Sunday, 5 May 2024
ธนาคารกลางยุโรป

ปธ.ธนาคารกลางยุโรป ฟาด!! คริปโตฯ ไร้ค่า สู้ ‘ยูโรดิจิทัล’ ที่มี ECB หนุนหลังไม่ได้

ประธานธนาคารกลางยุโรป หรือ ECB ฟาดแรง Cryptocurrencies ไร้ราคา ไม่ได้อิงจากสิ่งใดเป็นหลัก และไม่ควรมีสินทรัพย์พื้นฐานที่จะทำหน้าที่เป็นจุดยึดความปลอดภัย พร้อมหนุน CBDC ที่มี ECB หนุนหลังมีความปลอดภัยและมีเสถียรภาพมากกว่า

จากการเปิดเผยของ Cryptoandcoin ระบุถึงถ้อยแถลงของนาง Christine Lagarde ประธานธนาคารกลางยุโรป หรือ ECB โดยกล่าวว่า ยูโรดิจิทัลมีความสามารถและมีความมั่นคงให้ผู้ค้าปลีก และนักลงทุน อีกทั้งยังมีความปลอดภัย ตลอดจนมูลค่าที่แท้จริงซึ่งได้รับการยอมรับมากกว่าสกุลเงินดิจิทัล โดยขณะนี้ทางสหภาพยุโรปอยู่ในช่วงของกระบวนการพิจารณาความเหมาะสมของค่าธรรมเนียมในสกุลเงินยูโรดิจิทัล (CBDC) เพื่อกำหนดในการใช้ทำธุรกรรมต่อไปในอนาคต

“Cryptocurrencies นั้นไม่ได้อิงจากสิ่งใดเลย และต้องได้รับการควบคุมเพื่อปกป้องบุคคลจากโอกาสในการเก็งกำไรด้วยเงินออมทั้งชีวิต ฉันเป็นห่วงผู้คนที่ไม่เข้าใจอันตรายใดๆ ซึ่งทำให้เกิดความสูญเสียจากความผันผวนที่รุนแรง นั่นเป็นเหตุผลที่ฉันคิดว่าต้องได้รับการควบคุม และจากการประเมินโดยรวม มันไม่มีคุณค่าและต่ำต้อยมาก มูลค่าที่แท้จริงมันไม่มีราคา ผู้คนที่ชื่นชมต่างมโนมูลค่ามันขึ้นมาเองจากความต้องการในการเก็งกำไร ความเป็นจริงที่ชุมชนคริปโตฯ รับรู้แต่พยายามปฏิเสธและไม่ยอมรับความจริงว่ามันไม่มีสินทรัพย์อ้างอิงที่จะทำหน้าที่เป็นจุดยึดความปลอดภัยได้” Christine Lagarde ประธานสถาบันการเงินกลางของยุโรปกล่าว

ขณะเดียวกัน Lagarde เผยว่า เงินยูโรดิจิทัลสามารถเข้าถึงง่าย ได้รับการยอมรับ และปลอดภัยกว่า โดยเธอยอมรับเพิ่มเติมว่า ไม่ได้ลงทุนใน Cryptocurrencies ใดๆ เลยเนื่องจากเห็นถึงปัจจัยเสี่ยงเชิงลบมากมาย และการใช้ Cryptocurrencies ในเส้นทางการเงินที่ผิดกฎหมาย กลับกันนั้น Euro Digital มีโอกาสในการเข้าถึงการยอมรับ และมีความปลอดภัยมากกว่า

“ในวันที่เราออกอัตราแลกเปลี่ยนดิจิทัลของสถาบันการเงินกลาง เงินยูโรดิจิทัลใดๆ ก็ตามจะได้รับการรับรอง ดังนั้นสถาบันการเงินกลางจะอยู่เบื้องหลัง และฉันเชื่อว่ามันแตกต่างอย่างมากจากปัญหาเหล่านี้โดยสิ้นเชิง”

ธนาคารกลางยุโรป เมินวิกฤตแบงก์ เดินหน้าขึ้นดอกเบี้ย 0.5% สู้เงินเฟ้อ

เพจ World Maker โพสต์ข้อความระบุว่า  ถือว่าผิดคาดนักลงทุนหลายคนไม่น้อย !!! เพราะแม้ว่าจะมีวิกฤต Bank Run ของ SVB เกิดขึ้นและยังเสริมกับความตึงเครียดของ Credit Suisse แต่ล่าสุดธนาคารกลางยุโรป หรือ ECB ยังตัดสินใจขึ้นดอกเบี้ยถึง +0.5% จากเดิม 2.5% กลายเป็น 3% ตามหลัง FED มาติด ๆ เลยทีเดียว !

นั่นทำให้นักลงทุนหลายคนต้องจับตามองว่าทาง FED ซึ่งขึ้นดอกเบี้ยมาถึง 4.75% ในตอนนี้จะยังขึ้นดอกเบี้ยต่อไปอีกหรือไม่ ? เพราะถ้าขึ้นต่อไปอีก +0.25% ก็จะอยู่ที่ 5% แล้ว ! โดยนักลงทุนในตลาดต่างพากันคาดการณ์ว่า FED จะชะลอการขึ้นดอกเบี้ยหรือแม้แต่ปรับลดดอกเบี้ยลงในปีนี้ ! เพราะว่าระดับปัจจุบันเริ่มทำให้เกิดความเสียหายทางเศรษฐกิจแล้วไม่น้อย

อย่างไรก็ตาม ความเคลื่อนไหวของ ECB ล่าสุดนี้เน้นย้ำให้เห็นว่าธนาคารกลางมีแนวโน้มที่จะ Focus ไปยังเป้าหมายหลักคือการควบคุมเงินเฟ้อ มากกว่าที่จะอุ้มตลาดหุ้นหรือเศรษฐกิจ ทำให้เริ่มมีคนไม่แน่ใจแล้วเช่นกันว่า FED จะหยุดหรือลดดอกเบี้ยในปีนี้จริงหรือไม่ ?

หุ้นสหรัฐฯ และกลุ่มธนาคารในยุโรปเปิดตลาดมาอยู่ในโซนเขียวคืนนี้ หลังมีข่าวว่าหน่วยงานของรัฐบาลและธนาคารกลางกำลังเฝ้าระวังอย่างใกล้ชิด และยังมีการประสานงานกันเพื่อป้องกันไม่ให้วิกฤตลุกลามเหมือนมะเร็งร้าย

โดยรัฐบาลและธนาคารกลางของสวิสเซอร์แลนด์ก็ประกาศว่ากำลังหารือกับ Credit Suisse, UBS Group ซึ่งเป็น 2 ธนาคารยักษ์ใหญ่ของยุโรป พร้อมกับกล่าวว่าสภาพคล่อง 5.4 หมื่นล้านดอลลาร์ (2 ล้านล้านบาท) ที่มอบให้ Credit Suisse ไปนั้นยังไม่จำเป็นต้องใช้ด้วยซ้ำ เพราะธนาคารยังมีสภาพคล่องเพียงพอ เพียงแต่เป็นการมอบให้เพื่อรับประกันความเสี่ยงไม่ให้ตลาด Panic !

ปฏิเสธไม่ได้ว่าความเสี่ยงและแรง Panic ยังครอบคลุมตลาดอยู่ไม่น้อย และทำให้นักลงทุนส่วนใหญ่แห่เทขายหุ้นกลุ่มธนาคารไปเป็นจำนวนมาก โดยทาง Financial Times รายงานว่านักลงทุนเทหุ้น Bank ทิ้งไปเป็นมูลค่าสูงถึง 1.65 แสนล้านดอลลาร์หรือ -5.7 ล้านล้านบาทเข้าไปแล้วนับตั้งแต่เกิดวิกฤต Bank Run ที่ทำให้มีการ Panic Selling ตามมา

ทางด้าน Janet Yellen ขุนคลังสหรัฐฯ พยายามออกมาสร้างความมั่นใจว่าระบบธนาคารของสหรัฐฯ โดยรวมยังคงแข็งแกร่ง แม้จะมีแบงก์ล้มไป 3 แห่งในเวลาไม่ถึง 1 เดือนก็ตาม ซึ่งเธอกล่าวว่าลูกค้าและชาวอเมริกันสามารถมั่นใจได้ว่าเงินฝากจะยังอยู่ดีและสามารถถอนได้เมื่อต้องการ

แต่ก็มีฝ่ายที่ไม่เชื่อคำกล่าวของเธอ ! โดยเฉพาะกลุ่มที่โปรจีน-รัสเซีย ซึ่งกำลังมองว่าระบบการธนาคารของสหรัฐฯ-ตะวันตกจะล่มสลายและเกิดเป็นวิกฤตใหญ่ โดยมีการโหมข่าวโจมตีอย่างต่อเนื่องท่ามกลางความตึงเครียดที่เกิดขึ้นในตอนนี้

ธนาคารกลางยุโรป ส่งสัญญาณ ดัน 'สกุลเงินดิจิทัลแบงก์' เชื่อมต่อ 'แอปฯ ชำระเงิน-บัตร' ไม่ยึดติดเฉพาะของยุโรป

ในขณะที่ทั่วโลกมีวิกฤต Bank Run อยู่นี้ ล่าสุดก็มีความคืบหน้าสำคัญเกี่ยวกับสกุลเงินดิจิทัลของธนาคารกลาง (Central Bank Digital Currency : CBDC) ออกมาแล้ว

โดยไม่นานมานี้ World Maker ได้เปิดเผยว่า ทางธนาคารกลางยุโรป หรือ ECB (European Central Bank) ประกาศถึง Digital Euro ที่จะมีบทบาทสำคัญในการชำระเงินอย่างอิสระในอนาคต พร้อมเผยอีกว่าการเชื่อมต่อจะเป็นในรูปแบบกว้าง แอปฯ ชำระเงินและบัตรไม่จำเป็นต้องเป็นของยุโรปด้วยซ้ำ ซึ่งแสดงให้เห็นว่าระบบการเงินทั่วโลกน่าจะมีการเชื่อมต่อกันเกือบทั่วทั้งระบบ

นอกจากนี้ มีการเปิดเผยอีกว่าจะเริ่มเสนอกรอบกฎหมายสำหรับ Digital Euro ภายในสิ้นเดือนมิถุนายนนี้  ขณะที่การตัดสินใจขั้นสุดท้ายว่าจะมีการดำเนินการต่อหรือไม่จะมีขึ้นในภายหลัง แต่มาถึงขนาดนี้แล้วหลายคนก็คิดว่าจะต้องมีการออก CBDC มาในที่สุดอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ เพราะเทคโนโลยีพื้นฐานที่รองรับระบบการเงินโลกกำลังเปลี่ยนไปสู่ระบบ Blockchain Base ที่ประมวลผลได้ดีกว่าระบบเดิมหลายเท่า

📌 Christine Lagarde ประธานของ ECB กล่าวว่าแนวโน้มหลักคือการใช้เงินสดน้อยลงในระบบ และเปลี่ยนไปสู่การชำระเงินผ่านระบบดิจิทัลมากขึ้นอีก ซึ่งภาพในปัจจุบันเราก็ได้เห็นแนวโน้มนี้กันแล้ว เพราะแม้แต่คนไทยจำนวนมากก็หันมาใช้จ่ายผ่านการโอนหรือแสกน QR Code แทนการกดเงินสด เนื่องจากมีความสะดวกรวดเร็วมากกว่า และไม่จำเป็นต้องพกเงินไว้ในกระเป๋าจำนวนมาก ๆ อีกด้วย !

“มีจุดมุ่งหมายให้ปลอดภัย มีไว้เพื่ออำนาจอธิปไตย และตั้งใจให้พร้อมใช้งานสำหรับทุกคน ทุกที่ ทุกเวลา และในราคาที่ถูกที่สุดที่เป็นไปได้ อาจไม่มีค่าใช้จ่ายสำหรับฟังก์ชันพื้นฐานที่สุด” Lagarde กล่าวเสริมเกี่ยวกับ Digital Euro

อย่างไรก็ตาม สิ่งที่เราต้องยอมรับคือการเปลี่ยนไปสู่ Digital Euro จะทำให้หน่วยงานกำกับดูแลสามารถตรวจสอบหรือสอดส่องข้อมูลสำคัญได้ง่ายกว่าเดิมด้วย นั่นหมายความว่าความเป็นส่วนตัวของผู้ใช้งานจะลดลงเมื่อเทียบกับระบบธนบัตรสมัยก่อน

แต่คนส่วนใหญ่ ก็ไม่จำเป็นต้องกลัวเรื่องเหล่านี้ เพราะถ้าเราทำอาชีพสุจริตถูกกฎหมาย ไม่ได้ทำธุรกิจดำมืดหรือสีเทา และมีการเสียภาษีถูกต้อง เราก็ไม่จำเป็นต้องกลัวอะไรเลย ส่วนคนที่ประท้วงถึงประเด็นนี้ส่วนใหญ่ ก็น่าตั้งคำถามว่าพวกเขามีอะไรปิดบังอยู่หรือไม่ หรือว่าได้เงินมาอย่างผิดกฎหมาย ?


TRENDING
© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top