‘3 นักกิจกรรม’ เล่าเปิดใจ หลังเกิดปรากฏการณ์ ‘ส้มเทิร์นแดง’ แฉ!! การเมืองไม่ตรงปก-ระบบทำงานเละเทะ-ใช้วิธีหาเสียงโจมตีคนอื่น

เมื่อไม่นานมานี้ เว็บไซต์ประชาไทได้ตีพิมพ์รายงานหัวข้อ ‘เมื่อรักและศรัทธาเสื่อมลง เปิดใจ 3 วัยรุ่นส้มเทิร์นแดง’ เป็นการสัมภาษณ์นักกิจกรรม 3 คน ที่เคยสนับสนุนนายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ และพรรคก้าวไกล แต่ได้เปลี่ยนใจมาสนับสนุนพรรคเพื่อไทย เรียกว่า ‘ปรากฏการณ์ส้มเทิร์นแดง’ โดย น.ส.ศุกรียา วรรณายุวัฒน์ หรือ ‘มายมิ้นต์’ นิสิตคณะครุศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย กล่าวว่า ย้อนกลับไปเมื่อปี 2562 ชื่นชอบพรรคอนาคตใหม่ เพราะเป็นการเมืองใหม่ ชื่นชอบนายธนาธร ถึงขนาดในวันที่มีงานแฟนมีตนายธนาธร ตนเป็นแฟนคลับบัตร 2,500 บาท นั่งแถวหน้าถ่ายรูป จับมือ ตอบคำถาม เหมือนกับศิลปิน

ต่อมาได้ร่วมเคลื่อนไหวทางการเมืองในรั้วจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย กับนายทัตเทพ เรืองประไพกิจเสรี หรือ ‘ฟอร์ด’, นายเนติวิทย์ โชติภัทร์ไพศาล และ น.ส.สิรินทร์ มุ่งเจริญ หรือ ‘เฟลอร์’ กระทั่งช่วงที่นักกิจกรรมถูกจับกุม มายมิ้นต์ร่วมวงรับประทานข้าวกับผู้บริหารระดับสูงของพรรคก้าวไกล มีคนในโต๊ะถามเขาว่า เมื่อไหร่นายธนาธร นายปิยบุตร แสงกนกกุล หรือว่าพรรคก้าวไกลจะออกมานำ เขาก็บอกว่า “เดี๋ยวรอลูกเข้าตีนก่อน” ทำให้เกิดคำถามว่าจะรอให้นักกิจกรรมเป็นอันตรายมากกว่านี้ก่อนหรือไม่?

“เขาจะต้องรอให้พวกเราเป็นอันตรายมากกว่านี้ก่อน หรือยังไงกันแน่ เราก็ไม่เข้าใจ สรุปว่าเราเป็นส่วนหนึ่งกันหรือไม่ สรุปว่าเราเป็นอะไรกัน เป็นคนที่สู้ด้วยกัน หรือว่าจริงๆ แล้วม็อบก็เป็นเครื่องมือหนึ่งที่คุณต้องรอจังหวะถึงจะออกมาทำ” มายมิ้นต์ระบุ

ต่อมานายอานนท์ นำภา แกนนำกลุ่มที่เรียกตัวเองว่าม็อบราษฎร และแกนนำหลายคนถูกจับ เมื่อปี 2563 มายมิ้นต์กับเพื่อนจัดแฟลชม็อบที่แยกปทุมวัน ปรากฏว่ามีคนอ้างตัวว่าเป็นดอกเตอร์จากพรรคก้าวไกล ขอให้ตนปราศรัยโจมตีพรรคเพื่อไทยและคุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ เรื่องจับมือกับทหารตั้งรัฐบาลแห่งชาติ ปรากฏว่าถูกแฟนคลับพรรคเพื่อไทยโจมตีหนัก หลังจากนั้นดอกเตอร์คนดังกล่าวได้เป็น สส. ส่วนตนเมื่อคิดทบทวนก็สงสัยว่าตนถูกใช้เป็นเครื่องมือโจมตีพรรคเพื่อไทยหรือไม่

อย่างไรก็ตาม มายมิ้นต์ไม่พอใจกรณีที่พรรคก้าวไกลใช้วิธีหาเสียงที่โจมตีคนอื่น ตนไม่มีปัญหาที่ผู้สนับสนุนพรรคก้าวไกลเป็นอดีต กปปส. แต่มีปัญหากับการที่คนที่เคยทำลายประชาธิปไตยมาชี้หน้าด่าว่าคนอื่นไม่มีอุดมการณ์ มาบอกว่าคนอื่นไม่สู้ ไม่เป็นประชาธิปไตย ถ้าเป็นประชาธิปไตยต้องเป็นแบบฉันเท่านั้น ทั้งที่ประชาธิปไตยมีหลากความหมาย หลายรูปแบบ หลายวิธีการ เพราะฉะนั้นคนที่เคยทำลายประชาธิปไตยมาก่อน วันหนึ่งตาสว่างแล้วคิดว่าตัวเองดีกว่าใคร เป็นเรื่องที่ยอมรับไม่ได้

ส่วนเรื่องระบบการทำงานภายในพรรคก้าวไกล มายมิ้นต์เปิดเผยว่า เคยถูกทิ้งให้รันงาน Tournament อีสปอร์ตของ สส.คนหนึ่ง ด้วยตัวเองเกือบทั้งหมด รวมถึงโปรเจกต์การศึกษาของ สส.จังหวัดหนึ่ง ที่ตนลงแรงลงใจไปมากแต่กลับถูกเทกลางทาง แม้จะเป็นประสบการณ์ส่วนตัว แต่สะท้อนการทำงานของระบบในพรรค เพราะถ้าพรรคยังไม่สามารถจัดการการทำงานในระดับเล็กๆ ให้ราบรื่นได้ แล้วจะไปเปลี่ยนแปลงโครงสร้างของประเทศได้อย่างไร

มายมิ้นต์ยังฝากความคาดหวังถึงพรรคเพื่อไทย ต้องทำตามสิ่งที่หาเสียงไว้ให้ได้ ซึ่งขณะนี้เป็นพรรคที่ฟังก์ชันที่สุดในเรื่องเศรษฐกิจ เส้นตายที่จะพิสูจน์ฝีมือคือการลดค่าครองชีพของประชาชนให้ได้ ไม่ว่าจะเป็นค่าไฟ ค่ารถไฟฟ้า ฉะนั้นตนขอให้พรรคเพื่อไทยดีลอย่างไรก็ได้ให้ประชาชนได้ประโยชน์

ด้านนายภูมิภัสส์ หิรัญวีวิชญ์ หรือ ‘พัท’ นักศึกษาชั้นปีที่ 3 คณะรัฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ กล่าวว่า ที่เปลี่ยนใจมาเชียร์พรรคเพื่อไทย เพราะไม่ชอบระบบการทำงานและท่าทีที่ดูไม่จริงใจของพรรคก้าวไกล รวมถึงรู้สึกประทับใจนโยบายของพรรคเพื่อไทยมากกว่า ที่ผ่านมาเคยเคลื่อนไหวฟ้องศาลปกครองเลื่อนการสอบ TCAS เมื่อเดือน มี.ค. 2564 พรรคเพื่อไทยเป็นพรรคเดียวที่ยื่นมือเข้ามาช่วยกลุ่มนักเรียนและติวเตอร์ โดยมีทีมกฎหมายที่คอยให้คำปรึกษา และประสานงานสื่อมวลชน

เมื่อเข้าเรียนที่มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ พัทเคลื่อนไหวเรื่องสถาบันฯ ร่วมกับม็อบเยาวชน และเรื่องเพศกับกลุ่มเฟมินิสต์ในมหาวิทยาลัย เพราะเห็นว่าไม่มีความเท่าเทียมทางเพศในมหาวิทยาลัย และในขบวนประชาธิปไตยพบว่ามีการแอบถอดถุงยางอนามัยขณะมีเพศสัมพันธ์ซึ่งถือเป็นการข่มขืน และยังมีคนที่เป็นนักข่มขืนขึ้นปราศรัยบนเวที ตนรู้สึกโอเคกับพรรคเพื่อไทยที่ยังมีการจัดนิทรรศการ ขณะที่หลายคนในพรรคก้าวไกลก็มีประเด็นเรื่องเพศ

เช่น นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกล ถูกตั้งคำถามเรื่องพฤติกรรมในครอบครัว ว่าดูย้อนแย้งกับคุณค่าที่พรรคก้าวไกลนำเสนอหรือไม่ เมื่อก้าวขึ้นมาเป็นแคนดิเดตนายกรัฐมนตรี รวมถึงกรณีที่อดีตผู้สมัคร สส.ก้าวไกล จ.ชัยภูมิ ล่วงละเมิดทางเพศ ส.ก.เขตสาทร ถูกกล่าวหาว่าก่อเหตุล่วงละเมิดทางเพศ โดยผู้เสียหายบางส่วนเป็นผู้เยาว์ และ ส.ก.เขตวัฒนา ถูกกล่าวหาว่าล่วงละเมิดทางเพศอดีตลูกจ้างหญิงข้ามเพศ โดยผู้ที่ออกมาเปิดโปงถูกฟ้องหมิ่นประมาททั้งทางอาญา และแพ่ง

สิ่งที่ไม่ชอบคือ ผู้สมัคร สส.พรรคก้าวไกลโพสต์รับอาสาสมัครในหลายพื้นที่ ตนเข้าไปช่วยเขตหนึ่งของ กทม. ผู้สมัครคนนั้นไม่มีความเป็นผู้นำที่มากพอ พรรคไม่เข้ามาควบคุม งานไม่แจกจ่ายอะไรเลย เข้าไปต้องคอยถามตลอดว่าอาทิตย์นี้จะให้ช่วยทำอะไรบ้าง

พัทกล่าวว่า เวลาที่ตนพูดเรื่องเฟมินิสต์ในโซเชียลก็จะมีทัวร์มาลง เมื่อตนเปิดตัวเชียร์พรรคเพื่อไทยทัวร์ก็ลงบ่อยและหนักขึ้นกว่าเดิม ต้องพบนักจิตบำบัดเป็นระยะ ส่วนชีวิตในมหาวิทยาลัยก็มักถูกมองว่าเป็นคนแรงๆ ที่ขับเคลื่อนทุกประเด็น เพราะรู้สึกว่าถูกเบียดขับจากความเป็นกระแสหลักที่ดูมีศีลธรรมสูงส่ง ทำให้ผู้สนับสนุนพรรคเพื่อไทย ที่เรียกตัวเองว่า ‘นางแบก’ มักมีอารมณ์ขันแบบจิกกัดตัวเอง ที่เข้าใจกันเองเฉพาะกลุ่ม

ส่วนคำว่า ‘อึงไข่’ เกิดจากการตอบโต้กันของส้ม-แดงในโลกออนไลน์ แล้วนางแบกคนหนึ่งโต้กลับว่าคนเลือกก้าวไกลมักจะบอกว่าก้าวไกลมาจากประชาชน 14 ล้านเสียง ถ้างั้นคนอีก 10.9 ล้านคนที่เลือกเพื่อไทยเป็นอึ่งไข่หรือ ตนบอกว่าเป็นอึ่งไข่ 10.9 ล้านตัวที่เลือกรัฐบาลนี้ แล้วก็มีนักวิชาการคนหนึ่งออกมาพูดว่า รัฐบาลนี้เป็นรัฐบาลอึ่งไข่ ที่เก็บไข่จนเต็มตัว แล้วเดี๋ยวจะต้องโดนคนอีสานจับกิน แล้วจะสูญพันธุ์ ตนจึงสงสัยว่าจินตนาการไปได้อย่างไร ตนแค่ชอบอึ่งไข่ เพราะมันอยู่ในติ๊กต็อก

ขณะที่ น.ส.น้ำฟ้า ปั้นเหน่งเพชร หรือ ‘ฟ้า’ นักศึกษาชั้นปีที่ 3 คณะรัฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ เปิดเผยว่า ตนเคยร่วมทำกิจกรรมกับพรรคก้าวไกลมาก่อน แต่รู้สึกไม่ซื้อในพฤติกรรมหลายๆ อย่างซึ่งดูขัดกับประเด็นที่พรรคพยายามนำเสนอ ตนถูกตั้งคำถามจากคนในคณะเดียวกันว่าทำไมถึงมีจุดยืนแบบนี้ มีการพูดคุยแลกเปลี่ยนความเห็นกันบ้าง แต่เวลาคุยกับคนที่เลือกก้าวไกลก็พบว่าเขามักมีธงในใจ ถ้าตนตอบผิดแผกไปจากนั้นก็จะถูกมองว่าแบกจนบ้ง

ในช่วงที่มีกระแสข่าวลือว่าพรรคเพื่อไทยจะจับมือกับพรรคพลังประชารัฐ และพรรครวมไทยสร้างชาติตั้งรัฐบาลข้ามขั้ว ในคลาสเรียนหนึ่งอาจารย์พูดในห้องเรียนแบบขำๆ ทำนองว่า คนที่เลือกพรรคเพื่อไทยอาจจะคิดว่าตัวเองโง่ ไม่น่าเลือกเลย แล้วมองหน้าตน เสร็จแล้วก็หันไปมองเพื่อน บอกว่าอันนี้คือล้อกันเล่นเฉยๆ นะ พอดีว่าสนิทกัน ก่อนจะพูดว่า แต่ไม่เป็นไร คนเรามีเงื่อนไขที่ต่างกัน ทำไมถึงเลือกหรือไม่เลือก ที่ตกใจมากกว่าคือมวลบรรยากาศที่เพื่อนทั้งห้องขำ

ฟ้าเห็นว่ามหาวิทยาลัยไม่มีพื้นที่ให้กับคนที่เลือกพรรคเพื่อไทยอยู่แล้ว ถ้าเลือกพรรคก้าวไกลแล้วยิ่งเป็นนักกิจกรรมจะยิ่งได้รับการเชิดชูมากๆ แต่ถ้าเลือกพรรคเพื่อไทยแล้วพูดอะไรออกมาก็จะถูกจับผิด ตั้งคำถาม ถูกมองว่าจัดตั้ง เป็นไอโอพรรคจ้างมา

ในตอนท้าย ฟ้าคาดหวังต่อพรรคเพื่อไทย คือไม่ควรกระทำการที่ผิดหลักประชาธิปไตย พร้อมยกตัวอย่างเรื่องแก้รัฐธรรมนูญให้เป็นประชาธิปไตย ว่า ส.ส.ร.ก็ควรมาจากการเลือกตั้งเป็นสัดส่วนที่ไม่ต่ำกว่า 50% แม้ว่าตนจะเห็นความเป็นไปได้ของรัฐบาลข้ามขั้วมาตั้งแต่เห็นผลการเลือกตั้งแล้วก็ตาม แต่ก็ผิดหวังที่พรรคเพื่อไทยไปจับมือกับพรรคพลังประชารัฐ พรรครวมไทยสร้างชาติ ถ้าเป็นไปได้ก็อยากให้จับมือกับพรรคก้าวไกลแล้วไปต่อด้วยกันได้ แต่สุดท้ายถ้ามีก้าวไกลยังไงก็ไม่ผ่าน ส.ว. 250 คน จึงมองว่าก็ต้องเลือกทางที่ไปต่อได้เพื่อจัดตั้งรัฐบาลให้เร็วที่สุด

“เพื่อไทยเลือกที่จะเอาอำนาจรัฐที่จะมาจัดการปัญหาอื่นๆ ที่เกิดขึ้น ส่วนก้าวไกลกินอุดมการณ์มากกว่าที่จะดูที่การกระทำ คนอื่นอาจจะซื้อ แต่เราไม่ซื้อโซลูชันของก้าวไกล ไม่ได้บอกว่ามันไม่ดี แค่เราไม่ซื้อ” ฟ้าระบุ