Friday, 10 May 2024
คุกคามทางเพศ

‘บุณณดา’ เรียกร้อง ส.ก.สาทร แสดงความรับผิดชอบต่อประชาชนด้วยการลาออกจากตำแหน่ง ส.ก. ก่อนต่อสู้คดี ย้ำ ส.ก. ทำงานใกล้ชิดชุมชน หวั่นเป็นแบบอย่างไม่ดีต่อชุมชนและสังคม

จากกรณีที่นายอานุภาพ ธารทอง ส.ก.เขตสาทร ถูกแจ้งความดำเนินคดี “อนาจาร-คุกคามทางเพศ” และขณะนี้อยู่ในขั้นตอนของการดำเนินการตามกฎหมาย ซึ่งในชั้นสอบสวนนายอานุภาพให้การปฏิเสธและศาลอนุญาตให้ประกันตัว รวมถึงนายอานุภาพได้ประกาศลาออกจากพรรคก้าวไกลและการเป็นสมาชิกพรรคก้าวไกลตั้งแต่วันที่ 15 ก.ค.65 ไปแล้วนั้น แต่ก็ยังไม่เห็นถึงความจริงใจและความรับผิดชอบต่อสังคมอย่างแท้จริง

ดร.บุณณดา สุปิยพันธุ์ รองโฆษกศูนย์อำนวยการเลือกตั้ง ส.ก.พรรคพลังประชารัฐ ได้แสดงความคิดเห็นต่อกรณีที่นายอานุภาพ ธารทอง ส.ก.เขตสาทร ตกเป็นผู้ต้องหาคดีล่วงละเมิดทางเพศหญิงสาวว่า ถึงแม้ ส.ก. เขตสาทร จะประกาศลาออกจากพรรคก้าวไกลและการเป็นสมาชิกพรรคก้าวไกลเพื่อไม่ให้ส่งผลกระทบต่อภาพลักษณ์และชื่อเสียงของพรรคฯ ที่มีการเรียกร้องเรื่องสิทธิและความเท่าเทียมมาโดยตลอดนั้น  แต่ก็ต้องยอมรับอย่างหนึ่งว่าประชาชนมีความเคลือบแคลงสงสัยต่อพฤติกรรมและศีลธรรมอันดีของ ส.ก.เขตสาทรท่านนี้  จึงอยากให้แสดงความรับผิดชอบต่อประชาชนมากกว่านี้ ด้วยการลาออกจากตำแหน่งสมาชิกสภากรุงเทพมหานคร ก่อนที่จะต่อสู้คดี เพื่อเป็นการแสดงความจริงใจดังเช่นนักการเมืองบางพรรคที่มีพฤติกรรมใกล้เคียงกัน เพราะถึงแม้จะออกมาปฏิเสธในชั้นสอบสวนแล้วนั้น แต่ก็ต้องยอมรับว่าคดีมีมูล และสังคมต่างให้ความสนใจพร้อมทั้งเคลือบแคลงสงสัย หาก ส.ก.ท่านนี้มีความบริสุทธิ์ใจจริง ก็ควรแสดงความรับผิดชอบในฐานะตัวแทนประชาชน รวมถึงการให้เกียรติสตรีเพศมากกว่านี้ 

ทัพหญิงพปชร. จี้!! ส.ก.ก้าวไกลแสดงความรับผิดชอบ ควรไขก๊อกตำแหน่งที่ได้ความไว้วางใจจากปชช.ด้วย

(17 ก.ค. 65) ที่พรรคพลังประชารัฐ.(พปชร.) น.ส.ธณิกานต์ พรพงษาโรจน์ ส.ส.กทม. แถลงข่าวเรียกร้องถามหาความรับผิดชอบของพรรคก้าวไกล กรณีนายอานุภาพ ธารทอง ส.ก.เขตสาทร พรรคก้าวไกล หลังถูกดำเนินคดีคุกคามทางเพศ ที่ขณะนี้มีการประกาศลาออกจากพรรคแล้ว ให้พิจารณาถึงตำแหน่งสภากรุงเทพมหานคร หรือ ส.ก. ที่มาจากความไว้วางใจของประชาชนด้วย แม้ไม่ใช่ตำแหน่งที่ผูกพันกับตำแหน่ง ส.ส. ซึ่งกระบวนการทางกฎหมายก็ถือว่าเป็นส่วนหนึ่งแต่จิตสำนึกก็สำคัญเช่นกัน จึงไม่ได้อยากให้ในเรื่องนี้เงียบไปอย่างเช่นกรณี สก.เขตวัฒนาที่ถูกร้องเรียนคุกคามทางเพศสาวประเภทสองก่อนหน้านี้ด้วย

ระวัง!! หลุดแชต 'ลามก-อนาจาร' ถูกแจ้งความได้ เพราะเข้าข่ายอาชญากรรมทางเทคโนโลยี

เชื่อว่าทุกวันนี้ น่าจะยังมีหลายคนที่ยังไม่เข้าใจคำว่า 'อาชญากรรมทางเทคโนโลยี หรือ อาชญากรรมคอมพิวเตอร์' กันเท่าไหร่ THE STATES TIMES จึงหาความหมาย พร้อมทั้งสรุปแยกประเภทมาให้ ดังนี้ครับ

อาชญากรรมคอมพิวเตอร์ โดยรวมแล้วหมายถึง การกระทำความผิดทางอาญาในระบบความพิวเตอร์ อาทิ ทำลาย เปลี่ยนแปลง หรือขโมยข้อมูลต่าง ๆ เป็นต้น ซึ่งระบบคอมพิวเตอร์ในที่นี้ นับรวมถึงระบบเครือข่ายคอมพิวเตอร์และอุปกรณ์เชื่อมต่อด้วย 

สำหรับประเภทของอาชญากรรมคอมพิวเตอร์ โดยสากลแล้ว แบ่งได้ทั้งหมด 9 ประเภท ประกอบด้วย...

1. การขโมยข้อมูลทางอินเตอร์เน็ต รวมถึงการขโมยประโยชน์ในการลักลอบใช้บริการ
2. อาชญากรนำเอกระบบการสื่อสารมาปกปิดความผิดตนเอง
3. การละเมิดสิทธิ์ปลอมแปลงรูปแบบ เลียนแบบระบบซอฟต์แวร์โดยมิชอบ
4. ใช้คอมพิวเตอร์แพร่ภาพ เสียง สื่อลามก อนาจาร และข้อมูลที่ไม่เหมาะสม
5. ใช้คอมพิวเตอร์ฟอกเงิน
6. อันธพาลทางคอมพิวเตอร์ ซึ่งก่อกวน ทำลายระบบสาธารณูปโภค อาทิ ระบบจ่ายน้ำ ไฟฟ้า และระบบการจราจร
7. หลอกลวงให้ร่วมขายหรือลงทุนปลอม
8. แทรกแซงข้อมูล นำข้อมูลนั้นเป็นประโยชน์ต่อตนโดยมิชอบ อาทิ ลักลอบสืบค้นข้อมูลส่วนบุคคลผู้อื่น ดักข้อมูลทางการค้า เพื่อผลประโยชน์ส่วนตน
9. ลักลอบโอนเงินจากบัญชีผู้อื่นเข้าบัญชีตนเองผ่านระบบคอมพิวเตอร์

‘มินตัน’ โพสต์ระบาย ถูก อดีต รปภ. คุกคามนาน 3 ปี แม้ถูกลงโทษแต่ก็ไม่สำนึก ยังตามระรานให้หวาดระแวง

(28 ส.ค. 66) ก่อนหน้านี้ อดีต รปภ. ผู้คุกคามทางเพศ ‘มินตัน’ หรือ น.ส.มินตรา เน็ตไอดอลชื่อดัง ถูกดำเนินคดีตามกฎหมายไปแล้ว และศาลมีคำสั่งห้ามเข้าใกล้หรือแสดงพฤติกรรมคุกคามอีก แต่อดีต รปภ. คนนี้ก็ยังไม่หยุดพฤติกรรมคุกคาม เพราะได้มีการส่งข้อความหา ‘มินตัน’ สร้างความเดือดร้อนรำคาญและหวาดระแวงอย่างยิ่ง

ล่าสุด ‘มินตัน’ ได้ออกมาเปิดเผยทางเฟซบุ๊ก ‘หนูมินตันทาสกระดาน’ ว่า อัปเดตเรื่องโรคจิตที่คุกคามมินตันนะคะ ถือว่าเรื่องของหนูเป็นโพสต์เตือนภัยสังคม หรือเคสตัวอย่างนะคะ

การถูกโรคจิตพยายามคุกคามทางเพศมาเกือบ 3 ปี ศาลก็ตัดสินให้โรคจิตหยุดคุกคามมินตันทั้งในชีวิตจริงและในโซเชียล แต่เขาก็ไม่หยุด แล้วเขาก็ไม่ได้เกรงกลัวกฎหมายอะไรเลย 🙁

ส่วนโทษก็แค่รอลงอาญา+คุมประพฤตินิด ๆ หน่อย ๆ ส่วนโรคจิตก็ยังคอยแอบคุกคามเหมือนเดิม แต่ระวังตัวขึ้น กฎหมาย…ต้องรอให้เหยื่อถูกกระทำสำเร็จก่อนจริง ๆ ถึงเอาผิดได้แบบจริงจัง

หนูพยายามอยู่เงียบ ๆ เรื่องนี้ หนูไม่ชอบดรามา ไม่ชอบเลยจริง ๆ หนูอยากตั้งใจทำงาน แต่ว่ายิ่งมินตันอยู่เงียบ ๆ เขาก็ยิ่งได้ใจและคุกคามเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ

มินตันระบุเพิ่มเติมว่า แล้วใครที่บอกว่า เพราะมินตันแต่งคอสเพลย์ หรือเพราะมินตันใส่ขาสั้นถ่ายรูป บลา ๆ “มินตันก็เลยสมควรถูกคุกคาม” !! มันมีจริงๆ นะคะพวกคนที่คิดแบบนี้มีเยอะด้วย คือหนูมีสิทธิแต่งตัวแบบไหนก็ได้ป่าววะ

หนูเคยบล็อกเขาทุกช่องทาง มินตันเคยทำแล้วในช่วงปีแรก ๆ ที่เขาคุกคาม มินตันบล็อกแล้วปล่อยเงียบ คนก็ทักมาเตือนเต็มเลย เพราะเขาจะมาดักเจอกับจะมาหาที่บ้าน พอบล็อก ยิ่งน่ากลัวตรงที่หนูจะไม่มีข้อมูลเลยว่าเขาจะไปดักเจอดักรอยังไงนะคะ 🙁

เดี๋ยวมินตันจะต้องไปแจ้งความเพิ่มอีกค่ะ ถ้ารอบนี้มีอะไรคืบหน้าจะอัปเดตนะคะ

คนที่บ้านโรคจิต พ่อ แม่ ฯลฯ เขารับรู้ค่ะ แต่ก็ไม่เห็นมีอะไรเปลี่ยนเลย”

ภายหลังจากโพสต์ข้อความไปแล้วก็มีคนเข้ามาให้กำลังใจมินตันเป็นจำนวนมากพร้อมทั้งยังแสดงความห่วยใยและประณามพฤติกรรมคุกคามของอดีต รปภ. คนนี้ด้วย

‘ชาวเน็ต’ จวก!! ‘เพลงถ้าไม่รักจะปล้ำ’ เนื้อหาคุกคามทางเพศ ด้าน ‘นาย คอมเมเดี้ยน’ ไม่สะท้าน ถามกลับ “ดรามา จริงดิ?”

ทำเอาโซเชียลวิจารณ์สนั่น กับเพลง ‘ถ้าไม่รักจะปล้ำ’ ของตลกดัง ‘นาย คอมเมเดี้ยน’ และ ‘วงวันดรีม’ ที่มีเนื้อหาไม่เหมาะสมและไม่สร้างสรรค์ แถมยังส่อไปในทางคุกคามทางเพศ อย่างท่อนที่ว่า ‘ถ้าน้องไม่รักระวังโดนปล้ำ’ โดยชาวเน็ตต่างก็เข้ามาแสดงความคิดเห็นมากมาย ทั้งใน ยูทูบ ติ๊กต็อก และทวิตเตอร์ (X) อาทิ นี่มันยุคไหนแล้ว ทำไมยังมีคนทำเพลง ทำคอนเทนต์แบบนี้อีก ทั้งที่เขารณรงค์เรื่องนี้กันอยู่, ลองนึกว่าคุณมีลูกสาว แล้วเด็กวัยรุ่นแถวบ้านมาชอบลูกคุณ แต่ลูกคุณไม่เล่นด้วย แล้วเขาเลยส่งเพลงนี้มาให้อ่ะ คุณคิดว่าเขาสื่อถึงอะไร, เนื้อเพลงนี้กลั่นออกมาจากสมองแล้วจริงดิ? เป็นต้น

แต่งานนี้ดูเหมือนว่าเจ้าตัวจะยังไม่สะทกสะท้าน เพราะได้แคปข้อความท้วงติงต่าง ๆ มาลงต่อ และใส่ข้อความว่า “คืออะไรครับเนี่ย” ก่อนจะใส่แคปชั่น “ไปกันใหญ่แล้วเด้อ” พร้อมใส่แฮชแท็กชื่อเพลงละชื่อวงตามปกติ ก็เลยโดนทัวร์ลงยับอีกรอบ ว่าเตือนขนาดนี้แล้วยังคิดไม่ได้อีกเหรอ จนล่าสุดโพสต์ดังกล่าว…ได้หายไปจากติ๊กต็อกของเจ้าตัวแล้ว

โดยเพลงนี้ได้ปล่อยออกมาเกือบ 1 เดือนแล้ว แต่กลับมีเป็นประเด็นอีกรอบ เพราะว่ามีการทำชาเลนจ์ในติ๊กต็อก ซึ่งตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา ก็มาคนเข้าไปท้วงอยู่เรื่อย ๆ แต่ก็ยังไม่ได้รับการแก้ไข แถมยังแคปคอมเมนต์ที่บอกว่า “ในขณะที่ในประเทศ มีคดีแนวนี้เยอะเป็นว่าเล่น แต่คุณกลับเอามาทำเพลง รอเลยครับเพลงเป็นกระแส น่าจะมีข่าวแน่ๆ” มาลงพร้อมใส่ข้อความว่า “ดรามา…จริงดิ…เพลงนี้อะนะ”

ทั้งนี้ทั้งนั้นก็ยังมีชาวเน็ตบางส่วน ที่เห็นว่ามันไม่ใช่เรื่องร้ายแรง แถมมองว่าเป็นสื่อเพื่อความบันเทิงอย่าคิดเยอะ ถ้าฟังแล้วไปก่อคดีก็อยู่ที่ตัวบุคคลแล้วแหละ ซึ่งเจ้าตัวก็เข้าไปตอบกลับคอมเมนต์นั้นๆ ด้วยอีโมจิ 3 ตัว ได้แก่ หัวใจสีแดง รูปพนมมือไหว้ และหน้าหัวเราะ “❤️🙏🏻😂”

เพจดัง แฉ!! สส.ปราจีนบุรี เขต 2 ก้าวไกล คุกคามทางเพศสาว แถมบทลงโทษพรรคแสนเบา ลั่น!! มีลูก 2 คนแล้วทำไมยังหื่น

เมื่อวันที่ 10 ต.ค. 66 เพจเฟซบุ๊ก ‘วันนี้ก้าวไกลโกหกอะไร’ โพสต์ภาพข้อความใน X (ทวิตเตอร์) ที่มีผู้ใช้งานรายหนึ่งเขียนแคปชันว่า…

“จริงครับ เพื่อนผมทำงานอาสากับ…ถูก สส.ปราจีนบุรี คุกคามทางเพศทั้งในแชทส่วนตัวแล้วยังลวนลามอีก แจ้งพรรค แจ้งใคร ก็ไม่มีใครสนใจ สส. ก็ยังลอยหน้าลอยตาอยู่”

โดย เพจวันนี้ก้าวไกลโกหกอะไร นำข้อความดังกล่าว มาโพสต์พร้อมแคปชัน ระบุว่า “พรุ่งนี้หนูจะนั่งรถตู้ไปปราจีนนะคะ แชทในคอมเมนต์ค่ะ”

อีกทั้งยังได้โพส์ตรูปภาพพร้อมแคปชันที่ระบุว่า “สส.ถูกกล่าวหาคุกคามทางเพศอีกแล้วค่ะ”

ตลอดทั้งวัน เพจดังกล่าวยังมีการโพสต์ภาพ สส.เขต 2 ปราจีนบุรี พรรคก้าวไกล พร้อมข้อความระบุว่า “#ทุกคนคะ ถ้าพี่แจ้ สส.ปราจีน เขาจะขายดิลโด้จริงบอกหนูรับซื้อเองค่ะ ขออีเมล์ด้วยค่ะ”

ก่อนจะมีอีกโพสต์ ระบุว่า “ว๊ายย!! ทำผิดวันนี้ ลงโทษอีก 3 ปี ไหวหรือคะ แถมทำผิดตั้งแต่เดือน ส.ค. จนถึงตอนนี้ยังสอบไม่เสร็จ พี่แจ้ลงพื้นที่ถ่ายรูปแบบนี้เหมาะสมหรือคะ ขอบคุณข้อมูลจากเพจ RightTeam ค่ะ”

และโพสต์สุดท้าย เขียนข้อความ ระบุว่า “#ทุกคนคะ พี่แจ้ลูก 2 แล้วนะคะ ทำไมยังหื่นอีกคะ?”

‘ก้าวไกล’ อ่วม!! พบ สส.ในพรรคคุกคามทางเพศเพิ่มอีก 1 ด้านเพจดังแฉต่อ ‘เล่นยา’ ก็มี จ่อเปิดหลักฐานมัดตัว

(12 ต.ค.66) เพจเฟซบุ๊ก ‘วันนี้ก้าวไกลโกหกอะไร’ ซึ่งเกาะติดประเด็นร้อน สส.ก้าวไกลที่มีพฤติกรรมล่วงละเมิดหรือคุกคามทางเพศ โพสต์ข้อความว่า ทุกคนคะ ได้รับแจ้งใหม่ 2 เรื่องคือ ละเมิดผู้หญิง กับ เล่นยา

แอดมินขอพักเรื่อง พี่แจ้ (วุฒิพงศ์ ทองเหลา สส.ปราจีนบุรี พรรคก้าวไกล) ไปหาข่าว 2 เรื่องนี้ก่อนนะคะ สำหรับคนเล่นยา แอดมินมีชื่อแล้ว รอเอกสารจากทางเมืองนอกอยู่ค่ะ ทุกคนต้องใจเย็นๆ แอดมินต้องรอบคอบด้วย

วันเดียวกัน ที่รัฐสภา นายพริษฐ์ วัชรสินธุ สส.บัญชีรายชื่อ และโฆษกพรรคก้าวไกล พร้อมด้วย น.ส.ศศินันท์ ธรรมนิฐินันท์ สส.กทม. พรรคก้าวไกล ในฐานะกรรมการวินัยพรรค ได้แถลงข่าวตอนหนึ่งว่า นอกเหนือจากกรณีนายวุฒิพงศ์ ทองเหลา สส.ปราจีนบุรี ที่มีหลักฐานการแชตไลน์ในลักษณะล่วงละเมิดทางเพศแล้ว ยังมีกรณีล่าสุดที่ยังไม่มีการเปิดเผยชื่อ

โดยนายพริษฐ์ กล่าวว่า กรณีข้อกล่าวหาเรื่องการคุกคามทางเพศ โดย สส. อีก 1 คน ทางพรรคได้ทราบข้อมูลว่าได้เกิดเหตุการณ์ที่อาจเข้าข่ายการล่วงละเมิดทางเพศโดยสมาชิกพรรค ซึ่งปัจจุบันดำรงตำแหน่ง สส. ของพรรคก้าวไกล แม้ว่าทางพรรคยังไม่ได้รับเรื่องร้องเรียนโดยตรงจากบุคคลซึ่งอาจเข้าข่ายเป็นผู้เสียหาย ตั้งแต่ทราบเรื่อง ทาง คกก. วินัย ของพรรคได้เร่งติดต่อไปยังบุคคลดังกล่าว โดยตอนนี้อยู่ในขั้นตอนการรอความพร้อมของบุคคลดังกล่าว ในการให้ข้อมูลเพิ่มเติมเพื่อให้ข้อเท็จจริงปรากฏ

‘ปิยบุตร’ กระตุกต่อมสำนึก 'ก้าวไกล' ปมปัญหาความรุนแรงทางเพศ ชี้!! พูดถึงน้อย ไม่สมกับเป็นพรรคที่ชูจุดยืนเรื่องความเสมอภาค

(16 ต.ค. 66) นายปิยบุตร แสงกนกกุล เลขาธิการคณะก้าวหน้า โพสต์เฟซบุ๊กระบุ Piyabutr Saengkanokkul – ปิยบุตร แสงกนกกุล เรื่อง ‘ความรุนแรงทางเพศ คือ ปัญหาของทุกคน’ ระบุว่า จากประเด็นเรื่องข้อร้องเรียนปัญหาความรุนแรงทางเพศที่กระทำโดยผู้สมัครและ ส.ส. ของพรรคก้าวไกล หลายกรณีที่เป็นข่าวในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา ผมเฝ้ารอการแสดงออกของคนของพรรคก้าวไกลต่อเรื่องดังกล่าว พบว่ามีการพูดถึงประเด็นเหล่านี้น้อยมากอย่างไม่น่าเชื่อ น้อยจนไม่สมกับเป็นพรรคที่ประกาศจุดยืนและคุณค่าพื้นฐานของพรรคในเรื่องความเสมอภาคเท่าเทียม

ไม่เพียงเท่านั้น ที่ว่าน้อยนั้นก็ยังล่าช้าอีกด้วย กล่าวคือ ต้องให้สังคมและมวลชนของพรรคกดดันก่อนจึงจะมีเสียงของพรรคออกมา ต้องเกิดกรณีอื้อฉาวใหม่ จนคนโวยวายทักท้วง จึงค่อยพูดถึงกรณีอื้อฉาวเก่า ต้องมี ส.ส. ผู้ถูกร้องเรียน ไปไลฟ์สดแถลงเอง จนยิ่งเสียหายกับพรรค ทางพรรคถึงเกิดอาการตระหนก รีบออกมาแก้ไขแก้เกม มีเพียงการแถลงข่าวโดยพริษฐ์ วัชรสินธุ์ และศศินันท์ ธรรมนิฐินันท์ และมีแกนนำบางคนที่ถูกบังคับให้ตอบ เพราะหนีการสัมภาษณ์ไมค์รวมจากสื่อมวลชนไม่พ้น ในขณะที่มวลชนผู้สนับสนุนพรรคเรียกร้องให้พรรคก้าวไกลแสดงจุดยืนในประเด็นนี้ให้ชัดเจน

ปัญหาความรุนแรงทางเพศเป็นปัญหาของสังคมไทยและสังคมต่าง ๆ ทั่วโลก จำเป็นต้องมีการถูกพูดถึงอย่างตรงไปตรงมา ทุกคนควรร่วมกันถกเถียง แก้ไข หาทางออก และป้องกัน ไม่ใช่ว่าพอเป็นผู้สนับสนุนพรรคก้าวไกลแล้ว พอเรื่องเกิดกับพรรค ก็เลี่ยงไม่พูดถึงเรื่องนี้ ไม่ใช่ว่าการพูดถึงปัญหานี้แล้วกลายเป็นการจ้องทำลายพรรคก้าวไกลหรือเลิกสนับสนุนพรรคก้าวไกลไป

หลาย ๆ คนถามไถ่ผมเข้ามาทั้งต่อหน้า ทั้งทางกล่องข้อความ โทรศัพท์ และโพสถามผมในโลกออนไลน์ ว่าผมคิดเห็นอย่างไร ขอให้ผมเสนอแนะแนวทางแก้ไขปัญหา หรือแสดงจุดยืนในเรื่องนี้

ผมมีความเห็นต่อเรื่องดังกล่าว ดังนี้ พรรคก้าวไกลควรรับมือ จัดการ ป้องกัน เรื่องความรุนแรงทางเพศและการคุกคามทางเพศอย่างไร?

พรรคก้าวไกลต้องพัฒนาแนวทางและนโยบายต่อต้านการคุกคามทางเพศในสถานที่ทำงานอย่างเป็นรูปธรรม สร้างสถานที่ทำงานที่ปลอดภัยสำหรับทุกคน ครอบคลุมทั้ง ส.ส. ผู้สมัคร ส.ส. นายกท้องถิ่น สมาชิกสภาท้องถิ่น ทีมงานจังหวัด พนักงาน อาสาสมัคร จากข่าวในหลายกรณี จะเห็นได้ว่า ไม่มีการกำหนดช่องทางร้องเรียนกรณีการคุกคามทางเพศหรือความรุนแรงทางเพศที่ชัดเจน ผู้ที่ถูกกระทำมักต้องร้องเรียนไปที่ ส.ส. เป็นรายบุคคล หรือส่งเรื่องหาบุคคลในพรรคที่ผู้ถูกกระทำรู้สึกวางใจ หรือต้องส่งเรื่องหลายต่อกว่าจะถึงหูคณะนำพรรค

หากจะเอาจริงเอาจังกับเรื่องนี้ พรรคต้องกำหนดขั้นตอนปฏิบัติที่ชัดเจน สร้างระบบช่องทางร้องเรียนในเรื่องนี้ขึ้นมาโดยเฉพาะ พร้อมเผยแพร่ช่องทางให้ทุกคนทราบ เมื่อมีปัญหาเกิดขึ้น ผู้เสียหายจะได้รู้ว่าต้องดำเนินการอย่างไร กระบวนการร้องเรียนต้องเป็นความลับ เพื่อให้ผู้ที่ร้องเรียนไม่ต้องกังวลว่าการร้องเรียนจะเกิดผลกระทบกับหน้าที่การงาน เมื่อมีรายงานเหตุการณ์ความรุนแรงทางเพศ สิ่งสำคัญที่ต้องคำนึงถึง คือ ความต้องการและความปลอดภัยของผู้ร้องเรียนทั้งในระหว่างและหลังกระบวนการ พรรคต้องดำเนินการอย่างรวดเร็วและมีประสิทธิภาพ สอบสวนโดยคณะกรรมการที่เป็นกลาง อิสระ ไม่มีส่วนได้ส่วนเสีย หรือรู้จักมักคุ้นกับผู้ถูกกล่าวหา การให้ ส.ส. หรือคณะผู้บริหารพรรคไปเป็นกรรมการสอบสวน แบบที่ทำกันอยู่ในเวลานี้ อาจทำให้เกิด ‘ความเกรงใจ’ กันเอง จนตัดสินใจกันไปแบบ ‘ลูบหน้าปะจมูก’ เช่นกัน การให้องค์ประกอบคณะกรรมการสอบสวนในเรื่องนี้ มีแต่ ‘ชายแท้’ หรือ ‘ชายเป็นใหญ่’ หรือ ‘คนที่ไม่เข้าใจประเด็นปัญหาเหล่านี้’ ก็จะยิ่งทำให้การดำเนินการสอบสวน ให้ความเป็นธรรม ลงโทษผู้กระทำผิด และเยียวยาให้แก่ผู้เสียหาย ผิดทิศผิดทางไปกันใหญ่

นอกจากนี้ พรรคต้องมีกระบวนการช่วยเหลือให้ผู้ถูกกระทำพบแพทย์หรือนักจิตวิทยา ในท้ายที่สุด เมื่อคณะกรรมการพิจารณาแล้วว่ามีการกระทำความผิดจริง ก็ต้องดำเนินการลงโทษทางวินัยต่อผู้กระทำความผิดอย่างได้มาตรฐานเท่าเทียมกัน อาจกำหนดแนวทางการใช้ดุลพินิจ หรือ Guideline ในเรื่องอัตราโทษเอาไว้ เช่น การกระทำแบบใด ถือว่าร้ายแรง การกระทำแบบใด จะรับอัตราโทษเท่าไร เป็นต้น

หากพรรคไม่มีบุคลากรที่ชำนาญ มีความรู้ประสบการณ์ในการจัดการปัญหาการคุกคามทางเพศ พรรคก็ต้องสรรหาเชิญชวนบุคคลภายนอกเข้ามา ผมเชื่อว่ามีผู้รู้ผู้เชี่ยวชาญในเรื่องเหล่านี้ที่รักพรรคก้าวไกลและพร้อมช่วยเหลือ ในส่วนของบุคคลผู้กระทำผิดนั้น เขาต้องรับผิดชอบต่อการกระทำของตนเอง กล้าหาญออกมายอมรับผิด ขอโทษต่อผู้เสียหาย พรรค และประชาชน มิใช่ปล่อยให้คนอื่นในองค์กรมารับผิดชอบแทน โดยเฉพาะอย่างยิ่งการให้เพื่อน ส.ส. ที่ไม่ใช่ระดับผู้บริหารพรรคหรือคณะกรรมการที่รับผิดชอบพิจารณาโทษทางวินัยมารับหน้าที่แถลงอธิบายกับสังคม หรือให้สัมภาษณ์สื่อ เพื่อจัดการปัญหาแทน หากทำเช่นนี้ ก็เท่ากับเป็นการส่งสัญญาณว่า ความรุนแรงทางเพศไม่ใช่เรื่องสำคัญสำหรับพรรคก้าวไกล ไม่ใช่เรื่องใหญ่พอถึงขนาดต้องให้ผู้บริหารมาร่วมดำเนินการรับผิดชอบ

กรณีการแถลงข่าวของพรรคล่าสุด แสดงให้เห็นอย่างชัดเจนว่า คณะนำพรรคไม่กล้าเผชิญปัญหาเหล่านี้อย่างซึ่งหน้าและตรงไปตรงมา พรรคต้องไปเข็นเอา พริษฐ์ และศศินันท์ มา “รับเผือกร้อน แบกพรรค” แทน ทั้งๆ ที่พวกเขาไม่ได้เกี่ยวข้อง ไม่ได้อยู่ในกระบวนการรับเรื่องร้องเรียน หรือสืบสวนสอบสวน แต่พรรคเลือกพวกเขามาแถลง เพราะทั้งสองคนนี้ มีภาพลักษณ์ที่ดี และมีจุดยืนชัดเจนในเรื่องเหล่านี้ ส่วนคณะนำของพรรค คณะกรรมการสอบสวน และผู้กระทำความผิดก็ “ลอยตัว” ไป ไม่ต้องถูกสื่อถาม ไม่ต้อง “ช้ำ” จากการแถลงข่าว

พรรคก้าวไกลต้องสร้างบรรยากาศการสื่อสารเรื่องความรุนแรงทางเพศและความเท่าเทียมระหว่างเพศอย่างตรงไปตรงมา ไม่ซุกปัญหาไว้ใต้พรม ไม่ทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้ รอให้เกิดเรื่องแล้วค่อยแก้ไข พรรคต้องจัดการฝึกอบรมและสร้างความตระหนักรู้เรื่องความเท่าเทียมทางเพศให้กับบุคลากรทุกคน และหมั่นทำความเข้าใจในทุกสถานการณ์อย่างจริงจัง เท่าที่ผมทราบ พรรคก็มีความพยายามจัดอบรมในเรื่องเหล่านี้ แต่ให้เวลาน้อยไปหน่อย ในการประชุมหลายๆ ครั้ง เวทีอบรมเรื่องนี้มักเป็น “ของแถม” ไม่ถึงหนึ่งชั่วโมง และบรรดาคนในพรรค และ ส.ส. ก็มักไม่ค่อยให้ความสนใจ บรรยายไปแต่ละครั้ง กลับกลายเป็นเรื่องตลกโปกฮา แซวกันไปมาว่าใครมีพฤติกรรมอย่างไรเสียมากกว่า

ผมยังเห็นอีกว่า ถึงเวลาแล้วที่พรรคก้าวไกลต้องกล้าหาญทำเรื่องเหล่านี้ เผชิญหน้ากับปัญหาอย่างตรงไปตรงมา  มิใช่คิดแต่ “ผลลัพธ์ทางการเมือง” เป็นตัวนำ เช่น ไม่กล้าจัดการเรื่องนี้ตอนนี้ เพราะกลัวอื้อฉาว เดี๋ยวกระทบต่อการหาเสียงของพรรค เดี๋ยวกระทบกับการเลือกคนไปดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี เดี๋ยวกระทบกับการเลือกตั้งซ่อม เดี๋ยวกระทบนั่น เดี๋ยวกระทบนี่ หากคิดแต่เอาปัจจัยการเมืองมาเป็นองค์ประกอบหลักในการตัดสินใจเช่นนี้ พรรคก้าวไกลก็จะไม่กล้าทำอะไรในเรื่องดังกล่าวเลย ต้องยอมรับว่า เมื่อไรเกิดกรณีความรุนแรงทางเพศหรือการคุกคามทางเพศภายในพรรคขึ้น ก็ย่อมส่งผลร้ายต่อภาพลักษณ์ของพรรคอยู่แล้ว แต่การกลัวหรือกังวลใจกับภาพลักษณ์ของพรรคจนไม่กล้าตัดสินใจ จนปิดเรื่องซ่อนเอาไว้ หรือ “ซื้อเวลา” ออกไปเรื่อยๆ จนในที่สุดเรื่องแดงออกมา แล้วก็มาตามแก้ไข สุดท้ายพรรคก็เสียหายอยู่ดี และเสียหายเพิ่มเป็นหลายเท่า จนคนในสังคมเริ่ม “เอ๊ะ” ว่าพรรคก้าวไกลก็ไม่ต่างอะไรกับพรรคอื่นๆ ในเรื่องเหล่านี้ พรรคก้าวไกลได้แต่โม้โฆษณาชวนเชื่อเรื่องความเสมอภาคเท่าเทียมไปอย่างนั้นเอง

(นี่ไม่ใช่การกล่าวหาลอยๆ หรือตั้งสมมุติฐาน แต่คือข้อเท็จจริง มีคนในพรรคหลายคนมาเล่าให้ผมฟังว่า ความล่าช้าในการตัดสินใจในการจัดการปัญหาการคุกคามทางเพศ ส่วนหนึ่งเกิดจากคณะนำพรรคมัวแต่กังวลกับแต้มทางการเมือง กังวลว่าพรรคจะเสียหายโดนโจมตีในช่วงเลือกตั้ง หรือตั้งรัฐบาล)

ในส่วนของคณะนำและผู้หลักผู้ใหญ่ในพรรค ต้องช่วยกันปรับทัศนคติตนเอง ให้คิดเรื่องนี้อย่างจริงจัง ตระหนักรู้ถึงปัญหา และต้องการจัดการแก้ไขปัญหา ไม่ให้มีความรุนแรงทางเพศเกิดขึ้นในองค์กรของตน คณะนำต้องอย่าคิดแต่เรื่องภาพลักษณ์พรรค อย่าคิดแต่ว่า ปัญหาเหล่านี้เหมือน “ยุงรำคาญ” ที่บินมาไต่ตอมพรรค พอเกิดเรื่องที ก็ได้แต่บ่นกันในหมู่คณะนำของตนเองว่า “อีกแล้ว มีปัญหาอีกแล้ว ไอ้ห่าเอ๊ย เมื่อไรจะจบสักที เมื่อไรจะทำตัวดีๆ สักที เมื่อไรจะหยุดสร้างปัญหาให้พรรคเสียที” หากคณะนำและผู้หลักผู้ใหญ่ในพรรคมีทัศนคติแบบนี้ ก็จะไม่หาทางแก้ปัญหาให้ตรงจุด แต่จะเน้นแก้ปัญหาไม่ให้พรรคเสียหาย เสียภาพ มากกว่าคิดหาหนทางแก้ไขป้องกันไม่ให้เกิดเรื่องเหล่านี้อีก นานวันเข้าก็อาจนำไปสู่การคิดค้นหาวิธีการ “ปิดลับไม่ให้เรื่องแดง” ไม่ได้สนใจแก้ปัญหายุติความรุนแรงทางเพศภายในองค์กร

ข้อเสนอแนะถึง ส.ส. ผู้สมัคร ทีมงานทุกจังหวัด พนักงานพรรค การร้องเรียนเกี่ยวกับการคุกคามทางเพศเกิดขึ้นกับพรรคก้าวไกลหลายครั้ง แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าการคุกคามและความรุนแรงทางเพศเกิดขึ้นแต่เฉพาะกับคนของพรรคก้าวไกล มีแต่พรรคก้าวไกลที่มีแต่คนประพฤติปฏิบัติเรื่องนี้ ส่วนหนึ่งที่พรรคก้าวไกลถูกโจมตีและเป็นข่าวในเรื่องเหล่านี้บ่อยกว่าพรรคอื่นๆ ก็เพราะพรรคก้าวไกลประกาศจุดยืนเรื่องความเท่าเทียม แสดงตนว่าจะเอาจริงเอาจังกับปัญหาความรุนแรงทางเพศ ในขณะที่พรรคอื่นๆ อาจไม่สนใจหรือถือเป็นประเด็นใหญ่

ความรุนแรงทางเพศเป็นปัญหาเรื้อรังของสังคมไทย เกิดขึ้นอย่างแพร่หลาย ปรากฏให้เห็นตามหน้าข่าวไม่เว้นแต่ละวัน ความรุนแรงทางเพศสามารถเกิดขึ้นกับใครก็ได้ ไม่ว่าจะมีเพศสภาพ เพศวิถี หรือรสนิยมทางเพศอย่างไร อายุเท่าไร อยู่ในสถานการณ์ไหนก็ตาม ตามรายงานของ UN WOMEN พบว่า 1 ใน 3 ของผู้หญิงทั่วโลกต้องเคยเผชิญความรุนแรงรูปแบบใดรูปแบบหนึ่งในชีวิต สำหรับประเทศไทย 44% ของผู้หญิงถูกกระทำความรุนแรงจากคนในครอบครัวหรือจากคนที่ตนรู้จัก โดยสาเหตุของความรุนแรงเกิดจากความมีอคติต่อผู้หญิงและระบบปิตาธิปไตยที่ผู้ชายเป็นผู้กุมอำนาจหลัก

คนในพรรคก้าวไกลทั้งหมดสามารถร่วมมือกัน ช่วยกันจัดการปัญหาเหล่านี้ได้ สิ่งที่ง่ายที่สุดที่สามารถทำได้ทันที ไม่ต้องรอ ไม่ต้องให้พรรคกำหนดกฎกติกาหรือออกแบบระบบ นั่นก็คือ ส.ส. และคนของพรรคก้าวไกล ต้องไม่ปล่อยให้เรื่องความรุนแรงทางเพศและความเท่าเทียมระหว่างเพศเป็นประเด็นที่ ส.ส. หญิง และ ส.ส. LGBTIQ+ ทำงาน รณรงค์ หรือต่อสู้เท่านั้น คนของพรรคก้าวไกล  และ สส. ทุกคนต้องเข้าไปมีส่วนร่วมในการผลักดัน ส.ส. ชาย ที่มีความคิดแบบชายเป็นใหญ่ทั้งหลาย ไม่ว่าจะรูัตัวหรือไม่รู้ตัวก็ตาม ต้องหาความรู้ ค้นคว้า อ่านหนังสือ ฟังเสวนา ในเรื่องสตรีนิยมและความเท่าเทียมทางเพศ ให้มากขึ้น อย่ามองว่าสตรีนิยมคือเรื่องของการเกลียดผู้ชาย ต้องหันมาทำความเข้าใจปัญหาความไม่เท่าเทียมทางเพศให้ได้ก่อน

คนรุ่นเราหรือก่อนเรา ถูกปลูกฝังเลี้ยงดู ถูกสื่อ ภาพยนตร์ โฆษณา วัฒนธรรม ครอบงำ มาในแบบ “ชายเป็นใหญ่” วิธีคิดเหล่านี้ฝังหัวเราลงไป จนบางครั้ง เราไม่รู้ตัว เราไม่รู้สึกว่า การกระทำของเราแบบนี้ผิด เราคิดว่า นี่คือเรื่องปกติธรรมดา แต่เมื่อเวลาผ่านไป สังคมก้าวหน้ามากขึ้น กฎเกณฑ์ทางสังคมทางวัฒนธรรมเปลี่ยนไปมากขึ้น และเมื่อพรรคก้าวไกลประกาศจุดยืนในเรื่องเหล่านี้ บรรดาผู้ชายในพรรคทั้งหมด ก็ต้องปรับตัว พร้อมเรียนรู้

ส.ส. ชาย ผู้ชายในพรรค ต้องไม่เป็น bystanders หรือผู้เห็นเหตุการณ์แล้วแต่ไม่ทำอะไร เลือกที่จะนิ่งเฉย ธุระไม่ใช่ อย่าไปยุ่งเลย เดี๋ยวจะซวยเปล่าๆ ส.ส. ชาย ผู้ชายในพรรค ต้องไม่เป็นส่วนหนึ่งของการบ่มเพาะวัฒนธรรมชายเป็นใหญ่และความมีอคติต่อผู้หญิง เมื่อไรก็ตามที่เราพบเห็นการคุกคามทางเพศ ไม่ว่าจะเป็นการแตะเนื้อต้องตัวโดยไม่เหมาะสม พฤติกรรมที่สร้างสภาพแวดล้อมการทำงานที่ไม่เป็นมิตร เช่น การเล่าเรื่องตลกทางเพศที่ลามกอนาจาร การประพฤติที่ไม่พึงประสงค์ ล่วงละเมิด หรือคุกคามอันเป็นเงื่อนไขในการจ้างงานหรือความก้าวหน้าต่างๆ เป็นต้น เราทุกคนสามารถทำอะไรบางอย่างกับเรื่องนี้ได้ โดยไม่ต้องแกล้งทำเป็นขำๆ ไปตามสถานการณ์ ต้องรู้จักตักเตือนกัน และทำความเช้าใจกันในเรื่องเหล่านี้อยู่เสมอ

ผมขอแนะนำให้ ส.ส. ชายทุกคนเริ่มจากการชมคลิป Ted Talk ของ Jackson Katz ที่พูดถึงบทบาทของผู้ชายในการแก้ปัญหาความรุนแรงทางเพศไว้ได้เข้าใจง่ายและนำไปปฏิบัติต่อได้ง่าย https://www.npr.org/…/jackson-katz-why-we-can-no-longer… คนของพรรคก้าวไกลต้องตระหนักว่า การจัดการปัญหาความรุนแรงทางเพศ เป็นเรื่องที่ต้องทำอย่างจริงจัง เพื่อแก้ปัญหา ไม่ใช่ต้องทำเพราะกลัวเป็นข่าวหรือกลัวตนเองเดือดร้อนหรือกลัวพรรคเสียคะแนน แต่เราต้องทำ เพราะนี่คือส่วนหนึ่งของการรื้อถอนวัฒนธรรมชายเป็นใหญ่ในสังคม และสร้างความเท่าเทียมทางเพศ ความเคารพต่อผู้อื่นให้เกิดขึ้นจริง

ส.ส. หญิงของพรรคก้าวไกลก็ต้องอย่านิ่งเฉยกับสถานการณ์ ต้องหมั่นเรียกร้องภายในพรรคให้มีการดำเนินการที่เป็นรูปธรรมในระยะยาว ไม่ว่าจะเป็นการจัดอบรม ให้ความรู้ ทำความเข้าใจ และให้การช่วยเหลือ การเปิดพื้นที่ให้ผู้หญิงได้เข้ามีบทบาททางการเมืองอย่างแท้จริง ต้องมาพร้อมกับสภาพแวดล้อมการทำงานที่ปลอดภัยจากการคุกคามทางเพศสำหรับผู้หญิงและคนทุกเพศด้วย มิใช่แข่งกันแต่เพียงว่าพรรคไหนมี ส.ส. หญิงมากกว่ากันเท่านั้น

การเป็น “ลูกที่ดี” ของพรรค มิใช่ การเอาอกเอาใจคณะนำ มิใช่ การเงียบ ไม่โต้เถียง ไม่แสดงความเห็นตรงไปตรงมาต่อคณะนำ เพราะกลัวตนเองถูกหมายหัว ไม่ได้ลง ส.ส. ครั้งหน้า

การเป็น “ลูกที่ดี” ของพรรค มิใช่ คิดแต่เรื่องตนเอง คิดแต่เรื่องพื้นที่ตนเอง คิดแต่ความนิยมของตนเอง ส่วนเรื่องไหนที่เป็นเรื่องส่วนรวม ก็ไม่ยุ่ง ยุ่งแล้วเดี๋ยวซวย

การเป็น “ลูกที่ดี” ของพรรค มิใช่ การร่วมมือกันปกปิดความผิด เพื่อปกป้องภาพลักษณ์พรรค

แต่การเป็น “ลูกที่ดี” ของพรรค ต้องอยากให้พรรคดี

แล้วพรรคก้าวไกลจะดีได้อย่างไร หากทุกคนพบเห็นพฤติกรรมความรุนแรงทางเพศหรือการคุกคามทางเพศ แล้วเลือกที่จะ “เงียบ” แล้วปล่อยให้ทุกสิ่งอย่างเป็นไปสุดแท้แต่คณะนำกำหนดให้เป็น

ข้อสังเกตส่งท้าย พรรคก้าวไกลพยายามยกระดับมาตรฐานการเมืองไทย ประกาศจุดยืนเรื่องความเท่าเทียม และต่อต้านการคุกคามทางเพศและความรุนแรงทางเพศ จึงเป็นธรรมดาอยู่เองที่พรรคก้าวไกลจะถูกเรียกร้องมากกว่าพรรคอื่นๆ เช่นเดียวกัน ก็ถูกตามจับผิดในเรื่องเหล่านี้มากกว่าพรรคอื่นๆ ด้วย

เมื่อพรรคก้าวไกลเป็นความหวังของผู้คนจำนวนมาก พรรคก้าวไกลก็ต้องจัดการเรื่องเหล่านี้ให้สำเร็จ การวางมาตรฐานการยุติความรุนแรงทางเพศในระดับพรรค จะเป็นจุดเริ่มต้นไปสู่ระดับสังคมด้วย หากพรรคก้าวไกลทำสำเร็จ ก็จะส่งผลแรงกดดันไปถึงพรรคอื่นๆ องค์กรอื่นๆ ช่วยยกมาตรฐานให้การเมืองไทยได้

ในส่วนของพรรคอื่นๆ หรือผู้สนับสนุนพรรคอื่น หรือผู้ที่ไม่นิยมพรรคก้าวไกล หากจริงจังกับปัญหาความรุนแรงทางเพศอย่างแท้จริง ก็ต้องไม่นำปัญหาความรุนแรงทางเพศมาเป็นแค่เครื่องมือโจมตีทางการเมืองแต่เพียงอย่างเดียว แต่ต้องพูดถึงประเด็นนี้ด้วยความตั้งใจจะแก้ไขปัญหาจริงๆ มิใช่ พอเกิดเรื่องกับพรรคก้าวไกลที ก็ “ถูมือ ลูบปาก” เอาล่ะ ได้ทีแล้ว พวกเรา ถล่มมันเลย แต่พอเกิดเรื่องแบบนี้กับพรรคที่ตนสนับสนุนหรือพรรคอื่นๆ ก็เงียบกริบ ทำเป็นไม่รู้ไม่เห็น

ความรุนแรงทางเพศ การคุกคามทางเพศ คือ ปัญหาสำคัญของสังคมไทย คือ ปัญหาร่วมกันของทุกคน ต้องช่วยกันแก้ปัญหาอย่างจริงจัง มิใช่มุ่งเน้นแต่เอามาใช้โจมตีกันทางการเมือง

ไขข้อข้องใจ!! หลากวิธีที่อาจส่อคุกคามทางเพศ แม้ 'ชมหยอก' แต่อีกฝ่าย 'หวาดกลัว-อับอาย' เท่ากับเสี่ยง

อุปนิสัย ใจคอของคนไทยเรา เป็นคนใจดี ร่าเริง สนุกสนาน ยิ้มง่าย การพูดจาหยอกล้อ ระหว่างคนในครอบครัว เพื่อนฝูง เพื่อนร่วมงาน เพื่อเรียกเสียงหัวเราะ และรอยยิ้ม พฤติกรรมเช่นนี้จึงเป็นเรื่องที่อยู่กับสังคมไทยมาช้านาน 

แต่ในบางครั้ง เมื่อผู้พูดมีเจตนาไปในทางไม่เหมาะสม เช่นการพูดเรื่องสองแง่ สองง่าม พูดตลกเรื่องเพศ คู่สนทนาอาจไม่ได้มีความรู้สึกคล้อยตามคำพูดต่าง ๆ ของผู้พูด และทำให้เกิดความรู้สึกอึดอัด ไม่สบายใจ หรือเกิดความกลัว สิ่งเหล่านี้จะถือเป็นการคุกคามทางเพศต่อผู้ฟังหรือไม่ และมีโทษทางกฎหมายอย่างไร

ตามประมวลกฎหมายอาญา กำหนดความผิดเกี่ยวกับความผิดทางเพศไว้ 4 ประเภทได้แก่ 

1.ความผิดฐานข่มขืนกระทำชำเรา  
2.ความผิดฐานกระทำอนาจาร 
3.ความผิดฐานค้าบุคคลเพื่อความใคร่ 
4. ความผิดฐานค้าสิ่งลามกอนาจาร 

ความผิดเกี่ยวกับการคุกคามทางเพศ ไม่ได้มีกฎหมายกำหนดไว้โดยเฉพาะ แต่มีบททั่วไป วางเกณฑ์กว้าง ๆ ไว้ว่า ถ้ากระทำด้วยประการใด ๆ ต่อผู้อื่นอันเป็นการรังแก ข่มเหง คุกคามหรือ กระทำให้ได้รับความอับอายหรือเดือดร้อนรำคาญ จะเป็นความผิดและมีโทษ 

ถ้าการกระทำความผิดตามวรรคหนึ่งเป็นการกระทำในที่สาธารณสถาน หรือต่อหน้าธารกำนัลหรือเป็นการกระทำอันมีลักษณะส่อไปในทางที่จะล่วงเกินทางเพศ ก็จะได้รับโทษหนักขึ้น 

และหากอาศัยเหตุที่ผู้กระทำมีอำนาจเหนือผู้ถูกกระทำอันเนื่องจากความสัมพันธ์ในฐานะผู้บังคับบัญชาชา นายจ้าง หรือผู้มีอำนาจที่เหนือ ประการอื่น ก็จะต้องรับโทษหนักขึ้นไปอีก

การคุกคามทางเพศมีหลายวิธีการ เช่น การคุกคามทางเพศทางวาจาเช่น “ห้องพี่ว่างนะ” “มีค่าเทอมรึยัง”   การคุกคามทางเพศโดยการสัมผัสร่างกาย เช่น การตั้งใจยืนเบียดบนรถโดยสาร การคุกคามทางเพศโดยกิริยาท่าทาง เช่น การแสดงท่าทางที่ไม่เหมาะสม ผิวปากแซว หรือการคุกคามทางเพศทางออนไลน์ เช่นการส่งรูปเปลือยหรือรูปที่ไม่เหมาะสม ให้ผู้อื่น

ดังนั้น ตามที่ปรากฏข่าวว่ามีท่าน สส.ผู้ทรงเกียรติ ส่งข้อความชวนคุยเรื่องเพศ ถึงทีมงานหาเสียงในสังกัดของท่าน ที่เป็นสุภาพสตรี ไม่ว่าจะเกิดจากการ ‘ชมหยอก’ หรือเจตนาอื่น ซึ่งทำให้สุภาพสตรีท่านนั้น รู้สึกหวาดกลัว อับอาย หรือเดือดร้อนรำคาญ คนส่งอาจจะสนุกฝ่ายเดียว แต่ผู้รับคงไม่รู้สึกสนุกด้วย  และอาจมีความผิดตามกฎหมาย 

อดีตคณะทำงานก้าวไกล แฉ!! ถูก สส.ฝั่งธนฯ ‘ลวนลาม-ขอมีเซ็กซ์’ นักข่าวโทรพิสูจน์ 6 สส. พบ ‘ปฏิเสธ-ไม่รับสาย-ตัดสาย-ติดต่อไม่ได้’

(20 ต.ค.66) ผู้สื่อข่าวรายงานจากพรรคก้าวไกล (ก.ก.) ถึงกรณีมีผู้เสียหายซึ่งเป็นอดีตคณะทำงานของสส.พรรค ก.ก. ได้เข้าร้องเรียนกับทางสำนักข่าวเนชั่นทีวี ว่า ถูก สส.กทม. ฝั่งธนบุรี พรรค ก.ก. รายหนึ่ง คุกคามทางเพศ ด้วยพฤติการณ์ อาทิ ลวนลาม แตะเนื้อต้องตัว จนถึงขั้นขอมีเพศสัมพันธ์ โดยผู้เสียหายอ้างว่า เมื่อ สส.คนดังกล่าวทราบเรื่องว่าถูกร้องเรียนให้พรรค ก.ก.ตรวจสอบ ได้โทรศัพท์ไปร้องไห้ขอความเห็นใจจากคณะกรรมการวินัยพรรค อ้างว่า เป็นเรื่องสมยอมกัน และขอให้ลงโทษสถานเบานั้น

เมื่อสำรวจ รายชื่อ สส.กทม. ฝั่งธนฯ พรรคก.ก. มีทั้งหมด 10 คน จาก 10 เขต เป็นชาย 6 คน และหญิง 4 คน

โดยผู้สื่อข่าว โทรศัพท์ไปสอบถาม สส.กทม.ชาย ฝั่งธนบุรี พรรคก้าวไกล เพื่อสอบถามข้อเท็จจริง ปรากฏว่า นายณัฐชา บุญไชยอินสวัสดิ์ เขตบางขุนเทียน นายเท่าพิภพ ลิ้มจิตรกร เขตธนบุรี นายสิริน สงวนสิน เขตทวีวัฒนา ต่างปฏิเสธเป็นเสียงเดียวกัน ว่า ไม่ใช่ผู้ถูกร้องเรียน และไม่ใช่สส.ฝั่งธนบุรี ที่มีพฤติกรรม ตามที่ร้องเรียนดังกล่าวแต่อย่างใด

ส่วนนายธัญธร ธนินวัฒนาธร เขตบางแค  ไม่รับสาย

นายพงศ์พันธ์ ยอดเมืองเจริญ เขตบางพลัด -บางกอกน้อย ยังติดต่อไม่ได้ เนื่องจากไม่มีสัญญาณโทรศัพท์

ขณะที่ นายไชยามพวาน มั่นเพียรจิตต์ เขตจอมทอง ผู้สื่อข่าวได้โทรหาหลายรอบ เมื่อนายไชยามวาน รับสาย และรู้ว่าเป็นสื่อมวลชนโทรหา เจ้าตัวได้วางสายทันที


TRENDING
© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top