'ส.ว.สมชาย' แฉ!! เจตนาก้าวไกลเรื่อง ม.112 ลั่น!! ดึงฟ้าลงดิน แต่ยังอ้างว่าแก้เพื่อปกป้อง

(13 ก.ค. 66) นายสมชาย แสวงการ สมาชิกวุฒิสภา ได้พูดอภิปรายในรัฐสภา วาระการเสนอชื่อบุคคลเข้ารับตำแหน่งนายกรัฐมนตรี ย้ำว่าจะไม่โหวต เลือกนายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกล ให้ได้ดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี พร้อมยกกรณีการเสนอร่างแก้มาตรา 112 ที่หลายคนอาจยังไม่เคยเห็น ว่า...

ผมอยากนำเสนอเอกสารจากทางพรรคก้าวไกล ซึ่งได้เสนอร่างกฎหมายแก้ไขมาตรา 112 ของพรรคก้าวไกล ตัวจริง ซึ่งพรรคร่วมทั้ง 7 ไม่เคยเห็น ประชาชนก็ไม่เคยเห็น ร่างที่บอกไม่เคยเสนอเข้าสู่สภาฯ ลงเลขที่ 27/2564 ของสภาฯ วันที่ 25 มีนาคม 2564 และลงเลขรับอีกครั้งวันที่ 3 พฤศจิกายน 2564 

ทำไมถึงมีเลขรับ 2 ครั้ง และเหตุใด ส.ว.จึงไม่ไว้วางใจให้ก้าวไกลให้แก้ไข/ยกเลิกมาตรา112 และรัฐธรรมนูญมาตราที่เกี่ยวข้องกับชาติและสถาบันฯ ลองมาดูกันจะจะอีกครั้งครับ

ร่างกฎหมายดังกล่าว ถูกเสนอโดยพรรคก้าวไกลเข้าสภาผู้แทนราษฎร แต่ถูกท่านประธานสภาให้ไปปรับแก้ไข แต่ก้าวไกลก็ไม่ยอมแก้ไข และยืนยันจะเอาเข้าสภาฯ ให้ได้นั้น โดยในสาระสำคัญของร่างนั้น ได้แยกมาตรา 112 ที่ป้องไม่ให้ผู้ใดหมิ่นประมาท อาฆาตมาดร้าย ต่อพระมหากษัตริย์ พระราชินี องค์รัชทายาท ออกจากกัน 

พร้อมทั้งลดโทษจำคุกลงเหลือแค่ไม่เกิน 6 เดือนไม่เกิน 1ปี และปรับลดโทษลงโดยไม่ต้องรับโทษเลย หากอ้างว่าทำเพื่อประโยชน์สาธารณะหรือหากเป็นความจริง 

ทั้งนี้ หากแยกดูในบางรายละเอียดจะพบข้อความระบุโทษที่มีการปรับลดกฎหมายซึ่งถือเป็นกฎหมายคุ้มครองประมุขของแผ่นดินไว้ดังนี้… ผู้ใดหมิ่นประมาท ดูหมิ่นหรือแสดงความอาฆาตมาดร้าย พระมหากษัตริย์ จะระวางโทษจำคุกไม่เกิน 1 ปีหรือปรับไม่เกิน 300,000 บาทหรือทั้งจำทั้งปรับ

ผู้ใดหมิ่นประมาทดูหมิ่น หรือแสดงความอาฆาตมาดร้าย พระราชินีรัชทายาทหรือผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน 6 เดือนหรือปรับไม่เกิน 200,000 บาทหรือทั้งจำทั้งปรับ

>> ยิ่งไปกว่านั้น หากผู้ใดติชม แสดงความคิดเห็นหรือแสดงข้อความใดโดยสุจริต เพื่อประโยชน์สาธารณะ >> ‘ผู้นั้นไม่มีความผิด’ เพราะมองว่า ความผิดในลักษณะนี้ เป็นความผิดอันยอมความได้

หรือบางมาตราก็มีตัดโทษจำคุกทิ้งหมดเหลือแค่โทษปรับเล็กน้อย เช่น มาตราที่คุ้มครองพระราชอาคันตุกะ เจ้าพนักงาน ผู้พิพากษาในศาลยุติธรรม เป็นต้น

สิ่งเหล่านี้มีหลักฐาน เป็นลายลักษณ์อักษรในร่างกฎหมายที่พรรคก้าวไกลพยายามที่จะนำเข้าสู่สภาในสมัยที่แล้ว เพื่อที่จะแก้ไขถึง 2 ครั้งและก็ยังคงดำเนินการอยู่อย่างต่อเนื่อง

ผมจึงไม่ขอสนับสนุนให้นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคและแคนดิเดตของก้าวไกล ขึ้นดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี