รู้จัก ‘ต้องตา สุพัตรา’ ผู้เปิดใจกับผลงาน ‘ลุงตู่’ ในจังหวะที่คนไทยบางคนปิดใจ  สู่ 'ด้อมพีระพันธุ์' หวังอาสาเปิดใจคนไทย 'รับรู้ผลงาน-ไม่ทิ้งคนดีให้สู้โดดเดี่ยว'

(6 พ.ค.67) จากรายการ 'UTN อินฟลูฯ อาสา' ที่เผยแพร่ทาง Youtube ช่อง UTN Today ใน EP.1 ได้นำเสนอบทสัมภาษณ์ของ ‘คุณต้องตา-สุพัตรา รังสิตสวัสดิ์’ ที่มาเล่าถึงจุดเริ่มต้นในการรวมตัวเป็น 'อาสามาด้วยใจ ทำให้เพราะรัก' หลังจากได้ติดตามผลงานของ ‘ลุงตู่’ พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา อดีตนายกรัฐมนตรี และติดตามต่อเนื่องจนมาเป็น ‘ด้อมพีระพันธุ์’ กองเชียร์ที่ตามให้กำลังใจท่านพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค หัวหน้าพรรครวมไทยสร้างชาติ รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน เนื่องจากชื่นชอบที่ท่านเป็นนักการเมืองในอุดมคติ ใจซื่อมือสะอาด กล้าลุยเพื่อคนไทยทุกคน กล้าชนเพื่อผลประโยชน์ของประเทศชาติ 

คุณต้องตา เผยว่า ตนเป็นชาวบ้านธรรมดา เป็นชาวสวน เมื่อปี 2 ปีที่แล้ว ได้ดูพี่โน้สอุดม เขาเดี่ยวไมโครโฟนและเขาก็พูดถึงคนที่เรารักและเคารพนั่นก็คือ ท่านอดีตนายกฯ ‘พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา’ โดยพูดถึงไปอีกทางหนึ่ง ซึ่งค้านสายตาเรามากเลย กับสิ่งที่พี่โน้สเขาพูดบนเวที นั่นแสดงว่าขนาดดารายังไม่รู้เลยว่าผลงานของ ‘ลุงตู่’ นั้นมีอะไรบ้าง เราก็เลยออกมาแสดงความคิดเห็นว่าเราไม่เห็นด้วย กับพี่โน้สอุดม ด้วยการทำคลิปลง TikTok พอปล่อยข้ามคืนมีคนดูเป็นล้านวิวเลย แล้วก็มีด่าอีกประมาณ 4 หมื่นความคิดเห็น ทำให้เราเห็นว่ามีคนไม่รัก ‘ลุงตู่’ อยู่เยอะ แถมพอเราออกมาพูดเราก็ยังโดนโจมตีอีก ซึ่งเราก็ตอบเขาไปบ้างไม่ตอบบ้าง แต่อย่างน้อยๆ นั่นก็ทำให้เราเรียนรู้แล้วว่า เราควรจะพูดถึงลุงตู่ ที่ช่องทางไหนที่กระจายตัวได้ไวที่สุด นั่นก็คือ TikTok สิ่งนี้ก็เลยกลายเป็นจุดเริ่มต้น

คุณต้องตา เล่าต่อว่า เดิมตนใช้งานแพลตฟอร์มออนไลน์ต่างๆ แต่กับ TikTok นี้แทบไม่ได้ใช้เลย ส่วนใหญ่จะเปิดไว้ให้ลูกเฉยๆ แต่พอตนได้เอามาใช้ปุ๊บก็ทำให้เรารู้ได้เลยว่า TikTok เปรียบคือบิดาแห่งการโปรโมตคลิปเลย ตนจึงใช้ช่องทางนี้ให้เป็นประโยชน์ 

"ในเมื่อไม่มีใครมาทำ PR ให้ลุงตู่ งั้นเราก็เริ่มเป็นคนแรกเลย เพราะหากทุกคนเงียบหรือถ้าทุกคนอายหรือกลัวที่จะโดนด่า แล้วใครจะเล่าเรื่องจริงให้คนอื่นๆ ได้รู้ เราต้องอดทน เราโดนด่าเราก็ต้องอดทนเราต้องนำความจริงให้ปรากฏสู่สังคมให้ได้" 

หลังจากนั้น คุณต้องตา ก็เริ่มค้นหาผลงานของลุงตู่ แล้วก็ทำคลิปแบบไม่สนใจความคิดเห็น ทำไปเรื่อยๆ เริ่มต้นจากรถไฟฟ้า ซึ่งก็ประสบผลสำเร็จด้วยดีในการทำคลิป หรือพอได้เดินทางแล้วเห็นบ้านสีฟ้าริมคลอง (โครงการบ้านมั่นคง) ซึ่งแต่ก่อนเคยเป็นสลัม มันคือบ้านที่ลุงตู่สร้างไว้ ก็ทำคลิปโปรโมตเป็นเรื่องบ้านริมคลอง จากนั้นก็นำเสนอผลงานอีกมากมาย

ทั้งนี้ คุณต้องตา บอกกับตัวเองเสมอว่า อย่าเป็นแค่ ‘สลิ่มเฉยๆ’ ต้องเป็น ‘สลิ่มฟิวชั่น’ อย่าอนุรักษ์นิยมจ๋า ต้องปรับตัวเข้ากับคนรุ่นใหม่บ้าง ถ้าจะทำคลิปที่มันวิชาการเกินไป มันแก่เกินไป แล้วใครจะมาฟัง

หลังจากเริ่มมีผู้ติดตามระดับ 1,000 คน คุณต้องตา เผยว่า ก็เริ่มมีสถานีโทรทัศน์ Top New นำคลิปไปเผยแพร่ต่อประมาณ 30-40 คลิป ก็เริ่มทำให้ตนมีกำลังใจที่มีคนเห็นความตั้งใจนี้ และทำให้ตนไม่สนใจความคิดเห็นในด้านลบอีกต่อไป

"ถ้าเรารู้ แล้วเราเงียบ ประชาชน เขาก็จะเชื่อในกระแสสังคมอย่างนั้น ต่อไปเรื่อยๆ ประชาชนก็ใจเชื่อไปในแบบที่มันผิดไปเรื่อยๆ มันไม่มีความเป็นธรรมให้กับลุงตู่เลย คนทำงานเขาก็ต้องการกำลังใจ มันเป็นไปไม่ได้หรอกที่ทำงานเหนื่อย แล้วได้ยินแต่เสียงด่า มันต้องมีเสียง ที่ชมเชยให้เขาได้ยินบ้าง ก็เลยทำคลิปผลงาน ต่อด้วยทำคลิปให้กำลังใจลุงตู่ บางคลิปก็เอาลูกมานั่งพูดคุยด้วย เราก็บอกลูกว่าลูกเห็นไหมข่าวไม่เคยนำเสนอนะ สื่อกระแสหลักไม่มีนะที่จะบอกว่า นี่คือบ้านที่สร้างให้ประชาชนโดยรัฐบาลลุงตู่ สร้างทางรถไฟไปถึงเชียงราย โดยรัฐบาลลุงตู่ ซึ่งสื่อกระแสหลักไม่มีใครนำเสนอเลย" คุณต้องตา เสริม

เมื่อพูดถึงช่วงโควิด19 กับประเทศไทยในยุคลุงตู่? คุณต้องตา กล่าวว่า "นี่ถ้าไม่มีวิกฤตโควิดนะ ประเทศไทยของเราจะไปไกลมากกว่านี้อีก อันนี้ต้องให้เครดิตในการทำงานของรัฐบาลลุงตู่นะ ซึ่งลุงตู่ไม่ได้ทำคนเดียว ลุงตู่ยังมีทีมงานอีกเยอะ ซึ่งถ้าคุณด่าลุงตู่ ก็หมายถึงว่าด่าทีมงานของลุงตู่ด้วย ซึ่งก็เป็นทีมงานพี่น้องชาวไทยด้วยกันทั้งนั้น ตัวเราเองนั้นไม่สำคัญเลย ชาติต้องมาก่อน"
.
เมื่อถามถึงนักการเมืองที่ชอบ? คุณต้องตากล่าวว่า "นักการเมืองที่ชอบ ก็ไม่มีใครเลยนะ เพราะว่าอย่างแรกเลยคือ ไม่รู้จัก และคำว่านักการเมืองมันไม่ใช่สิ่งที่เราอยากจะเข้าไปสัมผัส เราเจอมาเยอะ มาหาเสียงที่บ้านเราก็ยกมือไหว้เรา แต่พอได้รับการเลือกตั้งไปแล้ว ถังขยะหน้าบ้านเราเขายังไม่เคยเอามาให้เราเลย ซึ่งเราขอไปเขาก็ลืม ก็เลยไม่ได้ปลื้มนักการเมืองคนไหน แต่จุดเปลี่ยนก็คือ ลุงตู่ เพราะลุงตู่ไม่ใช่นักการเมือง ลุงตู่เป็นทหารที่ทำเพื่อชาติ ทำเพื่อประชาชนอย่างชัดเจน เอาประเทศชาติเป็นที่ตั้งไม่ใช่ผลประโยชน์ นักการเมืองพูดเก่งแต่เขาไม่ทำ ก็เลยไม่ชอบนักการเมือง จนกระทั่งได้มาเจอลุงตู่ พร้อมทั้งทีมงานของลุงตู่ เราก็ดูสิว่าใครทำงานให้ลุงตู่บ้าง เช่น ท่านพีระพันธุ์ ท่านช่วยรักษาผลประโยชน์ให้ประเทศชาติหมื่นล้าน (โฮปเวลล์) เราก็ค้นหาข้อมูลดู เขาเป็นผู้พิพากษาด้วยนิ เป็นคนเที่ยงตรง ยุติธรรม ซื่อสัตย์ ไม่เคยเห็นนักการเมืองที่มือสะอาดแบบนี้ ไม่เคยโดนสีแดงด่าไม่เคยโดนสีส้มด่า คนนี้เป็นมือขวาของลุงตู่"

คุณต้องตา กล่าวเสริมว่า "ดังนั้นต่อจากลุงตู่ ก็เลยประทับใจ ‘ลุงพี ท่านพีระพันธุ์’ เพราะประวัติท่านขาวสะอาด มีผลงานเป็นที่ประจักษ์รักษาผลประโยชน์ให้ประเทศชาติเป็นหมื่นล้าน ทำเพื่อประชาชน โดยไม่ต้องออกหน้าโปรโมตตัวเอง"

เมื่อถามว่าโครงการหรือผลงานไหนของลุงตู่ที่ประทับใจเป็นการส่วนตัว? คุณต้องตา เผยว่า "ชอบโครงการ EEC มันเป็นโครงการที่จะพลิกผืนแผ่นดินเรา สร้างรายได้ให้พี่น้องประชาชน ... ประเทศของเรามีทรัพยากรมากมาย ขาดแค่การพัฒนา และลุงตู่ก็เห็นถึงปัญหาในเรื่องนี้ จึงหวังที่จะทำพัฒนาโครงการดังกล่าวเพื่อให้พี่น้องประชาชนได้มีรายได้ที่สูงขึ้น ด้วยการยกระดับประเทศผ่าน EEC ซึ่งนี่คืออนาคตที่แท้จริงของประเทศไทย และมันไม่ใช่แค่การโฆษณาชวนเชื่อ...

"นอกจากนี้ยังมี ‘โครงการคนละครึ่ง’ ซึ่งมันไม่ใช่โครงการที่ดี แต่มันเป็นโครงการที่ดีมากๆๆๆ ทั้งใช้ง่ายและตอบโจทย์-ช่วยเหลือประเทศชาติได้จริง ทำให้เศรษฐกิจของประเทศมีการจับจ่ายใช้สอยอย่างบ้าคลั่ง มันทั่วถึงมากขนาด ‘รถขายลูกชิ้น’ ยังมีโครงการคนละครึ่งเลย แค่คุณมีมือถือก็ใช้ได้ทุกคน มันตอบโจทย์คนรุ่นใหม่มาก ส่วนคนรุ่นเก่าที่ใช้มือถือไม่เป็น ก็มาฝึกใช้เป็นเพราะโครงการคนละครึ่งนี่แหละ"

คุณต้องตา เสริมอีกว่า"หลังโควิดเราเปิดประเทศเป็นประเทศแรกๆ ซึ่งมีหลายๆ คนค้าน แต่ลุงตู่ใจกล้ามาก เพราะอะไร เพราะเขาเล็งเห็นและประชุมกันแล้ว ว่าเราจะต้องมี ‘โครงการภูเก็ต Sandbox’ ซึ่งตรงจุดที่คนกำลังโหยหาการท่องเที่ยว อยากจะใช้จ่ายเงิน และประเทศไทยก็เป็นเป้าหมายของคนทั้งโลกในการที่อยากจะมาท่องเที่ยว พอเปิดภูเก็ตคนก็มาจริงๆ และประสบผลสำเร็จอย่างดีมากจนถึงวันนี้ มันทำให้ประเทศไทยเป็นประเทศที่พร้อมต้อนรับนักท่องเที่ยว จนทำให้เรากลายเป็นประเทศแห่งการท่องเที่ยว ส่วนกรุงเทพฯ ก็ถูกผลักดัน จนกลายเป็นเบอร์ 1 ของเมืองน่าท่องเที่ยวของโลก ประเทศเราชนะเลิศ ประเทศเราสามารถฟื้นตัวได้เลย พอมีการท่องเที่ยว เม็ดเงิน ก็ไหลเข้ามา นักท่องเที่ยวมาเป็นล้านคน มาท่องเที่ยวกรุงเทพฯ ก็ต้องไปเที่ยวต่อภูเก็ต นี่ก็คือจุดที่ประเทศไทยเริ่มฟื้นตัวได้ อันนี้ก็ต้องยกให้เป็นผลงานของลุงตู่และทีมงาน"

เมื่อถามถึงผลลัพธ์ของคนทำงานเพื่อประเทศกับผลลัพธ์ของการเลือกตั้งที่ออกมาครั้งล่าสุด? คุณต้องตา กล่าวว่า "หลังการเลือกตั้งเรารู้แล้ว ว่าเราผิดพลาดอะไรไป เราไม่ควรจะต่อสู้ไปอย่างโดดเดี่ยว ก็เลยมารวมตัวกับ ฟ้าคราม, พราหมณ์อิศรา, พี่เกี๊ยวซ่า มารวมตัวกันเชียร์จะได้ไม่โดดเดี่ยว เลือกตั้งครั้งที่ผ่านมาเราผิดพลาดไปเราเสีย ‘ลุงตู่’ ไปและเราจะไม่ยอมเสีย ‘ลุงพี’ ไปอีก...

"ฉะนั้นการรวมตัวกันในฐานะอาสามาด้วยใจในครั้งนี้ ก็เพื่อจะแจ้งข้อมูลข่าวสาร ให้ข้อเท็จจริงให้ความจริงกับสังคม ทำให้สังคมได้รับรู้ในวงกว้าง แบบไม่ต้องโดดเดี่ยวโดนด่าอยู่คนเดียวอีกต่อไปแล้ว เราต้องมารวมตัวกันต่อสู้ในภาคส่วนของประชาชน...

"และนี่ก็เป็นจุดเริ่มต้นที่ทำให้เราได้มารวมตัวกัน ทำงานร่วมกัน เพื่อจะสื่อสาร เพื่อจะเป็นแรงใจและสนับสนุนคอยเชียร์ท่านพีระพันธุ์ต่อไป ต้องไม่ให้ท่านโดดเดี่ยว เราต้องเชียร์ให้คนดีได้บริหารบ้านเมือง เพราะเรามั่นใจแล้วว่า คนๆ นี้ คือ คนดี ที่จะมาเป็นตัวแทนของประชาชน เป็นนายกรัฐมนตรีที่คนไทยพึ่งพิงได้"

คุณต้องตา ย้ำในช่วงท้ายด้วยว่า "เราเห็น ‘โครงการโฮปเวลล์’ มาหลายปีแล้ว แล้วเราก็รู้ว่านี่คือความผิดพลาดของประเทศ เราแพ้คดี เราต้องจ่ายเงินค่าโง่ แต่ปรากฏว่ามี ‘ท่านพีระพันธุ์’ มากอบกู้ชัยชนะไว้ให้เราได้ ประเทศไทย เราไม่แพ้ เราไม่ต้องจ่ายเงินค่าโง่หลายหมื่นล้าน ให้กับเรื่องที่ไม่เป็นเรื่อง ซึ่งเอาจริงๆ ประเทศของเราหมดหวังไปแล้ว แต่มีคนอยู่คนหนึ่งซึ่งเขาไม่ยอมแพ้ เขาสู้เพื่อชาติ เขาตื่นขึ้นมาแล้วเขาก็ทำงาน โดยที่ไม่ได้อยู่ในคราบของนักการเมือง แต่เขาคิดว่าเขาจะมาทำงานเพื่อบ้านเมือง นั่นจึงทำให้ส่วนตัวมองว่า ‘ท่านพีระพันธุ์’ คือนักการเมืองในอุดมคติ เฉกเช่นเดียวกันภายหลังจากที่ท่านได้เข้ามาดูแล ‘กระทรวงพลังงาน’ ท่านก็ได้ทำการ 'รื้อ ลด ปลด สร้าง' ซึ่งท่านมาถูกทางแล้ว"

ถึงบรรทัดนี้ คุณต้องตา อยากฝากให้คนไทยทุกคนช่วยกำลังใจคนทำงานแบบนี้ ช่วยกันส่งแรงใจไปให้ท่านพีระพันธุ์ เพราะมันคือการปกป้องท่านในอีกแบบหนึ่ง 

เพื่อให้คนๆ นี้มีพลัง ทำงานเพื่อคนไทยทุกคนต่อไป

ขอให้กำลัง 'ท่านพีระพันธุ์-รทสช.'