‘บิ๊กป้อม’ ลงพื้นที่อุบลฯ-ศรีสะเกษ เร่งช่วยผู้ประสบอุทกภัย ผลพวงพายุโนรู

พล.อ.ประวิตร' ลงพื้นที่ จ.อุบล-ศรีสะเกษ เร่งช่วยผู้ประสบอุทกภัย ผลพวงพายุโนรู สั่งภาครัฐ ระดมความช่วยเหลือ อย่างเต็มที่ ย้ำ รัฐบาลพร้อมเยียวยาทุกครัวเรือนอย่างทั่วถึง 

เมื่อ 12 ต.ค. 65 เวลา 14.00 น. พล.ท.พัชร์ชศักดิ์ ปฏิรูปานนท์ ผช.โฆษก รอง นรม. เปิดเผยว่า พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รอง นรม. และในฐานะ ผอ.กอนช. พร้อมคณะ ได้เดินทางลงพื้นที่ จ.อุบลราชธานี และ จ.ศรีสะเกษเพื่อติดตามสถานการณ์น้ำ และให้ความช่วยเหลือประชาชนที่ได้รับผลกระทบ จากภาวะน้ำท่วม

โดยเมื่อ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รอง นรม. ได้เดินทางถึงสำนักงานชลประทานที่ 7 ต.ในเมือง อ.เมือง จ.อุบลราชธานี  มีนายชลธี ยังตรง ผวจ.อุบลราชธานี ให้การต้อนรับ จากนั้นได้เข้าห้องประชุม รับฟังการบรรยายสรุปการบริหารจัดการน้ำและสถานการณ์อุทกภัยในพื้นที่ จ.อุบลราชธานี จาก สทนช. กรมชลประทาน บก.ทท. มทบ.22 และปภ. ตามลำดับ สรุปภาพรวม จ.อุบลราชธานี เป็นจังหวัดหนึ่งที่ได้รับผลกระทบจากภาวะน้ำท่วม อันเกิดจากพายุโนรู และร่องมรสุมที่พัดผ่านประเทศไทยทำให้ฝนตกหนัก ต่อเนื่อง เป็นบริเวณกว้างส่งผลให้ลุ่มน้ำชีและลุ่มน้ำมูล มีปริมาณน้ำเพิ่มสูงขึ้นจากเดิม ที่มีน้ำคงค้างอยู่ก่อนแล้ว และมีปริมาณน้ำมากกว่า ทุกปี เฉลี่ยร้อยละ 25 แต่พื้นที่น้ำท่วมน้อยกว่าปี 54 และปี 62 สืบเนื่องจาก รัฐบาลได้นำ 13 มาตรการรับมือฤดูฝน มาใช้อย่างได้ผล  

รวมทั้ง จ.อุบลราชธานีเองยังเป็นพื้นที่ที่มีการจัดตั้งศูนย์บริหารจัดการน้ำส่วนหน้า ในพื้นที่เสี่ยงอุทกภัยเพื่อบริหารจัดการน้ำในพื้นที่ภาคตะวันออกเฉียงเหนือด้วย ทั้งนี้ภาครัฐได้ระดมให้ความช่วยเหลือพี่น้องประชาชนที่ได้รับผลกระทบ อย่างเต็มที่ ทั้ง 19 อำเภอ ที่มีการประกาศเป็นพื้นที่ประสบภัยแล้ว และเตรียมแผนรองรับการเยียวยาหลังน้ำลดไว้แล้ว

จากนั้น พล.อ.ประวิตร และคณะ ได้ลงพื้นที่ติดตามสถานการณ์น้ำ บริเวณแม่น้ำมูล ณ วัดหลวง ต.ในเมือง อ.เมือง จ.อุบลราชธานี และได้เยี่ยมเยียนพบปะให้กำลังใจ พี่น้องประชาชนที่ได้รับผลกระทบจากภาวะน้ำท่วม เสร็จแล้วเดินทางต่อไปยัง จ.ศรีสะเกษ เพื่อติดตามสถานการณ์น้ำ และการให้ความช่วยเหลือประชาชน ณ บริเวณบ้านหนองบัวไชยวาน อ.กันทรารมณ์ จ.ศรีสะเกษ ซึ่งประชาชนได้รับผลกระทบจากภาวะน้ำท่วม เช่นกัน 

ทั้งนี้ พล.อ.ประวิตร ได้กล่าวมอบนโยบายแก่ สทนช. กรมชลประทานจังหวัด และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง โดยย้ำว่ารัฐบาลมีความห่วงใยต่อความเดือดร้อนที่เกิดขึ้น กับประชาชนทุกครัวเรือน และได้สั่งการให้ทุกหน่วยงาน เร่งดำเนินการตาม 13 มาตรการรับมือฤดูฝน อย่างเข้มข้น ตลอดจนการเตรียมเครื่องจักร เครื่องมือกำลังคน อย่างเต็มที่ในการช่วยเหลือพี่น้องประชาชน เพื่อบรรเทาความเดือดร้อนและให้สถานการณ์กลับสู่ภาวะปกติโดยเร็วที่สุด