‘นายกฯ’ จีบทูตอิตาลี ช่วยดันไทย เข้าวีซ่าเชงเกน พร้อมถกความร่วมมือ หลังโรมสนใจลงทุนใน EEC

เมื่อวันที่ 26 ม.ค. 67 ที่ห้องสีม่วง ตึกไทยคู่ฟ้า ทำเนียบรัฐบาล นายเปาโล ดีโอนีซี เอกอัครราชทูตสาธารณรัฐอิตาลีประจำประเทศไทย เข้าเยี่ยมคารวะนายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ในโอกาสเข้ารับตำแหน่งใหม่

นายกรัฐมนตรีและเอกอัครราชทูตฯ ทักทายพร้อมแสดงความยินดีที่ได้พบ ทั้ง 2 ฝ่ายยินดีกับความสัมพันธ์ไทย-อิตาลี ต่างเห็นพ้องว่า ต่างฝ่ายมีซอฟต์พาวเวอร์ที่เข้มแข็ง อาทิ อาหารของไทย และการออกแบบและความคิดสร้างสรรค์ของอิตาลี ทั้ง 2 ประเทศต่างมีศักยภาพ และสามารถร่วมมือกันได้ นายกรัฐมนตรีหวังที่จะได้นำคณะไปเยือนอิตาลีในอนาคตอันใกล้ เพื่อเดินหน้าความร่วมมือ รวมถึงด้านการค้าและการลงทุนให้ใกล้ชิดและเป็นรูปธรรมยิ่งขึ้น

โอกาสนี้ ทั้ง 2 ฝ่ายหารือประเด็นที่เป็นประโยชน์ร่วมกัน โดยเอกอัครราชทูตฯ กล่าวว่า อิตาลีถือเป็นประเทศผู้นำด้านอุตสาหกรรมการเกษตรในยุโรป และเป็นประเทศผู้ผลิตสินค้าเกษตรที่ใหญ่ในยุโรป และกำลังต้องการแรงงานเกษตรกรอย่างมาก โดยเฉพาะเกษตรกรไทย เป็นแรงงานที่มีทักษะ และขยันตั้งใจ (Hard worker) นายกรัฐมนตรียินดีและพร้อมร่วมมือกับอิตาลี ความร่วมมือนี้จะเป็นประโยชน์กับทั้งสองฝ่ายอย่างมาก

นอกจากนี้ อิตาลีให้ความสนใจลงทุนในโครงการเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (Eastern Economic Corridor : EEC) อย่างมาก เมื่อปีที่ผ่านมาเอกอัครราชทูตฯ เป็นผู้นำคณะผู้แทน EEC ของไทยไปยังกรุงโรม ได้รับการตอบรับเป็นอย่างดีจากทางอิตาลี นายกรัฐมนตรียินดีและพร้อมเดินหน้าเพิ่มพูนความร่วมมือในด้านนี้โดยเร็ว

นอกจากนี้ ด้านเอกอัครราชทูตฯ กล่าวว่า ภาคเอกชนอิตาลีให้ความสนใจและอยากรับทราบข้อมูลโครงการ ‘แลนด์บริดจ์’ นายกรัฐมนตรีพร้อมให้ข้อมูลเกี่ยวกับนโยบายและโครงการต่างๆ อันจะเป็นประโยชน์ต่อศักยภาพ และโอกาสในการลงทุนของภาคเอกชนต่อโครงการนี้

ในตอนท้าย นายกรัฐมนตรียังได้กล่าวขอการสนับสนุนจากอิตาลี เรื่องการขอยกเว้นการตรวจลงตราให้กับผู้ถือหนังสือเดินทางธรรมดาของไทย ในการเดินทางเข้าเขตเชงเกน เพื่อส่งเสริมการท่องเที่ยวและการไปมาหาสู่ระหว่างกันมากยิ่งขึ้น โดยนักท่องเที่ยวชาวอิตาลีและชาวไทยต่างเป็นนักท่องเที่ยวที่ดีของกัน ไทยจึงหวังจะได้ต้อนรับนักท่องเที่ยวและนักธุรกิจจากอิตาลีมายังประเทศไทยมากขึ้น

นายกรัฐมนตรี ยังได้โพสต์ข้อความว่า “ได้พูดคุยหารือกับ H.E. Mr. Paolo Dionisi เอกอัครราชทูตสาธารณรัฐอิตาลีประจำประเทศไทย กันถึงเรื่องความร่วมมือกันในหลายมิติอย่างสร้างสรรค์ โดยเฉพาะอย่างยิ่งด้าน Soft Power ที่ทั้ง 2 ประเทศต่างมีศักยภาพ ท่านทูตเล่าให้ฟังว่าอิตาลีมีโรงเรียน Design and Creativity ที่มีชื่อเสียงหลายที่ครับ ซึ่งไทย-อิตาลีสามารถแลกเปลี่ยนความรู้ด้านการออกแบบและความคิดสร้างสรรค์ได้ นอกจากนี้ อิตาลียังมีความต้องการแรงงานด้านการเกษตรของไทย เพราะมีทักษะและขยันตั้งใจอีกด้วยครับ”