‘เพื่อไทย’ สับ ‘สนธิญา’ จ้องร้องเอาผิดยุบพรรค เตรียมส่งทีมกฎหมาย ร้อง กกต.เอาผิดคืน

‘ชุมสาย’ สับ ‘สนธิญา’ สิ่งน่ารำคาญทางการเมือง มโนร้องจ้องยุบ พท. เตือนร้องเท็จมีโทษหนัก ระวังโดนอาญากลับ จ่อร้อง กกต.เอาผิดนักร้องมั่ว 

(28 ธ.ค.65) นายชุมสาย ศรียาภัย รองเลขาธิการพรรคเพื่อไทย (พท.) กล่าวกรณีที่นายสนธิญา สวัสดี ยื่นคำร้องต่อคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) เพื่อขอให้ยุบพรรค พท. เหตุที่ น.ส.แพทองธาร ชินวัตร หัวหน้าครอบครัวเพื่อไทย เดินทางไปพบ นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯ ผู้เป็นบิดาที่ฮ่องกง โดยกล่าวหาว่าเป็นความผิดตาม พ.ร.ป.พรรคการเมืองมาตรา 44,45,28,29 มีโทษตามมาตรา92 (3) (4) ว่า ตนยังไม่เห็นคำร้องของนายสนธิญา แต่หากดูประเด็นจากสื่อเห็นว่าไม่มีมูลอันจะเป็นความผิดได้ตามที่กล่าวอ้าง ไม่มีข้อเท็จจริง ไร้แก่นสารสาระ ไม่มีพยานหลักฐานและพฤติการณ์ใด ๆ ที่จะชี้ว่าเป็นความผิด แต่เป็นการใช้จินตนาการหาเหตุยื่นยุบพรรคโดยมิชอบมากกว่า เชื่อว่าเรื่องนี้ กกต.คงไม่เห็นพ้องด้วย พรรค เพื่อไทยไม่ได้หวั่นไหวต่อเรื่องนี้แต่อย่างใด เพราะพรรคดำเนินกิจกรรมทางการเมืองภายใต้บทบัญญัติของรัฐธรรมนูญ ระเบียบและกฎหมายทุกประการ และไม่ได้กระทำความผิดตามที่กล่าวอ้าง นายสนธิญาไม่ควรทำตัวเป็นสิ่งน่ารำคาญทางการเมือง

นายชุมสาย กล่าวต่อว่า การกระทำดังกล่าวของนายสนธิญา น่าจะเข้าข่ายเป็นการกล่าวหาพรรคการเมืองหรือบุคคลใดว่ากระทำความผิดตาม พ.ร.ป.พรรคการเมืองต่อ กกต.โดยรู้อยู่ว่าเป็นความเท็จ มีโทษจำคุกไม่เกิน 5 ปี ปรับไม่เกิน 100,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ และให้ศาลสั่งเพิกถอนสิทธิสมัครรับเลือกตั้ง หากมีข้อเท็จจริงและพยานหลักฐานเพิ่มเติมว่าพรรคการเมืองใดมีส่วนรู้เห็นก็จะมีโทษเป็นสองเท่า โดย กกต.มีอำนาจสั่งยุบพรรคและเพิกถอนสิทธิสมัครรับเลือกตั้งของหัวหน้าพรรคและกรรมการบริหารพรรคนั้นได้ตาม พ.ร.ป.พรรคการเมืองมาตรา 101 ซึ่ง กกต.ต้องจัดการตามอำนาจหน้าที่ในเรื่องนี้ ทั้งนี้ ฝ่ายกฎหมายของพรรค พท.จะเข้ายื่น กกต.ให้ตรวจสอบการกระทำของนายสนธิญาในวันที่ 29 ธ.ค. เวลา 10.00 น. ที่ สำนักงาน กกต.
 

นายชุมสาย กล่าวอีกว่า การเดินทางไปพบนายทักษิณผู้เป็นบิดาของ น.ส.แพทองธาร ไม่ได้เป็นการกระทำผิดใด ๆ ถือเป็นเรื่องปกติของปุถุชนที่จะได้ไปพบปะเยี่ยมเยียนคนในครอบครัว นายทักษิณไม่ได้ครอบงำและไม่ผิดตามมาตรา 28,29 ตามที่นายสนธิญากล่าวหา จึงไม่เข้าใจว่าเหตุใดนายสนธิญาจึงร้อง กกต.ในเรื่องดังกล่าว ถึงแม้นายสนธิญาหรือฝ่ายตรงข้ามจะมีความพยายามโจมตี น.ส.แพทองธาร หรือพรรคเพื่อไทยอย่างไร ก็ไม่อาจทำลายความเชื่อมั่นศรัทธาที่พี่น้องประชาชนมีต่อพรรคเพื่อไทยรวมถึงความนิยมที่พี่น้องประชาชนมีต่อ น.ส.แพทองธารได้ ยิ่งมีผู้โจมตีใส่ร้ายเท่าไหร่ ก็จะยิ่งเพิ่มคะแนนความนิยมให้กับพรรคมากขึ้นเท่านั้น เพราะมีผู้ที่จงใจใส่ร้ายทางการเมืองทั้งที่พรรคไม่ได้กระทำการใด ๆ 

“เรื่องที่นายสนธิญาร้องเรียนไม่แน่ใจว่าเป็นเรื่องการโจมตีใส่ร้าย มีวาระซ่อนเร้นทางการเมืองหรือไม่ เพราะนายสนธิญาใกล้ชิดสนิทสนมกับนายเสกสกล อัตถาวงศ์ อดีตผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำนายกฯ หรือแรมโบ้ ที่ยกย่องเชิดชูพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯ สุดหัวใจ หากนายสนธิญาอยากทำงานการเมือง ควรมุ่งหน้าทำประโยชน์ให้พี่น้องประชาชน ดีกว่าใช้เวลาไปกับการร้องเรียนไปเรื่อยๆ แบบนี้ ระวังการกระทำนี้จะนำโทษทางอาญากับผู้ร้อง” นายชุมสาย กล่าว