Friday, 29 March 2024
ลุงตู่

ถอดคำพูด ‘บิ๊กตู่’ หลังลงพื้นที่จังหวัดสุโขทัย 

ดราม่า ‘สวดมนต์’ ถอดคำพูด ‘บิ๊กตู่’ หลังลงพื้นที่ จังหวัดสุโขทัย

“ปัญหาไม่ได้มีเฉพาะตรงนี้
มันมีหลายที่ด้วยกันนะจ๊ะ
วันนี้พายุเข้ามาลูกนะ
ปีก่อน ปี 64 นะ ปี 63 นะ เข้ามา 5 ลูก

นี่ลูกเดียวนะ แจ๊บๆ หน่อย...นะ”

สำนักนายกฯ ทุ่ม 2 ล้าน จ้างที่ปรึกษาฯ ทำโพล ‘คนไทยรับรู้-เชื่อมั่น’ ต่อผลงาน/นโยบายรัฐบาล ‘ประยุทธ์ จันทร์โอชา’? กำหนดระยะเวลา 3 เดือน ต.ค.- ธ.ค. 2564 

มีรายงานจากทำเนียบรัฐบาล เปิดเผยว่า เมื่อเร็วๆ นี้ สำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรี (สลน.) เผยแพร่ประกาศโครงการว่าจ้างที่ปรึกษาสำรวจการรับรู้ของประชาชนที่มีต่อนโยบายและผลงานรัฐบาลและความเชื่อมั่นที่มีต่อการบริหารราชการแผ่นดินของนายกรัฐมนตรี

โครงการนี้ ดำเนินการโดย ‘สำนักโฆษก’ ตามวงเงินงบประมาณที่ได้รับจัดสรรและตามราคากลาง สำหรับว่าจ้างที่ปรึกษา วงเงิน 2 ล้านบาท ซึ่งเป็นราคามาตรฐานตามที่สำนักงบประมาณ หรือหน่วยงานกลางจากสถาบันการศึกษาอื่นกำหนด

โครงการดังกล่าว กำหนดวงเงินเพื่อเป็น ‘ค่าตอบแทนบุคลากร’ จำนวน 1,203,880 บาท

'นายกตู่' โพสต์เฟซบุ๊กแสดงความห่วงใยพี่น้องประชาชนในพื้นที่น้ำท่วม พร้อมแนะนำ 4 แอปพลิเคชัน สำหรับการติดตามสถานการณ์ ให้คำแนะนำ และแจ้งเหตุ

พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก ประยุทธ์ จันทร์โอชา Prayut Chan-o-cha หลังลงพื้นที่ตรวจเยี่ยมประชาชนที่ประสบภัยน้ำท่วม ว่า 

เมื่อผมได้รับรายงานว่า จังหวัดชัยภูมิ เป็นอีกหนึ่งพื้นที่ประสบภัยน้ำท่วม ผมจึงไม่รอช้าที่จะเดินทางลงพื้นที่ไปติดตามสถานการณ์เมื่อวานนี้ (29 ก.ย.) เพื่อให้กำลังใจพี่น้องประชาชนชาวชัยภูมิ รวมถึงมอบนโยบายให้ทางจังหวัดเร่งรัดแก้ไขสถานการณ์อย่างเต็มที่ แม้ว่าผมจะใช้เวลาไม่นานนัก แต่ส่วนตัวก็มีความรู้สึกอบอุ่นทุกครั้งที่ได้กลับมาที่ชัยภูมิ ซึ่งเป็นบ้านเกิดของคุณแม่ของผม ผมจึงเดินทางมาด้วยความห่วงใย และได้มาเห็นปัญหาที่ยังมีอีกมากที่ต้องจะต้องเร่งแก้ไขให้สำเร็จ ทั้งเรื่องปัญหาน้ำท่วม รวมไปถึงการพัฒนาจังหวัดหลังจากน้ำท่วมคลี่คลายลงแล้วด้วย

สิ่งหนึ่งที่ผมรู้สึกได้จากทุกๆ ครั้งที่ลงพื้นที่ นั่นคือการได้เห็นพี่น้องคนไทยจำนวนมากที่ประสบภัย แต่สามารถปรับตัวตามสถานการณ์ได้ ทุกคนยังมีรอยยิ้ม ซึ่งเป็นรอยยิ้มของนักสู้ ที่สร้างกำลังใจให้แก่กัน ทั้งๆ ที่เจตนาแรกเริ่มของผมคือการเดินทางไปปลอบขวัญผู้ประสบภัยถึงพื้นที่ แต่ผมเองกลับได้รับกำลังใจกลับคืนมาทุกครั้ง ผมจึงขอส่งต่อกำลังใจและสิ่งดีๆ เหล่านั้น ไปสู่เจ้าหน้าที่ทุกฝ่าย และอาสาสมัครทุกคนในพื้นที่ โดยเฉพาะบุคลากรทางการแพทย์ที่ถือว่าต้องแบกรับภาระเพิ่มเป็นสองเท่า ทั้งโควิด ทั้งน้ำท่วม

ใจจริงแล้ว ผมอยากจะลงพื้นที่ไปช่วยเหลือพี่น้องประชาชนให้ได้มากที่สุด เพราะผมทราบดีว่าทุกวินาทีคือความทุกข์ยากของพี่น้องร่วมชาติ แม้ว่าในบางพื้นที่ผมอาจจะยังไม่ได้ลงไป แต่ก็มีความห่วงใยอยู่เสมอ และได้ติดตามวิกฤตน้ำท่วมอย่างใกล้ชิด ผมได้สั่งการให้รายงานสถานการณ์มายังผมอย่างต่อเนื่อง เพื่อที่จะได้สั่งการผ่านกลไกในระดับรัฐบาล ลงไปยังระดับท้องถิ่น สนับสนุนการแก้ปัญหาของแต่ละพื้นที่ ให้ดูแลพี่น้องผู้ประสบภัยอย่างทั่วถึง จนกว่าน้ำจะลด แล้วเข้าสู่การเยียวยา และฟื้นฟูต่อไป

“ลุงตู่ - ลุงป้อม” ห่วงใยชาวแฟลตดินแดง มอบ "รมว.เฮ้ง" ส่ง ทปษ.รมว. แจกข้าวกล่องสู้โควิด-19

วันที่ 6 ตุลาคม 2564 เวลา 15.30 น. นายสุชาติ ชมกลิ่น รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน มอบหมายให้ นางธิวัลรัตน์ อังกินันทน์ ที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน ลงพื้นที่มอบข้าวกล่อง ครัวลุงตู่ ลุงป้อม ซึ่งได้ให้แม่ค้าในชุมชนได้ทำข้าวกล่องในมื้อเย็น เพื่อให้มีอาชีพ มีรายได้ จำนวน 1,500 กล่อง เพื่อนำไปแจกจ่ายให้แก่ชาวบ้านชุมชนดินแดงที่ได้รับผลกระทบจากโควิด-19 จำนวน 3 แห่ง ๆ ได้แก่

จุดแรกที่โครงการฟื้นฟูเมืองดินแดงระยะที่ 1 (ดินแดงแปลงจี) หลังมัสยิดมูฮายีรีน จำนวน 400 กล่อง โดยมี นายสมัย แสงชาติ ประธานคณะกรรมการชุมชนโครงการฟื้นฟูเมืองดินแดงระยะที่ 1 (ดินแดงแปลงจี) จุดที่สอง ที่บริเวณสนามอาคาร 8 ชั้น แยกประชาสงเคราะห์ ตรงข้ามโรงเรียนพิบูลประชาสรรค์ จำนวน 400 กล่อง โดยมี นางศิริเพ็ญ สาปณ ประธานชุมชนดินแดง 1 เป็นผู้รับมอบ และจุดที่สาม ที่บริเวณลานกีฬา 51 ซอยประชาสงเคราะห์ 11 ใกล้ตลาดเคหะชุมชนดินแดง 2 จำนวน 700 กล่อง โดยมี นายวิชาญ เขียวแก้ว ประธานคณะกรรมการเคหะชุมชนดินแดง 2 และชาวแฟลตดินแดงร่วมรับมอบ

นางธิวัลรัตน์ กล่าวว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม และ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี ซึ่งกำกับดูแลกระทรวงแรงงาน มีความห่วงใยพี่น้องผู้ใช้แรงงานและประชาชนทั่วไปที่ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์โควิด-19 โดยเฉพาะผู้สูงอายุ เด็กเล็ก ผู้ป่วยติดเตียง และชาวแฟลตดินแดงที่ไม่มีรายได้เนื่องจากผลกระทบโควิด จึงได้สั่งการให้ท่านสุชาติ ชมกลิ่น รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน ให้แม่ค้าในชุมชนได้ทำข้าวกล่องในมื้อเย็น เพื่อให้มีอาชีพ มีรายได้ จำนวน 1,500 กล่อง ในวันนี้ท่าน รมว.แรงงาน จึงได้มอบหมายให้ลงพื้นที่มอบข้าวกล่องให้แก่ชาวบ้านชุมชนดินแดงที่ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 ในมื้อเย็น รวมทั้งสิ้น 3 แห่ง เริ่มตั้งแต่วันที่ 16 ก.ย. จนถึงวันที่ 12 ต.ค.64 เป็นเวลา 27 วัน เพื่อบรรเทาความเดือดร้อนจากผลกระทบโควิด-19 ช่วยแบ่งเบาภาระค่าใช้จ่ายในครอบครัว

 

กระบี่ - ‘ลุงตู่’ ขอบคุณชาวกระบี่ และทุกภาคส่วนที่เกี่ยวข้อง การประชุมครม.สัญจร นัดแรกของปีนี้เป็นไปด้วยความเรียบร้อย ที่ประชุมมีมติเห็นชอบโครงการแผนงานระยะสั้น 7 โครงการ เร่งด่วน งบ 494 ล้านบาท

พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม เป็นประธานการประชุม ครม.สัญจร ณ โรงแรมโซฟิเทล กระบี่ ครม. ทุกคนแต่งกายด้วยเสื้อสีสันสดใสเป็นลายผ้าบาติก ผ้าประจำจังหวัดกระบี่ ซึ่งก่อนการประชุมเริ่ม นายกรัฐมนตรี ได้เยี่ยมชมนิทรรศการกลุ่มจังหวัดภาคใต้ฝั่งอันดามัน จากนั้นเป็นประธานการประชุมการพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมกลุ่มจังหวัดภาคใต้ฝั่งอันดามัน ร่วมกับผู้ว่าราชการ 6 จังหวัด ต่อด้วยการประชุมคณะรัฐมนตรีอย่างเป็นทางการ ที่ถือเป็นนัดแรกในปีนี้

ขณะที่วาระการประชุม ครม. วันนี้ กลุ่ม 6 จังหวัด จังหวัดอันดามัน มีการของบประมาณ 17 โครงการ ซึ่งเกี่ยวข้องกับการพัฒนาส่งเสริมการท่องเที่ยว วงเงินกว่า 2,128 ล้านบาท เช่น โครงการภูเก็ตเฮลท์แซนด์บ็อกซ์ ที่เป็นโครงการบริหารจัดการสุขภาพของจังหวัดภูเก็ตทั้งระบบ โครงการนำสายไฟฟ้าลงดินที่เทศบาลเมือง ช่วงตลาดเก่าของจังหวัดภูเก็ต โครงการปรับปรุงท่าเทียบเรือท่าเลน โครงการปรับปรุงท่าเทียบเรือโดยสารเรือท่องเที่ยวป่าคลองจิหลาด โครงการกิจกรรมเทศกาลการท่องเที่ยวและกิจกรรมกีฬาเชิงการท่องเที่ยวเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจจังหวัด

 

'อัษฎางค์' เตือนสติ หยุดคิด!! ก่อนเหยียดใครโง่ เพราะพูดภาษาอังกฤษไม่ได้ ถูกใครสวมเขา - โดนจูงจมูกอยู่หรือเปล่า?

นายอัษฎางค์ ยมนาค นักประวัติศาสตร์ โพสต์ข้อความในเฟซบุ๊ก ถึงกรณีที่มีการเหยียดคนพูดภาษาอังกฤษไม่ได้ว่าเป็นคนโง่ โดยระบุว่า 

“ประยุทธ์มันโง่ พูดภาษาอังกฤษไม่ได้”

สองสามวันก่อนผมคุยโทรศัพท์กับแม่ แล้วมีญาติผู้ใหญ่คนหนึ่ง ขอมาคุยด้วย บอกว่าเห็นผมตามสื่อต่าง ๆ อยู่เสมอ รู้สึกเป็นห่วงที่ผมเกี่ยวข้องกับข่าวการเมือง เพราะการเมืองมันสกปรก

แล้วญาติคนนั้นก็เริ่มพูดเรื่องการเมือง ซึ่งผมพยายามตัดบทว่า ผมไม่คุยเรื่องการเมืองกับญาติหรือเพื่อน เพื่อป้องกันปัญหาที่จะตามมา แต่เขาก็ไม่หยุด ยิ่งพูดยิ่งมัน

ตอนเริ่มต้นบอกว่าตัวเองไม่เข้าข้างใคร แต่ยิ่งพูดไปยิ่งฟังออกว่าเกลียดประยุทธ์
ญาติ : แกเข้าข้างประยุทธ์ใช่มั้ยล่ะ บร้าๆๆๆ
ผมตอบว่า: เปล่าครับ 
อันไหนถูกก็ว่าถูก อันไหนผิดก็ว่าผิด
แล้วเขาก็ยังพูดอีกหลายประเด็น

จนในที่สุดผมก็บังเอิญได้โอกาสที่ทำเขาหยุดจนได้
หลังจากที่ฟังเขาพูดอยู่นาน เขาก็พูดขึ้นว่า: “ประยุทธ์มันโง่ พูดภาษาอังกฤษไม่ได้”
ผมรีบตัดบท ก่อนที่เขาจะพูดเรื่องอื่นต่อไป ด้วยการถามกลับไปว่า…
แล้วลุงพูดภาษาอังกฤษได้มั้ยครับ
ถามจบ ผมไม่พูดอะไรต่อ 
บรรยากาศเปลี่ยนไปทันทีจากที่ล้งเล้ง กลับกลายเป็นเงียบสนิท 

ผมไม่กล้าพูดอะไรมากมาย เพราะเขาคือญาติผู้ใหญ่ที่นับถือกันมาทั้งชีวิต แต่คำถามนั้นเป็นการย้อนคำด้วยความสุภาพสุดแล้ว 
เป็นคำถามที่อยากให้หยุดคิดนิดนึง
ไม่มีเสียงตอบ ผมก็ไม่พูดอะไรต่อ และไม่วางสาย
ปล่อยให้มันเงียบอยู่แบบนั้น เผื่อเขาจะได้มีเวลาหาคำตอบ

เมื่อนานมาแล้ว ตอนที่มาออสเตรเลียใหม่ ๆ สมัยที่ผมยังเรียนหนังสืออยู่ มีอาจารย์สาวสวย เท่ มีเสน่ห์มาก ชาวอิตาลี เล่าประสบการณ์ของเธอให้นักศึกษาในห้องฟัง เรื่องการพูดภาษาอังกฤษว่า…
ตอนเธอมาออสเตรเลียใหม่ ๆ ภาษาอังกฤษของเธอยังไม่ดี เธอไปทำธุรกรรมที่ธนาคาร แล้วมีคนพูดดูถูก ด้วยคำที่ทำให้เธอดูเป็นคนโง่
แต่เธอบอกกับนักศึกษาในห้อง โดยเฉพาะนักศึกษาต่างชาติว่า การที่เราพูดภาษาอังกฤษไม่ได้ หรือไม่ดีพอ ไม่ได้แปลว่า “เราโง่”

อาจารย์เล่าว่า อาจารย์ถามคนที่ดูถูกเธอว่า โง่ที่พูดอังกฤษไม่รู้เรื่อง กลับไปว่า…
คุณพูดภาษาอะไรได้อีกนอกจากภาษาอังกฤษ
แต่…ไม่มีคำตอบกลับมา
แล้วเธอก็พูดต่อว่า นอกจากภาษาอังกฤษที่ฉันกำลังหัดพูดแล้ว ฉันพูดอิตาลีได้ดีมาก 
ฉันพูดได้ 2 ภาษา คุณพูดได้ภาษาเดียว ใครโง่กว่ากัน
นักศึกษาชอบใจ ปรบมือลั่นห้อง

‘วัชระ’ ร้อง ‘ลุงตู่’ ค้าน! ทรูควบรวมดีแทค ผูกขาดการค้าลิดรอนสิทธิ์ ปชช.!!

(31 ม.ค.65) เมื่อเวลา 11.00 น. ที่ศูนย์รับเรื่องราวร้องทุกข์ ทำเนียบรัฐบาล นายวัชระ เพชรทอง อดีตส.ส.พรรคประชาธิปัตย์ ยื่นหนังสือถึงพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ขอให้กำกับดูแลให้คณะกรรมการ กสทช. และคณะกรรมการแข่งขันทางการค้าดำเนินการให้เป็นไปตามเจตนารมณ์ของรัฐธรรมนูญ และกฎหมายทุกฉบับโดยเคร่งครัด โดยไม่ให้มีการละเว้นการปฏิบัติหน้าที่หรือปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ ซึ่งจะส่งผลให้ประชาชนผู้บริโภคถูกเอารัดเอาเปรียบ ถูกลิดรอนสิทธิ์ในการเลือกใช้บริการโทรคมนาคมพื้นฐาน จากกรณีกลุ่มบริษัทในเครือซีพี (กลุ่มบริษัททรู) จะควบรวมกิจการกับกลุ่มบริษัทในเครือเทเลนอร์ (กลุ่มบริษัทดีแทค) ซึ่งปรากฏว่ามีนักวิชาการ นักคุ้มครองผู้บริโภค รวมทั้งประชาชนทั่วไปได้แสดงความกังวลถึงสิทธิของผู้บริโภคในการเลือกใช้บริการโทรคมนาคมพื้นฐานที่จะถูกลิดรอนไปอันเป็นผลจากการควบรวมกิจการดังกล่าว เนื่องจากตามข้อมูลของ กสทช.

ในปัจจุบันมีผู้ใช้บริการโทรศัพท์เคลื่อนที่จำนวน 141 ล้านเลขหมาย ผ่านผู้ให้บริการโทรศัพท์เคลื่อนที่ 3 รายใหญ่ (ไอไอเอส ทรู และดีแทค) 132 ล้านเลขหมาย คิดเป็นส่วนแบ่งการตลาดรวมกันสูงถึงร้อยละ 93 และทั้ง 3 รายล้วนเป็นผู้มีอิทธิพลเหนือตลาดทั้งสิ้น แต่เมื่อมีการควบรวมกิจการระหว่างกลุ่มทรูและกลุ่มดีแทคแล้วจะเป็นรายที่มีส่วนแบ่งการตลาดสูงถึงร้อยละ 57 ซึ่งถือว่าจะเป็นผู้มีอิทธิพลเหนือตลาดเป็นอย่างยิ่ง ที่สำคัญกว่านั้นการควบรวมนี้จะทำให้กลุ่มบริษัทใหม่หลังการควบรวมจะกลายเป็นผู้ถือครองคลื่นความถี่จำนวนมากที่สุดรายหนึ่งของประเทศไทย คือจำนวน1,260 เมกะเฮิรตซ์ ซึ่งขัดต่อเจตนารมณ์ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย “มาตรา 60 ...คลื่นความถี่เป็นสมบัติของชาติเพื่อใช้ให้เกิดประโยชน์แก่ประเทศชาติและประชาชน ... องค์กรดังกล่าว (กสทช.) ต้องจัดให้มีมาตรการป้องกันมิให้มีการแสวงหาประโยชน์จากผู้บริโภคโดยไม่เป็นธรรมหรือสร้างภาระแก่ผู้บริโภคเกินความจำเป็น ... ป้องกันการ กระทำที่มีผลเป็นการขัดขวางเสรีภาพในการรับรู้หรือปิดกั้นการรับรู้ข้อมูลหรือข่าวสารที่ถูกต้อง ... และป้องกันมิให้บุคคลหรือกลุ่มบุคคลใดใช้ประโยชน์จากคลื่นความถี่โดยไม่คำนึงถึงสิทธิของประชาชนทั่วไป...” 

การควบรวมกิจการดังกล่าว อันเป็นการจำกัดลิดรอนสิทธิ์ของผู้บริโภค จึงถูกบัญญัติให้เป็นอำนาจหน้าที่ของ กสทช. ตาม พ.ร.บ.องค์กรจัดสรรคลื่นความถี่ฯ พ.ศ. 2553 “มาตรา 27 (11) กำหนดมาตรการป้องกันมิให้มีการกระทำอันเป็นการผู้ขาดหรือก่อให้เกิดความเป็นธรรมในการแข่งขัน...” “มาตรา 27 (13) คุ้มครองสิทธิและเสรีภาพของประชาชนมิให้ถูกเอาเปรียบจากผู้ประกอบกิจการและคุ้มครองสิทธิในความเป็นส่วนตัวและเสรีภาพของบุคคลในการสื่อสารถึงกันโดยทางโทรคมนาคมและส่งเสริมสิทธิเสรีภาพและความเสมอภาคของประชาชนในการเข้าถึงและใช้ประโยชน์คลื่นความถี่...” และ “มาตรา 31... ตรวจสอบการดำเนินการของผู้ประกอบกิจการฯ มิให้มีการดำเนินการใดๆ ในประการที่น่าจะเป็นการเอาเปรียบผู้บริโภค ...” ซึ่ง กสทช. (กทช. ในขณะนั้น) ได้ดำเนินการตามบทบัญญัติข้างต้นโดยออก ประกาศ กทช. เรื่อง มาตรการป้องกันมิให้มีการกระทำอันเป็นการผูกขาดหรือก่อให้เกิดความไม่เป็นธรรมในการแข่งขันในกิจการโทรคมนาคม พ.ศ. 2559 โดยเฉพาะใน “ข้อ 8 ... การเข้าซื้อหุ้นเกินร้อยละ 10 ของจำนวนหุ้นทั้งหมดของผู้รับใบอนุญาตรายอื่นจำกระทำมิได้ เว้นแต่ กสทช.จะอนุญาต และหากการดำเนินการนั้นส่งผลให้เกิดการผูกขาดหรือลดหรือจำกัดการแข่งขันในการให้บริการ กสทช. อาจจะสั่งห้ามการถือครองกิจการ หรือกำหนดมาตรการเฉพาะ ...” 

นอกจากนั้น พ.ร.บ.การประกอบกิจการโทรคมนาคม พ.ศ. 2544 มาตรา 21 บัญญัติให้ กสทช.ต้องกำหนดมาตรการป้องกันการผูกขาด ทำให้กลุ่มทรูและกลุ่มดีแทค ต้องรายงานรายละเอียดการควบรวมกิจการต่อเลขาธิการ กสทช. ก่อนการดำเนินการใด ๆ โดยต้องมีรายละเอียดเป็นไปตามประกาศ กสทช. เรื่อง มาตรการกำกับดูแลการรวมธุรกิจในกิจการโทรคมนาคม พ.ศ. 2561 ข้อ 5-11ซึ่งเลขาธิการ กสทช. ต้องเสนอรายงานดังกล่าว กสทช. พิจารณาภายใน60 วัน เพื่อให้กำหนดเงื่อนไขป้องกันความเสียหายในทันทีให้เป็นไปตามมาตรา 22 ของกฎหมายฉบับดังกล่าวโดยมีมาตรการป้องกันการผูกขาดหรือการแข่งขันอย่างไม่เป็นธรรมให้เป็นไปตามประกาศข้างต้นในข้อ 12 

อีกทั้งกลุ่มทรูและกลุ่มดีแทค ประกอบธุรกิจอื่น ๆ นอกเหนือไปจากกิจการที่อยู่ภายใต้การกำกับดูแลของ กสทช. จึงต้องดำเนินการตาม พ.ร.บ.การแข่งขันทางการค้า พ.ศ. 2560 “มาตรา 51 ...แจ้งผลการควบรวมธุรกิจต่อคณะกรรมการแข่งขันทางการค้าภายใน 7 วัน เว้นแต่การควบรวมจะทำให้ผูกขาดหรือมีอำนาจเหนือตลาด ต้องได้รับอนุญาตจากคณะกรรมการก่อนการดำเนินการ...” โดยมีรายละเอียดตามประกาศคณะกรรมการแข่งขันทางการค้า เรื่อง หลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขการขออนุญาตและการอนุญาตการรวมธุรกิจ พ.ศ. 2561 โดยเฉพาะในข้อ 10 แต่กลับปรากฏเป็นข่าวในสื่อสารมวลชนว่าหน่วยงานภายใต้คณะกรรมการแข่งขันทางการค้าได้ปฏิเสธการดำเนินการ และอ้างว่าไม่ใช่อำนาจของตน แต่เป็นอำนาจของ กสทช. แต่เพียงผู้เดียว เพราะเป็นข้อยกเว้นในมาตรา 4 (4) ซึ่งไม่ใช่ข้อเท็จจริงของกฎหมายตามที่กล่าวอ้างแต่อย่างใด เนื่องจากทั้งสองกลุ่มบริษัทล้วนประกอบธุรกิจอย่างหลากหลายนอกเหนือจากโทรคมนาคม

'ลุงตู่' ยก 'คลองโอ่งอ่าง' ต้นแบบคุณภาพชีวิต สร้างรายได้ให้คนพื้นที่ พร้อมหนุน!! ปรับภูมิทัศน์ทั่วกรุง ช่วยต่อยอดเศรษฐกิจ

นายธนกร วังบุญคงชนะ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า รัฐบาลภายใต้การนำของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหม ได้ให้ความสำคัญการแก้ไขปัญหาสิ่งแวดล้อมมาเพื่อชุมชนเมืองมาโดยตลอด ได้อนุมัติงบประมาณเพื่อการพัฒนาปรับภูมิทัศน์ พลิกฟื้นชีวิตของประชาชนริมคลอง จนประสบความสำเร็จตามลำดับ อาทิ โครงการปรับปรุงภูมิทัศน์คลองโอ่งอ่าง เป็นส่วนหนึ่งของแผนขยายการดำเนินการปรับภูมิทัศน์คลองรอบเกาะรัตนโกสินทร์ และคลองอื่นๆ ทั่วกรุงเทพมหานคร ที่รัฐบาลสนับสนุนงบประมาณให้กรุงเทพมหานครปรับปรุงให้สวยงาม ยกระดับคุณภาพชีวิต พัฒนาเป็นแหล่งท่องเที่ยว ต่อยอดมูลค่าทางเศรษฐกิจ สร้างรายได้ให้คนในพื้นที่ 

รวมทั้งโครงการปรับปรุงภูมิทัศน์คลองลาดพร้าว การบำบัดน้ำเสียในคลองเปรมประชากร ตั้งแต่กรุงเทพฯ-พระนครศรีอยุธยา รวมถึงการพัฒนาคู คลองชั้นในของกรุงเทพมหานคร โดยนายกรัฐมนตรียังริเริ่มให้พัฒนาระบบการเดินเรือในคลองผดุงกรุงเกษมเพื่อเชื่อมต่อกับระบบขนส่งสาธารณะหลัก เช่น รถโดยสารประจำทาง รถไฟฟ้าและเรือด่วนเจ้าพระยา ทำให้กรุงเทพฯ เป็นเมืองแรกในภูมิภาคอาเซียนที่เพิ่มทางเลือกการเดินทางด้วยบริการเรือขนส่งสาธารณะ ตามนโยบาย “ล้อ ราง เรือ” ช่วยลดมลพิษทางเสียงและปัญหาฝุ่นละออง PM 2.5  จนได้รับรางวัล 2020 Asian Townscape Awards จากโครงการตั้งถิ่นฐานมนุษย์แห่งสหประชาชาติ (United Nations Human Settlements Programme: UN-HABITAT) ยืนยันความสำเร็จของโครงการพัฒนาคูคลองของรัฐบาลที่ได้รับการยอมรับในระดับโลก
 

'ลุงตู่' ขอวัยรุ่นอย่าใจร้อน! ฟุ้งผลงาน 7 ปี ถือว่าทำเร็วแล้ว

‘บิ๊กตู่’ ขอวัยรุ่นอย่าใจร้อน ฟุ้งผลงาน 6-7 ปี ที่ทำไว้ถือว่าเร็วแล้ว ภายใต้เงื่อนไขกฎหมาย และกระแสต่อต้าน

30 พ.ค. 2565 – เมื่อเวลา 08.30 น. ที่ห้องสีม่วง ตึกไทยคู่ฟ้า ทำเนียบรัฐบาล นายชัยวุฒิ ธนาคมานุสรณ์รัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม นำคณะนักกีฬาอีสปอร์ตทีมชาติไทยที่ได้รับเหรียญทองจากกีฬาซีเกมส์ ที่ประเทศเวียดนาม (Fifa online, ROV) และ นักกีฬาอีสปอร์ตที่ได้รับรางวัลแชมป์โลก (เกมส์ Free fire ทีม Attack All Around) เข้าพบ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และ รมว.กลาโหม

โดย พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า ขอแสดงความยินดีด้วยใจจริง ยินดีที่ประสบความสำเร็จ เป็นสิ่งที่นายกรัฐมนตรีคาดหวังมานานแล้ว และได้ให้แนวนโยบายในการสนับสนุนกีฬาประเภทดังกล่าว เพื่อให้พัฒนาบุคลากรของเราด้วย ซึ่งจะเป็นส่วนช่วยในการเพิ่มรายได้ทางเศรษฐกิจ ซึ่งนักกีฬาทุกคนถือเป็นทรัพยากรที่สำคัญในอนาคตของประเทศไทยซึ่งถือเป็นคนรุ่นใหม่ จะเท่าทันการเปลี่ยนแปลงของสถานการณ์โลก ในนามของนายกรัฐมนตรีและรัฐบาลยินดีกับทุกคนด้วยใจจริงและจะให้การสนับสนุนต่อไป เพื่อให้เกิดเป็นมูลค่าสร้างสรรค์ประเทศเราให้เจริญก้าวหน้าต่อไป เพราะเรามักมีรายได้ของประเทศจากสิ่งเดิมๆ ดังนั้นจำเป็นต้องหาแหล่งรายได้ใหม่ นอกจากเรื่องของกีฬา การท่องเที่ยวของเราก็พัฒนาให้มีคุณภาพ พัฒนาสาธารณณูปโภคพื้นฐาน แต่ที่สำคัญคือการพัฒนาทรัพยากร มนุษย์ ซึ่งบางครั้งจำเป็นเราต้องเรียนรู้จากคนอื่นด้วย
 

‘ผ้าขาวม้า’ ผูกรอบเอว ‘ผู้มาเยือน’ วัฒนธรรมต้อนรับแขกแบบคนอีสาน

หนึ่งในภาพคุ้นชิน เมื่อมีแขกผู้หลักผู้ใหญ่ของบ้านเมืองมาเยือนพื้นที่อีสาน เช่นการลงพื้นที่เยี่ยมเยือนประชาชนของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ล่าสุด เมื่อวันที่ (15 มิ.ย. 65) ที่จังหวัดสกลนคร ได้เห็นชาวบ้านจำนวนมากหลั่งไหลมาผูก ‘ผ้าขาวม้า’ ที่เอวให้นายกฯ อย่างอบอุ่น 

การผูกผ้าขาวม้ารอบเอวนั้น ยิ่งผูกมาก ยิ่งสะท้อนให้คนเห็นถึงความสำคัญของแขกผู้มาเยือน และเป็นการแสดงออกถึงการต้อนรับที่แสนอบอุ่นของประชาชนที่มารอต้อนรับอีกด้วย

สำหรับ ‘ผ้าขาวม้า’ นับเป็นผ้าสารพัดประโยชน์และมีความผูกพันต่อวิถีชีวิตของชาวถิ่นอีสานในทุก ๆ แง่มุมของชีวิตอย่างแท้จริง ชนิดที่เรียกว่าตั้งแต่ตื่นจนถึงเข้านอน ผ้าขาวม้าจะอยู่ข้างกายของเจ้าของเสมอ ทั้งใช้นุ่งห่ม เช็ดทำความสะอาด ไปจนถึงปูนอน


TRENDING
© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top