‘โรม’ ข้องใจ!! ‘ส.ว.อุปกิต’ รู้รายละเอียดออกหมายจับ เชื่อ!! มีคนในคอยช่วย จี้!! ศาลฯ ออกมาชี้แจงข้อมูล

(27 มี.ค. 66) ที่พรรคก้าวไกล รังสิมันต์ โรม โฆษกพรรคก้าวไกล แถลงถึงความคืบหน้ากรณี ส.ว. อุปกิต ปาจรียางกูร หรือ ‘ส.ว.ทรงเอ’ ผู้มีความเกี่ยวพันกับ ทุน มิน ลัต ผู้ต้องหาคดียาเสพติดรายใหญ่จากเมียนมา ยื่นฟ้องดำเนินคดีกับ พ.ต.ท.มานะพงษ์ วงศ์พิวัฒน์ อดีตสารวัตร กองกำกับการสืบสวน 2 กองบังคับการสืบสวนสอบสวน กองบัญชาการตำรวจนครบาล (บช.น.) ต่อศาลอาญาคดีทุจริตเเละประพฤติมิชอบกลาง โดยกล่าวหาว่า พ.ต.ท.มานะพงษ์ ได้ใช้เอกสารหลักฐานที่มีการแปลเป็นเท็จในการยื่นขอหมายจับอุปกิต

ต่อกรณีดังกล่าว รังสิมันต์ตั้งข้อสงสัยว่า ส.ว.อุปกิต ทราบได้อย่างไร ว่าเอกสารที่ พ.ต.ท.มานะพงษ์ไปยื่นต่อศาลเพื่อขอออกหมายจับตัวเองมีรายละเอียดอะไรบ้าง เพราะโดยปกติแล้วคนที่ทราบ มีแค่ตำรวจกับศาลเท่านั้น เมื่อเป็นเช่นนี้แล้วจึงคิดเป็นอื่นไม่ได้เลย นอกจากว่ามีคนอยู่เบื้องหลังที่คอยให้ความช่วยเหลือ ส.ว.อุปกิต อยู่ตลอดเวลา และทำให้ตำรวจน้ำดีที่พยายามทำคดีนี้ กลายเป็นคนที่ถูกดำเนินคดีเสียเอง

เรื่องแบบนี้จะไม่เกิดขึ้นเลย ถ้าวันนั้นไม่เกิดการถอนหมายจับ คำถามคือถ้าปล่อยให้เรื่องแบบนี้เกิดขึ้นต่อไปเรื่อย ๆ หากวันข้างหน้ามีพ่อค้ายาเสพติดที่มีชื่อเสียงและมีอิทธิพล ตำรวจน้ำดีที่ไหนจะกล้าทำคดีแบบนี้อีก ทั้งนี้ แม้ตนจะเชื่อมั่นว่า พ.ต.ท.มานะพงษ์ จะสามารถสู้คดีได้ด้วยพยานหลักฐานต่าง ๆ และเจตนาที่บริสุทธิ์ในการทำหน้าที่ แต่ก็ไม่ควรที่ พ.ต.ท.มานะพงษ์ จะต้องถูกดำเนินคดีเช่นนี้

รังสิมันต์ยังแถลงต่อไป ว่าในกรณีนี้ ทางศาลก็ควรออกมาชี้แจงด้วย ว่าในศาลมีใครเอาข้อมูลที่มีการยื่นขอหมายจับ ไปบอก ส.ว.อุปกิต ด้วยหรือไม่ ไม่เช่นนั้น ส.ว.อุปกิต จะนำหลักฐานมาร้องทุกข์กล่าวโทษกับ พ.ต.ท.มานะพงษ์ได้อย่างไร

นอกจากนี้ หลักฐานที่อ้างว่ามีการแปลไม่ถูกต้องนั้น เท่าที่ตนตรวจสอบได้ พบว่าหลักฐานจำนวนมากเป็นภาพจากการแชต ที่ภาษาอังกฤษไม่ได้ยาก และยังมีหลักฐานที่เป็นแชตภาษาไทยด้วย ซึ่งส่วนที่มีการแปลผิดนั้น ไม่ใช่สาระสำคัญที่จะทำให้ข้อเท็จจริงว่า ส.ว.อุปกิตเกี่ยวข้องกับการค้ายาเสพติดและการฟอกเงินถูกลบล้างไปได้แต่อย่างใด และตนยังยืนยันได้ว่าจากหลักฐานที่มีอยู่นั้น สามารถนำไปดำเนินคดีและออกหมายจับ ส.ว.อุปกิต ได้

รังสิมันต์ยังกล่าวต่อไป ว่าทั้งนี้ ตนยังคงรอความชัดเจนจากอัยการอยู่ ว่าจะมีการยื่นฟ้องต่อ ส.ว.อุปกิต หรือไม่ หลังจากที่ตนได้ไปติดตามที่สำนักงานอัยการมาก่อนหน้านี้ และได้รับคำตอบว่าสิ้นเดือนนี้จะมีความชัดเจนในคดีของ ส.ว.อุปกิต ซึ่งตนอยากให้ทั้งสื่อมวลชนและสาธารณชน ร่วมกันติดตามคดีนี้อย่างใกล้ชิด อย่าปล่อยให้คดีนี้เงียบหายไปเหมือนที่ผ่านมา ที่เรามีวัฒนธรรมการลืมเลือนคดีที่เกิดขึ้นเมื่อเวลาผ่านไปสักพักหนึ่ง ยิ่งเมื่อเป็นคดีที่เกิดขึ้นกับเจ้าหน้าที่รัฐที่ตั้งใจทำงานแล้ว ยิ่งไม่ควรปล่อยให้เงียบหายไปเด็ดขาด

“คดีนี้ ทุนมินลัต และอีกหลาย ๆ คน ถูกออกหมายจับ ดำเนินคดี และคัดค้านการประกันตัวไปแล้ว ทุกคนที่เกี่ยวข้องได้รับการดำเนินการตามกฎหมายหมด แล้วทำไมเหลือเพียง ส.ว.ทรงเอ คนเดียวที่ได้รับการปฏิบัติที่แตกต่างจากบุคคลอื่น หากเป็นเช่นนี้ต่อไปเรื่อย ๆ สิ่งที่เกิดขึ้นจะเป็นการทำลายความเชื่อมั่นต่อกระบวนการยุติธรรมทั้งระบบ จึงอยากให้อัยการคิดถึงเรื่องนี้ให้ดี ไม่เช่นนั้นสังคมก็จะยังคงตั้งคำถามต่อไป” รังสิมันต์กล่าว

นอกจากนี้ รังสิมันต์ ยังได้ตอบคำถามสื่อมวลชน กรณีที่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ไม่ได้อยู่ในลำดับบัญชีรายชื่อของพรรครวมไทยสร้างชาติ โดยระบุว่า สำหรับพรรคก้าวไกลเอง เราให้ความสำคัญกับการที่นายกรัฐมนตรีต้องมีที่มาจาก ส.ส. มาโดยตลอด เพราะเป็นหลักการที่มาจากการต่อสู้ของประชาชนในเดือนพฤษภาคม 2535 ที่สละชีวิตของคนจำนวนมากเพื่อยืนยันหลักการเรื่องนี้ จนได้ถูกบรรจุในรัฐธรรมนูญ 2540 ว่านายกรัฐมนตรีต้องเป็น ส.ส. แต่รัฐธรรมนูญ 2560 ที่มาจากเผด็จการ กลับทำลายการต่อสู้ของประชาชนและทำลายหลักการนี้ลง เหลือเพียงให้แต่ละพรรคเสนอชื่อแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีได้ 3 คน โดยไม่ต้องเป็น ส.ส.

ดังนั้น เพื่อดึงให้สังคมกลับมายืนอยู่บนความถูกต้องตามครรลองอีกครั้ง จำเป็นที่แคนดิเดตนายกรัฐมนตรีทุกคนควรต้องเป็น ส.ส. ด้วย สำหรับพรรคก้าวไกลเอง ยืนยันว่า พิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกล จะเป็นลำดับที่หนึ่งในบัญชีรายชื่อของพรรค เพื่อสร้างพรรคการเมืองที่เป็นสถาบันทางการเมืองที่เข้มแข็งต่อไปในอนาคต

สื่อมวลชนยังถามต่อ ถึงกรณี ติรานนท์ เวียงธรรม หรือ 'ทนายเคน' อดีตผู้สมัคร ส.ส.พรรคก้าวไกล จ.แพร่ ที่ประสบเหตุรถชนเสียชีวิตว่ามีความคืบหน้าอย่างไรบ้าง ซึ่งรังสิมันต์ได้กล่าวว่าที่ผ่านมา ในวันที่มีพิธีฌาปนกิจทนายเคนนั้น พิธาและแกนนำพรรคก้าวไกลที่ได้เข้าร่วมพิธี ยังได้บุกไปติดตามกรณีดังกล่าวถึงที่สถานีตำรวจท้องที่ แต่ก็ไม่ได้รับคำตอบอะไรกลับมา อีกทั้งก่อนหน้านี้ตนเคยประสานไปยังผู้กำกับของสถานีตำรวจท้องที่ ขอให้เร่งรัดติดตามเรื่องนี้ เพื่อให้ความเป็นธรรมแก่ทนายเคนและครอบครัว อันเป็นสิทธิ์ที่ประชาชนทุกคนควรได้รับ แต่ก็ยังไม่ได้รับคำตอบเช่นกัน

ทั้งนี้ จากข้อมูลล่าสุดที่ตนได้รับ เจ้าหน้าที่ยังไม่ได้ตัดความเป็นไปได้ออกไป ว่ากรณีดังกล่าวอาจไม่ใช่อุบัติเหตุ อย่างไรก็ตาม ทางพรรคก้าวไกลจะยังคงติดตามความคืบหน้าอย่างต่อเนื่องต่อไป