'ดร.เผ่าภูมิ' ชี้หุ้น MORE สะท้อนช่องโหว่ที่ไม่เคยถูกปิดของตลาดหุ้นไทย เสียหายซ้ำซาก ประเมินค่าไม่ได้

ดร.เผ่าภูมิ โรจนสกุล รองเลขาธิการพรรคเพื่อไทย และผู้อำนวยการศูนย์นโยบายพรรคเพื่อไทย กล่าวถึงกรณีหุ้น MORE ว่า

เรื่องนี้แบ่งได้ 3 ระดับ 
ต้นน้ำ คือ ความจริงของตลาดหุ้นไทยที่เต็มไปด้วยช่องโหว่และโอกาสการปั่นหุ้น กฎเกณฑ์ที่ล้าหลังไม่ทันเกม หน่วยงานกำกับที่ไม่ทันการณ์
กลางน้ำ คือ ความหละหลวมของโบรกเกอร์เรื่องหลักประกันและการปล่อยวงเงิน จนเกิดความเสียหาย 
ปลายน้ำ คือ นักลงทุนรายย่อยกลายเป็นเหยื่อ

จริงอยู่ที่หัวใจของเรื่องนี้มักถูกชี้เป้าที่ความหละหลวมของโบรกเกอร์ในเรื่องหลักประกันและการปล่อยวงเงิน แต่เรื่องทั้งหมดจะเกิดขึ้นไม่ได้เลย หากตลาดหุ้นไทยมีความสมบูรณ์เชิงโครงสร้าง ซึ่งความรับผิดชอบตรงนี้ก็ต้องชี้เป้าไปที่ หน่วยงานที่กำกับดูแลตลาดหลักทรัพย์ 

ไม่อยากให้มองแค่กรณีหุ้น MORE แต่อยากให้มอง 'ความซ้ำซากของปัญหาเดิมๆ' เพียงแต่ถูกเปลี่ยนรูปแบบการฉ้อฉลไปเรื่อย ๆ นั่นเพราะตลาดหุ้นไทยเต็มไปด้วยช่องโหว่เชิงโครงสร้างที่ไม่เคยถูกปิด ไม่เคยถูกแก้ไข ทุกครั้งที่เจอการปั่นหุ้น หน่วยงานที่กำกับก็แก้ไขปัญหาแบบเดิม ๆ คือ ระงับการซื้อขาย แล้วค่อยตามไปตรวจสอบ และชี้แจงว่าได้ดำเนินการทุกขั้นตอนไปตามหลักเกณฑ์แล้ว แต่หลักเกณฑ์ที่ล้าหลัง การทำตามเกณฑ์ที่ล้าหลัง และแจงว่าได้ทำตามเกณฑ์เหล่านี้แล้วและจะถอดบทเรียนเพื่อป้องกันในคราวหน้า นี่อาจไม่ใช่คำตอบที่เพียงพอที่ประชาชนต้องการ

ความเสียหายที่เกิดขึ้น อย่างกรณีหุ้น MORE นั้น มันไม่ใช่แค่ความเสียหายของโบรกเกอร์อย่างที่พูดๆกัน แต่อยากชวนมองภาพใหญ่กว่า นั่นคือ 'ความเสียหายเชิงระบบต่อตลาดหุ้นไทย' เพราะสิ่งที่ถูกทำลายไปคือสิ่งที่เรียกว่า 'ความเชื่อมั่นและความน่าเชื่อถือต่อตลาดหลักทรัพย์ไทย' ซึ่งมีราคาสูงจนประเมินค่าไม่ได้ เสียแล้วเสียเลย กอบกู้ไม่ได้ 

ยังไม่นับ บทบาทในการกำกับดูแลสินทรัพย์ดิจิทัลซึ่งมีความซับซ้อนสูงกว่า มีความไร้ตัวกลาง ซึ่งความสามารถและความรู้ความเข้าใจของหน่วยงานกำกับดูแลนั้นจะถูกตั้งคำถามมากขึ้นไปอีก