'บิ๊กป้อม' เรียกคุย 'สี่กุมาร' หวนคืน พปชร. นี่แหละการเมือง 'ไม่มีมิตรแท้-ศัตรูถาวร'

พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ หัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ เชิญ อุตตม สาวนายน หัวหน้าพรรคสร้างอนาคตไทย และ สนธิรัตน์ สนธิจิระวงค์ เลขาธิการพรรคสร้างอนาคตไทย มาร่วมพูดคุยที่ร้านอาหารหรู ในโรงแรมพูลแมน ซอยรางน้ำ โดยมี พล.อ.วิชญ์ เทพหัสดิน ณ อยุธยา ที่ละทิ้งพรรคของตนเองมาร่วมกับพรรคพลังประชารัฐ รับตำแหน่งที่ปรึกษาหัวหน้าพรรคร่วมวงด้วย

นี่ไม่ใช่เป็นการนัดทานข้าว แต่เป็นการนัดคุยเรื่องดึงสองคนนี้กลับมาร่วมงานกับพรรคพลังประชารัฐ (กลับบ้านเก่า) ซึ่งเป็นการพูดคุยหลังจากที่คุยกันมาบ้างแล้วเมื่อวันที่ 26 มกราคมที่ผ่านมา แต่เป็นการคุยผ่านคนอื่น 

การคุยผ่านคนอื่น สมคิด จาตุศรีพิทักษ์ ประธานพรรคสร้างอนาคตไทย ตอบยินดีเข้าร่วมในรูปแบบ “ลาออก” จากพรรคเดิมแล้วมาสังกัดพรรคใหม่ แปลความได้ว่าพรรคเก่าก็ยังอยู่ ส่วนอุตตม กับ สนธิรัตน์ ยังไม่ตอบรับ จึงต้องให้ พล.อ.ประวิตรมาคุยเอง

ข่าวว่าการพูดคุยเป็นไปด้วยดี แต่ พล.อ.ประวิตรต้องการให้เกิดขึ้นโดยเร็ว ภายในสัปดาห์หน้าจะต้องมีการแถลงข่าวเปิดตัวอย่างเป็นทางการ โดยอุตตมจะได้รับมอบหมายให้ดูแลภารกิจด้านเศรษฐกิจของพรรค ส่วนสนธิรัตน์ จะดูแลงานด้านการเมือง

คงจำกันได้ว่า ทั้งอุตตม และสนธิรัตน์ คือผู้ร่วมก่อตั้งพรรคพลังประชารัฐมาด้วยกัน จับมือแน่นกับ สมคิด จาตุศรีพิทักษ์, สุวิทย์ เมษินทรีย์ และกอบศักดิ์ ภูตระกูล โดยทั้งหมดรับตำแหน่งรัฐมนตรีเป็นเครื่องบรรณาการ แต่เมื่อถึงเวลากลุ่มทุนของพรรค ก็จับมือกันถีบไสไล่ส่งทีมสี่กุมารอย่างไม่ปรานีปราศรัย และไร้ซึ่งน้ำใจ แบบกระบี่ไร้น้ำใจ จนทั้ง 5 ต้องกระเด็นพ้นตำแหน่งรัฐมนตรี ขณะที่กลุ่มทุนพรรคทุกวันนี้ก็ยังอยู่

สมคิด, อุตตม และสนธิรัตน์ จับมือกันจัดตั้งพรรคสร้างอนาคตไทย โดยมีสมคิดเป็นประธานพรรค มีอุตตม เป็นหัวหน้าพรรค และสนธิรัตน์เป็นเลขาธิการพรรค ส่วนอีกสองกุมาร สุวิทย์, วีระศักดิ์ ไม่กลับเข้าสู่วงการการเมือง ย้อนกลับไปทำอาชีพเดิม

แนวทางของสร้างอนาคตไทย ส่อว่าจะเดินไปยากกับรัฐธรรมนูญใหม่ บัตรสองใบ และสูตรหาร 100 ประกอบกับกระแสก็สร้างไม่ขึ้น ข่าวการรวมพรรคกับพรรคไทยสร้างไทย ของ สุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ จึงเกิดขึ้นต่อเนื่อง มีการนัดเจรจากันหลายรอบ แต่ยังไม่ลงตัวเรื่องตำแหน่ง เรื่องผู้สมัครที่ทับซ้อนกัน รวมถึงกลุ่มทุนสนับสนุน

เมื่อจะเดินไปข้างหน้า ก็เห็นแต่ป่ารกทึบ ถนนก็ขรุขระ แกนนำของสร้างอนาคตไทยก็ต้องหาทางออก จึงเปิดดีลกับ สุวัจน์ ลิปตพัลลภ ประธานที่ปรึกษาพรรคชาติพัฒนากล้า ที่มีกรณ์ จาติกวณิช ทิ้งพรรคกล้ามารับเป็นหัวหน้าพรรค ซึ่งดีลนี้ก็มีปัญหาคล้ายๆ กับดีลไทยสร้างไทย จึงยังไม่มีข้อยุติใดๆ 

ครั้นกับการเมืองที่เดินมาใกล้เลือกตั้งเต็มทีแล้ว ด้านพรรคพลังประชารัฐก็ยังจัดทัพไม่ลงตัว หลัง พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ถอนสมอออกไปร่วมกับพรรครวมไทยสร้างชาติ และมีคนส่วนหนึ่งไหลไปกับ พล.อ.ประยุทธ์ด้วยนั้น

ดีลใหม่กับทีมสี่กุมารจึงเกิดขึ้นในสมองของ พล.อ.ประวิตร และเริ่มเป็นรูปธรรมมากขึ้น จนถึงขั้น 'บิ๊กป้อม' ต้องมานั่งพูดคุยเอง 

แม้ดูโดยภาพรวมการเจรจาจะราบรื่น แต่เชื่อว่าแผลที่กลัดหนองในใจของทีมสี่กุมาร ยังมีอยู่ และเจ็บลึก ยังไม่รู้ว่าจะร่วมภารกิจไปได้แค่ไหน เมื่อกลุ่มทุนพรรคที่รวมหัวกันถีบกลุ่มสี่กุมารออกไปจากพรรค และพ้นตำแหน่งรัฐมนตรียังลอยหน้าลอยตาอยู่ในพรรค หรือว่านี้คือ “การเมืองไม่มีมิตรแท้ และศัตรูถาวร” จริงๆ 

แต่เมื่อทีมสี่กุมาร ก็ยากที่จะเดินไปข้างหน้า เดินไปก็มีแต่จะเข้ารกเข้าพง การมาเดินบนถนนคอนกรีตจึงน่าจะดีกว่า

ทว่าการทิ้งพรรคและพวกที่จัดตั้งไว้แล้ว วางตัวไว้แล้ว ในทางการเมือง ก็เป็นเรื่องที่ต้องคิดหนักเหมือนกัน