ชื่อนี้ต้องจารึก!! รู้จัก 'ชาดา ไทยเศรษฐ์' ส.ส. สายอิทธิพล มี 'พาวเวอร์' ไว้เพื่อทำงานให้บ้านเมืองไทย

“ผมมีอิทธิพลจริง แต่ไม่เคยทำร้ายใคร มีอิทธิพลไว้ทำงานเพื่อบ้านเมือง” 
.
นี่คือถ้อยคำส่วนหนึ่งจาก 'นายชาดา ไทยเศรษฐ์' ส.ส.อุทัยธานี พรรคภูมิใจไทย...ส.ส.ที่ถูกกล่าวขานอีกครั้ง หลังจากเขาอภิปรายอย่างดุเด็ดเผ็ดร้อน ประกอบภาษากาย ที่บางคนอาจจะบอกว่า “มันเป็นบุคลิกของนักเลง” ไม่สำรวมกาย
.
ชาดาอภิปรายอย่างดุเด็ด เผ็ดร้อน ตั้งคำถามพุ่งตรงไปยังพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ และพรรคก้าวไกล เรื่องจุดยืนในการแก้ไขประมวลกฎหมายอาญา ม.112 ที่เกี่ยวกับการคุ้มครองสถาบันกษัตริย์ รวมถึงความจงรักภักดีต่อสถาบันพระมหากษัตริย์ เพื่อให้พิธาให้ความกระจ่างต่อรัฐสภา ก่อนโหวตเลือกนายกรัฐมนตรี ที่มีชื่อพิธาเพียงคนเดียว ซึ่งพิธายังคงตอบยืนยันว่า เป็น “พันธกิจ” ที่ให้ไว้กับประชาชน อันเป็นการยืนยันว่าจะแก้ ม.112 ผ่านกลไกของสภา ในนามพรรคก้าวไกล
.
กล่าวสำหรับชาดา ชื่อของชาดาเริ่มเป็นที่ปรากฏนับตั้งแต่เขาก้าวเข้าสู่การเมืองในฐานะนักการเมืองท้องถิ่น เขาเริ่มเล่นการเมือง ในฐานะเป็นนักการเมืองท้องถิ่น เคยดำรงตำแหน่งนายกเทศมนตรีเมืองอุทัยธานี ต่อมาในปี 2543 เข้าร่วมกิจกรรมกับพรรคถิ่นไทย และในการเลือกตั้ง 2550 เขาได้รับเลือกตั้งเป็น ส.ส.จังหวัดอุทัยธานี สังกัดพรรคชาติไทย และได้รับเลือกตั้งอีกสมัยในการเลือกตั้ง พ.ศ. 2554 สังกัดพรรคชาติไทยพัฒนา
.
ก่อนที่ ในปี พ.ศ. 2561 เขาย้ายไปสังกัดพรรคภูมิใจไทย ชบแนบอก อนุทิน ชาญวีรกูล พร้อมกับการผลักดันให้ “มนัญญา ไทยเศรษฐ์” ขึ้นเป็นรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ หลังจากเคยส่งเสริมให้เป็นนายกเทศมนตรีเมืองอุทัยธานีแทนเขามาก่อนหน้านั้น

ชาดา เกิดในสายแขกปาทาน พ่อของเขามีอาชีพค้าเนื้อ ในจังหวัดอุทัยธานี และช่วงหลังส่งออกเนื้อด้วย ภาพของชาดาถูกวิจารณ์-มีข้อครหามาโดยตลอดว่า เป็นมาเฟีย ผู้มีอิทธิพล เคยถูกจับกุมในข้อหาจ้างวานฆ่าสมเกียรติ จันทร์หิรัญ เลขานุการของประแสง มงคลศิริ ส.ส.พรรคไทยรักไทย เหตุเกิดเมื่อปี 2546 สุดท้ายศาลพิพากษายกฟ้องในปี 2548

พ่อของชาดาถูกลอบสังหาร และต่อมาไม่นานแม่ของเขาก็ถูกลอบสังหาร ตามมาด้วยพี่ชายถูกลอบฆ่า ตัวชาดาเองถูกล้อมยิงที่เขาใหญ่ แต่มือปืนพลาด คนชี้เป้าผิดเพราะชาดานั่งอยู่ในรถอีกคัน กระสุนจำนวนมากจึงเจาะร่างของลูกชายชาดาแทน เป็นอีกครั้งที่ชาดาเศร้าเสียใจมาก เพราะเป้าจริงๆอยู่ที่ชาดา แต่ชะตาเขาไม่ถึงคาด ลูกชายกลับรับเคราะห์แทน

ชาดา ผ่านอะไรมามาก เขาเคยถูกค้นบ้าน พร้อมข้อหาครอบครอง พกพาอาวุธสงคราม เขาเคยกล่าวว่า ทำใจกับการถูกมองว่า เป็นผู้มีอิทธิพล มาเฟีย เพราะด้วยบุคลิก และการมีเพื่อนฝูงเป็นจำนวนมาก นั่นอาจเป็นเหตุที่ทำคนจะมองเขาอย่างนั้น

“เป็นมุมมองของแต่ละคน ที่จะมองผมอย่างนั้น ผมเคารพในการตัดสินใจ แต่ผมก็ไม่ได้มีคดีอะไร แต่ถ้าถามว่าผมมีอิทธิพลหรือไม่ ผมก็ต้องเรียนตรงๆว่ามีครับ ไม่มีอิทธิพลจะทำงานให้บ้านเมืองได้หรือ แต่ผมไม่เคยใช้อิทธิพลไปรังแกใคร ไม่ได้ใช้อิทธิพลไปทำร้ายบ้านเมือง ผมใช้อิทธิพลช่วยเหลือคน ใช้อิทธิพลสร้างบ้านสร้างเมือง” ชาดาเคยให้สัมภาษณ์ไว้

เขายังพูดถึงบุคลิกส่วนตัวว่า “ผมอาจจะมีเพื่อนฝูงเยอะ คนเข้าออกบ้านผมเยอะแยะมากมาย เขาอาจจะมองว่าผมไปพัวพันกับเรื่องโน้นเรื่องนี้ ซึ่งก็ช่วยไม่ได้ ถ้าเขาจะมองอย่างนั้น เพราะเราเป็นนักการเมืองบ้านเราต้องเปิดอยู่ตลอดเวลา”


เรื่อง: นายหัวไทร