ตราบาปของกองทัพเมียนมาต่อชาวไทใหญ่ การตัดสินใจสุดท้าทายของ ‘มิน อ่อง หล่าย’

หลังจากที่เอย่าได้นำเสนอเรื่องราวการสร้างหอคำหลวงแสนหวีและหอคำหลวงเชียงตุงแก่ชาวแสนหวี ล่าเสี้ยวและเชียงตุงแล้ว อีกเรื่องเรื่องหนึ่งที่เป็นกรณีพิพาทครั้งสมัยนายพลเนวิน ที่สร้างตราบาปให้แก่กองทัพเมียนมาต่อประชาชนชาวไทใหญ่คือการจับ เจ้าส่วยแต๊กและยึดหอเจ้าฟ้าเมืองยองห้วย

แต่ก่อนจะมาพูดถึงเรื่องนี้ เรามารู้จักเจ้าส่วยแต๊กก่อนว่าท่านผู้นี้คือใคร เจ้าส่วยแต๊ก หรือ เจ้าคำศึก พระนามเต็มในฐานะเจ้าฟ้าไทใหญ่แห่งเมืองยองห้วยคือ ‘เจ้าฟ้ากัมโพชรัฐสิริบวรมหาวงศาสุธรรมราชา’ ท่านเป็นประธานาธิบดีแห่งสหภาพพม่าพระองค์แรกหลังจากได้รับเอกราชจากอังกฤษ และท่านเป็นเจ้าฟ้าพระองค์สุดท้ายของเมืองยองห้วย พระองค์เป็นผู้ที่ได้รับการยอมรับอย่างสูงทางการเมืองในหมู่ประชาชนชาวไทใหญ่ พระองค์สิ้นพระชนม์จากการถูกจับขังในคุกในย่างกุ้งหลังจากการรัฐประหารโดยนายพลเนวินในปี พ.ศ. 2505 และในอีก 2 ปีต่อมา หอเจ้าฟ้าเมืองยองห้วยก็ถูกยึดเป็นสมบัติของกองทัพ 

ต่อมา เจ้าเห่หม่า แต๊ก ธิดาของเจ้าส่วยแต๊ก ได้ยื่นหนังสือถึงรัฐบาลเมียนมาและรัฐบาลรัฐฉาน ขอให้ “คืน” สิทธิ์ครอบครองหอเจ้าฟ้าเมืองหยองห้วยกลับมาให้เธอ ในฐานะทายาทโดยชอบธรรมของเจ้าส่วยแต๊ก

ซึ่งเธอได้ยื่นเรื่องทวงคืนครั้งแรกตั้งแต่สมัยประธานาธิบดีเต็งเส่ง ตั้งแต่ปี 2556 ต่อมาได้ยื่นอีกในปี 2557, 2558, 2560 และ 2562 แต่เธอก็ไม่เคยได้รับคำตอบใด ๆ จากรัฐบาลของประธานาธิบดีเต็งเส่งเลย นั่นก็เพราะว่าปี 2556 รัฐบาลเมียนมาได้มอบกรรมสิทธิ์ให้รัฐบาลรัฐฉานเป็นผู้รับผิดชอบหอเจ้าฟ้าหยองห้วย โดยรัฐบาลรัฐฉานได้เปิดหอเจ้าฟ้าให้เป็นพิพิธภัณฑ์ จัดแสดงรูปภาพ 91 รูป ข้าวของเครื่องใช้ของเจ้าฟ้า 338 ชิ้น รวมถึงเสื้อผ้าและเครื่องแต่งกายของเจ้าฟ้า 138 ชุด จากนั้นก็ให้เจ้าเห่หม่า แต๊ก กับผู้ช่วยอีก 6 คน คอยดูแล และเป็นผู้อธิบายเรื่องราวต่างๆ เกี่ยวกับประวัติศาสตร์ วัฒนธรรม ประเพณีของชาวไทใหญ่ แก่ผู้ที่มาเยือน

แต่อย่างไรก็ตามเจ้าเห่มา แต๊กก็ยังต้องการได้กรรมสิทธิ์ครอบครองมรดกของบรรพบุรุษแห่งนี้ โดยเธอเคยให้สัมภาษณ์ว่า “หากเธอได้สิทธิ์ครอบครองหอเจ้าฟ้าหยองห้วยกลับคืนมา เธอจะตั้งมูลนิธิขึ้นดูแล และจะพัฒนาพิพิธภัณฑ์หอเจ้าฟ้า ให้เป็นแหล่งเรียนรู้ประวัติศาสตร์และวัฒนธรรมของชาวไทใหญ่ในรัฐฉาน”

ทว่า เมื่อวันที่ 23 พฤษภาคม 2563 เจ้าเห่หม่า แต๊ก ได้รับจดหมายตอบกลับจากทำเนียบประธานาธิบดี วิน หมิ่น หลังจากเจรจาขอคืนกรรมสิทธิ์หอเจ้าฟ้ากับนาง อองซาน ซูจี ถึง 3 ครั้งทั้งในฐานะหัวหน้าพรรค NLD และเพื่อนร่วมชั้นเรียน ซึ่งสร้างความไม่พอใจให้แก่เธอมาก โดยเนื้อหาในจดหมายระบุว่า...

“ถ้ารัฐบาลคืนกรรมสิทธิ์หอเจ้าฟ้าเมืองหยองห้วยให้แก่ทายาทเจ้าส่วยแต๊กแล้ว เกรงว่าเหล่าทายาทจะแบ่งทรัพย์สินในหอเจ้าฟ้า แล้วนำออกไปขาย อีกทั้งหอเจ้าฟ้าเป็นกรรมสิทธิ์ของรัฐบาลรัฐฉานและถูกขึ้นทะเบียนเป็นโบราณสถานแล้ว ดังนั้น รัฐบาลจึงขอยืนยันให้กรรมสิทธิ์หอเจ้าฟ้าเมืองหยองห้วย ยังคงเป็นของรัฐบาลรัฐฉานต่อไป”

หลังจากนายพล มิน อ่อง หล่าย รัฐประหาร ยังไม่มีรายงานความคืบหน้าใด ๆ จากประเด็นนี้ แต่หากทางรัฐบาลทหารอยากซื้อใจประชาชนชาวไทใหญ่และลบล้างบาปในอดีต การคืนกรรมสิทธิ์หอเจ้าฟ้าฯ ให้เจ้าเห่หม่า แต๊ก ภายใต้เงื่อนไขที่ตกลงกันได้ทั้ง 2 ฝ่ายไม่ว่าในแง่ของการดูแลรักษาโบราณสถานและเงื่อนไขอื่น ๆ ย่อมลบล้างตราบาปและสร้างความนิยมให้กองทัพได้บ้างไม่มากก็น้อย

อ่านตอนที่ 1 ได้ที่: https://thestatestimes.com/post/2023041412


เรื่อง: AYA IRRAWADEE