‘เพชรรัตน์ ก้าวไกล’ รุดช่วยชาวเชียงใหม่ประสบภัยพายุลูกเห็บ ย้ำ!! บทบาทท้องถิ่นสำคัญ สามารถช่วยปชช. ได้ทันท่วงที

‘พลอย เพชรรัตน์’ ก้าวไกลเชียงใหม่ เขต 1 เร่งประสานช่วยเหลือประชาชน หลังพายุลูกเห็บถล่ม พบ ต.ฟ้าฮ่าม เสียหายกว่า 6,000 หลังคาเรือน ชี้โดมความร้อนเป็นเหตุ ในอนาคตมีโอกาสเกิดซ้ำ ระยะยาวต้องสร้างระบบแจ้งเตือนล่วงหน้า ย้ำนโยบาย ‘ก้าวไกล’ หนุนกระจายอำนาจ เพิ่มงบท้องถิ่นรับมือสถานการณ์

(20 มี.ค.66) เพชรรัตน์ ใหม่ชมภู ว่าที่ผู้สมัคร ส.ส.เชียงใหม่ เขต 1 พรรคก้าวไกล ให้สัมภาษณ์กรณีเกิดวาตภัยสร้างความเสียหายในหลายพื้นที่ของ จ.เชียงใหม่ ว่าจากการลงพื้นที่ร่วมกับเดชรัต สุขกำเนิด ผู้อำนวยการศูนย์นโยบายเพื่ออนาคต (Think Forward Center) พบว่าความเสียหายเกิดขึ้นใน 2 ส่วนหลัก คือบ้านเรือนของประชาชน และเสาไฟฟ้าหักโค่น โดย ต.ฟ้าฮ่าม อ.เมือง เป็นหนึ่งในพื้นที่ที่เกิดความเสียหายมากที่สุด หมู่บ้านที่ประสบปัญหาหนัก ประกอบด้วยหมู่ 1,2,3, และ 5 บ้านเรือนเสียหายจนแทบอาศัยอยู่ในบ้านไม่ได้ และทั้งหมด 7 หมู่บ้านใน ต.ฟ้าฮ่าม เกิดความเสียหายกว่า 6,000 หลังคาเรือน

เพชรรัตน์ กล่าวถึงการช่วยเหลือประชาชนของหน่วยงานในท้องถิ่นว่า ตอนนี้ทางเทศบาลตำบลฟ้าฮ่ามได้ตั้งศูนย์ประสานงานชั่วคราว ยังคงรับบริจาคกระเบื้องมุงหลังคาเพื่อมอบให้พี่น้องในชุมชน รวมถึงน้ำดื่มสะอาด อาหารพร้อมทาน และเครื่องปั่นไฟชั่วคราวตามหมู่บ้าน เพื่อช่วยเหลือประชาชนเป็นการเฉพาะ ขณะที่พรรคก้าวไกลได้เร่งประสานงานระหว่างบุคคลทั่วไปที่ต้องการช่วยเหลือคนในพื้นที่ ระดมอาหาร เครื่องปั่นไฟ จัดส่งให้เทศบาลฯ

ว่าที่ผู้สมัคร ส.ส.เชียงใหม่ เขต 1 พรรคก้าวไกล กล่าวต่อว่า วาตภัยครั้งนี้รุนแรงมาก จากการสอบถามผู้สูงอายุในตำบล บางคนบอกว่าเกิดมา 90 กว่าปียังไม่เคยเจอ โดยสาเหตุมาจากปรากฏการณ์โดมความร้อน (heat dome) ขนาดใหญ่ที่ก่อตัวขึ้นในรัศมี ต.ฟ้าฮ่าม ซึ่งตามหลักวิชาการ เมื่อเกิดเหตุครั้งหนึ่งในพื้นที่ อนาคตก็มีโอกาสเกิดขึ้นอีก ในระยะยาวจึงจำเป็นต้องมีระบบแจ้งเตือนล่วงหน้า เช่น แอปพลิเคชัน หรือ SMS เพื่อให้ประชาชนเตรียมตัวรับมือ

นอกจากนี้ บทบาทท้องถิ่นมีความสำคัญมากในการช่วยเหลือประชาชน พรรคก้าวไกลมีนโยบายกระจายอำนาจ งบประมาณ และการจัดการให้ท้องถิ่น เพื่อสะดวกต่อการแก้ไขปัญหาที่ไม่ทันตั้งรับ ทำให้ท้องถิ่นช่วยเหลือคนในพื้นที่ได้ทันท่วงทีเพราะมีงบประมาณและอำนาจในการจัดสรรปันส่วนต่อการปรับปรุงและซ่อมแซม

เพชรรัตน์กล่าวอีกว่า เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นยิ่งทำให้ชาวเชียงใหม่ตระหนักถึงผลกระทบของภัยพิบัติทางธรรมชาติที่มีแนวโน้มรุนแรงและคาดการณ์ได้ยากขึ้น โดยเฉพาะในกลุ่มเยาวชนและผู้ประกอบการ เนื่องจากเศรษฐกิจของจังหวัดเชียงใหม่พึ่งพาการท่องเที่ยว หากยังมีมลพิษเช่น ฝุ่น PM 2.5 หรือเหตุการณ์ภัยพิบัติที่ไม่มีระบบแจ้งเตือนรองรับ ก็อาจทำให้นักท่องเที่ยวเกิดความลังเลในการเดินทางมาเที่ยว ซึ่งจะสร้างความเสียหายต่อเศรษฐกิจเชียงใหม่

ในระยะยาวจึงจำเป็นต้องมีมาตรการเพิ่มเติมเช่นที่พรรคก้าวไกลเสนอนโยบายเพื่อรับมือการเปลี่ยนแปลงของสภาพภูมิอากาศ ไม่ว่าจะเป็น เตือนภัยทั่วถึง ครอบคลุมทุกท้องถิ่น ศูนย์พักพิง-อพยพมีมาตรฐาน ท้องถิ่นมีอำนาจและงบประมาณ ชดเชยเป็นธรรมและทันควัน เป็นต้น