‘ตร.ภาค 1’ ร่วม ‘หน่วยข่าวกรองทหาร-ป.ป.ส.’ รวบเเก๊งขนยาบิ๊กล็อต ยึดของกลางพร้อมยาบ้าได้ 4 ล้านเม็ด รวมมูลค่ากว่า 40 ล้านบาท!!

(3 พ.ย. 66) ที่กองบัญชาการตำรวจภูธร ภาค 1 พล.ต.ต.จิรสันต์ แก้วแสงเอก รรท.ผบช.ภ.1 ,พล.ต.ท.ภาณุรัตน์ หลักบุญ เลขาธิการ ป.ป.ส. พร้อมคณะแถลงผลการจับกุมยาเสพติด พร้อมของกลาง ยาบ้า จำนวนประมาณ 4,000,000 เม็ด มูลค่ากว่า 40,000,000 ล้านบาท

พล.ต.ต.จิรสันต์ กล่าวว่า สืบเนื่องจากวันที่ 4 ก.ย. 2566 เจ้าหน้าที่ตำรวจชุดปฏิบัติการป้องกันและปราบปรามยาเสพติดตำรวจภูธรภาค 1 ชุดที่ 3 ได้จับกุม นายนนทวัฒน์ หรือ ‘นิก’ (สงวนนามสกุล) และนายศุภวัฒน์ หรือ ‘ตาล’ (สงวนนามสกุล) พร้อมของกลางยาบ้า ประมาณ 1,600,000 เม็ด พื้นที่ สภ.หนองแค จังหวัดสระบุรี ซึ่งจากสืบสวนขยายผลในคดีดังกล่าว ทำให้ทราบว่ามีทีมลำเลียงยาเสพติดจากพื้นที่ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ เข้ามาส่งยาเสพติดในพื้นที่ภาคกลาง

โดย พล.ต.ต.วิชิต บุญชินวุฒิกุล รรท.ผบก.ภ.จ.สมุทรปราการ ซึ่งขณะนั้นดำรงตำแหน่ง ผบก.ภ.จ.สระบุรี ได้สั่งการให้เจ้าหน้าที่เฝ้าระวังติดตามและสืบสวนจับกุม ต่อมาเมื่อวันที่ 31 ต.ค. มีการสืบสวนจนทราบว่าจะมีการลักลอบลำเลียงยาเสพติดจาก จ.นครพนม มาส่งให้ลูกค้าในพื้นที่ปริมณฑลและกรุงเทพฯ โดยใช้รถบรรทุกยี่ห้ออีซูซุ สีขาว ทะเบียน 83-3754 สุรินทร์ เป็นยานพาหนะในการลำเลียงยาเสพติด และจะใช้รถยนต์กระบะยี่ห้อโตโยต้า สีขาว ทะเบียน บม 645 ร้อยเอ็ด และรถยนต์กระบะ ยี่ห้ออีซูซุ สีเทา ทะเบียน สชช 7466 กทม. ในการสำรวจเส้นทางด่านตรวจของเจ้าหน้าที่ตำรวจ

จนกระทั่งวันที่ 1 พ.ย. 66 พ.ต.อ.ไกรสร ศรีอำพร ผกก.สส.ภ.จ.สระบุรี เป็นหัวหน้า ชปส.ศอ.ปส.ภ.1 ชุดที่ 3 ได้สั่งการให้เจ้าหน้าที่ปฏิบัติการป้องกันและปราบปรามยาเสพติดตำรวจภูธรภาค 1 ชุดที่ 3 และเจ้าหน้าที่ทหารหน่วยข่าวกรองทางทหาร ร่วมกันสังเกตการณ์และพบกลุ่มรถยนต์ดังกล่าวอยู่ที่สถานีบริการน้ำมัน พีที วังน้อย (ขาออก กทม.) หมู่ 3 ต.ลำไทร จ.พระนครศรีอยุธยา จึงนำกำลังฝ้าสังเกตการณ์และสามารถจับกุมผู้ต้องหาในคดีนี้ได้ จำนวน 5 คน ได้แก่

1.) นายสุชาติ มูลสาร
2.) นายวิรอน เปรี้ยววงษ์
3.) นายวิรงค์ เปรี้ยววงษ์
4.) พงศ์อิทธิพล ขวานคร
5.) นายณัฐสิทธิ์ สักการี

โดยตรวจค้นพบยาเสพติดให้โทษประเภท 1 (ยาบ้า) 8 กระสอบ รวมจำนวน 2,000 มัด ประมาณ 4,000,000 เม็ด ซุกซ่อนอยู่ภายในรถบรรทุกยี่ห้ออีซูซุ สีขาว คันดังกล่าวพร้อมด้วยอาวุธปืน 1 กระบอก และเครื่องกระสุนปืน ขนาด 9 มม. จำนวน 14 นัด และได้นำตัวพร้อมของกลางส่งพนักงานสอบสวน สภ.วังน้อย จ.พระนครศรีอยุธยา เพื่อดำเนินคดีในความผิด ‘ร่วมกันจำหน่ายยาเสพติดให้โทษประเภท 1(ยาบ้าหรือเมทแอมเฟตามีน) โดยการมีไว้เพื่อจำหน่ายโดยไม่ได้รับอนุญาต’ และกล่าวหาผู้ต้องหารายที่ 3 เพิ่มเติมว่า ‘มีอาวุธปืนไว้ในความครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต’

โดยทางเจ้าหน้าที่ตำรวจคาดการณ์ว่า หากไม่มีการจับกุมสกัดกั้นยาเสพติดดังกล่าวไว้ได้ก่อน จะแพร่กระจายสู่ท้องตลาดซึ่งจะมีมูลค่าสูงถึงประมาณ 40,000,000 บาท

ทั้งนี้ เจ้าหน้าที่จะได้ขยายผลถึงผู้อยู่ในขบวนการค้ายาเสพติด และทรัพย์สินที่เกี่ยวเนื่องกับการทำความผิด เพื่อนำมาดำเนินคดีต่อไป