ก.ยุติธรรมสหรัฐฯ จ่อเชือด Binance เอี่ยวฟอกเงิน อาจส่งผลกระทบพันธมิตรในประเทศต่างๆ

สำนักข่าวรอยเตอร์ระบุว่ากลุ่มอัยการสหรัฐฯ จะเชือดบริษัทไบแนนซ์ (Binance) ซึ่งเป็นกระดานแลกเปลี่ยนคริปโทเคอร์เรนซีที่ใหญ่ที่สุดในโลกตามปริมาณการซื้อขายคริปโทเคอร์เรนซี ที่ก่อตั้งขึ้นมาในปี พ.ศ. 2560 และปัจจุบันได้จดทะเบียนอยู่ที่หมู่เกาะเคย์แมน 

(เอาแค่สถานที่จดทะเบียนก็ชวนสงสัยแล้วว่ามีอะไรเกี่ยวข้องกับการฟอกเงินหรือเปล่า เพราะคนทั้งโลกรู้ว่าหมู่เกาะเคย์แมน คือ สถานที่สำหรับไว้จดทะเบียนธุรกิจที่ต้องการฟอกเงินโดยเฉพาะ)

ทั้งนี้ สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ของสหรัฐอเมริกา หรือ ก.ล.ต. เตรียมการสอบสวน Binance.US ซึ่งเป็น บริษัทย่อยของ Binance ฐานละเมิดกฎหมายหลักทรัพย์ดิจิทัลของอเมริกา

บริษัทนี้เป็นบริษัทที่ก่อตั้งโดยชาวแคนาดาเชื้อสายจีน 'ฉางเผิง เจ้า' ซึ่งเป็นโปรแกรมเมอร์พัฒนากระดานซื้อขายหลักทรัพย์ และได้พัฒนาบริษัทไบแนนซ์ โดยเริ่มต้นจากการที่จดทะเบียนในประเทศจีน แต่ภายหลังได้ย้ายออกจากประเทศเนื่องจากการเข้มงวดของรัฐบาลจีน

สำหรับบริษัทไบแนนซ์นั้น ได้มีการพัฒนาโทเคนคริปโทเตอร์เรนซีของตัวเอง 2 โทเคน คือ ไบแนนซ์ (Binance - BNB) เมื่อมิถุนายน 2560 ทำงานบนบล็อกเชนชื่อไบแนนซ์สมาร์ตเชน (Binance Smart Chain - BSC) และ ไบแนนซ์ยูเอสดี (BUSD) ที่เป็นสเตเบิลคอยน์ ที่ยึดราคาตามสกุลเงินดอลลาร์ใช้สำหรับการแลกเปลี่ยนภายในกระดานแลกเปลี่ยนของไบแนนซ์

ไม่นานมานี้ ไบแนนซ์ถูกสอบสวนหลายครั้งในกรุงวอชิงตัน เกี่ยวกับที่มาที่ไปของ BNB หรือ Binance Coin (BNB) โทเคนของไบแนนซ์ที่ครองมูลค่าตลาดคริปโทเคอร์เรนซีเป็นอันดับที่ 5 ว่าเป็นการขายหลักทรัพย์ที่ควรต้องจดทะเบียนกับหน่วยงานหรือไม่ 

ประเด็นที่น่าสนใจ คือ ตอนนี้ไบแนนซ์ตกลงกับกลุ่มกัลฟ์ (Gulf) เครือข่ายธุรกิจพลังงานทรงอิทธิพล เพื่อเปิดกระดาน ซื้อขายสินทรัพย์ดิจิทัลในประเทศไทย จัดตั้งบริษัท กัลฟ์ ไบแนนซ์ จำกัด (Gulf Binance) โดยกัลฟ์ถือหุ้น 51% และไบแนนซ์ 49% เพื่อพัฒนาและดำเนินธุรกิจศูนย์ซื้อขายสินทรัพย์ดิจิทัลในประเทศไทย

คงต้องดูกันยาวไปไม่รู้ว่าจะรอดหรือรุ่ง เพราะหากถูกตรวจสอบโดยกระทรวงยุติธรรมสหรัฐในข้อหาฟอกเงินและหนีภาษีจะส่งผลกระทบต่อประเทศต่างๆ ที่เป็นพันธมิตรของไบแนนซ์ด้วยหรือไม่