‘ตรีชฎา’ มั่นใจ!! ‘เศรษฐา’ เหมาะนั่งตำแหน่ง ‘นายกฯ’ วิสัยทัศน์ก้าวหน้ากว้างไกล เชื่อ!! พาคนไทยพ้นบ่วง ‘ยากจน’

(21 ส.ค. 66) นางสาวตรีชฎา ศรีชฎา รองโฆษกพรรคเพื่อไทย เปิดเผยว่า พรรคเพื่อไทยพร้อมแล้วสำหรับการเสนอชื่อนายเศรษฐา ทวีสิน แคนดิเดตนายกรัฐมนตรีเข้าสู่การพิจารณาให้ความเห็นชอบของที่ประชุมรัฐสภาในวันที่ 22 สิงหาคมนี้ ความพร้อมมีทั้งด้านคุณสมบัติ ความซื่อสัตย์สุจริตเป็นที่ประจักษ์ รวมถึงการที่บริษัทแสนสิริเป็นแบบอย่างบริษัทที่มีธรรมาภิบาลในการประกอบกิจการธุรกิจ การเห็นความเท่าเทียมของคนในสังคม เช่น การสร้างโอกาสคนพิการได้ทำงานที่บริษัทที่ทำมาอย่างเด่นชัด การชี้แจงของ สส. พรรคเพื่อไทยกรณีอาจจะมี สส. หรือ สว. บางคนอภิปรายซักถามเรื่องการซื้อที่ดินของบริษัทแสนสิริ และความพร้อมของ สส. จากพรรคร่วมที่จับมือกันสนับสนุนพรรคเพื่อไทยเป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาลและโหวตเห็นชอบนายเศรษฐาโดยมีเสียง สส. เกิน 300 เสียง และเมื่อรวมกับ สว. จะเกิน 374 เสียงซึ่งถือว่าเกินกึ่งหนึ่งของ สส. และ สว. รวมกัน

นางสาวตรีชฎากล่าวว่า พรรคเพื่อไทยได้พิจารณาแล้วว่านายเศรษฐามีความเหมาะสม ดี 1 ประเภท 1 ในการจะเป็นนายกฯ คนที่ 30 จึงเชิญนายเศรษฐามาเป็นแคนดิเดตนายกฯ ในช่วงรณรงค์หาเสียงเลือกตั้ง นายเศรษฐาได้ออกเดินทางไปพบกับพี่น้องประชาชนในสถานที่ต่าง ๆ ที่พรรคเปิดปราศรัย นายเศรษฐาได้แสดงให้เห็นถึงวิสัยทัศน์ที่ก้าวหน้าและกว้างไกล การพูดจาปราศรัยที่ฟังง่าย อ่อนน้อมถ่อมตน เข้ากับประชาชนได้ง่ายโดยไม่ต้องเสแสร้าง มีความเป็นกันเอง ไม่ถือเนื้อถือตัว มีจิตใจที่ดี ยิ้มแย้มแจ่มใสเสมอ นอกจากนี้ยังเป็นคนที่พร้อมรับฟังปัญหาและข้อแนะนำต่าง ๆ มีความมุ่งมั่น ตั้งใจจริงที่จะบริหารประเทศเพื่อแก้ปัญหาให้กับประชาชน

ทั้งนี้ สิ่งที่นายชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์ อดีตนักธุรกิจด้านธุรกิจสถานบริการอาบอบนวดและอดีตนักการเมืองที่ปัจจุบันผันมาทำธุรกิจโรงแรม สิ่งที่นายชูวิทย์นำมาเปิดเผยกับสาธารณะเป็นการกล่าวหาที่ปราศจากมลทินให้กับนายเศรษฐา แคนดิเดตนายกรัฐมนตรีจากพรรคเพื่อไทย ซึ่งนายชูวิทย์อ้างว่ารู้ข้อมูลมานานแต่กลับใช้ช่วงจังหวะในการมาพูดในวันโหวตนายกรัฐมนตรีถึง 2 ครั้งโดยเจตนาชัดเจนและถูกมองว่า เอาอารมณ์มาเหนือทุกสิ่งเพื่อต้องการสกัดนายเศรษฐา ซึ่งเนื้อหาที่นายชูวิทย์เอามาล้วนแต่เป็นการกล่าวหาที่ปราศจากการถูกพิสูจน์จากกระบวนการยุติธรรมและหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง

“สิ่งที่นายเศรษฐาทั้งอดีต ปัจจุบันและอนาคตจึงล้วนแต่เป็นที่ประจักษ์ว่า มีคุณสมบัติของคนที่มีความพร้อมในการเป็นนายกรัฐมนตรี เป็นบุคคลที่ไม่เคยถูกบุคคลใดหรือหน่วยงานใดดำเนินคดีใด ๆ ให้ด่างพร้อย เป็นคนดีเป็นที่ประจักษ์ทุกวงการ สิ่งที่นายชูวิทย์ควรจะทำมากที่สุดในเวลานี้ คือ แฉเรื่องที่ดินของลูกที่เป็นประเด็นที่ประชาชนก็เคลือบแคลงสงสัยว่ามีการหลีกเลี่ยงการเสียภาษีจริงหรือไม่เพราะเป็นเรื่องการพิสูจน์ความบริสุทธิ์ของครอบครัวนายชูวิทย์เอง ควรแฉตัวเองให้ประชาชนและสังคมรับทราบด้วย จะเป็นการดีต่อสังคมและประเทศชาติ” รองโฆษกพรรคเพื่อไทยกล่าว

นางสาวตรีชฎากล่าวทิ้งท้ายว่า มั่นใจว่า สส. และ สว. ล้วนเห็นว่าประเทศไทยต้องไปต่อและพร้อมในการโหวตแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีจากพรรคเพื่อไทย และมั่นใจว่าภายใต้รัฐบาลที่มีนายเศรษฐา ทวีสิน เป็นนายกฯ โดยพรรคเพื่อไทยเป็นแกนนำ ประวัติศาสตร์หน้าใหม่จะถูกสร้างขึ้น วิกฤตเศรษฐกิจ จะได้รับการพลิกฟื้น ขจัดความยากจน คนไทยจะต้องหายจน ภาระหนี้สินในครัวเรือน การไม่มีงาน จะถูกแก้ไขโดยไม่ชักช้า ถึงเวลาหันหน้าเข้าหากัน ปรองดองสมานฉันท์ หน้าใหม่ของการเมืองประเทศไทย