องเพศให้ได้ ถ้าแก้ไม่ได้ เรื่องอื่นก็สู้ไม่รอด

'สส.แจ้-ก้าวไกล' ตัดพ้อ!! 'ไร้คอนเนคชันการเมือง-เพื่อนน้อย' ชี้!! สส.บางคน ไม่ถูกกับกรรมการบริหารพรรค มักลงเอยเช่นนี้

(2 พ.ย.66) จากกรณีพรรคก้าวไกลมีมติขับนายวุฒิพงศ์ ทองเหลา สส.ปราจีนบุรี ออกจากพรรค แต่กับนายไชยามพวาน แค่ถูกคาดโทษเท่านั้น

โดยในวันนี้ นายวุฒิพงศ์ ทองเหลา สส.ปราจีนบุรีเขต 2 อดีต สส.พรรคก้าวไกล เปิดใจครั้งแรกหลังมีมติขับออกจากพรรคปมคุกคามทางเพศ เมื่อมาถึงนายวุฒิพงศ์ได้กล่าวก่อนแถลงว่า ไม่ได้เจอกัน 20 วันเพราะอยู่ภายใต้กระบวนการไม่สามารถออกมาพูดได้ โดยบอกว่ายอมรับมติของ สส.ในพรรคที่ออกมา แต่ผิดหวังกับกระบวนการสอบสวนของพรรคว่าเป็นธรรมหรือไม่

โดยนายวุฒิพงศ์ เล่าว่า ตนโดนเรียกไปสอบ 2 ครั้ง ครั้งแรกคือวันที่ 10 ตุลาคม กรรมการสอบวินัยมี 7 คน แต่มา 6 คนพูดคุยกันประมาณ 1 ชั่วโมงตนก็ได้ยื่นหลักฐานต่าง ๆ ให้กรรมการสอบวินัยและเห็นบันทึกทีมกฎหมายมีแค่ 3 แผ่นเท่านั้น ส่วนครั้งที่ 2 คือวันที่ 30 ตุลาคมก็เข้าห้องประชุมของกรรมการช้าไป 1 ชั่วโมง คือนัด 10 โมง ได้เข้าห้อง 11 โมง ซึ่งกรรมการสุดท้าย จาก 7 คนเหลือเพียง 4 คน จึงรู้สึกข้อมูลที่ให้ต่อกรรมการไม่มีความสำคัญ และก่อนที่จะยุติการสอบสวนมีกรรมการคนที่ 5 เข้ามา นายวุฒิพงศ์ กล่าวว่าความสำคัญระดับนี้ของผู้แทนราษฎรของคนทั้งจังหวัดปราจีนบุรีไม่ใช่เรื่องล้อเล่น

และตั้งข้อสังเกตว่าการแถลงของกรรมการบริหารพรรคบางคนล่วงหน้า เข้าข่ายเป็นการชี้นำสังคมหรือไม่ เพราะเป็นการแถลงก่อนที่จะมีการตัดสิน จึงถามความเป็นธรรมในสิ่งที่เกิดขึ้นว่าทำด้วยเหตุผลอะไร ทั้งนี้ยอมรับมติ สส. ของพรรคทุกคนโหวต มองเป็นเรื่องที่ดีที่จะได้เดินหน้าต่อ

ทั้งนี้ในระหว่างแถลงข่าว นายวุฒิพงศ์ ยังโชว์ภาพหลักฐาน ที่เป็นภาพผู้หญิงหนอนหงายและมีการเซ็นเซอร์บริเวณอวัยวะเพศ ซึ่งเขาอ้างว่า ภาพนี้ไม่ใช่ภาพโป๊แม้มีการเซ็นเซอร์ เพราะภาพจริงผู้หญิงยังใส่กางเกง และเจตนาจริง ๆ ของตนคือแผลที่บริเวณขาของผู้หญิงในภาพ และได้รับคลิปส่วนตัวที่ไม่เหมาะสมอีก 50 คลิป รวมถึงจดหมายที่ผู้เสียหายเขียนถึงตนว่าอยากทำงานร่วมกับตนตลอดไป ไล่ก็ไม่ไป

โดย นายวุฒิพงศ์ กล่าวว่าหากผู้เสียหายรู้สึกถูกคุกคาม ณ ตอนนั้น ไม่น่าจะแสดงออกแบบนี้ พร้อมยอมรับว่าการพูดคุยที่เกิดขึ้น ส่วนหนึ่งตนก็เป็นคนผิด แต่ยืนยันว่าตนไม่เคยมีเพศสัมพันธ์ หรือทำอะไรกับผู้เสียหาย และภายหลังตนก็ไม่ได้ทำงานร่วมกับผู้เสียหายแล้ว หากรู้สึกว่าถูกคุกคามทางเพศก็ไม่ต้องมาทำงานร่วมกันก็ได้

ผู้สื่อข่าวถามว่า คิดเห็นอย่างไรที่มติของเขาต่างจากกรณีของนายไชยามพวาน มั่นเพียรจิตต์ สส.จอมทอง ที่มีปมคุกคามทางเพศเหมือนกันแต่ไม่ถูกขับออก เพียงถูกคาดโทษ นายวุฒิพงศ์ตอบว่าเป็นเรื่องของการเมือง ตนอาจเป็น สส.ต่างจังหวัด สส.ภูธร ทำงานเรื่องมลพิษ ค้านเรื่องเหมือง การเป็นคอนเนคชันกับเพื่อน ตนจะมีเพื่อนทางสิ่งแวดล้อมเยอะ แต่ว่าตนไม่มีคอนเนคชันกับเพื่อนที่เป็นการทำงานเชิงการเมืองที่ต้องรู้จักคนเยอะ

นายวุฒิพงศ์ ยังกล่าวว่า ในการตั้งคณะกรรมการวินัยสอบควรจะเป็นกรรมการที่เป็นแพทย์หรือเป็นจิตแพทย์ทางด้านนี้โดยตรง หรือเป็นเจ้าหน้าที่ที่มีประสบการณ์ด้านนี้โดยตรง ว่าผู้ที่ถูกคุกคาม มีความรู้สึกที่ถูกคุกคามจริงหรือไม่ ซึ่งคณะกรรมการวินัยในการสอบไม่มีคนนอกแต่เป็น สส. ทั้งหมด ตนมองว่ากรณีที่เสียงโหวต สส. ในพรรคก้าวไกลที่ต่างจากอีกกรณีกว่า 10 เสียงนั้น เพราะตนเองไม่มีคอนเน็กชันหรือความสัมพันธ์กับ สส.ในพรรค โดยมองว่าเป็นเรื่องการเมืองภายในพรรค

โดยนายวุฒิพงศ์ ยังแสดงความกังวลการใช้กระบวนการภายในของพรรคในการสอบสวนข้อเท็จจริง เพราะหากผู้ถูกร้องเรียนหรือ สส.บางคน ไม่ถูกกับกรรมการบริหารพรรค ก็อาจจะเกิดเหตุการณ์เช่นนี้ได้

เมื่อถามถึงเส้นทางการเมืองหลังจากนี้ นายวุฒิพงศ์ กล่าวว่าตนขอเวลาพักก่อนขอใช้เวลานี้ลงพื้นที่ และยังไม่ได้พูดคุยกับพรรคการเมืองใด


TRENDING
© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top