Monday, 29 April 2024
รักแรกพบ

เรื่องรักนักเรียนนายร้อย ตอนที่ 1 : รักแรกพบที่โต๊ะจีน

ในที่สุดผมก็ได้เข้ามาเรียนในโรงเรียนนายร้อยแล้วครับ ซึ่งผมเป็นนักเรียนนายร้อย จปร. รุ่นที่ 40 และเป็นนักเรียนเตรียมทหารรุ่นที่ 29

ต้องบอกก่อนว่าการจะเข้ามาเรียนที่โรงเรียนนายร้อยได้ มันไม่ใช่เรื่องง่ายเลย ผมต้องอาศัยความมานะและอดทนพอสมควรกว่าจะพาตัวเองที่มีความฝันให้เข้ามาเรียนที่โรงเรียนแห่งนี้ ซึ่งที่นี่ก็มีทั้งการเรียนและการฝึกนะครับ ในส่วนของวิชาการเรียนก็มีทั้งทางด้านวิทยาศาสตร์ วิศวกรรมศาสตร์ สังคมศาสตร์ ประวัติศาสตร์ และอื่นๆ อีกมากมายเลย หรือจะบอกว่าการเรียนที่นี่เหมือนกับนักศึกษาระดับปริญญาตรีในมหาวิทยาลัยทั่วไปก็ไม่ผิด นอกจากนี้ก็มีการเรียนวิชาทหารด้วย ใช้เวลา 1 ปี แบ่งเป็น 2 เทอมนะครับ

ในส่วนของการฝึกที่ผมได้บอกไป ที่นี่จะฝึกวิชาทหาร โดยจะมีฝึกในเทอมสุดท้ายในหน่วยทหารต่างๆ ทั่วประเทศ

โรงเรียนนายร้อยแห่งนี้เป็นโรงเรียนประจำ หรือเรียนอีกแบบก็คือ ‘โรงเรียนกินนอน’ ซึ่งจะมีที่พักในโรงเรียน มีการปกครองดูแลจากนายทหารปกครอง และนักเรียนนายร้อยรุ่นพี่ๆ อีกมากมาย

ต้องขอบอกก่อนเลยว่าการอยู่ที่โรงเรียนนายร้อยเป็นเวลา 5 ปี ทำให้ผมได้ปรับเปลี่ยนบุคลิกภาพ แนวคิด และอุดมการณ์ในชีวิตในเวลาต่อมา

ถ้าผู้อ่านอยากรู้เรื่องราวโดยละเอียด และมีความสนุกสนานอย่างไร ก็คงต้องหาหนังสือ best sellers ในยุคหนึ่งมาอ่านดูครับ โดยหนังสือชื่อว่า 'กว่าจะเป็นนายร้อย จปร.'

เอาล่ะครับ มาฟังเรื่องรักจากนักเรียนนายร้อยกันดีกว่า ต้องบอกเลยว่าเรื่องนี้เป็นเรื่องแต่งนะครับ ผมขอสมมติว่า พระเอกของเรื่องชื่อ 'นักเรียนนายร้อย ก.' มีพระเอกก็ต้องมีผู้ร้ายนะครับ ผู้ร้ายมีชื่อว่า 'นักเรียนนายร้อย ส.' และมีตัวตลกชื่อ 'นักเรียนนายร้อยจ้ำ' นะครับผม

เหตุการณ์เริ่มต้นขึ้นเมื่อ ปลายปี 2531 สมัยที่พลเอกชาติชาย ชุณหวัณ ดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีครับ ในตอนนั้นได้มีนโยบายที่จะทำให้นักเรียนนายร้อยได้รู้จักกับนักเรียนพยาบาลของทุกเหล่าทัพ เพื่อให้ได้ใช้ประโยชน์ในการประสานงานช่วยเหลือกันในยามสงคราม (อันนี้ผมคิดเอง)

แต่ก็มีคนบางส่วนบอกว่า เพื่อเป็นการประหยัดงบประมาณของกองทัพ ถ้าสมมติว่า มีใครได้รักและแต่งงานกันก็จะใช้บ้านเพียงหลังเดียว ไม่ต้องใช้บ้านหลายหลังเหมือนกับคนที่เป็นโสด (มีรุ่นพี่บอกผมมาครับ)

นักเรียนนายร้อย ก. นักเรียนนายร้อย ส. และนักเรียนนายร้อยจ้ำ ก็เป็นนักเรียนนายร้อยปีที่ 1 เรียกว่าเล็กสุดในโรงเรียนเลยครับ แต่ก็ถูกกำหนดให้มาร่วมในงานในครั้งนี้ด้วย 

ณ ห้องนอนนักเรียนนายร้อย 

หลังจากอาบน้ำจนสบายตัว ประแป้ง ทาโรลออน และฉีดน้ำหอมจนฟุ้งทั่วตัวแล้ว นักเรียนนายก. และนักเรียนนายร้อยจ้ำ ก็ได้มานั่งคุยกันในเรื่องภารกิจแปลกๆ ที่ได้ยินมา

“เฮ้ย ก. หัวหน้าหมู่บอกว่า วันนี้ต้องได้ชื่อและที่อยู่ พยาบาลที่จะมากินเลี้ยงงานคืนนี้” นักเรียนนายร้อยจ้ำพูดขึ้น ทว่านักเรียนนายร้อย ก. กลับไม่ได้รู้สึกตื่นเต้นใดๆ

“แล้วไงต่อ?” นักเรียนนายร้อย ก.ถามกลับด้วยน้ำเสียงเรียบๆ 

“ภารกิจคือ ให้พยาบาลตอบจดหมายมาให้ได้” นักเรียนนายร้อย จ้ำ อธิบายให้เพื่อนฟังต่อ 

“เรียกว่า จีบให้ได้ ว่างั้นใช่ไหม?” นักเรียนนายร้อย ก.ถามกลับอย่างรู้ทัน

“ใช่” นักเรียนนายร้อย จ้ำ ตอบ

“เวลามันสั้นแค่นี้จะเป็นไปได้อย่างไง?” นักเรียนนายร้อย ก. ตั้งคำถาม ทว่านักเรียนนายร้อยจ้ำไม่ได้รู้สึกว่าสิ่งที่เพื่อนถามเป็นอุปสรรคแต่อย่างใด

นักเรียนนายร้อยจ้ำ หวีผมปาดซ้ายขวาสองครั้งที่หน้ากระจกเล็กๆ ในตู้เสื้อผ้า ก่อนตอบเสียงดังว่า

“ด้วยหน้าตาและภารกิจที่ได้รับมอบ ไม่มีอะไรที่นักเรียนนายร้อยทำไม่ได้หรอกนะ” 

เรื่องรักนักเรียนนายร้อย ตอนที่ 2 คู่แข่งหัวใจ

>> ความเดิมตอนที่แล้ว
เหล่านักเรียนนายร้อยมาร่วมงานเลี้ยงโต๊ะจีนที่ทางการจัดขึ้น โดยในงาน นักเรียนนายร้อยก. ได้เจอกับนักเรียนพยาบาล และพวกเขาก็ได้นั่งร่วมโต๊ะเดียวกัน

“เชิญครับ โต๊ะนี้ว่างครับ” นักเรียนนายร้อยจ้ำ ลุกขึ้นแล้วกล่าวเชื้อเชิญด้วยน้ำเสียงยินดีแบบสุดๆ กลุ่มของนักเรียนพยาบาลจึงเดินเข้ามาและนั่งร่วมโต๊ะกับนักเรียนนายร้อยก. และนักเรียนนายร้อยจ้ำ 

และนี่ก็ถึงเวลาเปิดตัวตัวร้ายของเรื่องนี้แล้วครับ โดยผู้ร้ายของเรื่องก็คือ นักเรียนนายร้อยส. นั่นเอง 

นักเรียนนายร้อยส. นั่งอยู่โต๊ะข้างๆ ใกล้ๆ โต๊ะของนักเรียนนายร้อยก. โดยที่นักเรียนนายร้อยส. ก็มองไปที่นักเรียนพยาบาลคนเดียวกับที่นักเรียนนายร้อยก. แอบมองอยู่เช่นกัน

ไม่นานนัก อาหารว่างก็ถูกนำมาเสิร์ฟ บนจานมีอาหารหลากหลาย เช่น ข้าวเกรียบ ฮอตด็อก ไข่เยี่ยวม้า และเม็ดมะม่วงหิมพานต์ ทุกคนที่นั่งอยู่ต่างคนต่างมองอย่างจดๆ จ้องๆ กัน หลังจากนั้นก็ปล่อยหมัดเข้าหากัน ฝ่ายแดงเริ่มก่อนด้วยการแย็บที่ใบหน้า (บรรยากาศเหมือนพากย์มวย ฮา)

แต่ในความเป็นจริงแล้ว ทุกคนสงวนท่าทีไม่ยอมเสียเชิง ต่างค่อยๆ ใช้ตะเกียบคีบอาหารมาใส่ที่จานอย่างระมัดระวัง 

ส่วนนักเรียนนายร้อยจ้ำนั้น เริ่มก่อนไม่รั้งรอใคร ใช้ตะเกียบคืบอาหารเข้าปากแล้วกล่าวเชิญชวนทุกคน 

“ทานเลยครับ อร่อยทุกอย่างเลยครับ” นักเรียนนายร้อยจ้ำพูดด้วยน้ำเสียงอู้อี้ เพราะอาหารที่เต็มปาก

ส่วนนักเรียนนายร้อยก. ก็ได้จังหวะเหมาะๆ จึงเป็นฝ่ายกล่าวเปิดการสนทนาก่อน

"ชื่ออะไรครับ?"

"ชื่อเขมิกาค่ะ" เสียงหวานๆ ตอบออกมาเบาๆ

พอเห็นว่าสาวที่ตัวเองชอบยอมคุยด้วย ซ้ำยังยอมบอกชื่อ นักเรียนนายร้อยก. ก็ถามอีกคำถาม เขาสังเกตจากอินทรธนูบนบ่าของเขมิกา ตัวอักษรและตัวเลขโลหะสีเงินที่เขียนว่า 'นพต ๑'

“อยู่ปีหนึ่งหรือครับ?” 

“ค่ะ” เขมิกาตอบคำถามด้วยน้ำเสียงหวานๆ เช่นเดิม ท่าทางของเธอดูเคอะเขิน แต่ก็ไม่ได้แสดงออกมากนัก

ทั้งสองคุยกันได้แค่นั้น อาหารอีกหลายจานก็ถูกนำมาเสิร์ฟบนโต๊ะแบบรัวๆ ทว่านักเรียนนายร้อยก.ไม่ได้สนใจอาหารเท่าไหร่นัก ต่างจากนักเรียนนายร้อยจ้ำที่เมามันกับรสชาติของอาหารอย่างไม่สนใจเพื่อนร่วมโต๊ะเท่าไรนัก แต่ยังคงหยอดมุกตลกให้คนในโต๊ะได้หัวเราะโดยตลอด

แต่สิ่งที่ทั้งสองคนคิดเหมือนกันคือ ในวันนี้อะไรจะเกิดขึ้นก็ตาม พวกเขาจะต้องได้ชื่อและที่อยู่ของนักเรียนพยาบาลให้ได้ เพื่อภารกิจที่สำเร็จลุล่วงตามความมุ่งหมายของทางราชการ (ว่าเข้าไปนั่น)

ในเวลาเดียวกันนั้น นายกรัฐมนตรี กับรองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีกลาโหม (พลเอกชาติชาย ชุณหะวัณ และพลเอกชวลิต ยงใจยุทธ) ก็เดินทางมาถึง 

ทั้งสองท่านเดินทักทาย นักเรียนนายร้อยและนักเรียนพยาบาลทุกโต๊ะ โดยเสียงหัวเราะอย่างมีความสุขเกิดขึ้นตลอดทั้งงาน (ตอนนั้นเป็นปี 2531 ครับ แต่หลังจากนี้อีก 3 ปี ก็ไม่มีบรรยากาศเช่นนี้แล้ว เมื่อกองทัพและรัฐบาลเริ่มห่างเหินและเดินทางเป็นเส้นขนานกัน และนำไปสู่การปฏิวัติในปี 2534)

วิธีการของแต่ละคนอาจแตกต่างกัน แต่จุดมุ่งหมายเดียวกัน 

นักเรียนนายร้อยก. ใช้วิธีเนียนๆ คุยเลียบๆ เคียงๆ ไปเรื่อยๆ แบบค่อยเป็นค่อยไป เพื่อไม่ให้เหยื่อตกใจตื่น (ล้อเล่นครับ) จนเขาขอชื่อและที่อยู่ของเขมิกาได้สำเร็จ

ส่วนนักเรียนนายร้อยจ้ำนั้น ก็เดินหน้าปฏิบัติการถามจริง ตอบตรง กับสาวน้อยอีกคนที่มีบุคลิกสนุกสนานมากที่สุดคนเดียวในโต๊ะ

“เราเป็นเพื่อนกันไหม คบกันไปดูใจกันก่อนแล้วค่อยเป็นแฟนกัน ถ้าถูกใจก็คบกันไป เพราะฉันเป็นคนไม่สนอะไรแบบสบาย สบาย สบาย” นักเรียนนายร้อยจ้ำพูดไปพลาง ร้องเพลงไปพลาง

เธอคนนี้ชื่อ สาวิตรี เธอเป็นคนสวย แต่ไม่ค่อยห่วงสวยสักเท่าไหร่ อีกทั้งยังเอียนเอียงไปทางตลกมากกว่า (หมายถึงเป็นคนตลก)

ขณะที่ทั้งโต๊ะกำลังสนุกสนาน หัวเราะ พูดคุยกันไปเรื่อยๆ จู่ๆ นักเรียนนายร้อยส. ที่นั่งอยู่โต๊ะข้างๆ ก็ลุกขึ้นแล้วเดินมาที่โต๊ะของนักเรียนนายร้อยก. และนักเรียนนายร้อยจ้ำ

นักเรียนนายร้อนส. เข้ามาใกล้กับเขมิกา แล้วโค้งตัวลงเล็กน้อย สบตา ก่อนกล่าวเบาๆ ว่า 

“สวัสดีครับ ผมชื่อส. ผมอยากรู้จักคุณ ผมขอชื่อและที่อยู่ของคุณครับ ที่โต๊ะผมมีแต่นักเรียนพยาบาลปีสองที่ดูเหมือนจะแก่กว่าผมทั้งนั้นครับ อีกอย่างถ้าคุณไม่ช่วยผม ผมโดนทำโทษแน่ๆ” นักเรียนนายร้อยส. ทำเสียงเอื่อยๆ สั่นๆ จนน่าเห็นใจ เมื่อพูดจบก็ยื่นสมุดและปากกาที่พกมาด้วยให้กับเขมิกา

เขมิกาทำหน้างงๆ ปนตกใจ ไม่คิดไม่ฝันว่าวันนี้จะมาเจอเหตุการณ์แปลกๆ เช่นนี้ แต่ถึงอย่างนั้นก็ยอมเขียนข้อมูลลงในสมุดเล่นนั้นให้กับ นักเรียนนายร้อยส. ไป

นักเรียนนายร้อยจ้ำเห็นแบบนั้นจึงแอบกระซิบกับ นักเรียนนายร้อยก. ว่า 

“ไอ้ส. ใส่เกือก มันมาได้ไงวะ?”

เรื่องรักนักเรียนนายร้อย ตอนที่ 3 อย่างเราทำได้ก็เพียงแต่มอง

>> ความเดิมตอนที่แล้ว 

นักเรียนนายร้อยก. ได้ชื่อและที่อยู่ของนักเรียนพยาบาลแล้ว แต่ทว่า...นักเรียนนายร้อยส. ก็ได้ชื่อและที่อยู่ไปเหมือนกัน ซ้ำร้ายยังมาขอจากเขมิกา นักเรียนพยาบาลสาวสวยที่นักเรียนนายร้อยก. หมายตาไว้อีกด้วย แบบนี้...เรียกว่าคู่แข่งหัวใจชัดๆ!!

>> ขอเล่าเรื่องก่อนเข้าเนื้อหา << 

นักเรียนนายร้อยไม่ได้แค่เรียนและทำกิจกรรมในเขาชะโงก ที่นครนายกเท่านั้น แต่ยังมีกิจกรรมภายนอกอีกด้วย เช่นกีฬาเหล่า คือแข่งกีฬาระหว่างนักเรียนทหาร-ตำรวจด้วยกัน ส่วนใหญ่จะจัดที่สนามศุภัชลาศัย การสวนสนามราชวัลลภที่ลานพระราชวังดุสิต หรือลานพระบรมรูปทรงม้าในวันเฉลิมพระชนมพรรษาของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 9 ในช่วงต้นเดือนธันวาคมของทุกปี การร่วมพิธีถวายพระพรชัยมงคลเนื่องในวันเฉลิมพระขนมพรรษาของในหลวง รัชกาลที่ 9 และสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถในรัชกาลที่ 9 ที่สนามหลวง เป็นต้น

นอกจากนี้ยังมีกิจกรรมด้านบำเพ็ญสาธารณประโยชน์และการกุศลที่ทำร่วมกับนักเรียน นักศึกษาภายนอก หรือแม้แต่นักเรียนนักศึกษาพยาบาลของเหล่าทัพ เช่น กิจกรรมพัฒนาสังคม ก็คล้ายๆ กับกิจกรรมพัฒนาชนบท หรือออกค่ายของมหาวิทยาลัยทั่วไปครับ

>> พูดคุย << 

อ่านมาถึงตอนที่ 3 แล้ว...ผมมานั่งคิดๆ ดู ผมคิดว่าผู้อ่านคงจะอึดอัดกับชื่อย่อนักเรียนนายร้อย อย่าง ก. ข. ค. เพราะมันเหมือนลุงหนวดในมาลัยไทยรัฐ คอลัมน์หาคู่ในหนังสือพิมพ์สมัยก่อนยังไงยังงั้นเลย

ผมเลยขอใช้โอกาสนี้ตั้งชื่อใหม่เลยละกัน ผู้อ่านจะได้รู้สึกเหมือนจริงหน่อย ทั้งที่ผมเองก็ไม่อยากให้ผู้อ่านอินกับเรื่องนี้มาก เพราะทั้งหมดคือนิยายครับ

สำหรับชื่อพระเอกของเรื่องผมขอตั้งชื่อว่า 'นักเรียนนายร้อยกรกฎ' ส่วนผู้ร้ายใช้ชื่อว่า 'นักเรียนนายร้อยสุเทวา' และตัวตลกประจำเรื่องชื่อ 'นักเรียนนายร้อยยุทธ' ฉายาจ้ำ อย่างนี้นะครับ เป็นอันเข้าใจตรงกัน แต่ถ้าผู้อ่านไม่ชอบผมจะเปลี่ยนชื่อตัวละครทุกตอนไปเลยนะ ดีไหมครับ??


TRENDING
© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top