Sunday, 12 May 2024
โหวตนายก

‘วันนอร์’ ยัน โหวตนายกฯ ยึดตามรัฐธรรมนูญ 13 ก.ค.นี้ เชื่อ ‘ส.ว.’ ใช้ดุลยพินิจ-คุณวุฒิเพื่อประโยชน์ของชาติ

(7 ก.ค. 66) ที่รัฐสภา นายวันมูหะมัดนอร์ มะทา ประธานรัฐสภา และประธานสภาฯ พร้อมด้วยนายปดิพัทธ์ สันติภาดา รองประธานสภาคนที่ 1 และนายพิเชษฐ์ เชื้อเมืองพาน รองประธานสภาคนที่ 2 แถลงภายหลังเข้าร่วมพิธีรับพระบรมราชโองการโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมแต่งตั้งประธานผู้แทนราษฎร และรองประธานผู้แทนราษฎร

โดยนายวันมูหะมัดนอร์ กล่าวว่า วันนี้นับเป็นพระมหากรุณาธิคุณอย่างยิ่ง ที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ได้มีพระบรมราชโองการให้พวกเราทั้ง 3 คน ดำรงตำแหน่งประธานผู้แทนราษฎรและรองประธานผู้แทนราษฎร ซึ่งพวกเราจะขอน้อมนำพระราชดำรัสของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ที่ได้พระราชทานให้กับสมาชิกรัฐสภา เมื่อวันที่ 3 ก.ค.ในพิธีเปิดสมัยประชุมสภาผู้แทนราษฎรสมัยที่ 26 ที่ผ่านมา เพื่อประโยชน์ของประชาชนและประเทศชาติต่อไป 

นายวันมูหะมัดนอร์ กล่าวถึงวันโหวตเลือกนายกฯ ว่า “เรื่องนี้เราต้องปฏิบัติตามรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทยปี 2560 และข้อบังคับของการประชุมรัฐสภาปี 2563 ส่วนกรอบเวลาของการประชุม ตลอดจนเรื่องจะโหวตอย่างไรนั้น เป็นเรื่องที่เราต้องปฏิบัติตามอยู่แล้ว ส่วนรายละเอียดอื่นๆ ตนคิดว่าถ้าเราพูดก่อนล่วงหน้าอาจจะไม่ตรงกับสถานการณ์ที่เกิดขึ้นจริง ซึ่งจะมีการประชุมในวันที่ 13 ก.ค. และหวังว่าจะดำเนินการด้วยความเรียบร้อย”

“แต่หากไม่เสร็จสิ้นในวันที่ 13 ก.ค.เราก็ได้หารือกับประธานวุฒิสภาแล้วว่า เราก็อาจจะต้องมาประชุมกันในวันที่ 19 ก.ค. เพราะดูแล้วว่าน่าจะเป็นวันที่เหมาะสมที่สุด เพราะเว้นไป 1 สัปดาห์ เพื่อให้เลขาธิการสภาฯ ได้ทำหนังสือเชิญมาประชุมอีกครั้งในเวลาเช่นเดิม ส่วนการประชุมในวันที่ 19 ก.ค.นั้น จะเสร็จสิ้นเรียบร้อยหรือไม่ขึ้นอยู่กับที่ประชุม ทั้งนี้ หน้าที่ของรัฐสภามีหน้าที่ตามรัฐธรรมนูญ ซึ่งจะเป็นองค์กรที่ทำหน้าที่ในการเลือกนายกรัฐมนตรี เพื่อไปบริหารประเทศต่อไป โดยเราต้องทำหน้าที่นี้เพื่อให้ได้นายกรัฐมนตรี ไม่เช่นนั้นประเทศจะไม่มีนายกรัฐมนตรี เพราะปัญหาที่ประชาชน และปัญหาของประเทศชาติกำลังรอคอยรัฐบาลใหม่อยู่มากข้างหน้า ดังนั้น หน้าที่ของฝ่ายนิติบัญญัติคือ ต้องสนับสนุนให้การบริหารประเทศต่อไปได้ในเวลาที่เหมาะสม” นายวันมูหะมัดนอร์ กล่าว

นอกจากนี้ นายมูหะมัดนอร์ ยังกล่าวต่อว่า “ส่วนข้อกังวลของสมาชิกวุฒิสภา (ส.ว.) ในเรื่องการโหวตนายกฯ นั้น ตนเห็นว่า ส.ว.ซึ่งเป็นผู้แทนปวงชนชาวไทยเช่นเดียวกับ ส.ส.ตามรัฐธรรมนูญนั้น ในการปฏิบัติหน้าที่ก็เป็นอิสระของแต่ละคนที่จะใช้ดุลพินิจวินิจฉัย ให้เป็นไปตามรัฐธรรมนูญกำหนดไว้ เราคงไม่สามารถคาดได้ว่าสมาชิกจะโหวตอย่างไร เป็นเรื่องที่ท่านจะต้องใช้ดุลพินิจเพื่อประชาชนและประเทศชาติ เพราะทุกคนก็มีคุณวุฒิวัยวุฒิมีประสบการณ์ และทุกคนก็ต้องมีหัวใจตรงกัน คือ บ้านเมือง ประเทศชาติ และประชาชนเป็นสิ่งสำคัญ ทุกคนต้องทำให้ดีที่สุด และตนขอฝากกับพี่น้องประชาชนทั่วประเทศ ว่ารัฐสภาของเราจะทำหน้าที่ที่ได้รับมอบหมายให้ดีที่สุดตามที่ท่านได้คาดหวัง”

นายวันมูหะมัดนอร์ เสริมอีกว่า “ในฐานะที่ผมเป็นประมุขฝ่ายนิติบัญญัติเป็นประธานรัฐสภา ต้องขอความสนับสนุนความร่วมมือจากพี่น้องประชาชนทั้งประเทศ เพราะต้องการความสมัครสมานสามัคคีจากทุกฝ่าย เพราะเรามาทำงานตรงนี้เพื่อประเทศชาติกันทุกคนรวมทั้งประชาชนด้วย ขอให้ท่านสนับสนุนให้มีนายกฯ คือ ผู้นำของประเทศอย่างเรียบร้อย ในเวลาที่ท่านรอคอยและจะทำให้ดีที่สุด ซึ่งผมคิดว่าต้องร่วมมือกันทุกฝ่ายทั้งสภาพรรคการเมืองและประชาชน เพื่องานที่เราจะมีในวันที่ 13 ก.ค.เป็นไปด้วยความเรียบร้อย”

ด้านนายปดิพัทธ์ กล่าวว่า สำหรับความห่วงใยเกี่ยวกับเรื่องการชุมนุมที่จะเกิดขึ้นบริเวณรัฐสภานั้น ในเรื่องนี้ไม่มีความกังวลใดๆ ในวันที่ 10 ก.ค. ประธานสภาฯ จะมีการแบ่งงานให้กับรองประธานทั้ง 2 คน ในส่วนของการชุมนุมการรักษาความปลอดภัยกับการให้บริการประชาชนในพื้นที่สภาฯ ซึ่งประชาชนมีสิทธิชุมนุมแน่นอนตามรัฐธรรมนูญ ถ้าอยู่ในขอบเขตอำนาจหน้าที่และ พ.ร.บ.การชุมนุม

‘วราวุธ’ ย้ำจุดยืน ไม่เลือกพรรคหนุนแก้ ม.112 ยัน!! ไม่กดดัน แม้ม็อบชุมนุมหน้ารัฐสภาฯ

(13 ก.ค. 66) ที่รัฐสภา นายวราวุธ ศิลปอาชา รมว.ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ในฐานะหัวหน้าพรรคชาติไทยพัฒนา ให้สัมภาษณ์ถึงทิศทางการโหวตเลือกนายกรัฐมนตรีของพรรคชาติไทยพัฒนา ภายหลังศาลรัฐธรรมนูญรับวินิจฉัยคำร้องนโยบายแก้ไขมาตรา 112 ของนายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคและแคนดิเดตนายกรัฐมนตรี และพรรคก้าวไกล เข้าข่ายล้มล้างการปกครองว่า พรรคชาติไทยพัฒนายังยึดมั่นจุดยืนเดิมในเรื่องมาตรา 112 และมองว่าในที่ประชุมรัฐสภาวันนี้คงจะมีการถกกันในหลาย ๆ ความเห็น ส่วนจะให้ความเห็นชอบหรืองดออกเสียงนั้น พรรคชาติไทยพัฒนาต้องไปพิจารณากันอีกที 

ผู้สื่อข่าวถามว่า จะไม่สนับสนุนนายพิธาใช่หรือไม่ เพราะสนับสนุนการแก้ไขมาตรา 112 นายวราวุธ กล่าวว่า ถ้าเป็นเช่นนั้นเราคงต้องยึดตามจุดยืนเดิมของพรรคชาติไทยพัฒนา ซึ่งแต่ละพรรคมีจุดยืนแตกต่างกันไป 

เมื่อถามว่า สถานการณ์วันนี้ควรเลื่อนการโหวตนายกฯ ออกไปก่อนหรือไม่ เพื่อรอให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยกรณีของนายพิธาก่อน นายวราวุธ กล่าวว่า ในที่ประชุมรัฐสภาคงมีการหารือกันในประเด็นนี้ ทั้ง ส.ส. และ ส.ว. มีความคิดเห็นแตกต่างกันอย่างไร ในส่วนของพรรคชาติไทยพัฒนามีเพียง 10 เสียงเท่านั้น คงต้องฟังเสียงส่วนใหญ่ แต่หากจะโหวตกันวันนี้ก็ไม่น่าจะมีปัญหาอะไร เพราะมองว่าในอนาคตหากศาลรัฐธรรมนูญมีคำวินิจฉัยเราก็เคารพคำวินิจฉัยของศาล แต่ในขณะเดียวกัน ก็เข้าใจสิ่งที่เกิดขึ้นว่านายพิธาเองก็ถูกสังคมจับตามอง และมีหลายสิ่งหลายอย่างเกิดขึ้น ซึ่งเข้าใจในสถานการณ์ อย่างไรก็ตาม คนที่จะเข้ามาดำรงตำแหน่งนายกฯ นั้นต้องมีความโปร่งใส และชัดเจนในระดับหนึ่ง เมื่อถามว่า จำเป็นต้องเลื่อนการประชุมรัฐสภาไปเป็นวันที่ 19 ก.ค.หรือไม่ นายวราวุธ กล่าวว่า คงต้องหารือกัน เพราะการจะประชุมรัฐสภา 750 คนไม่ใช่เรื่องง่าย 

เมื่อถามถึงการชุมนุมหน้ารัฐสภาของกลุ่มคนที่มาสนับสนุนนายพิธาในวันนี้ นายวราวุธ กล่าวว่า ถือเป็นการแสดงออกแบบหนึ่ง แต่การแสดงออกต้องเคารพสิทธิของประชาชนเสียงส่วนใหญ่ด้วย แสดงออกได้ แต่ต้องมีกรอบและแนวทางชัดเจน และไม่เลยเถิดไปประเด็นอื่น 

เมื่อถามว่า ทางพรรคชาติไทยพัฒนาและนายวราวุธได้รับแรงกดดันจากการชุมนุมหรือไม่ นายวราวุธ กล่าวว่า ตนอยู่การเมืองมาทั้งชีวิต โดนทั้งกดทั้งดันมาตลอด ฉะนั้น ไม่มีปัญหา แต่ตนเข้าใจความต้องการของประชาชนแต่ละฝ่ายว่ามีความต้องการเช่นไร การแสดงออกก็จะแตกต่างกันออกไป

‘หมอพรทิพย์’ โพสต์ ก่อนโหวตนายกฯ ชี้ วาระนี้ คงเป็นกรรมจัดการ ลั่น!! “รับใช้แผ่นดินมาทั้งชีวิต ขอทำหน้าที่จนกว่าชีวิตจะหาไม่”

(13 ก.ค. 66) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า รัฐสภา เตรียมประชุมวาระเลือกนายกฯ โดยประชาชนต่างสนใจการลงคะแนนของ ส.ว.ที่เป็นตัวแปรในครั้งนี้

โดย พญ.คุณหญิงพรทิพย์ โรจนสุนันท์ เป็น ส.ว.อีกหนึ่งคนที่ถูกจับตาตั้งแต่ประกาศผลการเลือกตั้ง

ซึ่งล่าสุด พญ.คุณหญิงพรทิพย์ ได้โพสต์อินสตาแกรม ระบุว่า…

“ทั้งชีวิตก็เลือกทำงานรับใช้แผ่นดิน ผ่านมาหลากหลายรัฐบาล ปากว่ารักชาติ รักแผ่นดินกันทั้งนั้น วาระนี้คงเป็นวาระกรรมจัดการ จะขอทำหน้าที่ให้ดีที่สุดจนกว่าชีวิตจะหาไม่”

'ส.ว.สมชาย' แฉ!! เจตนาก้าวไกลเรื่อง ม.112 ลั่น!! ดึงฟ้าลงดิน แต่ยังอ้างว่าแก้เพื่อปกป้อง

(13 ก.ค. 66) นายสมชาย แสวงการ สมาชิกวุฒิสภา ได้พูดอภิปรายในรัฐสภา วาระการเสนอชื่อบุคคลเข้ารับตำแหน่งนายกรัฐมนตรี ย้ำว่าจะไม่โหวต เลือกนายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกล ให้ได้ดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี พร้อมยกกรณีการเสนอร่างแก้มาตรา 112 ที่หลายคนอาจยังไม่เคยเห็น ว่า...

ผมอยากนำเสนอเอกสารจากทางพรรคก้าวไกล ซึ่งได้เสนอร่างกฎหมายแก้ไขมาตรา 112 ของพรรคก้าวไกล ตัวจริง ซึ่งพรรคร่วมทั้ง 7 ไม่เคยเห็น ประชาชนก็ไม่เคยเห็น ร่างที่บอกไม่เคยเสนอเข้าสู่สภาฯ ลงเลขที่ 27/2564 ของสภาฯ วันที่ 25 มีนาคม 2564 และลงเลขรับอีกครั้งวันที่ 3 พฤศจิกายน 2564 

ทำไมถึงมีเลขรับ 2 ครั้ง และเหตุใด ส.ว.จึงไม่ไว้วางใจให้ก้าวไกลให้แก้ไข/ยกเลิกมาตรา112 และรัฐธรรมนูญมาตราที่เกี่ยวข้องกับชาติและสถาบันฯ ลองมาดูกันจะจะอีกครั้งครับ

ร่างกฎหมายดังกล่าว ถูกเสนอโดยพรรคก้าวไกลเข้าสภาผู้แทนราษฎร แต่ถูกท่านประธานสภาให้ไปปรับแก้ไข แต่ก้าวไกลก็ไม่ยอมแก้ไข และยืนยันจะเอาเข้าสภาฯ ให้ได้นั้น โดยในสาระสำคัญของร่างนั้น ได้แยกมาตรา 112 ที่ป้องไม่ให้ผู้ใดหมิ่นประมาท อาฆาตมาดร้าย ต่อพระมหากษัตริย์ พระราชินี องค์รัชทายาท ออกจากกัน 

พร้อมทั้งลดโทษจำคุกลงเหลือแค่ไม่เกิน 6 เดือนไม่เกิน 1ปี และปรับลดโทษลงโดยไม่ต้องรับโทษเลย หากอ้างว่าทำเพื่อประโยชน์สาธารณะหรือหากเป็นความจริง 

ทั้งนี้ หากแยกดูในบางรายละเอียดจะพบข้อความระบุโทษที่มีการปรับลดกฎหมายซึ่งถือเป็นกฎหมายคุ้มครองประมุขของแผ่นดินไว้ดังนี้… ผู้ใดหมิ่นประมาท ดูหมิ่นหรือแสดงความอาฆาตมาดร้าย พระมหากษัตริย์ จะระวางโทษจำคุกไม่เกิน 1 ปีหรือปรับไม่เกิน 300,000 บาทหรือทั้งจำทั้งปรับ

ผู้ใดหมิ่นประมาทดูหมิ่น หรือแสดงความอาฆาตมาดร้าย พระราชินีรัชทายาทหรือผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน 6 เดือนหรือปรับไม่เกิน 200,000 บาทหรือทั้งจำทั้งปรับ

>> ยิ่งไปกว่านั้น หากผู้ใดติชม แสดงความคิดเห็นหรือแสดงข้อความใดโดยสุจริต เพื่อประโยชน์สาธารณะ >> ‘ผู้นั้นไม่มีความผิด’ เพราะมองว่า ความผิดในลักษณะนี้ เป็นความผิดอันยอมความได้

หรือบางมาตราก็มีตัดโทษจำคุกทิ้งหมดเหลือแค่โทษปรับเล็กน้อย เช่น มาตราที่คุ้มครองพระราชอาคันตุกะ เจ้าพนักงาน ผู้พิพากษาในศาลยุติธรรม เป็นต้น

สิ่งเหล่านี้มีหลักฐาน เป็นลายลักษณ์อักษรในร่างกฎหมายที่พรรคก้าวไกลพยายามที่จะนำเข้าสู่สภาในสมัยที่แล้ว เพื่อที่จะแก้ไขถึง 2 ครั้งและก็ยังคงดำเนินการอยู่อย่างต่อเนื่อง

ผมจึงไม่ขอสนับสนุนให้นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคและแคนดิเดตของก้าวไกล ขึ้นดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี

‘ไอติม พริษฐ์’ ถามเหล่า ส.ส.กลางรัฐสภา “พร้อมจะเคารพเสียงของประชาชน 14 ล้านคน ที่ออกมาใช้สิทธิ์เลือกตั้งหรือไม่”

(13 ก.ค. 66) นายพริษฐ์ วัชรสินธุ สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร บัญชีรายชื่อพรรคก้าวไกล กล่าวอภิปรายในรัฐสภา ในวาระการเสนอชื่อบุคคลเข้ารับตำแหน่งนายกรัฐมนตรี ว่า…

“คำถามที่สำคัญสำหรับสมาชิกรัฐสภา ไม่ใช่คำถามว่าพวกเรา 750 คนนั้น มีความคิดเห็นอย่างไรกับคุณสมบัติของคุณพิธา ในการดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี หรือมีความคิดเห็นอย่างไรกับนโยบายของพรรคก้าวไกล แต่คำถามที่สำคัญที่สุด ต่อหน้าสมาชิกรัฐสภาทุกท่านในวันนี้ ก็คือ พวกเรา 750 คน พร้อมจะเคารพเสียงของประชาชน 14 ล้านคน ที่ออกมาใช้สิทธิ์เลือกตั้งหรือไม่”

‘ศาสตรา ศรีปาน’ ย้ำจุดยืน ‘พรรครวมไทยสร้างชาติ’ ไม่เลือกนายกฯ ชื่อ ‘พิธา’

‘ศาสตรา ศรีปาน’ ส.ส.บัญชีรายชื่อพรรครวมไทยสร้างชาติ อภิปรายในการประชุมรัฐสภา ย้ำจุดยืน พรรครวมไทยสร้างชาติ ไม่เลือกนายกฯ ชื่อ ‘พิธา’ เหตุต้องปกป้องสถาบันหลักของชาติตามอุดมการณ์ของพรรคที่ไม่หนุนคนมีแนวคิดแก้ ม.112 ลั่น!! มีคนจำนวนมากพร้อมยอมตายเพื่อสถาบันฯ จึงอย่ามาขู่กันว่าจะลงถนน ถามกลับชอบหรือ? ชัยชนะบนซากปรักหักพัง

(13 ก.ค. 66) ที่รัฐสภา นายศาสตรา ศรีปาน ส.ส.สงขลา พรรครวมไทยสร้างชาติ (รทสช.)ได้เป็นตัวแทนพรรคอภิปรายระหว่างการประชุมร่วมกันของรัฐสภาเพื่อลงมติเลือกนายกรัฐมนตรีคนที่ 30 ว่า วันนี้ตนเป็นตัวแทนของพรรครวมไทยสร้างชาติ ขอแสดงจุดยืนของพรรคในการเลือกนายกรัฐมนตรีคนที่ 30 ของประเทศไทย เสียงที่ตนส่งไปให้สมาชิกในสภาฯ และประชาชนนอกสภาฯ ขอเรียนให้ทราบว่าไม่ได้มีอคติหรือมีเรื่องใด ๆ ส่วนตัว แต่เป็นเรื่องของคนไทยที่รักชาติรักแผ่นดิน ที่จะมาบอกว่าวันนี้อุดมการณ์ของพรรครวมไทยสร้างชาติ คือความชัดเจนมาตั้งแต่เริ่มต้นว่า เราจะปกป้องและดำรงไว้ซึ่งสถาบันหลักของชาติ ดังนั้น เราจึงไม่สนับสนุน พรรคการเมืองใดหรือนักการเมืองคนใด ที่มีนโยบายในการแก้ไขมาตรา 112 เพราะเราเห็นว่าบ้านเมืองวันนี้ ก็สามารถเดินไปข้างหน้าได้สามารถพัฒนาไปข้างหน้าได้ โดยไม่จำเป็นต้องแก้ไขมาตรานี้เลย และไม่จำเป็นต้องมาทำลายขนบธรรมเนียมไทยหรือต้นทุนทางวัฒนธรรมไทยที่มีมานานตั้งแต่ในอดีต

นายศาตรา อภิปรายว่า ตนได้เห็นการขับเคลื่อนการเดินสายพูดถึงประวัติศาสตร์ที่สร้างบาดแผลให้กับชาติไทย ทำให้เกิดความสงสัย เช่น การแบ่งแยกดินแดน การแบ่งแยกแผ่นดิน สิ่งเหล่านี้ทำให้คนไทยและสังคมไทยดีขึ้นหรือไม่ ไม่มีเลย มีแต่สร้างความแตกแยกแบ่งแยกคน ออกเป็นฝักเป็นฝ่าย ไม่ได้มีประโยชน์ใด ๆ เลย รูปที่มีอยู่ทุกบ้าน ตนเชื่อว่ามีอยู่ในบ้านของใครหลาย ๆ คนข้างนอก โครงการพระราชดำริ เช่นที่อำเภอหาดใหญ่ มีโครงการพระราชดำริของในหลวงรัชกาลที่ 9 ทำให้เราไม่ต้องสูญเสียชีวิตและทรัพย์สิน วันนี้มีนักเรียนทุนจากคนยากจน พวกเขายังซาบซึ้งในพระมหากรุณาธิคุณของสถาบันพระมหากษัตริย์ ดังนั้นอย่าเหยียบย่ำหัวใจคนไทยไปมากกว่านี้เลย

“ผมขอได้ไหมไม่แก้มาตรา 112 ไปแก้ปัญหาปากท้องของประชาชนยังมีอีกจำนวนมากที่จะเสนอการแก้ไขกฎหมาย เพื่อช่วยพี่น้องประชาชนได้ การแก้มาตรา 112 มีแต่สร้างความแตกแยก คุณบอกว่า 14 ล้านเสียงพร้อมจะลงถนน อีกกว่า 20 ล้านเสียงของผู้มีสิทธิเลือกตั้งก็พร้อมยอมตายถวายชีวิตเพื่อสถาบันฯ ฉะนั้น การแก้ไขมาตรา 112 จะสร้างแต่รอยร้าวรอยแตกแยกให้กับประเทศไทย คนลงถนนบ้านเมืองจะอยู่อย่างไร มีแต่พังพินาศ ชัยชนะบนซากปรักหักพังชอบกันหรือ ผมว่ามันไม่มีประโยชน์อันใด ถึงคุณจะบอกว่า 151 เสียงที่ได้มาหรือแม้แต่ทั้งรัฐสภา 750 เสียง คุณก็ไม่มีสิทธิ์ในการทำลายสิ่งที่บรรพบุรุษเขาสร้างกันมาตั้งแต่ต้น นี่คือประเด็นที่ประชาชน ที่อยู่ด้านนอกเขาคิด ฉะนั้นต้องฟังด้วย ไม่ว่าจะเป็นเสียงส่วนน้อยเสียงส่วนใหญ่ก็ต้องฟัง” นายศาสตรากล่าว

นายศาสตรา อภิปรายต่อว่า การที่นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ จะได้เป็นนายกรัฐมนตรีหรือไม่ อย่ามาโทษใครทั้งสิ้น อย่ามาโทษส.ส. อย่ามาโทษกกต. หรือศาลรัฐธรรมนูญ อยู่ที่ตัวของนายพิธาเองที่ต้องตอบคำถามสังคมให้ได้ เพราะวันนี้กฎหมายเขียนชัดเจนว่า การจะเป็นนายกรัฐมนตรีจะเป็นส.ส.ห้ามถือหุ้นสื่อเขียนไว้ชัดเจนตั้งแต่ก่อนพรรคอนาคตใหม่จะตั้งขึ้นมาพอเขาบอกว่าให้ถอนร่างแก้ไข ก็ถอนได้แต่ทำไมไม่ถอนออกตั้งแต่แรก จะได้ไม่ต้องมีการอภิปราย จะได้เลือกนายกคนที่ 30 กันเลย ดังนั้น ไม่ต้องโทษใครทั้งสิ้น และวันนี้นายพิธาก็ต้องตอบสังคมให้ได้ เพราะวันหนึ่งบอกว่ามาตรา 112 จะแก้ไข อีกวันหนึ่งบอกว่าจะยกเลิก บางวันขึ้นเวทีติดสติ๊กเกอร์บอกว่าแก้ไขแล้วค่อยไปยกเลิก แล้วจะให้พวกตนคิดอย่างไร?

“นักการเมืองที่ปากอย่างใจอย่างถามว่าประชาชนจะเชื่อได้หรือไม่? นี่คือสิ่งที่คุณต้องตอบ และผมเชื่อว่า ประชาชนก็ติดตามอยู่ โดยเฉพาะร่างแก้ไขมาตรา 112 ร่างมาจนไม่เหลือความคุ้มครองอะไรเลย และไม่สอดคล้องกับรัฐธรรมนูญมาตรา 6 ที่บัญญัติว่า องค์พระมหากษัตริย์ให้ทรงดำรงอยู่ในฐานะอันเป็นที่สักการะผู้ใดจะละเมิดไม่ได้” ส.ส.สงขลา พรรครวมไทยสร้างชาติกล่าว

นายศาสตรา อภิปรายย้ำว่า ตนเกิดมารุ่นราวคราวเดียวกับนายพิธา 40 ปี ไม่เคยโดนฟ้องมาตรา 112 เลย กฎหมายก็อยู่ในส่วนของกฎหมายไม่มีนิติสงคราม มีแต่นิติรัฐทุกคนอยู่ภายใต้กฎหมายเดียวกัน นี่คือสิ่งที่เกิดขึ้น ฉะนั้น วันนี้พรรคก้าวไกล มีการยื่นเสนอ มีนโยบายที่จะแก้ไขมาตรา 112 ซึ่งขัดกับอุดมการณ์ของพรรครวมไทยสร้างชาติ ซึ่งเราเห็นว่า การแก้มาตรา 112 มีแต่สร้างความเกลียดชังและแตกแยกของคนในสังคมไทย และกระทบต่อความรู้สึกของคนไทยในช่วงที่ประเทศชาติต้องการความรักความสามัคคี ดังนั้นพรรครวมไทยสร้างชาติตัวแทนของประชาชนคนไทย ผู้ที่รักและเทิดทูนสถาบันฯ จึงไม่ขอโหวตสนับสนุน นายกคนที่ 30 ของประเทศไทยชื่อ ‘พิธา ลิ้มเจริญรัตน์’

กลับมาคว้าโอกาส!! 'หมอตุลย์' แนะ 'พิธา' ดึงดันแก้ 112 ไม่มีประโยชน์ หากหวังเสียงโหวตนายกฯ แบบท่วมท้นจากรัฐสภา

ไม่นานมานี้ ผู้ช่วยศาสตราจารย์ นายแพทย์ ตุลย์ สิทธิสมวงศ์ นักเคลื่อนไหวทางการเมือง นักวิชาการ และ แพทย์ชาวไทย ได้กล่าวถึงเหตุผลที่ นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกล และแคนดิเดตนายกฯ ต้องชวดตำแหน่งจากการโหวตของรัฐสภาในหนแรก ว่า...

"โอกาสที่หลุดลอยของพิธา" 

เมื่อวานนี้ (13 ก.ค.66) ในการประชุมรัฐสภาเพื่อเลือกผู้ที่เหมาะสมเป็นนายกรัฐมนตรี ซึ่งหัวหน้าพรรคเพื่อไทย เป็นผู้เสนอนายพิธา จากพรรคก้าวไกลเป็น Candidate เพียงคนเดียว ก่อนจะมีการลงคะแนน มีการอภิปรายแสดงความไม่เห็นด้วยที่จะเลือกนายพิธาเป็นนายกฯ โดยมีเหตุผลว่านายพิธามีความตั้งใจที่จะยกเลิกมาตรา 112 ซึ่งเชื่อว่าจะมีผลให้การหมิ่นสถาบันกษัตริย์มีมากขึ้น จึงมีข้อเสนอจากสมาชิกพรรคภูมิใจไทยท่านหนึ่งว่า หาก นายพิธาประกาศว่ายกเลิกความคิดที่จะแก้ไขมาตรา 112 พรรคภูมิใจไทยยินดีที่จะลงคะแนนเห็นชอบให้พิธาเป็นนายกฯ (ส.ว.หลายคนก็คงเห็นชอบด้วยเช่นกัน)

ที่มาของ ‘ส.ว.’ โหวต ‘นายกรัฐมนตรี’

วันชัย สอนศิริ สมาชิกวุฒิสภา (ส.ว.) ผู้ลงคะแนนเสียง ‘เห็นชอบ’ นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ ดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี ครั้งที่ 1 เมื่อวันที่ 13 ก.ค. 66 ที่ผ่านมา เคยกล่าวไว้ว่า

ไม่เห็นชอบ!! 'คอร์ดแบดอุตรดิตถ์' แสดงจุดยืน แบน 'ส.ว.-กกต.' เชือด 'พิธา' ส่วน 'ส.ส.-ส.ว.' หนุน 'พิธา' นั่งนายกฯ เล่นฟรีตลอดชีพ

(14 ก.ค.66) เพจ 'สนามแบดมินตัน Panda Arena อุตรดิตถ์' ได้โพสต์จุดยืนชัด ระบุว่า...

สนามเราไม่อนุญาตให้ ส.ว. และ กกต. รวมไปถึงลูกหลานของพวกเขาทุกคน ห้ามเข้ามาใช้บริการ เสนียดมากค่ะ ขอบคุณค่ะ


TRENDING
© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top