ก้าวไกล เปิดแชตลับ สองแถวเสม็ดจ่ายส่วยคันละ 16,000 ตั้งข้อสังเกต เชื่อมโยงส่วยอธิบดีกรมอุทยานฯ ด้วยหรือไม่

ว่าที่ผู้สมัคร ส.ส. ระยอง ก้าวไกล เปิดหลักฐานแชตไลน์ชมรมรถโดยสารเกาะเสม็ด ยืนยัน ‘ส่วยเกาะเสม็ด’ รถสองแถวมีอยู่จริง ชี้ต้องจ่ายถึงคันละ 16,000 บาท เข้ากระเป๋าใคร ตั้งข้อสังเกต เชื่อมโยงส่วยอธิบดีกรมอุทยานฯ ด้วยหรือไม่ เผยเตรียมหอบหลักฐานส่งพรรคก้าวไกล ใช้กลไกสภาฯ ตรวจสอบต่อ 

(23 ม.ค.66) กฤช ศิลปชัย ว่าที่ผู้สมัคร ส.ส.ระยอง พรรคก้าวไกล เปิดเผยถึงกรณีข้อสงสัยว่าอุทยานแห่งชาติเขาแหลมหญ้าเกาะเสม็ด อาจเรียกรับผลประโยชน์จากผู้ประกอบการรถโดยสารรับจ้างในจังหวัดระยอง แลกกับการอนุญาตให้สามารถวิ่งรับส่งนักท่องเที่ยวในบริเวณอุทยานแห่งชาติเขาแหลมหญ้าเกาะเสม็ด ว่าจากที่ตนและทีมงานได้ไปติดตามหาข้อเท็จจริงในกรณีดังกล่าว ที่มีการร้องเรียนว่ามีการเรียกเก็บเงินจากผู้ประกอบการรถโดยสารรับจ้างบนเกาะเสม็ดถึงคันละ 16,000 บาท เป็นจำนวนกว่า 60 คัน คิดเป็นเงินรวมกันกว่า 9 แสนบาท สามารถยืนยันได้ว่ามีการเรียกรับเงินในจำนวนดังกล่าวเกิดขึ้นจริง โดยมีหลักฐานเป็นข้อความพูดคุยผ่านแอปพลิเคชันไลน์ของกลุ่มชมรมรถแท็กซี่เกาะเสม็ด ซึ่งหนึ่งในสมาชิกกลุ่มได้โพสต์ข้อความ ว่าให้สมาชิกโอนเงินเข้าบัญชีธนาคารออมสินสาขาเพ ที่เปิดร่วมกันโดยบุคคลสองคน ภายในวันที่ 11 ธันวาคม 2565 แล้วจึงแจ้งสลิปพร้อมหมายเลขรถให้ทราบหลังโอนเงินเสร็จ

กฤช กล่าวต่อไปว่า หลังจากนั้นจึงมีการโอนเงินพร้อมแจ้งสลิปจากผู้ประกอบการรถทุกคันเข้าไปยังบัญชีดังกล่าว เป็นจำนวนรายละ 11,000 บาท ซึ่งจะนำไปรวมกับเงินกองทุนที่สมาชิกจ่ายสมทบกันไว้ มาสมทบออกให้อีกคันละ 5,000 บาท รวมแล้วเป็นเงินที่ต้องจ่ายคันละ 16,000 บาท ตรงตามข้อมูลที่มีการเปิดเผยออกมาก่อนหน้านี้ โดยหลังจากโอนเงินแล้ว ผู้ประกอบการรถโดยสารรับจ้างแต่ละคันก็จะได้รับสติ๊กเกอร์แผ่นหนึ่ง ระบุข้อความว่า...

‘ชมรมรถโดยสารเกาะเสม็ด อนุญาตนำเที่ยวอุทยานแห่งชาติเขาแหลมหญ้าหมู่เกาะเสม็ด’ พร้อมหมายเลขรถ ซึ่งรถโดยสารรับจ้างบนเกาะเสม็ดจะมีสติ๊กเกอร์ดังกล่าวแปะอยู่ทุกคัน และยังมีการส่งข้อความเป็นภาพเงินสดจำนวนมากที่ถูกถอนออกมาจากธนาคาร เตรียมใส่ในซองเอกสารสีน้ำตาล เพื่อจะนำไปส่งมอบให้กับบุคคลคนหนึ่ง ซึ่งกรณีนี้เป็นที่น่าสังเกต ว่าการส่งข้อความนี้เกิดขึ้นในวันที่ 11 ธันวาคม 2565 ซึ่งเป็นช่วงที่ใกล้เคียงกับก่อนที่จะมีการจับกุมอธิบดีกรมอุทยานแห่งชาติฯ พร้อมของกลางเป็นเงินสดใส่ซองเอกสารวางอยู่บนโต๊ะในห้องทำงาน สังเกตได้ว่ามีความคล้ายคลึงกับภาพซองใส่เงินที่ปรากฎในไลน์กลุ่มรถโดยสารเกาะเสม็ดดังกล่าวมาก จนตนอดสงสัยไม่ได้ว่ากรณีของส่วยเกาะเสม็ดมีความเกี่ยวข้องกับการเรียกรับผลประโยชน์ของอธิบดีกรมอุทยานแห่งชาติฯ ด้วยหรือไม่

กฤช ยังกล่าวต่อไปว่า เมื่อปรากฏข่าวส่วยเกาะเสม็ดขึ้นมา ทางอุทยานแห่งชาติเขาแหลมหญ้าเกาะเสม็ด ก็ได้ออกมาแถลงข่าวปฏิเสธว่าไม่มีกรณีดังดล่าวเกิดขึ้น แต่ก็เป็นเรื่องที่ย้อนแย้งกับสิ่งที่ตามมา ที่ผู้ว่าราชการจังหวัดระยองมีคำสั่งตั้งคณะกรรมการสอบสวนข้อเท็จจริง กำหนดให้แล้วเสร็จภายใน 15 วัน ทั้งนี้ จากหลักฐานที่ตนได้รับ และจากการสอบถามผู้ประกอบการในพื้นที่ น่าจะพอยืนยันได้แล้วว่าเกิดการจ่ายเงินขึ้นจริง แต่จะจ่ายไปที่บุคคลใด ยังคงเป็นเรื่องที่ต้องติดตามแสวงหาข้อเท็จจริงต่อไป เบื้องต้นตนมีข้อมูลอยู่ในระดับหนึ่งแล้วว่าเงินจำนวนดังกล่าวถูกส่งมอบไปให้บุคคลใด แต่ยังต้องรอหลักฐานเพิ่มเติมมาก่อนจึงจะเปิดเผยได้ ซึ่งตนจะติดตามเรื่องนี้ต่อไปอย่างใกล้ชิด

กฤช กล่าวว่า ต้องขอฝากไปถึงผู้มีอำนาจในบ้านเมือง ทั้งผู้ว่าราชการจังหวัดระยอง และ วราวุธ ศิลปอาชา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม รวมถึงรัฐบาล ว่าปล่อยให้มีเหตุการณ์แบบนี้เกิดขึ้นได้อย่างไร เพราะเรื่องแบบนี้อธิบดีกรมอุทยานแห่งชาติฯ ไม่สามารถทำเพียงลำพังได้แน่นอน และยังเป็นที่น่าสังเกตด้วยว่า ทั้งที่เกิดเรื่องอื้อฉาวขนาดนี้ อธิบดีกรมอุทยานฯ ไม่ได้ถูกพักราชการ เพียงถูกสั่งย้ายไปช่วยราชการสำนักนายกรัฐมนตรีเท่านั้น แปลว่ามีบุคคลที่มีอำนาจสูงขึ้นไปหนุนหลังอยู่ด้วยหรือไม่

“นี่เป็นเรื่องที่ไม่ควรจะเกิด ตั้งแต่ยุค คสช. ยึดอำนาจบริหารบ้านเมืองสืบต่อมาถึงยุครัฐบาลทหารจำแลง ประเทศเราเต็มไปด้วยมาเฟีย ทั้งรูปแบบทุนสีเทา ทุนการพนัน หรือแม้แต่ข้าราชการเจ้าหน้าที่ที่มีการเรียกรับผลประโยชน์ต่าง ๆ อย่างกรณีเกาะเสม็ด เคยแปลกใจกันไหมว่าทำไมข้าวของ ค่าห้องพัก ค่ารถโดยสารบนเกาะเสม็ดถึงแพงขนาดนี้ นั่นเป็นเพราะการเรียกเก็บเงินพวกนี้หรือไม่ และยังมีเรื่องที่ไม่เป็นข่าวอีกเท่าไร จะปล่อยให้เป็นแบบนี้อีกต่อไปไม่ได้แล้ว ประชาชนและนักท่องเที่ยวเดือดร้อนกันถ้วนหน้า” กฤชกล่าว

กฤชเปิดเผยด้วยว่า หลังจากกรณีดังกล่าวเกิดขึ้น มีเจ้าหน้าที่จำนวนหนึ่งเข้าไปข่มขู่ประชาชนที่ให้ข้อมูลนี้ต่อสื่อมวลชน และยังมีการนำเอกสารบางอย่างมาให้ประชาชนลงนามด้วย ซึ่งตนได้รับหลักฐานการข่มขู่ของเจ้าหน้าที่มาแล้ว หลังจากนี้จะเข้าหารือกรณีส่วยเกาะเสม็ดกับพรรคก้าวไกล ที่สภาผู้แทนราษฎร พร้อมมอบหลักฐานทุกชิ้นให้พรรคนำไปดำเนินการต่อผ่านกลไกสภาผู้แทนฯ ต่อไป และหากประชาชนคนใดที่ถูกเจ้าหน้าที่ข่มขู่รังแกจากกรณีดังกล่าว สามารถแจ้งมาที่ตนได้ทันที