เรื่องรักนักเรียนนายร้อย ตอนที่ 3 อย่างเราทำได้ก็เพียงแต่มอง

>> ความเดิมตอนที่แล้ว 

นักเรียนนายร้อยก. ได้ชื่อและที่อยู่ของนักเรียนพยาบาลแล้ว แต่ทว่า...นักเรียนนายร้อยส. ก็ได้ชื่อและที่อยู่ไปเหมือนกัน ซ้ำร้ายยังมาขอจากเขมิกา นักเรียนพยาบาลสาวสวยที่นักเรียนนายร้อยก. หมายตาไว้อีกด้วย แบบนี้...เรียกว่าคู่แข่งหัวใจชัดๆ!!

>> ขอเล่าเรื่องก่อนเข้าเนื้อหา << 

นักเรียนนายร้อยไม่ได้แค่เรียนและทำกิจกรรมในเขาชะโงก ที่นครนายกเท่านั้น แต่ยังมีกิจกรรมภายนอกอีกด้วย เช่นกีฬาเหล่า คือแข่งกีฬาระหว่างนักเรียนทหาร-ตำรวจด้วยกัน ส่วนใหญ่จะจัดที่สนามศุภัชลาศัย การสวนสนามราชวัลลภที่ลานพระราชวังดุสิต หรือลานพระบรมรูปทรงม้าในวันเฉลิมพระชนมพรรษาของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 9 ในช่วงต้นเดือนธันวาคมของทุกปี การร่วมพิธีถวายพระพรชัยมงคลเนื่องในวันเฉลิมพระขนมพรรษาของในหลวง รัชกาลที่ 9 และสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถในรัชกาลที่ 9 ที่สนามหลวง เป็นต้น

นอกจากนี้ยังมีกิจกรรมด้านบำเพ็ญสาธารณประโยชน์และการกุศลที่ทำร่วมกับนักเรียน นักศึกษาภายนอก หรือแม้แต่นักเรียนนักศึกษาพยาบาลของเหล่าทัพ เช่น กิจกรรมพัฒนาสังคม ก็คล้ายๆ กับกิจกรรมพัฒนาชนบท หรือออกค่ายของมหาวิทยาลัยทั่วไปครับ

>> พูดคุย << 

อ่านมาถึงตอนที่ 3 แล้ว...ผมมานั่งคิดๆ ดู ผมคิดว่าผู้อ่านคงจะอึดอัดกับชื่อย่อนักเรียนนายร้อย อย่าง ก. ข. ค. เพราะมันเหมือนลุงหนวดในมาลัยไทยรัฐ คอลัมน์หาคู่ในหนังสือพิมพ์สมัยก่อนยังไงยังงั้นเลย

ผมเลยขอใช้โอกาสนี้ตั้งชื่อใหม่เลยละกัน ผู้อ่านจะได้รู้สึกเหมือนจริงหน่อย ทั้งที่ผมเองก็ไม่อยากให้ผู้อ่านอินกับเรื่องนี้มาก เพราะทั้งหมดคือนิยายครับ

สำหรับชื่อพระเอกของเรื่องผมขอตั้งชื่อว่า 'นักเรียนนายร้อยกรกฎ' ส่วนผู้ร้ายใช้ชื่อว่า 'นักเรียนนายร้อยสุเทวา' และตัวตลกประจำเรื่องชื่อ 'นักเรียนนายร้อยยุทธ' ฉายาจ้ำ อย่างนี้นะครับ เป็นอันเข้าใจตรงกัน แต่ถ้าผู้อ่านไม่ชอบผมจะเปลี่ยนชื่อตัวละครทุกตอนไปเลยนะ ดีไหมครับ??

หนึ่งสัปดาห์ผ่านไป 

วันเวลาผ่านไปไวมากจริงๆ เผลอแปปเดียวก็ผ่านมาแล้ว 7 วัน แต่ไม่รู้ทำไม 'กรกฎ' ยังเอาแต่คิดถึงใบหน้า น้ำเสียง และท่าทางของเขมิกาอยู่

จะเรียกว่าเป็นความประทับใจ หรือ 'รักแรกพบ' ดีล่ะ ขนาดตัวกรกฎเองยังนิยามความรู้สึกนี้ไม่ถูกเลย 

อย่างที่บอกวันเวลาผ่านไปไวจริงๆ วันแข่งกีฬาเหล่าก็มาถึงแล้วด้วย บรรดานักเรียนนายร้อยได้มีโอกาสออกนอกโรงเรียนเพราะไปเชียร์กีฬากัน นักเรียนนายร้อยหลายคนก็จะนัดแฟนานุแฟน (เป็นคำโบราณแปลว่า แฟนเล็กแฟนน้อยครับ) มาดูกีฬาด้วย

 ...เรียกว่าอวดเพื่อน อวดน้อง แต่คงไม่มีใครกล้าอวดพี่ (กลัวถูกทำโทษเอาน่ะ)

ทั้งจ้ำ กรกฎ และนักเรียนปีหนึ่งนั้นไม่มีโอกาสได้เชิญใครทั้งนั้น เพราะแค่ตัวเองก็ยุ่งมากพออยู่แล้ว จะไปติดต่อใครที่ไหนได้อีก อีกทั้งหน้าที่หลักในการมาเชียร์กีฬาก็คือเชียร์กีฬาจริงๆ

ในสนามกีฬาฟุตบอลเล็กหรือมีอีกชื่อว่า สนามจุ๊บก็อยู่ ใกล้ๆ สนามศุภฯ นั่นแหละครับ ซึ่งตอนนี้มีการแข่งฟุตบอลระหว่างโรงเรียนนายร้อย จปร. กับโรงเรียนนายเรือ 

ขณะที่นักเรียนนายร้อยปี 1 กำลังนั่งเป็นแถวเชียร์กีฬาบริเวณอัฒจันทร์ด้านหน้าอยู่นั้น

และแล้วสิ่งที่ไม่คาดฝันก็เกิดขึ้นเมื่อ รุ่นพี่นักเรียนนายร้อยปี 2 กลุ่มหนึ่งพาผู้หญิง 3 คนมาเชียร์กีฬาด้วย พี่ปี 2 พาสาวๆ เหล่านั้นเดินผ่านขึ้นไปที่อัฒจันทร์ที่นั่งชั้นบนที่ห่างกันไม่กี่ขั้นบันได

กรกฎแอบชำเลืองมองผู้หญิง หน้าตาเธอคุ้นมากๆ ใช่แล้ว..เธอคือ เขมิกา คนที่กรกฎเฝ้านึกถึงอยู่ตลอดเวลา กรกฎยกมือขึ้นขยี้ตาแล้วมองอีกครั้ง หรือเขาตาฝาด แต่ไม่ใช่เพราะเขาตาฝาดหรอก เพราะผู้หญิงคนนั้นคือเขมิกาจริงๆ เธอมากับสาวิตรี และเพื่อนของเธออีกคน

กรกฎหันไปหาจ้ำก่อนจะเอ่ยปากถามเสียงเบาๆ

“จ้ำๆ นั่นใช่เขมิกาไหม?”

จ้ำหันเอียงศีรษะฟังเพื่อน พอฟังจบก็หันไปมอง

“ใช่ มากับสาวิตรีด้วย เอ้า...แล้วมากับพี่ปี 2 ได้อย่างไงวะนั่น” จ้ำตอบพร้อมกับตั้งคำถามไปในตัว เขาก็ดูงงๆ ไม่แพ้กรกฎ

“เขาอาจจะรู้จักพี่ปี 2 จากการทำงานในค่ายอาสาก็ได้มั้ง” กรกฎตอบแบบปลอบใจตัวเองและเพื่อน

“เข้าไปทักเธอเลยดีกว่า” จ้ำเสนอความคิด

“อย่าดีกว่า พวกเธอมากับรุ่นพี่ ไม่เหมาะแน่ เอาไว้...”

“โน่น เพื่อนสุเทวาของคุณถึงก่อนแล้ว”

กรกฎยังพูดยังไม่ทันจบ จ้ำก็พูดสวนขึ้นมาซะก่อน คำพูดของจ้ำทำให้กรกฎต้องหันไปมองที่กลุ่มของเขมิกาอีกครั้ง เมื่อรุ่นพี่ปี 2 คนหนึ่งลุกไปเข้าห้องน้ำ สุเทวาก็วิ่งขึ้นบันไดไปอย่างรวดเร็วราวปีศาจและเดินเข้าไปคุยกระหนุกระหนิงกับเขมิกาแทน

แต่ไม่นานสุเทวาก็รีบกระโดดจากอัฒจันทร์ด้านบนตามขั้นบันไดกลับเข้ามาที่กลุ่มนักเรียนปี 1 ที่อัฒจันทร์ด้านล่างอย่างรวดเร็ว เพราะพี่ปี 2 กลับมาแล้ว

“ดูมัน...โดดลงมาอย่างกับผีจีน” จ้ำบอกกับกรกฎแล้วมองไปที่สุเทวา “นี่ถ้าจัดที่สนามศุภฯ เราได้เห็นมันกลิ้งตกบันไดแน่ๆ”

ตอนนี้ผม เอ้ย กรกฎ และจ้ำ ไม่มีโอกาสได้เข้าใกล้สองสาวที่หมายปองเลยสักนิด อีกทั้งจ้ำยังต้องไปเป็นผู้นำร้องเพลงเชียร์อีก ก็เลยยิ่งไม่มีโอกาสเข้าไปอีก

“มิวสิกมา” ขณะที้จ้ำทำหน้าที่นำร้องเพลงเชียร์ เขาก็ตะโกนเสียงดังเพราะขอสัญญาณเพลง ไม่นานเสียงเพลงก็ดังขึ้น

"...คิดมานาน เราเฝ้ามองมานาน..... อย่างเราทำได้ก็เพียงแต่มองได้แต่เรียกร้องอยู่ในใจ อย่าดีกว่า ลืมเสียดีกว่า ลืมเสียเรา”

ถึงแม้ว่าเสียงเพลงที่จ้ำนำร้องมันจะฟังดูแปลกๆ เพราะฟังยังไงก็ไม่น่าเป็นเพลงเชียร์ แต่เชื่อเถอะ นี่คือเพลงเชียร์จริงๆ

ระหว่างเสียงเพลงดังขึ้น กรกฎก็เอาแต่มองไปที่เขมิกาตลอด จิตใจเขามีแต่เขมิกา อยากเข้าไปคุย อยากเข้าไปถามถึงความเป็นไป แต่นั่นก็แค่ความคิด...เพราะในความจริงเขาทำได้แค่มอง มอง...และมอง

เวลาผ่านไปนานจนกีฬาจบ รุ่นพี่ปี 2 ก็พาสาวๆ กลับไปกันหมด กรกฎและจ้ำก็นั่งรถกลับเข้าโรงเรียน แต่กรกฎก็ยังเอาแต่คิดถึงใบหน้าและท่าทางของเขมิกาตลอดทางกลับโรงเรียน ภาพของเธอวนเวียนอยู่ในใจของเขาตลอดเวลา 

คู่แข่งของกรกฎ ไม่ใช่แค่สุเทวาเท่านั้น ยังมีรุ่นพี่ปี 2 อีก 

แสงสว่างในใจของเขาที่ลุกโชนในตอนแรกนั้น ตอนนี้มันกลายเป็นแสงวูบวาบสลับไปมา เดี๋ยวสว่างบ้าง และเหมือนจะดับบ้างสลับกันไป

ทรมานใจยังไงก็ไม่รู้...หาทางออกให้ตัวเองก็ไม่ได้

โปรดติดตามตอนต่อไป...


เรื่องโดย พล.ต. อภิสิทธิ์ บุศยารัศมี


หมายเหตุ : เรื่องราวทั้งหมดเป็นเรื่องแต่งขึ้น เพื่อความสนุกสนานสำหรับผู้อ่านเท่านั้น ไม่มีเจตนาลบหลู่หรือหมิ่นประมาทผู้หนึ่งผู้ใด