'โงวฮก’ บริษัทใจบุญผู้บริจาคเงิน 520 ลบ. สร้าง ‘รพ.หัวใจบ้านแพ้ว’ จากอดีตธุรกิจโรงสีข้าว สู่ความสำเร็จทางธุรกิจเดินเรือชั้นนำระดับโลก

เป็นข่าวฮือฮาและเป็นที่พูดถึงอย่างกว้างขวาง เมื่อช่วงกลางสัปดาห์ที่ผ่านมา เมื่อบริษัทที่ชื่อว่า ‘โงวฮก’ ได้บริจาคเงินจำนวน 520 ล้านบาท ให้กับโรงพยาบาลบ้านแพ้ว (องค์การมหาชน) เพื่อสร้างอาคารโรงพยาบาลหัวใจบ้านแพ้ว

กล่าวสำหรับ ‘โงวฮก’ คนทั่วไปอาจจะไม่คุ้นชื่อหรือไม่รู้จักบริษัทนี้มากนัก แต่สำหรับคนที่อยู่ในแวดวงธุรกิจเดินเรือต่างรู้จัก บริษัทแห่งนี้เป็นอย่างดี เพราะเป็นบริษัทเก่าแก่ที่ประกอบธุรกิจมายาวนานเกือบ 100 ปี

อีกทั้งยังมีบริษัทลูกที่จดทะเบียนอยู่ในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยด้วย ในนาม บริษัท อาร์ ซี แอล จำกัด (มหาชน) (RCL) ซึ่งเป็นหนึ่งในบริษัทเดินเรือระดับโลกของคนไทย ที่มีกำไรมากกว่า 2 หมื่นล้านบาท ในปี 2565 ที่ผ่านมา

วันนี้ ทาง THE STATES TIMES จะพาไปรู้จักความเป็นมาของ ‘โงวฮก’ ให้มากขึ้น

บริษัท โงวฮก จำกัด ก่อตั้งในปี พ.ศ. 2472 จากการรวมตัวกันของเจ้าของโรงสีข้าวชาวไทยเชื้อสายจีน 5 คน ซึ่งมองเห็นโอกาสทางธุรกิจและเชื่อว่าธุรกิจขนส่งทางเรือ หรือ ‘ชิปปิ้ง’ (Shipping) สามารถบริหารจัดการโดยผู้ประกอบการชาวไทยได้ 

ย้อนกลับไปเมื่อ 100 กว่าปีก่อน ในการดำเนินธุรกิจเดินเรือต้องใช้เงินลงทุนสูงและความรู้เฉพาะด้าน ทำให้ธุรกิจประเภทนี้ล้วนอยู่ภายใต้บริษัทตะวันตกเป็นส่วนใหญ่ เช่น East Asiatic และ British India ส่งผลให้อัตราค่าระวางและค่าขนส่งสินค้าถูกกำหนดโดยบริษัทต่างชาติ

ดังนั้น แนวคิดการจัดตั้งบริษัทขนส่งของคนไทยในยุคนั้น จึงมีเป้าหมายสำคัญอยู่ที่การแก้ปัญหาค่าระวางเกินราคาและปัญหาตารางการเดินเรือที่ไม่เที่ยงตรงนัก

สำหรับชื่อ ‘โงวฮก’ มาจากภาษาจีนแต้จิ๋วประกอบด้วยคำสองคำที่มีความหมาย คำว่า ‘โงว’ หรือ ‘โหงว’ ในภาษาไทยแปลว่า ‘ห้า’ หมายถึง 5 ตระกูลผู้ก่อตั้ง ได้แก่ บุลกุล, บุลสุข, ก่อวัฒนา, ตันตะเศรษฐี และตันธุวนิตย์ ส่วนคำว่า ‘ฮก’ มีความหมายด้านมลคลหลายอย่าง เช่น ‘โชค ลาภ รุ่งเรือง’ ดังนั้น ‘โหงวฮก’ จึงตีความได้ว่าเป็น ‘ห้ารุ่งเรือง’ ดังเห็นได้จากดาวนำโชค 5 ดวงในโลโก้บริษัท และเรือกลไฟลำแรกที่บริหารและดำเนินการโดยโงวฮก จึงมีชื่อว่า ‘S/S Prosperity’

ธุรกิจหลักอันดับแรกของ ‘โงวฮก’ คือ การขนส่งสินค้าเกษตรจากประเทศไทยไปยังฮ่องกง สิงคโปร์ และมาเลเซีย ในขณะเดียวกัน ก็ได้นำเข้าสินค้าจากต่างประเทศ อาทิ จีนแผ่นดินใหญ่ผ่านฮ่องกง เข้ามายังประเทศไทยด้วย 

และนับตั้งแต่สงครามโลกครั้งที่ 2 ‘โงวฮก’ ภายใต้การบริหารของตระกูล ‘ตันธุวนิตย์’ ได้เอาชนะความผันผวนทางเศรษฐกิจต่างๆ และค่อยๆ ผงาดขึ้นมาเป็นบริษัทเจ้าของเรือชั้นนำของประเทศ ด้วยการเติบโตอย่างแข็งแกร่งมาอย่างต่อเนื่อง

ธุรกิจเดินเรือของ ‘โงวฮก’ เกิดการเปลี่ยนแปลงสำคัญอีกครั้ง เมื่อ ‘สุเมธ ตันธุวนิตย์’ ได้ก่อตั้งบริษัท บริษัท อาร์ ซี แอล จำกัด (มหาชน) (RCL) เพื่อขยายธุรกิจไปสู่บริการขนส่งตู้คอนเทนเนอร์ทางทะเล เมื่อปี 2523 และได้นำบริษัทเข้าจดทะเบียนซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ในปี 2531 

ปัจจุบันการดำเนินงานของ RCL มี ‘สุเมธ ตันธุวนิตย์’ เป็นประธานกรรมการบริหาร โดยดำเนินธุรกิจหลัก 3 ประเภท คือ 1.) Shipper Owned Container (SOC) หรือตู้สินค้าของเรือเดินสมุทรข้ามทวีป 2.) Carrier Owned Container (COC) หรือตู้สินค้าของกลุ่มบริษัทที่ให้บริการภายในภูมิภาค และ 3.) การให้บริการที่สร้างมูลค่าเพิ่มในด้านโลจิสติกส์ โดยมีเครือข่ายสำนักงานที่ครอบคลุมภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงเหนือ เอเชียตะวันออกเฉียงใต้ อนุทวีปอินเดีย ตะวันออกกลาง ทะเลแดง และแอฟริกาตะวันออก

ในปี 2565 บริษัท RCL ถูกจัดอันดับให้อยู่ที่ 26 ในหมู่ผู้ให้บริการขนส่งทางทะเลระดับโลก และอยู่ในระดับตันๆ ของกลุ่มผู้ให้บริการขนส่งตู้คอนเทนเนอร์ทางทะเลในภูมิภาค ซึ่งปัจจุบัน RCL ดำเนินการกองเรือ 40 ลำ (ณ สิ้นปี 2565) ซึ่งมีขนาดตั้งแต่ 400 TEU ถึง 6,400 TEU นอกจากนี้ ยังมีกองเรือจำนวน 94,439 TEU เพื่อรองรับการขนส่ง COC ของตัวเองด้วย ขณะเดียวกัน บริษัทได้มีการสร้างเครือข่ายด้านโลจิสติกส์กับลูกค้าและเอเยนซี่สำคัญๆ ในต่างประเทศ จำนวน 69 แห่ง และได้รับการยอมรับว่าเป็นหนึ่งในผู้นำด้านการบริการ SOC และ เป็นผู้บริหารท่าเรือจำนวน 1 ท่าในภูมิภาคเอเชีย

ผลประกอบการ ‘โงวฮก’ ย้อนหลัง 5 ปี
ปี 2561 รายได้ 470 ล้านบาท กำไร 192 ล้านบาท
ปี 2562 รายได้ 435 ล้านบาท กำไร 126 ล้านบาท
ปี 2563 รายได้ 635 ล้านบาท กำไร 241 ล้านบาท
ปี 2564 รายได้ 1,513 ล้านบาท กำไร 1,167 ล้านบาท
ปี 2565 รายได้ 2,053 ล้านบาท กำไร 1,730 ล้านบาท

ผลประกอบการ ‘RCL’ ย้อนหลัง 4 ปี
ปี 2562 รายได้ 16,566 ล้านบาท ขาดทุน 492 ล้านบาท
ปี 2563 รายได้ 17,255 ล้านบาท กำไร 1,745 ล้านบาท
ปี 2564 รายได้ 38,007 ล้านบาท กำไร 17,973 ล้านบาท
ปี 2565 รายได้ 52,219 ล้านบาท กำไร 24,625 ล้านบาท


 


ที่มา : กรมพัฒนาธุรกิจการค้า / ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย www.rclgroup.com