ธนาคารกลางยุโรป ส่งสัญญาณ ดัน 'สกุลเงินดิจิทัลแบงก์' เชื่อมต่อ 'แอปฯ ชำระเงิน-บัตร' ไม่ยึดติดเฉพาะของยุโรป

ในขณะที่ทั่วโลกมีวิกฤต Bank Run อยู่นี้ ล่าสุดก็มีความคืบหน้าสำคัญเกี่ยวกับสกุลเงินดิจิทัลของธนาคารกลาง (Central Bank Digital Currency : CBDC) ออกมาแล้ว

โดยไม่นานมานี้ World Maker ได้เปิดเผยว่า ทางธนาคารกลางยุโรป หรือ ECB (European Central Bank) ประกาศถึง Digital Euro ที่จะมีบทบาทสำคัญในการชำระเงินอย่างอิสระในอนาคต พร้อมเผยอีกว่าการเชื่อมต่อจะเป็นในรูปแบบกว้าง แอปฯ ชำระเงินและบัตรไม่จำเป็นต้องเป็นของยุโรปด้วยซ้ำ ซึ่งแสดงให้เห็นว่าระบบการเงินทั่วโลกน่าจะมีการเชื่อมต่อกันเกือบทั่วทั้งระบบ

นอกจากนี้ มีการเปิดเผยอีกว่าจะเริ่มเสนอกรอบกฎหมายสำหรับ Digital Euro ภายในสิ้นเดือนมิถุนายนนี้  ขณะที่การตัดสินใจขั้นสุดท้ายว่าจะมีการดำเนินการต่อหรือไม่จะมีขึ้นในภายหลัง แต่มาถึงขนาดนี้แล้วหลายคนก็คิดว่าจะต้องมีการออก CBDC มาในที่สุดอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ เพราะเทคโนโลยีพื้นฐานที่รองรับระบบการเงินโลกกำลังเปลี่ยนไปสู่ระบบ Blockchain Base ที่ประมวลผลได้ดีกว่าระบบเดิมหลายเท่า

📌 Christine Lagarde ประธานของ ECB กล่าวว่าแนวโน้มหลักคือการใช้เงินสดน้อยลงในระบบ และเปลี่ยนไปสู่การชำระเงินผ่านระบบดิจิทัลมากขึ้นอีก ซึ่งภาพในปัจจุบันเราก็ได้เห็นแนวโน้มนี้กันแล้ว เพราะแม้แต่คนไทยจำนวนมากก็หันมาใช้จ่ายผ่านการโอนหรือแสกน QR Code แทนการกดเงินสด เนื่องจากมีความสะดวกรวดเร็วมากกว่า และไม่จำเป็นต้องพกเงินไว้ในกระเป๋าจำนวนมาก ๆ อีกด้วย !

“มีจุดมุ่งหมายให้ปลอดภัย มีไว้เพื่ออำนาจอธิปไตย และตั้งใจให้พร้อมใช้งานสำหรับทุกคน ทุกที่ ทุกเวลา และในราคาที่ถูกที่สุดที่เป็นไปได้ อาจไม่มีค่าใช้จ่ายสำหรับฟังก์ชันพื้นฐานที่สุด” Lagarde กล่าวเสริมเกี่ยวกับ Digital Euro

อย่างไรก็ตาม สิ่งที่เราต้องยอมรับคือการเปลี่ยนไปสู่ Digital Euro จะทำให้หน่วยงานกำกับดูแลสามารถตรวจสอบหรือสอดส่องข้อมูลสำคัญได้ง่ายกว่าเดิมด้วย นั่นหมายความว่าความเป็นส่วนตัวของผู้ใช้งานจะลดลงเมื่อเทียบกับระบบธนบัตรสมัยก่อน

แต่คนส่วนใหญ่ ก็ไม่จำเป็นต้องกลัวเรื่องเหล่านี้ เพราะถ้าเราทำอาชีพสุจริตถูกกฎหมาย ไม่ได้ทำธุรกิจดำมืดหรือสีเทา และมีการเสียภาษีถูกต้อง เราก็ไม่จำเป็นต้องกลัวอะไรเลย ส่วนคนที่ประท้วงถึงประเด็นนี้ส่วนใหญ่ ก็น่าตั้งคำถามว่าพวกเขามีอะไรปิดบังอยู่หรือไม่ หรือว่าได้เงินมาอย่างผิดกฎหมาย ?

ทั้งนี้ แม้ว่าการใช้เงินสดธนบัตรจะลดลงในอนาคต แต่ก็ไม่ได้แปลว่าเงินสดจะหายไป 100% เพราะแน่นอนว่าท่ามกลางโลกที่เป็นสีเทาอยู่ทุกวันนี้ ย่อมมีคนต้องการหลีกเลี่ยงการตรวจสอบของหน่วยงานกำกับดูแล โดยอ้างถึงความเป็นส่วนตัวอยู่แล้ว

⚠️ ขณะเดียวกัน ดูเหมือนว่าทางสหรัฐฯ ก็เตรียมเปิดตัว FedNow ซึ่งเป็นระบบชำระเงินแบบทันทีทันใด (Real Time) ที่ทำงานแบบ 24/7 ภายในเดือนกรกฎาคมนี้ ! ซึ่งคาดว่าระบบนี้จะเป็นตัวตั้งต้นที่สำคัญสำหรับ CBDC ทั่วโลก ซึ่งมีแนวโน้มจะตามมาหลังจากนี้

แม้ว่า FED จะยังไม่ได้ประกาศชัดเจนเกี่ยวกับอนาคตของ Digital Dollar แต่ปัจจุบันก็กำลังมีการศึกษาวิจัยอย่างจริงจัง และคาดว่าในท้ายที่สุดจะต้องออกมาให้ใช้งานอยู่ดี เพราะถ้าไม่ทำเช่นนั้นก็จะสู้ประเทศอื่นไม่ได้และหมายถึงการสูญเสียอำนาจทางการเงินครั้งใหญ่ในระยะยาว

ทั้งนี้ ข้อสงสัยที่สำคัญมาก ๆ อย่างหนึ่งก็คือ ทางฝั่งจีน-รัสเซีย จะมีการแยกขั้วระบบการเงินโลกไปเป็นของตัวเองหรือไม่ ? เพราะทางฝั่งจีน-รัสเซียก็ดูเหมือนจะเตรียมระบบการเงินที่หนุนหลังด้วยทองคำอยู่ ! หรือว่าในท้ายที่สุดแล้วจะสามารถเคลียร์กันได้ ? เพราะไม่ว่าอย่างไรก็ตาม การจะตัดขาดกันแบบ 100% นั้นแทบจะเป็นไม่ได้เลย เพราะต่างฝ่ายต่างก็มีสิ่งที่อีกฝ่ายต้องการอยู่กับมือในแง่ของการดำเนินเศรษฐกิจที่ต้องพึ่งพาอาศัยกันทั้งโลก

แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าจะต้องเป็นเช่นนั้น 100% เพราะหากทะเลาะกันไม่เลิกจนไปถึงสงครามใหญ่ ก็อาจเป็นไปได้ที่สกุลเงินโลกจะถูกแยกออกเป็น 2 ขั้วจริง ๆ ซึ่งในกรณีนี้ก็น่าจะต้องมีประเทศที่อยู่ระหว่างกลางทำหน้าที่เป็นตัวเชื่อมต่อระบบการเงินของทั้ง 2 ขั้วอำนาจอยู่ดี

📌 มารอดูกันว่าท่ามกลางวิกฤตทางการเงิน เศรษฐกิจ และการเปลี่ยนผ่านทางเทคโนโลยีครั้งใหญ่ที่ดำเนินอยู่นี้ จะไปสิ้นสุดลง ณ จุดใดกันแน่ ?


ที่มา: World Maker