รัฐบาลจีนผ่อนคลายมาตรการคุมเข้มโควิดทั่วประเทศ ผู้ติดเชื้อกักตัวที่บ้านได้ ไม่ต้องไปสถานกักกัน
ทางการจีนประกาศผ่อนคลายมาตรการคุมเข้มโควิด-19 ทั่วประเทศเมื่อวันที่ 7 ธันวาคม โดยยกเลิกข้อกำหนดที่ให้ผู้ติดเชื้อทั้งหมดจะต้องแยกกักตัวอยู่ในสถานที่ส่วนกลาง ซึ่งหมายถึงผู้ติดโควิด-19 ที่ไม่แสดงอาการหรือมีอาการไม่รุนแรงสามารถกักตัวที่บ้านของตนเองได้ และให้รายงานผลด้วยตนเอง
คณะกรรมการสุขภาพแห่งชาติของจีนยังประกาศลดความถี่และขอบเขตของการตรวจ PCR เพื่อหาเชื้อสำหรับการใช้พื้นที่สาธารณะส่วนใหญ่ลงอีกด้วย ยกเว้นในโรงพยาบาลและโรงเรียนที่ยังต้องให้มีการตรวจหาเชื้อต่อไป
คณะกรรมการฯ ยังประกาศผ่อนคลายกฎระเบียบใหม่ อาทิ ควรใช้ข้อจำกัดอย่างการล็อกดาวน์แบบชี้เป้าพื้นที่ให้ชัดเจนมากขึ้น อย่างการกำหนดอาคาร ยูนิต และชั้นบางชั้น แทนที่จะล็อกดาวน์ทั้งเขตหรือทั้งเมือง
นอกจากนี้ในพื้นที่ที่มีความเสี่ยงสูงควรยกเลิกมาตรการล็อกดาวน์ภายใน 5 วันหากไม่พบผู้ป่วยรายใหม่ ขณะที่โรงเรียนสามารถเปิดทำการต่อไปได้หากไม่มีการแพร่ระบาดในวงกว้าง, ห้ามปิดกั้นทางออกหรือทางหนีไฟอย่างเข้มงวดโดยมาตรการควบคุมการแพร่ระบาด และประชาชนต้องสามารถเข้าถึงการรักษาทางการแพทย์ได้ในกรณีฉุกเฉิน
เจ้าหน้าที่สาธารณสุขยังเน้นย้ำถึงความจำเป็นเร่งด่วนในการฉีดวัคซีนให้กับผู้สูงอายุ โดยมีการออกแถลงการณ์ให้ทุกท้องที่มุ่งปรับปรุงอัตราการฉีดวัคซีนให้ผู้ที่มีอายุ 60-79 ปี และเร่งอัตราการฉีดวัคซีนให้กับผู้มีอายุ 80 ปีขึ้นไป
ถือเป็นสัญญานที่ชัดเจนว่าจีนกำลังผ่อนคลายนโยบายโควิดเป็นศูนย์ และหาทางอยู่ร่วมกับไวรัสเช่นเดียวกับประเทศอื่น ๆ ในโลก หลังเพิ่งเผชิญกับการประท้วงครั้งใหญ่ที่ยากจะเกิดขึ้นเนื่องจากความไม่พอใจต่อนโยบายคุมเข้ม โดยผู้ประท้วงบางคนถึงกับมีการเรียกร้องให้ประธานาธิบดีสี จิ้นผิง ลาออก
สำหรับการประกาศผ่อนคลายมาตรการคุมเข้มโควิดของจีนมีขึ้นขณะที่ตัวเลขผู้ติดเชื้อรายวันในประเทศล่าสุดอยู่ที่ 25,321 คน ซึ่งในจำนวนนี้เป็นผู้ป่วยที่แสดงอาการ 4,409 คน และไม่แสดงอาการ 20,912 คน