ผลสำรวจชี้ ‘คนจีนเกินครึ่ง’ ยังเบรกเที่ยวนอก แม้จะ ‘เปิดพรมแดน’ ให้ในวันพรุ่งนี้ก็ตาม

ผลการศึกษาล่าสุดชี้คนจีน ‘เกินครึ่ง’ ยังไม่มีแผนเดินทางออกไปท่องเที่ยวต่างประเทศ ไม่ว่าจะเป็นช่วงไม่กี่เดือนข้างหน้า จนกระทั่งถึง 1 ปีขึ้นไป หรือต่อให้รัฐบาลจีนมีการเปิดประเทศในวันพรุ่งนี้ก็ตามที

รอยเตอร์ - จีนเป็นประเทศที่ยังคงมาตรการควบคุมโควิด-19 เข้มงวดเป็นอันดับต้น ๆ ของโลก ทั้งในแง่ของการตรวจ PCR และการกักตัวผู้เดินทางจากต่างประเทศ แม้กระแสประท้วงคำสั่งล็อกดาวน์และนโยบาย ‘โควิดเป็นศูนย์’ จะทำให้ภาครัฐต้องยอมผ่อนคลายข้อจำกัดในประเทศลงบ้างก็ตาม

ผลการศึกษา China Consumption Recovery ซึ่งสรุปจากการสำรวจความคิดเห็นผู้บริโภคชาวจีน 4,000 คน โดยบริษัทที่ปรึกษา Oliver Wyman พบว่า สาเหตุอันดับ 1 ที่ทำให้คนจีนหลีกเลี่ยงการท่องเที่ยวต่างประเทศในช่วงนี้ก็คือ ‘กลัวติดโควิด-19’ รองลงมือคือ กังวลว่ารัฐบาลจีนอาจจะปรับเปลี่ยนกฎสำหรับผู้เดินทางเข้าประเทศเมื่อไหร่ก็ได้

“คนจีนระมัดระวังตัวกันมากขึ้น” อิมเค วูเตอร์ส (Imke Wouters) หุ้นส่วนฝ่ายค้าปลีกและสินค้าโภคภัณฑ์ของ Oliver Wyman ให้ความเห็น “ดังนั้นต่อให้พวกเขาสามารถออกนอกประเทศได้ เราเชื่อว่านักท่องเที่ยวจีนก็จะยังไม่กลับมาในทันที”

ชาวจีนผู้ตอบแบบสอบถาม 51% ระบุว่า พวกเขาจะเลื่อนแผนท่องเที่ยวต่างประเทศออกไปก่อน และหากจะเดินทางก็คงเลือกจุดหมายปลายทางใกล้ ๆ บ้านเป็นอันดับแรก ตัวอย่างเช่น ‘ฮ่องกง’ ซึ่งคนจีน 34% บอกว่าเป็นสถานที่แรกที่พวกเขาอยากไปหลังจากที่มีการเปิดพรมแดน

ผลสำรวจความคิดเห็นนี้จัดทำเมื่อช่วงปลายเดือน ต.ค. หลังจากที่มีการประชุมสมัชชาใหญ่พรรคคอมมิวนิสต์จีน ครั้งที่ 20 ที่กรุงปักกิ่ง ซึ่งมีการรับรองตำแหน่งผู้นำจีนสมัยที่ 3 ให้แก่ประธานาธิบดี สี จิ้นผิง ท่ามกลางความคาดหมายในขณะนั้นว่ารัฐบาลปักกิ่งคงจะเร่งเปิดประเทศและฟื้นฟูเศรษฐกิจหลังโควิด-19

จีนเคยเป็นตลาดส่งออกนักท่องเที่ยวอันดับ 1 ของโลก ทว่าจำนวนนักท่องเที่ยวจีนที่เคยใช้จ่ายเงินมากถึง 127,500 ล้านดอลลาร์สหรัฐในปี 2019 แทบจะลดลงเป็นศูนย์ หลังจากที่รัฐบาลจีนประกาศปิดพรมแดนเมื่อช่วงต้นปี 2020 และห้ามพลเมืองเดินทางออกนอกประเทศโดยไม่มีสาเหตุจำเป็น

การที่ผู้นำปักกิ่งยึดนโยบายโควิดเป็นศูนย์อย่างเข้มงวดส่งผลบั่นทอนเศรษฐกิจจีนเองอยู่ไม่น้อย และคาดกันว่ารัฐบาลน่าจะมีการปรับนโยบายเร็ว ๆ นี้ แต่นักวิเคราะห์ก็เตือนว่าการเปิดประเทศจีนจะเป็นขั้นตอนที่ยุ่งยากซับซ้อนพอสมควร

ผู้บริหารภาคธุรกิจจีน 83% ให้คำตอบในงานวิจัยนี้ว่า ‘การฟื้นความเชื่อมั่นของผู้บริโภคยังเป็นหนทางที่ยาวไกล’ สำหรับจีน และคาดว่าธุรกิจในจีนแผ่นดินใหญ่จะยังคงได้รับผลกระทบต่อเนื่องไปจนถึงปีหน้า

แม้ความเชื่อมั่นของผู้บริโภคจีนจะลดลงสืบเนื่องจากมาตรการล็อกดาวน์และความไม่แน่นอนทางเศรษฐกิจ แต่ วูเตอร์ส มองว่าคนจีนยังคงมีความกระตือรือร้นที่จะใช้จ่ายมากขึ้นในปีหน้าหากสถานการณ์ในประเทศดีขึ้น

ชาวจีนผู้ตอบแบบสอบถาม 44% ระบุว่า พวกเขามี ‘เงินออม’ มากขึ้น และนั่นคือเหตุผลหลักที่พวกเขาพร้อมจะจับจ่ายซื้อสินค้ามากขึ้นในปีหน้า ขณะที่ผลการศึกษายังพบว่าเงินฝากภาคครัวเรือนจีน (Household Deposits) เพิ่มขึ้นเป็น 13 ล้านล้านหยวนในช่วงเดือน ม.ค.-ก.ย. ปีนี้ จากระดับ 8.5 ล้านล้านหยวนในช่วงเวลาเดียวกันของปี 2021

ผลการศึกษาฉบับนี้ระบุด้วยว่า การจับจ่ายของคนจีนส่วนใหญ่ในช่วง 12 เดือนข้างหน้าจะเน้นไปที่เรื่องการดูแลสุขภาพ ยกเว้นกลุ่ม Gen-Z หรือคนรุ่นใหม่ซึ่งเกิดในช่วงกลาง-ปลายทศวรรษ 1990 เรื่อยมาจนถึงต้นทศวรรษ 2010 ที่บอกว่าพวกเขาจะใช้จ่ายเงิน ‘เพื่อซื้อความสุขในปัจจุบัน’ (Living in the Moment) เป็นหลัก


ที่มา : https://mgronline.com/around/detail/9650000115873