'พงศ์พรหม' ดึงสติ!! สังคมปลื้มกระแส 'รวยทิพย์' อย่าหลง!! เพราะทุกการถ่ายอวด ก็เพื่อโกงคนอื่นต่อ

ถือเป็นอีกมุมมองในการเตือนสติสังคมนิยมความรวยด้วยความไม่พยายามที่น่าสนใจ เมื่อนายพงศ์พรหม ยามะรัต รองโฆษกพรรคสร้างอนาคตไทย ได้โพสต์ข้อความลงเฟซบุ๊กส่วนตัว ระบุว่า...

จากกระแส 'รวยทิพย์' ที่ผมคุยกับคนรอบตัวมานาน ว่ามันคือระเบิดเวลาที่จะทะยอยระเบิดมาเรื่อยๆ

ดูง่ายๆ ครับ
เศรษฐกิจไทยดีขึ้น หรือเลวลง?

แล้วในวันที่เศรษฐกิจเลวลง ทำไมอยู่ๆ มีคนกลุ่มหนึ่งว่างปาร์ตี้ ว่างถ่ายรูปกับรถ

ว่างโพสต์รูปเงินกับธุรกิจที่ไม่เห็นว่าจะมี 'นวัตกรรม' อะไร?

ผมนั่งดูรายละเอียดสินค้า
ขายคอลลาเจน ทำบริษัทอีเว้นท์

ธุรกิจเหล่านี้กำลังอยู่ในกระแสลงทั้งสิ้น

คำถามคือเอาเงินจากไหนมาอวดสังคม?

เอาแค่ 2 อาทิตย์ที่ผ่านมา ยอดเงินที่ระเบิดจากนักรวยทิพย์ก็จะเกิน 5,000 ล้านบาทแล้ว

จริงๆ แล้วมันคือกระแส 'ถ่ายอวดปอร์เช่' เพื่อโกงเงินคนอื่น แต่ไม่มีกระแสเงินอยู่จริงตั้งแต่เริ่ม

ใครสังเกต ผมมักโพสต์วิธีการคิดการเป็นอยู่อย่างมีสติ มีเหตุผล เก็บออม และใช้ในสิ่งที่เป็นประโยชน์ตามลำดับความสำคัญเสมอ

เกริ่นมายาว

วันนี้มาแชร์ความคิด 1 ในคนที่มีอิทธิพลต่อความคิดผมสูงมาก คือ แม่ผมเอง

อาทิตย์ก่อนพาแม่ไปหาหมอ ได้นั่งรถกับแม่ 2 คน
อยู่ๆ แม่เปรยว่า...

กำลังคิดจะเปลี่ยนรถใหม่
จากรถคันเดิมที่แม่ใช้มา 15 ปี

รถคันเดิมแม่เป็นรถที่ราคาถูกที่สุดในบ้าน

เป็นรถญี่ปุ่น C-segment คันเล็กๆ ที่แม่พูดเสมอว่า ค่าดูแลต่ำ ไม่จุกจิก ให้คนขับรถขับง่าย และดีที่ “ไม่ต้องให้ใครมาสนใจฉัน”

'ความพอเพียง' ที่แม่มีนี่แหละ ที่แม่พูดเสมอว่า ดูเอาไว้ แล้วชีวิตจะมีความสุข

การจัดการเงินนั้น แม่จะพูดเสมอว่าอย่าตามกระแส เพราะกระแสจะหลอกเรา

เงินมี ก็ให้เก็บซัก 30% ของรายได้ แล้วแบ่งเป็นเงินสด และเงินลงทุนในสินทรัพย์ที่ปลอดภัยเสมอ เช่นหุ้น กองทุน อสังหาริมทรัพย์ จากนั้นคือค่าใช้จ่ายจำเป็น เหลือเท่าไหร่ ค่อยเอาไปใช้กับความฟุ่มเฟือย

ความฟุ่มเฟือย ไม่ผิด เพราะมันทำให้ชีวิตสนุก แต่เงินที่ใช้กับความฟุ่มเฟือย ต้องมาทีหลังการสร้างทรัพย์สิน ตรงนี้สำคัญ!!

จะซื้อของฟุ่มเฟือย จำไว้ ให้มีเงิน 10-20 เท่าของของสิ่งนั้น

จะซื้อกระเป๋า 300,000 บาทได้ แต่ต้องมี 3-6 ล้านบาทที่งอกเพิ่มขึ้นมา จึงจะเอามาซื้อกระเป๋าใหม่ 1 ใบ

แม่จึงเป็นคนใช้รถเก่า มีกระเป๋าแบรนด์เนมน้อยกว่าเพื่อนๆในรุ่นเดียวกัน

แต่รักษาของทุกอย่างเป็นอย่างดี
อยากทานอะไรพิเศษ ก็ไป ไม่ต้องบ่อย แต่ไป

ในวัย 78 ด้วยสภาพคล่องที่ดีของแม่ จากการที่ธนาคารต่างๆชอบประเคนบัตรเครดิตจำพวก 'Premier' มาให้แม่โดยไม่ต้องไปขวนขวายขอ แปลว่าแม่น่าจะซื้อรถประมาณ Mercedes S-class หรือ Land Rover Discovery สบายๆ

แต่โจทย์แม่ คือ...
1. รถคันสุดท้ายของแม่ต้องช่วยโลกลดมลภาวะ นั่นคือต้องเป็น EV เท่านั้น
2. ขนาดต้องไม่ใหญ่ จะได้ให้คนขับรถขับง่ายในเมือง
3. แข็งแรง ทนทาน ค่าดูแลต่ำ
4. รถก็คือรถ แม่ชอบการไม่มีหนี้ ชอบการอยู่กับความจริง ดังนั้นไม่ต้องมองรถแพงๆ มันไร้สาระ ขอรถราคาไม่เกิน 1.5 ล้านบาท จะได้เอาเงินไปเรียนรู้สิ่งใหม่ๆในวัยใกล้ 80 ปี

เลยเป็นที่มาของการ 'เล็ง' รถไฟฟ้า BYD นี่แหละครับ


ที่มา: https://www.facebook.com/100000004424101/posts/pfbid0tLWiAxczByYWXukTVJTEC1eU1GGWPJtYZ2TzJs4ZoLaZwXL5L4b3q3SXb5Rzz8nQl/