'เพื่อไทย' ขู่!! เตรียมเปิดเวทีนอกสภาฯ แก้เกมรัฐบาลไม่ร่วมองค์ประชุมล้มซักฟอก

‘เพื่อไทย’ แก้เกมรัฐบาล ทำองค์ประชุมล่ม หนีซักฟอก ขู่!! เปิดอภิปรายนอกสภาฯ เตรียม35 ขุนพลรอถล่ม พร้อมแฉ ‘ทุจริต-ธุรกิจสีเทา’ ย้อน!! ส.ว.สายแข็ง เคารพเสียงประชาชน ควรโหวตนายกฯ หากเพื่อไทยได้เสียงเกินครึ่ง

(13 ก.พ. 66) ที่พรรคเพื่อไทย คณะแกนนำพรรคเพื่อไทย ที่มีบทบาทต่อการอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐบาลโดยไม่ลงมติ ตามรัฐธรรมนูญมาตรา152 ตามที่มีการบรรจุญัตติกำหนดการอภิปรายวันที่ 15-16 ก.พ. ร่วมแถลงข่าวความคืบหน้าการเตรียมความพร้อม

นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว ส.ส.น่านและหัวหน้าพรรคเพื่อไทย กล่าวว่า การอภิปรายทั่วไปตามรัฐธรรมนูญมาตรา 152 โดยไม่มีการลงมติ วันที่ 15-16 ก.พ. ใช้เวลารวม 32 ชั่วโมง การอภิปรายครั้งนี้เป็นครั้งสุดท้ายในสมัยอายุของสภาผู้แทนราษฎรชุดที่ 25 ในญัตติโดยรวมจะสอบถามข้อเท็จจริง เสนอแนะแก้ปัญหาจากการบริหารราชการแผ่นดินของรัฐบาลพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ตามนโยบายที่แถลงไว้ต่อรัฐสภา โดยเฉพาะนโยบายเร่งด่วน 12 ประการ ซึ่งมีข้อเท็จจริงปรากฏว่า ไม่สามารถดำเนินการตามนโยบายได้ ซึ่งส่งผลกระทบต่อพี่น้องประชาชน รัฐบาลต้องตอบคำถามให้กับพี่น้องประชาชนในหลายเรื่องที่ไม่มีความชัดเจน เช่น กรณีธุรกิจสีเทา ภัยด้านดิจิทัลและเทคโนโลยี การทุจริตคอร์รัปชัน จะถูกหยิบยกขึ้นมา ขอตั้งชื่อการอภิปรายครั้งนี้ว่า ยุทธการกระชากหน้ากากคนดี มาจากที่สื่อมวลชนตั้งชื่อรัฐบาลหน้ากากคนดี เพื่อให้พี่น้องประชาชนได้รู้ว่า หน้ากากคนดีที่แท้จริงเป็นอย่างไร

นพ.ชลน่านกล่าวว่า สิ่งหนึ่งที่ได้รับรู้มาคือจะมีการปิดกั้นไม่ให้อภิปรายจากการที่ ส.ส.ฝ่ายรัฐบาลจะไม่เป็นองค์ประชุม ส่วนตัวเชื่อว่าจะไม่เกิดขึ้น เชื่อว่าฝ่ายนิติบัญญัติที่มีหน้าที่เป็นผู้แทนประชาชนจะไม่กระทำการใดที่เป็นการทำลาย แต่ถ้าเกิดขึ้นจริง พร้อมจะกำหนดวันอภิปรายนอกสภา ซึ่งจะเป็นผลเสียต่อรัฐบาลที่ไม่มีโอกาสตอบข้อเท็จจริง หากเกิดกรณีดังกล่าวจริงอาจถือเป็นการปิดกั้นไม่ให้มีการตรวจสอบ เป็นการฝ่าฝืนบทบัญญัติแห่งรัฐธรรมนูญ ฝ่ายกฎหมายของพรรคจะเตรียมพร้อมไว้ และจะเป็นประเด็นที่นำเสนอต่อพี่น้องประชาชนได้อย่างดียิ่ง โดยเฉพาะคนที่เสนอตัวเป็นแคนดิเดตนายกรัฐมนตรี แต่กลับไม่ทำตามบทบัญญัติแห่งรัฐธรรมนูญ

หัวหน้าพรรคเพื่อไทยยังกล่าวถึง ส.ว.บางคนแสดงความคิดเห็นว่าจะไม่เลือกแคนดิเคตนายกรัฐมนตรีจากพรรคเพื่อไทยว่า การให้ความเห็นเช่นนี้ถือว่าอาจสุ่มเสี่ยงต่อการละเมิดสิทธิของประชาชน พรรคเพื่อไทยพูดว่าต้องได้ 250 เสียงขึ้นไป เพราะเราจะยกตัวอย่างตัวเองให้มีจำนวนเท่ากับ ส.ว.เท่านั้น ไม่มีเจตนาอื่น เราจะได้ตัดสินใจบนพื้นฐานการเคารพเสียงของพี่น้องประชาชน เชื่อว่าถ้าชนะ 250 เสียง จะเป็นอาณัติของพี่น้องประชาชน เช่นเดียวกันกับ ส.ว.ที่เป็นผู้แทนปวงชนชาวไทย ก็หวังว่าท่านจะเคารพเช่นกัน

นายสุทิน คลังแสง ส.ส.มหาสารคาม พรรคเพื่อไทย ในฐานะประธานวิปฝ่ายค้าน กล่าวว่า การอภิปรายครั้งนี้จะเป็นการสรุปรวบยอด ตรวจข้อสอบไฟนอล ให้คะแนนรัฐบาล และส่งให้ประชาชนดู ดูจากนโยบายที่แถลงต่อสภาไว้ สิ่งที่พูดแล้วไม่ทำ ทำไม่ได้ หรือทำตรงกันข้าม รวมถึงแนะนำถึงช่วงเวลาที่เหลือและสมัยหน้าควรทำอย่างไร รัฐบาลชุดนี้ย้ำว่าเข้ามาปราบปรามทุจริต มีรัฐธรรมนูญปราบโกง แต่เราจะชี้ให้เห็นว่า สถานการณ์การโกงที่เกิดขึ้นถูกจัดอันดับไว้อย่างไร หรือการอ้างเรื่องความมั่นคง แต่กลับมาปราบทุกคนที่เป็นศัตรูการเมือง ซึ่งแท้จริงแล้วรัฐบาลคือผู้ทำลายความมั่นคงของรัฐบาลเอง วันนี้ความมั่นคงในบริบทใหม่ของโลกไม่ใช่การซื้ออาวุธ แต่เป็นความมั่นคงที่รัฐบาลรู้ไม่ทัน รวมถึงการกล่าวอ้างเทิดทูนสถาบัน แท้ที่จริงเป็นแนวร่วมมุมกลับ ที่สำคัญที่สุด ถ้าอภิปรายจบจะเห็นถึงภูมิปัญญารัฐบาลที่ตามไม่ทันภัยคุกคามใหม่ เศรษฐกิจใหม่ ประโยชน์ที่จะเกิดขึ้นคือการเลือกตั้งครั้งหน้า ประชาชนจะถามได้ว่าจะทำได้จริงหรือไม่ และทำไมจึงไม่ทำในสมัยที่เป็นรัฐบาล

ส่วนการล้มองค์ประชุมนั้น หากเกิดขึ้น จะเป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์การเมืองไทย ที่รัฐบาลนี้ได้ข้อหาหนีการตรวจสอบ ปิดกั้นการรับรู้ของประชาชน เบื้องต้น ถ้าสภาล่มในสัปดาห์นี้ จะมีนัดในสัปดาห์ถัดไป แต่ถ้าปิดสมัยประชุมวันที่ 28 ก.พ. พรรคฝ่ายค้านเตรียมอภิปรายนอกสภาทันที

สำหรับประเด็น ส.ว.ออกมาแสดงควสมเห็นไม่เลือกแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีของพรรคเพื่อไทยนั้น นายสุทิน กล่าวว่า หากพิจารณาที่มาของ ส.ว.แล้ว ไม่ใช่เรื่องแปลกที่จะไม่เลือก เพราะเขาต้องช่วยเหลือสนับสนุนปกป้องคนแต่งตั้งพวกเขาก่อน คือ พลเอกประยุทธ์ และพลเอกประวิตร เท่านั้น

นายจุลพันธ์ อมรวิวัฒน์ ส.ส.เชียงใหม่ พรรคเพื่อไทย กล่าวว่า พรรคร่วมฝ่ายค้านมีความพร้อมมาก เพราะได้ยื่นญัตตินี้ตั้งแต่ปลายเดือนธันวาคม 2565 เตรียมตัวมาระยะหนึ่งแล้ว ฝ่ายค้านได้เวลา 12 ชั่วโมงต่อวัน รัฐบาล 3 ชั่วโมง รัฐบาลประสงค์ที่จะไม่ให้มีการอภิปรายยืดเยื้อ จึงขอเวลาเท่านี้ เรามีผู้อภิปรายรวม 35 คน ตลอด 2 วัน เปิดการอภิปรายและเข้าญัตติโดย นพ.ชลน่าน ตามด้วยหัวหน้าพรรคร่วมฝ่ายค้านหรือผู้ใช้สิทธิ์หัวหน้าพรรค 5-6 คน จึงเข้าเนื้อหา แบ่งเป็น กลุ่มปัญหาเศรษฐกิจ กลุ่มปัญหาสังคม ยาเสพติด และกลุ่มการเมือง ที่มีกลไกบิดเบี้ยว สถานการณ์ไม่ปกติ และกลุ่มสุดท้ายคือการทุจริต การอภิปรายจะจบประมาณเที่ยงคืนของวันที่ 16 กุมภาพันธ์ 2566 โดยนายสุทินจะเป็นผู้ปิดการอภิปราย


ที่มา: https://www.thaipost.net/politics-news/322971/