ถอดรหัส 'สื่อปด-ข่าวบิดเบือน' เรื่อง 3 PDF กับ รัฐบาลไทย ความจริงที่ไม่เคยคิดแสวงหา แต่ถูกใจที่ได้มาร่วม 'ใส่สีตีไข่'

เรื่องราวการจับกุม PDF (กองกำลังพิทักษ์ประชาชน : People's Defence Force) ทั้ง 3 คนที่แม่สอด และทางไทยนำส่งกลับไปยังเมียนมา ได้ถูกหยิบมาตีเป็นข่าวใหญ่ เสมือนว่าไทยส่งทั้ง 3 คนไปสู่เงื้อมมือพญายม  
เอย่าว่าดูมันจะโหดร้ายไปหน่อยไหมกับการออกมากระพือข่าวโจมตีรัฐบาลไทย ตั้งแต่ รัฐบาล NUG รวมถึงพรรคก้าวไกลไป และบรรดาเพจที่ออกตัวสนับสนุนฝ่ายประชาธิปไตยเสียสุดลิ่มทิ่มประตู โดยมิได้หาความจริงเลยว่า...เนื้อแท้ของเหตุการณ์ทั้งหมดนี้คืออะไร?

***ตามรายงานข่าวของสื่อไทยบางสื่อระบุว่า....

“สมาชิกแห่งหน่วยรบพิเศษคอมมานโดฯ ทั้ง 3 คน พยายามข้ามชายแดนเมียนมามายังจังหวัดตาก เพื่อรักษาอาการบาดเจ็บของติฮะ หลังจากพวกเขาถูกโจมตีฐานทัพในจนโด (Kyondo) เมืองกอกะเร็ก (Kawkareik) รัฐกะเหรี่ยง เมื่อวันที่ 25 มีนาคมที่ผ่านมา จนในวันที่ 1 เมษายน พวกเขาเดินทางไปยังคลินิก จนถึงด่านตรวจคนเข้าเมืองในแม่สอด เพราะหลงทาง”

***คำบรรยายท่อนนี้มีจุดสังเกตที่เป็นนัยยะที่น่าสงสัยดังนี้...

จากประโยคข้างต้นแสดงให้เห็นว่าทั้ง 3 เดินทางมาถึงไทยและอาศัยหลบซ่อนในที่ใดไม่ปรากฎ เพื่อรักษาอาการบาดเจ็บ 1 สัปดาห์ก่อนถูกจับ...ถามว่าเป็นไปได้ไหมที่พวกเขาจะเดินหลงทางจากจุดซ่อนตัวไปยังคลินิกหรือโรงพยาบาลที่รักษาพวกเขา ทั้งๆ ที่พวกเขาเข้ามารักษาแล้วถึงเกือบ 7 วัน?

น่าสงสัยไหมว่าอยู่ดีๆ คนที่ข้ามแดนมาอย่างผิดกฎหมายจะเดินไปหาเจ้าหน้าที่ตำรวจตรวจคนเข้าเมือง?...คือ ต้องเข้าใจก่อนว่า ตำรวจตรวจคนเข้าเมืองนี่เขาจะอยู่เฉพาะจุด เช่นบริเวณด่านชายแดน ซึ่งไม่เหมือนตำรวจกองปราบหรือตำรวจตระเวนชายแดนนะ

มาถึงจุดนี้ในข่าวที่สื่อบางสำนักรายงานออกมามีความคลุมเคลือสงสัยมาก แต่ขอละไว้ก่อน เอย่าจะพามาดูข้อกำหนดว่า หากตำรวจตรวจคนเข้าเมืองได้พบคนที่เข้าเมืองผิดกฎหมายแล้ว เขาจะทำยังไง?

งานของตำรวจตรวจคนเข้าเมือง ต้องปฏิบัติตามหน้าที่ของเขาโดย ตาม พรบ. คนเข้าเมือง พ.ศ. 2522 ในมาตราที่ 12 วรรค 1 ซึ่งระบุไว้ชัดเจนว่า...
.
>> มาตรา 12 ห้ามมิให้คนต่างด้าวซึ่งมีลักษณะอย่างใดอย่างหนึ่งดังต่อไปนี้เข้ามาในราชอาณาจักร...
...วรรค 1 ไม่มีหนังสือเดินทางหรือเอกสารใช้แทนหนังสือเดินทางอันถูกต้องและยังสมบูรณ์อยู่ หรือมีแต่ไม่ได้รับการตรวจลงตราในหนังสือเดินทางหรือเอกสารใช้แทนหนังสือเดินทางเช่นว่านั้นจากสถานทูตหรือสถานกงสุลไทยในต่างประเทศหรือจากกระทรวงการต่างประเทศ เว้นแต่กรณีที่ไม่ต้องมีการตรวจลงตราสำหรับคนต่างด้าวบางประเภทเป็นกรณีพิเศษ

>> และในมาตรา 54 ระบุว่า...
...คนต่างด้าวผู้ใดเข้ามาหรืออยู่ในราชอาณาจักรโดยไม่ได้รับอนุญาตหรือการอนุญาตนั้นสิ้นสุดหรือถูกเพิกถอนแล้ว พนักงานเจ้าหน้าที่จะส่งตัวคนต่างด้าวผู้นั้นกลับออกไปนอกราชอาณาจักรก็ได้...

สรุปให้สั้นๆ นะ!! จากจุดนี้จึงมั่นใจได้เลยว่าเจ้าหน้าที่ตรวจคนเข้าเมืองในวันนั้นไม่ได้รู้ด้วยว่า 3 คนนั้นเป็นใคร รู้เพียงแต่ว่า 3 คนนี้เข้ามาอย่างไม่ถูกต้องและต้องถูกส่งกลับตามมาตรา 54 (เคลียร์ตรงนี้ก่อนนะ)

ทีนี้ในข่าวระบุต่อว่า “เจ้าหน้าที่ไทยกลับส่งชายทั้ง 3 กลับไปยังประเทศต้นทาง ด้วยการลงเรือข้ามแม่น้ำเมยในเวลา 08.00 น. ซึ่งสถานที่นั้นคือฝั่งตรงข้ามฐานของกองกำลังพิทักษ์ดินแดนในหมู่บ้านอิงยินเมียอิง (Ingyin Myaing) นอกจากนี้ยังมีคนพบเห็นว่า กองกำลังดังกล่าวยิงใส่ผู้อพยพทั้ง 3 ก่อนลักพาตัวหนีไป”

จากจุดนี้...ว่ากันในเรื่องของการส่งตัวข้ามแดนของไทยตามมาตรา 55 ว่าด้วยการส่งคนต่างด้าวกลับออกไปนอกราชอาณาจักรนั้น ตามพระราชบัญญัตินี้ พนักงานเจ้าหน้าที่จะส่งตัวกลับโดยพาหนะใดหรือช่องทางใดก็ได้ ตามแต่พนักงานเจ้าหน้าที่จะพิจารณาเห็นสมควร

ส่วนข้อความที่อ้างว่า “กองกำลังดังกล่าวยิงใส่ผู้อพยพทั้ง 3 ก่อนลักพาตัวหนีไป” อันนี้สับสนมากเพราะถูกกุมตัวแล้วถ้ายิงใส่คงไม่ได้ลักพาตัวหนีไปหรอก แต่น่าจะเป็นหอบร่างไร้วิญญาณเสียมากกว่า

การที่ใครจะออกมาตำหนิการทำงานของตำรวจตรวจคนเข้าเมือง หากคุณเป็นคนไทยควรศึกษาให้มากเกี่ยวกับกฎหมายของไทย ไม่ใช่มีไมค์จ่อปาก คีย์บอร์ดจ่อมือแล้วพูดหรือพิมพ์เป็นเดือดเป็นร้อนโดยหารู้ไม่ว่าเจ้าหน้าที่ได้ดำเนินการถูกต้องตามกฎหมายไทย  

...และเชื่อได้เลยถึงจะพาพวกเขาไปส่งฝั่งเมียนมาแล้วเจ้าหน้าที่ไทยยังคงไม่รู้ด้วยซ้ำว่าทั้ง 3 คนเป็นใคร  เพราะประเด็นฝั่งไทยที่ทั้ง 3 โดนจับ คือ เข้าเมืองโดยผิดกฎหมาย...ส่วนฝั่ง NUG ที่ออกมาตำหนิไทยน่ะนะ...ถ้าหากว่าอยากจะรับผิดชอบต่อ 3 คนนี้ไม่ให้ถูกส่งกลับไปยังเมียนมา ก็ควรจะประกาศออกมาเลยถึงสถานที่ตั้งของ NUG ในประเทศไทยและใครเป็นผู้รับผิดชอบ เพราะในกรณีนี้เจ้าหน้าที่ไม่รู้จะติดต่อใครจะให้ติดต่อเจ้าหน้าที่สถานทูตเมียนมาในกรุงเทพก็ไม่แคล้วได้รับคำสั่งให้ส่งกลับอยู่ดี 

ข้ามมาในฟากของเหล่าเพจสาวกประชาธิปไตย นี่ก็เช่นกัน ก่อนที่จะงับข่าวใดๆ ไปใส่สีตีไข่ ควรหาความรู้เปิดข้อกฎหมายอ่าน ซึ่งเดี๋ยวนี้สามารถหาได้อ่านฟรีในอินเทอร์เน็ตแล้ว อยากจะปลุกปั่นอะไร อ่านและหาความรู้เยอะๆ จะได้ไม่ตกเป็นเหยื่อของโฆษณาชวนเชื่อ

*""ประเด็นนี้ทีมงานของเอย่าได้สืบเสาะหาความจริงของเรื่องราวดังกล่าวมาบอกกล่าง ซึ่งน่าจะไม่ตรงกับข่าวในสำนักไหนเลย ลองมาดูไทม์ไลน์กัน...

=> เริ่มต้นจากการปะทะกันแล้วทั้ง 3 ได้รับบาดเจ็บแล้วหนีข้ามมาไทยโดยข้ามแม่น้ำมา 
=> จากนั้นทั้ง 3 พยายามเดินทางไปยัง 'สุขศาลา' หรือ อนามัย ที่ท่านผู้อำนวยการโรงพยาบาบอุ้มผางเคยดำริให้สร้างไว้เพื่อลดภาระคนไข้กะเหรี่ยงที่จะข้ามมารักษาที่ไทยโดยที่นี่จะรับรักษาทุกคนโดยไม่ได้ถามว่าเป็นใคร
=> แต่เนื่องจากทั้ง 3 ไม่รู้จักเส้นทาง สุดท้ายจึงพบด่านตรวจเจ้าหน้าที่ทางไทยทำการตรวจแล้วพบว่าทั้ง 3 ลักลอบเข้าเมือง แต่เห็นบาดเจ็บมาจึงส่งไปรักษา
=> ครบ 7 วันเมื่อบาดแผลดีขึ้น เจ้าหน้าที่ฝั่งไทย จึงนำตัวทั้ง 3 ไปมอบให้แก่ตำรวจตรวจคนเข้าเมืองเพื่อผลักดันกลับเมียนมาต่อไป
=> ตำรวจตรวจคนเข้าเมืองรับตัวเสร็จ ก็สื่อสารกับทั้ง 3 แต่ปรากฎว่าทั้ง 3 พูดภาษาพม่าไม่ใช่ภาษากะเหรี่ยงจึงส่งตัวให้กับกลุ่ม BGF (กำลังพิทักษ์ชายแดน : Border Guard Force) ที่พอจะสื่อสารภาษาพม่ากับทั้ง 3 คนได้ 
=> เมื่อ BGF มารับตัวไปตรวจหาข้อมูลว่าทั้ง 3 เป็นใครจึงได้ทราบว่า ทั้ง 3 เป็น PDF ที่อยู่กับนายพลเนอดา  จึงได้จัดการตามขั้นตอนของฝั่งเมียนมา

สุดท้ายขอถามกลับทุกท่านว่า...หากไทม์ไลน์ที่ได้มาถูกต้อง...ฝั่งไทยทำตามหน้าที่และกฎหมายไทย โดยไม่ได้มีข้อมูลว่า 3 คนนั้นคือใคร แถมยังช่วยรักษาบาดแผลตามมนุษยธรรมอีกด้วยนั้น...

'ทุกท่าน' หรือ 'ทุกสื่อ' ที่ 'ประณาม' รวมถึงคิดจะบิดเบือน เพื่อทำให้ภาพของเจ้าหน้าที่ รัฐบาลไทย รวมถึง ประเทศไทย ได้ทำผิดต่อเหตุการณ์นี้ 

มันควรหรือไม่?

สุดท้ายขึ้นกับผู้อ่านทุกท่านพิจารณา...

เรื่อง: AYA IRRAWADEE

#THESTATESTIMES
#World
#รัฐบาลไทย
#กระพือข่าวโจมตีรัฐบาลไทย