‘ซีเรีย’ ร้อง!! UN จัดการ ‘สหรัฐฯ’ ให้จ่ายเงินชดเชยค่าเสียหาย หลังใช้สงครามบังหน้า ก่อนเข้ายึดครองดินแดน-ขโมยน้ำมัน

(14 ก.ย. 66) ‘ซีเรีย’ เรียกร้องสหประชาชาติ ให้ดำเนินการเอาผิดกับสหรัฐฯ ต่อกรณียึดครองดินแดนบางส่วนของซีเรีย เช่นเดียวกับลอบสกัดทรัพยากรทางธรรมชาติในพื้นที่เหล่านั้นอย่างผิดกฎหมาย ตามรายงานของสำนักข่าวซานา สื่อมวลชนแห่งรัฐเมื่อช่วงสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา

นอกจากนี้แล้ว ดามัสกัส ยังเรียกร้องขอเงินชดเชยจากวอชิงตัน สำหรับสิ่งที่พวกเขาเรียกว่า เป็นการปล้นน้ำมันและก๊าซธรรมชาติของประเทศ

ในรายงานชิ้นหนึ่งที่เผยแพร่เมื่อวันอาทิตย์ (10 ก.ย.) สำนักข่าวซานา อ้างอิงหนังสือของกระทรวงการต่างประเทศของซีเรีย ที่ส่งถึง ‘อันโตนิโอ กูเตอร์เรส’ เลขาธิการใหญ่แห่งสหประชาชาติ เช่นเดียวกับ แอลเบเนีย ซึ่งดำรงตำแหน่งประธานหมุนเวียนคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติประจำเดือนกันยายน

โดยในหนังสือดังกล่าว เรียกร้องให้องค์กรระหว่างประเทศแห่งนี้หยุดสหรัฐฯ จากการละเมิดกฎหมายสากลและกฎบัตรสหประชาชาติ ด้วยการประจำการทหารอย่างผิดกฎหมาย ในภาคตะวันออกเฉียงเหนือและภาคตะวันออกเฉียงใต้ของประเทศ

กระทรวงการต่างประเทศของซีเรีย อ้างอีกว่า นอกจากนี้แล้ว วอชิงตันและกลุ่มติดอาวุธพันธมิตร ยังกระทำผิดด้วยการฉกชิงทรัพยากรทางยุทธศาสตร์ และความมั่งคั่งของประเทศอีกด้วย

ในหนังสือดังกล่าวได้ประเมินความเสียหายทั้งทางตรงและทางอ้อม ที่เกิดขึ้นกับภาคอุตสาหกรรมน้ำมันและเหมืองที่มั่งคั่งของซีเรีย จากฝีมือของกองทัพสหรัฐฯ นับตั้งแต่ปี 2011 จนถึง 2023 อยู่ที่ประมาณ 115,200 ล้านดอลลาร์

โดยในหนังสือได้ปิดท้าย เรียกร้องให้ลงโทษพวกเจ้าหน้าที่สหรัฐฯ สำหรับการขโมยและบอกว่ารัฐบาลอเมริกาจำเป็นต้องจ่ายชดเชยแทนคนเหล่านี้ นอกจากนี้แล้ว พวกเขายังเรียกร้องให้ถอนบุคลากรทางทหารของอเมริกาทุกรายออกจากซีเรีย พร้อมกับคืนบ่อน้ำมันและก๊าซธรรมชาติทั้งหมด กลับคืนสู่ภายใต้การควบคุมของรัฐบาลซีเรีย

เมื่อช่วงปลายเดือนที่แล้ว พลเอกมาร์ค มิลลีย์ ประธานคณะเสนาธิการร่วมแห่งกองทัพสหรัฐฯ คาดการณ์ว่า ทหารอเมริกาจะยังคงประจำการในประเทศแห่งนี้ต่อไปอีกในอนาคตอันใกล้ โดยเน้นว่า วอชิงตันจะไม่มีวันเดินหนีออกจากตะวันออกกลาง อ้างถึงอันตรายจากพวนักรบรัฐอิสลาม (ไอเอส) ในภูมิภาค นอกจากนี้ เขายังยอมรับว่าน้ำมันเป็นหนึ่งในเหตุผลหลักที่อเมริกาจะไม่ถอนตัวจากภูมิภาคนี้

‘ซีเรีย’ ดำดิ่งสู่ความขัดแย้งในปี 2011 เมื่อกลุ่มฝ่านค้านลุกฮือต่อต้านรัฐบาลของประธานาธิบดีบาชาร์ อัล อัสซาด จากนั้นในปี 2015 อัสซาดเผชิญกองทัพรัสเซียเข้าช่วยเหลือกองกำลังของพวกเขาในการสู้รบกับกลุ่มไอเอส ในขณะที่สหรัฐฯ เปิดปฏิบัติการทางทหารของตนเองหนึ่งปีก่อนหน้านั้น ทว่าไม่ได้เป็นการเชิญจาก อัสซาด แต่อย่างใด