Saturday, 4 May 2024
กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม

‘ดีอีเอส - ETDA’ เตรียมลุย 10 จังหวัดทั่วไทย เร่งสร้างภูมิคนไทยรู้ทันปัญหาออนไลน์

วันนี้ (23 ธ.ค. 65) กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม โดยสำนักงานพัฒนาธุรกรรมทางอิเล็กทรอนิกส์ (สพธอ.) หรือ ETDA (เอ็ตด้า) จัดงานแถลงข่าว Kick off เปิดตัวโปรเจค ‘1212 ETDA Workshop : สร้างภูมิคนไทยรู้ทัน ปัญหาออนไลน์’ จับมือพาร์ตเนอร์ลุยพัฒนาทักษะการรู้เท่าทันโลกออนไลน์และกระบวนการช่วยเหลือหากต้องตกเป็นเหยื่อภัยออนไลน์ แก่เจ้าหน้าที่ ข้าราชการ และผู้นำท้องถิ่นในพื้นที่ 10 จังหวัดทั่วประเทศ เริ่มจังหวัดแรก 25 มกราคมนี้

นายชัยวุฒิ ธนาคมานุสรณ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม ในฐานะประธานเปิดงาน กล่าวว่า ปัจจุบันประเทศไทยเข้าสู่ยุคดิจิทัล ทุกกิจกรรมขับเคลื่อนด้วยเทคโนโลยีและการทำธุรกรรมออนไลน์กันแทบทั้งสิ้น แน่นอนว่าสิ่งเหล่านี้ไม่เพียงช่วยอำนวยความสะดวก ให้เราสามารถดำเนินกิจกรรมต่าง ๆ ติดต่อสื่อสาร ทำงาน ตลอดจนทำธุรกิจได้รวดเร็ว เพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันให้มากขึ้นเท่านั้น เพราะสิ่งที่ตามมา คือ ภัยหรือปัญหาที่แฝงมากับโลกออนไลน์ ไม่ว่าจะเป็น การฉ้อโกงและอาชญากรรมออนไลน์, แก๊ง Call Center, บัญชีม้า, การหลอกลวงลงทุน-ระดมทุนออนไลน์และหลอกลวงทางการเงิน, การพนันออนไลน์, การหลอกลวงซื้อขายสินค้าและเว็บไซต์ผิดกฎหมาย เป็นต้น 

ปัญหาเหล่านี้ เพิ่มขึ้นต่อเนื่องเป็นเงาตามตัว โดยจากการให้บริการรับเรื่องร้องเรียนปัญหาออนไลน์ ของศูนย์ช่วยเหลือและจัดการปัญหาออนไลน์ 1212ETDA พบว่า ปี 2565 (มกราคม - พฤศจิกายน 65) ได้รับเรื่องร้องเรียนปัญหาออนไลน์สูงถึง 59,794 ครั้ง สูงกว่าปี 2564 ที่มีจำนวนติดต่อ 54,348 ครั้ง 

โดยปัญหาซื้อขายออนไลน์ยังคงครองแชมป์ สูงเป็นอันดับ 1 รองลงมา คือ ปัญหาเว็บไซต์ผิดกฎหมาย, สอบถามข้อสงสัย และแจ้งเบาะแส แก๊ง Call Center SMS หลอกลวง ฯลฯ แม้จากการให้บริการช่วยเหลือและจัดการปัญหาออนไลน์ของ 1212ETDA พร้อมกับพาร์ตเนอร์ที่เกี่ยวข้องครอบคลุมทั่วประเทศในระดับชุมชน สามารถผลักดันให้ประชาชนผู้ประสบปัญหาเข้าถึงการช่วยเหลือดูแลแล้วกว่า 95% จากจำนวนผู้ร้องเรียนทั้งหมด แต่การทำให้ผู้ใช้งาน ตลอดจนเจ้าหน้าที่ ผู้นำในชุมชน เกิดความรู้ความเข้าใจและรู้เท่าทันภัยออนไลน์ ตลอดจนรู้วิธีการรับมือ การเข้าถึงกระบวนการการช่วยเหลือผ่านช่องทางต่าง ๆ เพื่อไม่ให้ตกเป็นเหยื่อนั้น จึงเป็นอีกประเด็นที่ทุกภาคส่วนต่างให้ความสำคัญ เนื่องจากเป็นการป้องกันปัญหาที่อาจจะเกิดขึ้นตั้งแต่ต้นน้ำ

ดังนั้น กระทรวงดิจิทัลฯ โดยสำนักงานพัฒนาธุรกรรมทางอิเล็กทรอนิกส์ หรือ ETDA ในฐานะหน่วยงานที่มุ่งยกระดับและส่งเสริมให้คนไทยเกิดการทำธุรกรรมออนไลน์ที่มั่นคงปลอดภัยน่าเชื่อถือ จึงร่วมกับพาร์ตเนอร์ที่เกี่ยวข้อง อาทิ สำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภค (สคบ.), สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.), กรมพัฒนาธุรกิจการค้า, กองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเทคโนโลยี (ปอท.), สำนักงานมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม, กรมการค้าภายใน, ศูนย์ปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยีสารสนเทศ (ศปอส.ตร.) ฯลฯ จึงจัดกิจกรรม ‘1212 ETDA Workshop : สร้างภูมิคนไทย รู้ทันปัญหาออนไลน์’ เพื่อนำผู้เชี่ยวชาญจากหน่วยงานต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้อง ลงพื้นที่ถ่ายทอดความรู้และจัดกิจกรรมเชิงปฏิบัติการสร้างความรู้ ความเข้าใจต่อภัยออนไลน์ ตลอดจนรู้วิธีป้องกัน การช่วยเหลือ และการจัดการปัญหาออนไลน์แก่ ข้าราชการ เจ้าหน้าที่ในหน่วยงานระดับภูมิภาค ผู้นำชุมชน และประชาชนที่สนใจ ตามพื้นที่จังหวัดต่าง ๆ รวมกว่า 10 จังหวัดทั่วประเทศ รวมกว่า 2,000 คน ภายใต้เนื้อหาที่น่าสนใจและเข้าใจง่าย ไม่ว่าจะเป็น การอัปเดตเทรนด์ภัยออนไลน์ รูปแบบกลลวงในรูปแบบต่าง ๆ วิธีการรับมือ ตลอดจนแนวทางการให้คำแนะนำ การให้ความช่วยเหลือ การประสานติดต่อหน่วยงานท้องถิ่นและส่วนกลางที่เกี่ยวข้องในแต่ละประเด็น และการสร้างความตระหนักรู้และการรู้เท่าทันออนไลน์ในการใช้อินเทอร์เน็ตอย่างสร้างสรรค์ ไปกับหลักสูตร EDC หรือ  ETDA Digital Citizen เป็นต้น

DES เตือนสายช็อปซื้อของออนไลน์ช่วงปีใหม่ หากพบปัญหา แจ้งสายด่วน 1212 ได้ตลอด 24 ชม.

(29 ธ.ค. 65) นางสาวนพวรรณ หัวใจมั่น โฆษกกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคมฝ่ายการเมือง (ดีอีเอส) กล่าวว่า ในเทศกาลปีใหม่ จะเป็นช่วงเวลาที่ประชาชนจำนวนมากจะซื้อสินค้าในราคาพิเศษและโปรโมชันต่าง ๆ มากมาย อีกช่องทางในการซื้อสินค้าคือการสั่งซื้อทางออนไลน์ ทางศูนย์ต่อต้านข่าวปลอม กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม ขอฝากเตือนประชาชนในการซื้อสินค้าให้สามารถซื้อสินค้าได้อย่างคุ้มค่า และปลอดภัย ดังนี้

1. เลือกดูสินค้าและสังเกตราคาก่อนเข้าร่วมโปรโมชั่นให้ดี ควรสำรวจราคาสินค้าที่ต้องการซื้อ เพื่อดูว่าสินค้าในราคาปกติก่อนเข้าร่วมโปรโมชันลดราคานั้นมีราคาเท่าไร เพราะบ่อยครั้งที่บางร้านใช้โอกาสติดป้าย ลดราคาเพื่อร่วมแคมเปญ แต่ถือโอกาสขึ้นราคาสินค้าให้แพงกว่าปกติ รวมทั้งเปรียบเทียบราคาสินค้าชนิดเดียวกันจากหลายร้านค้าเพื่อให้ได้สินค้าในราคาที่คุ้มค่าที่สุด

2. ศึกษาร้านค้าก่อนเลือกซื้อ ควรตรวจสอบความน่าเชื่อถือของร้านค้าออนไลน์เป็นอีกหนึ่งข้อสำคัญที่ควรทำไม่ว่าจะเป็นการตรวจดูว่าร้านค้านั้น ๆ ได้รับการรับรองจากแพลตฟอร์มหรือไม่ อ่านรีวิวสินค้าจากผู้ซื้อคนอื่น ๆ ประกอบการตัดสินใจ หรืออ่านนโยบายดูแลหลังการขาย / การเคลมสินค้าของร้าน

3. ศึกษาโปรโมชั่นพิเศษ / โค้ดส่วนลด เนื่องจากบ่อยครั้งสิทธิพิเศษต่าง ๆ จะมีจำนวนจำกัด หากอยากได้สินค้าในราคาที่สุดคุ้มค่ายิ่งกว่าเดิม ก็ควรทำการศึกษาเงื่อนไขโปรโมชัน ระยะเวลาที่เข้าร่วมโปรโมชัน และเตรียมตัวเก็บโค้ดส่วนลดในช่วงเวลาต่าง ๆ ที่ร้านค้าได้จัดเตรียมไว้ให้ผู้ซื้อ

'ชัยวุฒิ' มุ่ง!! สิงห์บุรี เตรียมความพร้อมกิจกรรม 'ข้าวรักษ์โลก' พร้อม 'เยี่ยมเยียน-รับฟังปัญหา' พี่น้องชาวลพบุรี

วันนี้ (5 ม.ค.65) นายชัยวุฒิ ธนาคมานุสรณ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (ดีอีเอส) พร้อมคณะ ลงพื้นที่ บริเวณ ต.อินทร์บุรี อ.อินทร์บุรี จ.สิงห์บุรี โดยเพื่อตรวจเยี่ยมความก้าวหน้าพื้นที่ก่อสร้างพนังกั้นน้ำ จากนั้นจะออกเดิน ต.น้ำตาล เดินทางต่อไปยังพื้นที่นานำร่อง หมู่ที่ 1 ต.น้ำตาล อ.อินทร์บุรี จ.สิงห์บุรี เพื่อตรวจความเรียบร้อยและรอต้อนรับ นายกรัฐมนตรี พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา ที่จะมาเป็นประธานเปิดกิจกรรม 'ข้าวรักษ์โลก' ในวันที่ 6 ม.ค.65 นี้

"วันพรุ่งนี้ถือเป็นวันสำคัญของชาว จ.สิงห์บุรี จึงจำเป็นต้องมีการตรวจความเรียบร้อยเพื่อต้อนรับ นายกรัฐมนตรี พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา" นายชัยวุฒิ กล่าว

'ชัยวุฒิ' นำทีมเปิดตัว ว่าที่ผู้สมัคร ส.ส.พปชร.ลพบุรี ยัน!! ลุงป้อมใจดี พร้อมฟังเสียงประชาชน

เมื่อเย็นวันที่ (5 ม.ค. 66) เวลา 18.00 น. ณ ศูนย์ประสานงานพรรคพลังประชารัฐ เขต 1 จ.ลพบุรี นายชัยวุฒิ ธนาคมานุสรณ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม ในฐานะรองหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ นำทีมว่าที่ผู้สมัคร ส.ส.พรรคพลังประชารัฐ จ.ลพบุรี ขึ้นเวทีเปิดตัวครบทุกเขต เขต 1 พอ.สุชาติ คัดสูงเนิน, เขต 2 นายณฐพงศ์ นรสิงห์, เขต 3 นายไสว วงศ์ศรี และเขต 4 นายสนั่น พรหมสุข โดยบรรยากาศในวันนี้เต็มไปด้วยประชาชนในพื้นที่ จ.ลพบุรี ที่มาให้กำลังใจ ว่าที่ ผู้สมัคร สส.จ.ลพบุรี อย่างอบอุ่น มีการมอบดอกไม้และคล้องพวงมาลัย รวมทั้งถ่ายภาพร่วมกันอย่างใกล้ชิดเป็นกันเอง

และในโอกาสนี้ นายชัยวุฒิได้ร่วมพูดปราศรัย โดยได้กล่าวว่า “ในฐานะคนทำงานนั้น ตนดีใจที่ได้เห็นพี่น้องประชาชนชาวจ.ลพบุรี ให้การต้อนรับว่าที่ผู้สมัคร ส.ส.พลังประชารัฐกันอย่างล้นหลาม และในการเลือกตั้งที่กำลังจะเกิดขึ้น พรรคพลังประชารัฐนั้นก็ได้มีบุคลากรจำนวนมากที่มีความรู้ความสามารถ และมีใจที่พร้อมจะรับใช้พี่น้องประชาชน ซึ่งทางพรรคพลังประชารัฐนั้นก็ได้ลงพื้นที่ในจังหวัดลพบุรีมาโดยตลอด ทำให้ได้รับรู้ถึงปัญหา และความต้องการของพี่น้องประชาชนชาวจังหวัดลพบุรีเป็นอย่างดี และมั่นใจว่าหากได้รับความไว้วางใจจากพี่น้อง ได้รับโอกาสให้เป็นตัวแทนของประชาชน จังหวัดลพบุรีก็จะได้รับการพัฒนาอย่างแน่นอน” นายชัยวุฒิกล่าวรับปากอย่างหนักแน่น

คลินิกกองทุนพัฒนาดิจิทัลฯ ลงพื้นที่นครศรีฯ ให้แนวทาง 'มหาวิทยาลัย-หน่วยงาน' เพื่อยื่นเสนอขอรับทุน

กองทุนพัฒนาดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม โดยสำนักงานคณะกรรมการดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม ลงพื้นที่จังหวัดนครศรีธรรมราช เพื่อจัดงานสัมมนา คลินิกกองทุนพัฒนาดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (ภาคใต้) โดยมีนายภุชพงศ์ โนดไธสง เลขาธิการคณะกรรมการดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ เป็นประธาน พร้อมด้วยคณะผู้บริหารและทีมงานกองทุนฯ

โดยมีคณะครู อาจารย์ นักศึกษา และผู้แทนจากหน่วยงานต่าง ๆ ในพื้นที่ภาคใต้ เข้าร่วมเป็นจำนวนมาก ซึ่งกิจกรรมภายในงานสัมมนา ประกอบด้วย การบรรยายให้ความรู้หัวข้อ การยื่นเสนอขอรับทุน การพิจารณาข้อเสนอการกลั่นกรองโครงการ การลงนามในสัญญา และหลักการเขียนข้อเสนอโครงการ หรือ กิจกรรม เพื่อให้ได้รับการสนับสนุนจากกองทุนฯ

ทั้งนี้ นายภุชพงศ์ โนดไธสง เลขาธิการคณะกรรมการดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ กล่าวถึงความสำเร็จของการจัดคลินิกกองทุนฯ ใน 2 ครั้งที่ผ่านมา ทั้งภาคเหนือในพื้นที่จังหวัดเชียงใหม่ และภาคตะวันออก ในพื้นที่จังหวัดระยอง ว่า การดำเนินการจัดกิจกรรมคลินิกกองทุนฯ เพื่อต้องการให้ผู้ที่สนใจยื่นข้อเสนอขอรับทุนวิจัย ได้รับทราบว่ามีหน่วยงานของภาครัฐ ที่ให้การสนับสนุนเรื่องการวิจัยเกี่ยวกับนวัตกรรม เทคโนโลยี เพื่อนำไปต่อยอดสู้การพัฒนาประเทศได้ในอนาคต

'ชัยวุฒิ' เตือน ปชช. 'อย่าโอน-กดแอปฯ-ลิงก์' หลอกลวง แนะตรวจสอบทุกครั้ง ขู่!! คนรับเปิดบัญชีม้า ผิดด้วย!!

'ชัยวุฒิ' เตือน ปชช. รู้ทันโซเชียล 'อย่าโอนไว-อย่าหลงเชื่อกดแอปฯ-กดลิงค์' หลอกลวง แนะ ตรวจสอบทุกครั้ง ขู่!! คนรับเปิดบัญชีม้า มีความผิดด้วย แย้ม!! เร่งระบบดิจิทัลไอดี ยืนยันตัวตนออนไลน์ อำนวยความสะดวก งานบริการ 

(21 ม.ค.66) นายชัยวุฒิ ธนาคมานุสรณ์ รมว.ดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม กล่าวในรายการ 'คุยเรื่องบ้าน คุยเรื่องเมือง คุยทุกเรื่องกับรัฐมนตรี' ทางสถานีวิทยุแห่งประเทศไทยและเฟซบุ๊ก Radio Thailand Live ถึงประเด็นเรื่องบัญชีม้า อาชญากรรมออนไลน์ สมาร์ตซิตี้ และฟรี Wi-Fi ว่า...

ประเทศไทยมีนโยบายไทยแลนด์ 4.0 ในการวางโครงสร้างพื้นฐานอินเตอร์เน็ต วันนี้กว่า 80% สามารถเข้าถึงอินเตอร์เน็ตสื่อสารออนไลน์ เช่น การใช้โมบายแบงกิ้ง พร้อมเพย์ เพื่อให้โอนเงินง่าย แต่ก็ทำให้โดนหลอกจำนวนมาก 

โดยปีที่ผ่านมาเราเปิดระบบแจ้งความออนไลน์ พบว่ามีการแจ้งเรื่องว่าแสนคดี เฉลี่ยหมื่นคดีต่อเดือน ทั้งหลอกลงทุน คอลเซ็นเตอร์ข่มขู่ ซื้อขายออนไลน์ ซึ่งรัฐบาลได้ดำเนินการแก้ไขโดยมีตำรวจไซเบอร์ ดูแลประชาชนแต่ยังเป็นไปในเชิงป้องกัน ตั้งรับส่วนใหญ่ 

และแม้จะอายัดบัญชี แต่ตามเงินกลับได้ประมาณ 10% ส่วนอื่นๆ เมื่อเส้นทางไปต่างประเทศ ก็ยากที่จะติดตาม เพราะมีการหลอกให้เปิดบัญชีม้า โอนเงินหลายชั้น ไปต่างประเทศ หรือในประเทศก็ใช้เวลานานกว่าจะได้คืน และคนที่โอนง่ายคือคนไม่มีภูมิต้านทาน เห็นจากภาพในโซเชียล แล้วหลงเชื่อไปรับเปิดบัญชีม้า 

ขณะนี้เราเร่งตรวจสอบ สกัดกั้น เพื่อหยุดขบวนการหลอกลวงออนไลน์ ที่ต้องหยุดที่การรับบัญชีม้า โดยหารือกับธนาคารแห่งประเทศไทย(ธปท.)ยกเลิกการบัญชีที่เปิดแทนกัน รวมถึงหยุดการโอนเงินที่ผิดปกติ โดยกระทรวงดีอร ได้เสนอแก้กฎหมาย ให้ธปท.สามารถระงับบัญชีได้รวดเร็ว เมื่อทำได้ดีอีจะมีเอไอตรวจสอบระบบทั้งหมด เพื่อสกัดการเดินบัญชีม้า นอกจากนั้นจะใช้กฎหมายเข้มข้นโดยเจ้าหน้าที่จะจับกุมคนเปิดบัญชีแทน เพราะเป็นการขายบัญชีเปิดทางให้มิจฉาชีพ จะอ้างว่าไม่รู้ไม่ได้และฟังไม่ขึ้น จึงเตือนประชาชนใครที่รับจ้างเปิดให้ไปยกเลิกบัญชี วันนี้ถ้าตรวจสอบพบมีชื่อจะจับทุกคน และให้ไปประกันตัวในศาล เพราะรู้อยู่แล้วการเอาชื่อไป จะต้องทำสิ่งที่ไม่ดีเพราะคนดีๆ ใครจะมาขอให้เปิดบัญชีให้ ทั้งนี้เราเข้มงวดในการตรวจสอบ โดยมีการตั้งตำรวจไซเบอร์ และวางเป้าหมาย 2,000 คน เพื่อจะหยุดบัญชีให้เร็วขึ้น แม้คนร้ายจะปรับตัวตามและเราไม่สามารถไปห้ามการโทรศัพท์หรือโซเชียลได้ เพราะเป็นเสรีภาพประชาชน ดังนั้นต้องให้ความรู้ประชาชน ให้มีภูมิต้านทาน อย่าเชื่อโซเชียลหรือกดลิงค์ในแอป ต้องตรวจสอบจากต้องทางเซ็บไซด์ ก่อนทุกครั้ง

นายชัยวุฒิ กล่าวว่า ส่วนปัญหาพนันออนไลน์ ที่เกิดกับเยาวชน ได้ประสานกับกระทรวงศึกษาธิการ กระทรวงอว.เพื่อรณรงค์ให้ความรู้ สร้างเครือข่ายเปลี่ยนจากตั้งรับให้ทำเชิงรุก ให้มีตำรวจชุมชนเข้าไปให้ความรู้เพราะไม่ใช่ชาวบ้านเท่านั้นที่ถูกหลอก แต่คนมีความรู้ หมอ ยังโดนหลอก รวมถึงกรณีส่งเอสเอ็มเอสหลอกลวง เข้าไปแฮกข้อมูล ที่มีหลายรูปแบบ มีการปลอมชื่อธนาคาร เว็บไซต์ จึงพยายามประชาสัมพันธ์องค์กรหรือหน่วยงานให้ตรวจสอบ และประชาชนอย่าเข้าไปกดลิงค์ที่ไม่รู้จัก ที่มีมัลแวร์หลอกให้กรอกข้อมูล ให้กดลิงค์ส่งพัสดุ โดยให้ดูที่แพลตฟอร์มแอปและตรวจสอบจากต้นทางก่อนทุกครั้ง

นอกจากนั้นปัญหาหลอกซื้อของออนไลน์แล้วไม่ได้ของ มีร้องเรียนเยอะที่สุด 80-90% มาจากเฟซบุ๊ก ดังนั้นการทำการค้าในโซเชียลให้ระวัง ถ้าไม่รู้จักร้านค้า ไม่เคยติดต่อกันอย่าไปยุ่ง เพราะในเฟซบุ๊กพบมิจฉาชีพแฝงตัวเยอะมาก จึงแนะนำให้ซื้อจากแพลตฟอร์มอี-คอมเมิร์ซ ซื้อของฝากระบบคนกลาง และที่สำคัญอย่าเชื่อหลอกให้กู้เงิน ขายของราคารถูก ชักชวนลงทุนได้เงินจำนวนมาก การจ้างงานต่างๆ ทั้งนี้หากประชาชนเกิดปัญหาก่อนหรือหลัง สามารถปรึกษาที่สายด่วน 1212 หรือแจ้งความออนไลน์ ย้ำว่าอย่าโอนเงินให้ใคร เพราะเงินอยู่กับเราเป็นเงินเรา อยู่กับเขาเป็นเงินเขา

นายชัยวุฒิ กล่าวว่า ส่วนการลักลอบใช้เน็ตข้ามประเทศ โดยคนร้ายจากบริเวณชายแดน เช่น ปอยเปต แอบซื้อเน็ตจากประเทศไทย แล้วเดินสายต่อข้ามไปประเทศเพื่อนบ้าน ไปใช้ผิดกฎหมาย การพนันออนไลน์ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจเมื่อตรวจสอบแล้วจึงตัดสาย สกัดพนันออนไลน์ในระดับหนึ่ง แต่คนร้ายสามารถใช้เน็ตในประเทศของเขาใช้ทำสิ่งผิดกฎหมายในประเทศไทย เมื่อพบกระทำผิดเจ้าหน้าที่ตำรวจได้เข้าไปดำเนินการจับกุม

นายชัยวุฒิ กล่าวว่า ขณะที่ความคืบหน้าเน็ตประชารัฐ ให้พื้นที่ห่างไกลมีใช้ทุกหมู่บ้าน ดำเนินการไปกว่า 4 หมื่นหมู่บ้าน แต่ยังไม่พอและต้องทำเรื่อยๆ โดยเฉพาะนักเรียนในชนบทที่ไม่สามารถเข้าถึงได้เท่ากับในเมือง ขาดอุปกรณ์ในการเข้าถึงจึงเกิดความเหลื่อมล้ำ เพราะคนที่มีอุปกรณ์สามารถไปไกลกว่า จึงคิดโครงการมอบอุปกรณ์ประมาณ 1 ล้านเครื่อง ให้เด็กที่ฐานะไม่ดี สามารถนำไปใช้ในการเรียน โดยคุยกับกระทรวงศึกษาธิการถึงการดำเนินการในเรื่องนีแล้ว นอกจากนั้นมีแนวคิดจะทำในชุมชนเมือง ให้ผู้ที่มีรายได้น้อย มีฟรีไวไฟในชุมชนมากขึ้นด้วย

นายชัยวุฒิ กล่าวว่า สำหรับความคืบหน้าการขับเคลื่อนดิจิทัลไอดี ยืนยันตัวตนออนไลน์ ผ่านการแสกนใบหน้า โดยไม่ใช้บัตรประชาชน เพื่อขับเคลื่อนการติดต่อธุรกรรมให้ง่ายขึ้น ขณะนี้อยู่ระหว่างพัฒนาระบบ และโปรโมทให้ใช้ในเดือนก.พ.นี้ โดยลงทะเบียนกรมการปกครอง หรือทางสำนักงานเขตเพื่อเก็บข้อมูลในระบบออนไลน์ สามารถใช้ยืนยันตัวตนกับเรื่องต่างๆออนไลน์ รวมถึงเปิดบัญชีธนาคาร เปิดซิมมือถือ ย้ายทะเบียนบ้าน สร้างบ้าน ขึเนเครื่องบิน ที่จะต้องตรวจดูบัตรประชาชน มาเป็นระบบออนไลน์ ซึ่งเป้าหมายสูงสุดสามารถโอนที่ดินได้ 

ส่วนที่เป็นห่วงว่าระบบดังกล่าวจะเปิดช่องทางมิจฉาชีพเขเาถึงง่ายนั้น ในทางตรงข้ามสามารถตรวจสอบตัวตนบุคคลได้จริง ต่างกับบัตรประชาชน ซึ่งตนจะหารือกับนายกฯ และ รมว.มหาดไทย เร่งดำเนินการในเรื่องนี้ เพื่อนำมาดิจิทัลไอดี มาใช้ทำให้สะดวกสบายมากขึ้น และจะสอดคล้องกับสมาร์ตซิตี้ กระจายความเจริญ คือทำให้ทุกเมืองเป็นสมาร์ทซิตี้ ใช้เทคโนโลยีเข้าไปช่วย และปรพชาชนไม่ต้องเข้ามาอาศัยในเมือง เพราะมีระบบสาธารณูปโภค รักษาพยาบาล จ้างงาน ทำให้ทุกจังหวัดเท่าเทียมกัน จะขณะนี้มีการจัดทำระบบบัญชีกลางดิจิทัล ในจัดซื้อจัดจ้างง่ายขึ้นเพื่อดำเนินงานสมาร์ทซิตี้ในแต่ละจังหวัด โดยไม่ต้องกลัวการตรวจสอบโดนร้องตามมา ซึ่งได้เสนอเข้าครม.แล้ว

นายชัยวุฒิ ตอบคำถามถึงกรณีการเปิดซิมโทรศัพท์มือถือที่จะเปิดหลายซิม สามารถทำได้หรือไม่ ว่า ตามระบบ 1 คน ต่อ 5 ซิม แต่หากจะเปิดเกินให้ลงทะเบียนที่ศูนย์บริการ เพราะบางรายที่ซื้อซิมจำนวนมากไปขายต่อไป และมิจฉาชีพซื้อไปนำไปใช้ผิดกฎหมาย เราอยากยกเลิกให้หมด ดังนั้นใครมีเกิน100 ซิม ให้มาจดแจ้งกับโอเปอร์เรเตอร์ผู้ให้บริการเครือข่ายนั้นๆ รับทราบ

เมื่อถามถึงเว็บพนันในมาเก๊า และการพนันออนไลน์ จะแก้ปัญหาอย่างไร นายชัยวุฒิ กล่าวว่า การพนันกับคนไทยอยู่คู่กัน เล่นในประเทศเพื่อนบ้านไม่ผิดกฎหมาย แต่ในบ้านเราผิดกฎหมาย ดังนั้นตำรวจจะต้องดำเนินการ ขณะนี้ได้ปิดกั้น 7 ยูอาร์แอลที่เป็นเว็บพนัน และจะตรวจสอบเส้นทางการเงินต่อไป ทั้งนี้ขอเตือนประชาชนให้เข้าเว็บในประเทศไทย โดยสังเกตนามสกุล 'ดอททีเอช' และอย่าเข้าแอปฯปลอมที่มีประมาณ 200 แอปฯ ที่จะเข้ามาดูดข้อมูลมือถือ แล้วไปดูดเงินภายหลัง 

'ดีอีเอส' ประสาน 'Play Store-App Store' จัดการแอปอันตราย แนะ ปชช. ไม่โหลดแอปแปลกปลอม ป้องกันมิจฉาชีพดูดเงิน

ดีอีเอส เปิดรายชื่อแอปอันตรายมีมากกว่า 200 แอปเตือน ประชาชน อย่าหลงเชื่อ อย่าโหลด อาจสูญเงินและข้อมูลส่วนตัวได้

เมื่อไม่นานมานี้ นายชัยวุฒิ ธนาคมานุสรณ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (ดีอีเอส) ร่วมกับ สกมช. แจงกรณีแอปดูดเงินอันตราย หลังพบประชาชนได้รับผลกระทบจากการติดตั้งแอปพลิเคชันอันตรายลงในโทรศัพท์มือถือ แล้วทำให้กลุ่มมิจฉาชีพเข้ามาดูดเงินออกไปเป็นจำนวนมาก ส่งผลกระทบต่อประชาชนเป็นวงกว้าง

นายชัยวุฒิ เปิดเผยว่า ขณะนี้มีการแพร่ระบาดของมัลแวร์อันตราย ที่มาในรูปแบบของแอปพลิเคชัน ซึ่งดีอีเอส และสำนักงานคณะกรรมการการรักษาความมั่นคงปลอดภัยไซเบอร์แห่งชาติ (สกมช.) ได้มีการตรวจสอบมาโดยตลอด โดยพบปัญหาสำคัญที่ส่งผลกระทบต่อประชาชนโดยเฉพาะผู้ใช้งานโทรศัพท์ที่ติดตั้งแอปพลิเคชันที่ถูกระบุว่าสามารถขโมยข้อมูล หรือควบคุมเครื่องโทรศัพท์ได้ โดยในปี 2022 มีการเผยแพร่รายชื่อแอปพลิเคชันอันตรายเหล่านี้ ซึ่งมีมากกว่า 200 รายการ ทั้งในระบบ iOS และ Android ตามที่ปรากฎใน Facebook ของกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม และ Facebook ของ สกมช. (NCSA THAILAND) จึงขอให้ผู้ใช้งานทำการตรวจสอบ หากพบแอปพลิเคชันดังกล่าวให้ถอนการติดตั้งโดยทันที และควรอัปเดตระบบของเครื่องโทรศัพท์ของตนเองให้เป็นเวอร์ชันล่าสุดอยู่เสมอ

‘ชัยวุฒิ’ รุด ‘สมุย’ ตรวจสถานีพยากรณ์อากาศ พบเสียหายนับ 10 ปี และฝืนตั้งสถานีบนที่ราบ

‘ชัยวุฒิ’ ลงพื้นที่สมุย ตรวจ สถานีเรดาร์ พยากรณ์อากาศ หลังชาวบ้านร้องเรียน เสียนานนับ 10 ปี พบพิรุธ ฝืนตั้งสถานีบนที่ราบทั้งที่รู้ว่าใช้งานไม่ได้ ส่อทุจริต เร่งเจ้าหน้าที่ตรวจสอบ 

(23 ม.ค.66) นายชัยวุฒิ ธนาคมานุสรณ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัล เพื่อเศรษฐกิจและสังคม นำคณะลงพื้นที่เกาะสมุย ตรวจสถานีเรดาร์ ตรวจอากาศ หลังจากที่ชาวบ้านร้องเรียนว่าไม่สามารถใช้งานได้ ซึ่งการลงพื้นที่ตรวจสอบครั้งนี้ เนื่องจากเรดาร์เป็นหัวใจสำคัญของการตรวจสอบ เมฆฝน พายุ จึงปัจจัยสำคัญในการพยากรณ์อากาศ และแจ้งเตือนประชาชน โดยสถานีแห่งนี้ ก่อสร้าง และ ติดตั้งอุปกรณ์ ตั้งแต่ปี 2553 และ ระหว่างใช้งานก็เสียหายต่อเนื่อง จนกระทั้ง ปี 2556 ต้องหยุดใช้งาน เพราะหมดอายุประกัน ทำให้ไม่มีเรดาร์บนเกาะสมุยตรวจอากาศในอ่าวไทยจนถึงปัจจุบัน และการลงพื้นที่ครั้งนี้จะก็หาแนวทางแก้ไข 

นายชัยวุฒิ ยอมรับว่า ตั้งแต่รับตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลฯ ไม่เคยได้รับรายงานเรื่องนี้ จนกระทั่งมาตรวจสอบงบประมาณการจัดซื้อเรดาร์ ถึงพบปัญหา จึงให้ตรวจสอบเพิ่มเติมว่ามีที่ไหนเสียหายอีกบ้างเพื่อแก้ไข

คลินิกกองทุนพัฒนาดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม จัดสัมมนาภาคกลาง-เปิดรับข้อเสนอโครงการปี 66

คลินิกกองทุนพัฒนาดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม จัดสัมมนา ครั้งที่ 5 (ภาคกลาง) พร้อมเปิดรับข้อเสนอโครงการปี 66 เมื่อวันที่ 24 มกราคม 2566

กองทุนพัฒนาดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม สำนักงานคณะกรรมการดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม ได้จัดงานสัมมนา คลินิกกองทุนพัฒนาดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (ภาคกลาง) ครั้งที่ 5 เมื่อวันอังคารที่ 24 มกราคม พ.ศ. 2566 ณ โรงแรมเซ็นทรา บาย เซ็นทาราศูนย์ราชการและคอนเวนชันเซ็นเตอร์ 

โดยนายภุชพงค์ โนดไธสง เลขาธิการคณะกรรมการดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ได้ให้เกียรติกล่าวเปิดงานสัมมนา โดยมีนางสุรีพร พรโสภณวิชญ์ ผู้อำนวยการกองบริหารกองทุนพัฒนาดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคมกล่าวรายงานวัตถุประสงค์การจัดงาน ซึ่งในครั้งนี้มีผู้สนใจทั้งจากหน่วยงานภาครัฐ ภาคเอกชน และบุคคลทั่วไป มาร่วมรับฟังเป็นจำนวนมาก โดยภายในงานมีการบรรยายเรื่อง 'ภาพรวมของกองทุนพัฒนาดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม' การบรรยายเรื่อง 'ขั้นตอนการยื่นเสนอขอรับทุนและการพิจารณากลั่นกรองโครงการ' และการบรรยายหัวข้อ 'เขียนข้อเสนอโครงการ/กิจกรรม อย่างไรเพื่อให้ได้รับการสนับสนุนจากกองทุนพัฒนาดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม' โดยวิทยากรรับเชิญ คุณอภิเชษฐ์ อนุตรวณิชกุล ผู้เชี่ยวชาญด้านเทคโนโลยีดิจิทัล กองทุนพัฒนาดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม


TRENDING
© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top