'อนุทิน' เมินวิจารณ์นโยบาย พท.แจกเงินหมื่น แต่ย้ำ ‘นโยบายภูมิใจไทย’ ไม่ขายฝันทำได้จริง

‘อนุทิน’ ขอบคุณ ‘พปชร.’ หอบดอกไม้ร่วมยินดี ย้ำ สัมพันธ์ 4 ปีร่วมรัฐบาลชื่นมื่น พร้อมปัด วิจารณ์นโยบาย ‘เพื่อไทย’ แจกเงินหมื่นเข้ากระเป๋าดิจิทัล แต่บอกประชาชนไม่ใช่ยาจก อย่ามองเป็นคนแบมือขอ ย้ำชัด นโยบายภูมิใจไทยทำได้จริง 

(6 เม.ย. 66) ที่พรรคภูมิใจไทย นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และรมว.สาธารณสุข ในฐานะหัวหน้าพรรคภูมิใจไทย (ภท.) ให้สัมภาษณ์ถึงความชัดเจนในการวางตัวเป็นแคนดิเดตนายกรัฐมนตรี ของพรรคภูมิใจไทย ว่า เป็นการนำเสนอให้พี่น้องประชาชนได้เห็นว่าพวกเขามีทางเลือก และเป็นทางเลือกที่ตั้งใจทุ่มเทที่จะทำงานให้กับประชาชนตามระบอบประชาธิปไตย ซึ่งตอนนี้ทุกคนกำลังลงพื้นที่อย่างเต็มที่ โดยผู้สมัครก็จะนำเสนอทั้งเบอร์ตัวเอง และเบอร์ 7 ที่เป็นเบอร์ของพรรคภูมิใจไทย

เมื่อถามถึงกรณีนายชัยวุฒิ ธนาคมานุสรณ์ รองหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ มาแสดงความยินดีพร้อมระบุว่า จะจัดตั้งรัฐบาลไปด้วยกัน นายอนุทิน กล่าวว่า ขอบคุณที่มาแสดงความยินดี ซึ่งเรามีความปรารถนาดีต่อกัน วันนี้ท่านมาในนามของพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) ถือว่าเป็นความสัมพันธ์ที่ดีของพรรคร่วมรัฐบาล เราทำงานกันมา 4 ปีแล้ว ถ้าไม่มีอะไรที่ขัดแย้งกัน ถ้ามีอะไรที่เห็นไม่ตรงกันก็ต้องถือว่าเราทำงานด้วยกันมา และทำให้บ้านเมืองกับรัฐบาลสิ่งที่ทำให้เห็นคือรัฐบาลมี เสถียรภาพอยู่ครบ 4 ปี 

เมื่อมาถามว่า เบาใจหรือไม่เนื่องจากศาลแพ่งมีคำสั่งให้นายชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์ หยุดโจมตีพรรคภูมิใจไทยโดยเฉพาะนโยบายกัญชา นายอนุทิน กล่าวว่า หลังจากพรรคภูมิใจไทยได้สมัครให้สมาชิกทุกคนได้หมายเลขตัวเองแล้ว และได้หมายเลขของพรรคแล้วความวิตกกังวลต่างๆว่า คุณสมบัติของสมาชิกจะครบหรือไม่ครบก็หายไป ส่วนเรื่องอื่นๆก็เป็นสิทธิ์ไม่ว่าจะของใครก็ตาม ของประชาชน หน่วยงานองค์กรใดๆ ก็ตามถ้า เป็นการใช้สิทธิ์ตามกฎหมายเราก็ต้องพร้อมที่จะชี้แจง เพราะฉะนั้นเรื่องที่มีการวิพากษ์วิจารณ์ มีการด้อยค่า มีการทำให้พี่น้องประชาชน รับฟังสิ่งที่ไม่เป็นความจริงเกี่ยวกับพรรคภูมิใจไทยเราก็ไม่สามารถที่จะไปห้ามใครพูดได้ ก็ต้องอาศัยบารมีของศาลที่จะให้การคุ้มครองพรรคภูมิใจไทย 

เมื่อถามว่า ช่วงสามสิบกว่าวันก่อนการเลือกตั้งนั้น คิดว่ากฎหมายจะเอาคุณชูวิทย์อยู่หรือไม่ นายอนุทิน กล่าวว่า ตอนนี้ไม่เป็นไร ขอให้ทุกคนทำตามตามกฎหมาย อีกทั้งกฎหมาย กกต. ก็ระบุเอาไว้อยู่แล้วว่า ไม่ให้ ‘ผู้ใด’ พูดจาด้อย ค่าชักจูงประชาชนให้เข้าใจผิดต่อพรรคการเมือง หมายความว่า ใครก็ตามที่พูดด้อยค่า พูดไม่ดี พูดให้คนเกิดความเข้าใจผิด ก็เสมือนกฎหมายหมิ่นประมาท แต่วันนี้เราก้าวข้ามจุดนั้นไปแล้ว เราลงสมัครแล้ว เราได้เบอร์แล้วเรามั่นใจในนโยบายของพรรคภูมิใจไทย มั่นใจในผู้สมัครของพรรคภูมิใจไทย ตอนนี้โพลของพรรคดีขึ้น แข็งแรง เพราะฉะนั้นเบาใจแล้ว 

เมื่อถามย้ำว่า นายชูวิทย์ระบุว่าเป็นการใช้กฎหมายปิดปากประชาชนและจะเดินหน้า โจมตีต่อไป นายอนุทิน กล่าวว่า ตอนนี้ตน และสมาชิกต่างลงพื้นที่หาเสียงทุกวันไม่มีเวลาดู YouTube ส่วนคำสั่งศาลนั้นเราไม่ได้มองว่าเป็นการแพ้ หรือชนะของพรรคภูมิใจไทย แต่เรามองว่าเป็นการปกป้องไม่ให้ใครมาว่ากล่าวให้ร้าย หรือทำให้ประชาชนทั่วไปเข้าใจผิดในตัวพรรคการเมืองของเรา เมื่อเราห้ามปากคนไม่ได้เราก็ต้องอาศัยกฎหมายให้ศาลได้มีคำสั่ง เพราะฉะนั้นใครก็ตามที่ไม่ทำตามคำสั่งศาล ก็ต้องถือว่าอำนาจละเมิดอำนาจศาล ก็ไม่ใช่หน้าที่ของพรรคภูมิใจไทยแล้ว ใครก็ตามที่ละเมิดศาลละเมิดอำนาจกฎหมายที่มีอยู่ ก็จะต้องถูกดำเนินคดีตามครรลองของบ้านเมือง การเคารพกฎหมายดีที่สุด 

เมื่อถามต่อว่า เวทีเพื่อไทยประกาศจะไปหาเสียงในพื้นที่ที่ภูมิใจไทยแข็งแกร่ง นายอนุทิน กล่าวว่าเป็นสิทธิ์ของทุกพรรค เพราะพรรคภูมิใจไทยก็ไปหาเสียงในทุกจังหวัด และไม่เคยมีจังหวัดไหนไม่ต้อนรับ เพราะฉะนั้นถ้าเกิดพรรคการเมืองใดก็ตามที่จะมาหาเสียง ภูมิใจไทยมองว่าเป็นการให้ข้อมูลที่เป็นประโยชน์ต่อประชาชนแล้วประชาชนจะได้ตัดสินใจว่าจะเลือกพรรคไหนให้ทำงานรับใช้ประชาชน 

เมื่อถามต่อว่าพรรคเพื่อไทยเปิดนโยบายกระเป๋าตังดิจิทัล 10,000 บาท เป็นประชานิยมหรือไม่ นายอนุทินกล่าวว่า เราอย่าไปวิพากษ์วิจารณ์ แต่เรามั่นใจว่านโยบายของพรรคภูมิใจไทยมีประโยชน์ต่อพี่น้องประชาชน นโยบายต้องปฏิบัติได้ด้วย ประชาชนไม่ใช่ยาจก ประชาชนเป็นคนที่พระคุณต่อพรรคการเมืองทุกพรรค เราต้องทำให้คุณภาพชีวิตของเขาดีขึ้น ทำให้เขามีโอกาสในการเสริมสร้างรายได้ ทำมาหากินที่ดีขึ้น แต่ไม่ใช่มองเขาว่าเป็นคนแบมือขอ แล้วเราจะเอาอะไรไปให้เขาทุกอย่างแบบนี้ เป็นการไม่เห็นศีรษะของเขา เราต้องทำให้ประชาชนรู้สึกว่านี่เป็นสิทธิ์ที่เขาพึงจะได้และสามารถนำนโยบายที่เรามอบให้นั้นไปทำให้เขาเกิดโอกาสที่ดีขึ้น คุณภาพชีวิตดีขึ้น สุขภาพชีวิตดีขึ้น รายได้ของเขาดีขึ้น นี่คือนโยบายของพรรคภูมิใจไทยที่เราต้องร่วมกันทำด้วยความร่วมมือของประชาชนด้วย

เมื่อถามย้ำว่าแต่นโยบายนี้ทำให้เพื่อไทยชนะการเลือกตั้งครั้งที่แล้ว ตรงนี้เรากังวลหรือไม่เพราะ นายอนุทิน กล่าวว่า มีประชานิยมบ้างแล้วแต่จะมอง ถ้าเรามองคำว่าประชานิยมแบบเชิงบวก เป็นพรรคการเมืองต้องทำให้ประชาชนนิยม ถ้าประชาชนไม่นิยมเขาก็ไม่เลือก เราอย่าไปเปรียบเทียบกับคนอื่น วันนี้เราลงสมัครแล้ว ได้เบอร์แล้ว ถือว่านโยบายที่เราได้นำเสนอประชาชนไป พี่น้องประชาชนรับทราบแล้ว และยึดถือในนโยบายนั้นส่วนจะมีอะไรเพิ่มเติมหลังจากที่เราเข้าไปทำงานในการบริหารราชการแผ่นดินเราก็ยังมีสิทธิ์ที่จะทำสิ่งที่เป็นประโยชน์มากขึ้น อย่างคราวที่แล้วที่พรรคภูมิใจไทยเป็นรัฐบาลมา 4 ปีก็ทำหลายเรื่องที่ไม่ได้อยู่ในนโยบายตอนเลือกตั้งปี 62 และทำเป็นผลสำเร็จในช่วงที่เราจะทำงานเป็นรัฐบาล