‘รัฐบาลเช็ก’ สนใจลงทุน ‘รถยนต์-การแพทย์’ ในไทย เล็งเดินหน้าเจรจา FTA ‘ไทย-อียู’ ให้เสร็จตามแผน
(17 พ.ย. 66) ที่ทำเนียบรัฐบาล นางนลินี ทวีสิน ผู้แทนการค้าไทย เปิดเผยถึงการหารือกับนายปาเวล ปีเตล เอกอัครราชทูตสาธารณรัฐเช็กประจำประเทศไทย ว่า ประเทศไทยถือเป็นตลาดที่มีศักยภาพของเช็ก โดยเฉพาะอุตสาหกรรมการผลิตรถยนต์ โดยเช็กมีความสนใจที่จะสร้างหุ้นส่วนทางเศรษฐกิจในอุตสาหกรรมยานยนต์กับไทย เพื่อดึงดูดให้บริษัทยานยนต์ของเช็กเข้ามาลงทุน พัฒนาเทคโนโลยี และตั้งฐานการผลิตในประเทศไทย เช่นเดียวกับที่ได้ดำเนินการมาแล้วในอินเดีย เวียดนาม ออสเตรเลีย นิวซีแลนด์ และประสบความสำเร็จเป็นอย่างดี โดยบริษัทที่กำลังจะเข้ามาลงทุนในไทย คือ บริษัท สโกด้า (เครือโฟล์คสวาเกน) ซึ่งเป็นผู้ผลิตยานยนต์และอุปกรณ์ที่เกี่ยวข้องกับอีวี ซึ่งแนวทางนี้สอดคล้องกับนโยบายการส่งเสริมการผลิตรถยนต์ไฟฟ้าของไทยด้วย
นอกจากนี้ เช็กยังมีชื่อเสียงในด้านการผลิตสินค้าเพื่อการป้องกันประเทศ ความมั่นคงปลอดภัยทางไซเบอร์ และเครื่องมือแพทย์ โดยขณะนี้อยู่ระหว่างส่งเสริมให้บริษัทด้านการแพทย์เข้ามาลงทุนในประเทศไทย
นางนลินี กล่าวว่า เช็กเป็นคู่ค้าที่สำคัญของไทย โดยไทยมีสิทธิประโยชน์ด้านการลงทุนให้กับบริษัทต่างชาติที่เข้ามาลงทุน ทั้งภายใต้บีโอไอและอีอีซี ปัจจุบันรัฐบาลมีแผนพัฒนาประเทศ เพื่อก้าวไปสู่การเป็น World’s Wellness Capital จึงเชิญชวนให้บริษัทด้านการแพทย์ของเช็กเข้ามาลงทุนในประเทศไทย และร่วมกันพัฒนาทักษะของแรงงานไทยให้มีมาตรฐานมากขึ้น สำหรับบริษัทไทยที่เข้าไปลงทุนในเช็กปัจจุบันมีหลายบริษัท เช่น บริษัท อินโด รามาเวนเจอร์ ที่ตั้งโรงงานผลิตวัสดุเสริมแรงในยางรถยนต์ และในปี พ.ศ.2567 นี้ ความสัมพันธ์ทางการทูตระหว่างไทยและสาธารณรัฐเช็กจะครบรอบ 50 ปี จึงเป็นโอกาสอันดีหากผู้บริหารระดับสูงของทั้งสองประเทศได้มีโอกาสพบหารือกัน
นางนลินี กล่าวว่า ทั้งสองประเทศเห็นพ้องกันว่า การเจรจาความตกลงเอฟทีเอ ไทย-สหภาพยุโรป จะเป็นกลไกสำคัญที่จะช่วยอำนวยความสะดวกทางการค้าและส่งเสริมการเคลื่อนย้ายสินค้าระหว่างกัน อย่างไรก็ตามเอฟทีเอ ดังกล่าว ถือเป็นความตกลงที่มีมาตรฐานสูง ไทยจึงขอให้เช็กช่วยสนับสนุนการเจรจาให้แล้วเสร็จตามแผนที่วางไว้ โดยแม้ความตกลงจะมีรายละเอียดมาก และอาจต้องใช้เวลาปรับตัวในช่วงเริ่มต้น แต่เมื่อผ่านไปได้จะเกิดประโยชน์ต่อภาคธุรกิจและนักลงทุนเป็นอย่างมาก