'ผบก. ปส.4' นำทีมสะกดรอย รวบ 7 ผตห. ขบวนการค้ายาฯ ผงะ..!! เจอยาไอซ์ 14 กระสอบหนัก 631 กก.

เมื่อวันที่ (25 กรกฎาคม 2565) ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ตร.) พล.ต.อ.รอย  อิงคไพโรจน์ รอง ผบ.ตร.(ปป.) และผู้อำนวยศูนย์อำนวยการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด (ศอ.ปส.ตร.) ได้เปิดเผยว่า จากนโยบาย พล.ต.อ.สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข ผบ.ตร.ได้กำชับนโยบายเร่งรัดการสืบสวนจับกุมขบวนการค้ายาเสพติดอย่างต่อเนื่องนั้น ซึ่งวันนี้ ได้รับรายงานจาก พล.ต.ท.สรายุทธ สงวนโภคัย ผบช.ปส. ว่าเมื่อวันที่ 23 ก.ค. ที่ผ่านมาได้สั่งการให้ พล.ต.ต.พรศักดิ์ สุรสิทธิ์ ผบก.ปส.4 พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่ตำรวจกองบังคับการตำรวจปราบปรามยาเสพติด 4 ร่วมกับเจ้าหน้าที่ตำรวจกองบังคับการข่าวกรองยาเสพติด, เจ้าหน้าที่ตำรวจกองบังคับการสกัดกั้นการลำเลียงยาเสพติด, เจ้าหน้าที่ตำรวจกองบังคับการตำรวจทางหลวง, เจ้าหน้าที่ทัพเรือภาคที่ 2, เจ้าหน้าที่สำนักงานป้องกันและปราบปรามยาเสพติด ภาค 9 จับกุมผู้ต้องหา จำนวน 7 คน ได้แก่

1. นายลุกมัน หรือมัน อายุ 39 ปี ที่อยู่ ตำบลจะแนะ อำเภอจะแนะ จังหวัดนราธิวาส 
2. นางสาววนิดา หรือดา อายุ 40 ปี ที่อยู่ ตำบลสะบารัง อำเภอเมือง จังหวัดปัตตานี 
3. นายแวแม หรือแม อายุ 38 ปี ที่อยู่ ตำบลจะแนะ อำเภอจะแนะ จังหวัดนราธิวาส 
4.นายดากี หรือกี  อายุ 37 ปี ที่อยู่ ตำบลบูกิต อำเภอเจาะไอร้อง จังหวัดนราธิวาส 
5.นายอาลาดิง หรือหวัง  อายุ 32 ปี ที่อยู่ ตำบลกาลิซา อำเภอระแงะ จังหวัดนราธิวาส 
6.นายมะเปาซี หรือนูซี  อายุ 24 ปี ที่อยู่ ตำบลจะแนะ อำเภอจะแนะ จังหวัดนราธิวาส 
และ7.นายนครินทร์ หรือมีน อายุ 33 ปี ที่อยู่ ตำบลตันหยงลิมอ อำเภอระแงะ จังหวัดนราธิวาส พร้อมด้วยของกลาง ได้แก่

1. ยาเสพติดให้โทษประเภท 1 (ไอซ์) จำนวน 14,กระสอบ น้ำหนักประมาณ  631 กิโลกรัม ซุกซ่อนอยู่ท้ายกระบะบรรทุกรถยนต์ 2. รถยนต์กระบะ จำนวน 2 คัน 3. รถยนต์เก๋ง จำนวน 1 คัน 4. โทรศัพท์มือถือ จำนวน 6 เครื่อง  5. เงินสด จำนวน 240 บาท 

โดยกล่าวหาว่า "ร่วมกันมีไว้ในครอบครองซึ่งยาเสพติดให้โทษประเภท 1 (ไอซ์) โดยไม่ได้รับอนุญาต อันเป็นการกระทำเพื่อการค้า, เป็นการก่อให้เกิดการแพร่กระจายในกลุ่มประชาชน และเป็นการทำให้เกิดผลกระทบต่อความมั่นคงของรัฐหรือความปลอดภัยของประชาชนทั่วไป โดยไม่ได้ รับอนุญาต" สถานที่จับกุม บริเวณริมทางหลวงสาย 4 ตำบลโคกทราย อำเภอป่าบอน จังหวัดพัทลุง ต่อเนื่อง บริเวณด่านตรวจตำรวจทางหลวงพรุพ้อ ตำบลคูหาใต้ อำเภอรัตภูมิ จังหวัดสงขลา และ ริมถนนเพชรเกษม ขาล่อง ตำบลควนลัง อำเภอหาดใหญ่ จังหวัดสงขลา

โดยเจ้าหน้าที่ตำรวจได้ทำการสืบสวนและตรวจสอบข้อมูลของนักค้ายาเสพติดในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ จนกระทั่งวันที่ (22 กรกฎาคม 2565) พบว่า นายแม็ง หรือนายนครินทร์ เป็นนักค้ายาเสพติดในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ จะมีการลำเลียงยาเสพติดมาจากพื้นที่ภาคกลางไปส่งให้กับเครือข่ายยาเสพติดในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ โดยจะซุกซ่อนยาเสพติดมากับรถยนต์กระบะยี่ห้อมิชซูบิชิ และจะใช้รถยนต์เก๋งยี่ห้อฮอนด้า ซีวิค สีขาว และรถยนต์กระบะยี่ห้ออีซูซุ สีขาว ทำหน้าที่เป็นรถนำทางเพื่อตรวจการณ์การตั้งด่านของเจ้าหน้าที่ จึงรายงานผู้บังคับบัญชาทราบ และผู้บังคับบัญชาได้สั่งการให้ทำการสืบสวน เฝ้าติดตามรถดังกล่าว เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงได้จัดกำลังเฝ้าสังเกตการณ์ตามเส้นทางหลวงหมายเลข 41 ตั้งแต่บริเวณรอยต่อจังหวัดนครศรีธรรมราช-พัทลุง อำเภอป่าพะยอม จังหวัดพัทลุง จนถึงจุดตรวจทางหลวงรัตภูมิ อำเภอรัตภูมิ จังหวัดสงขลา จนกระทั่งเวลาประมาณ 23.00 น. 

เจ้าหน้าที่ตำรวจพบรถยนต์ต้องสงสัย (คันที่ 1) ขับผ่านแยกป่าพะยอมอำเภอป่าพะยอม จังหวัดพัทลุง มุ่งหน้าลงภาคใต้ เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงได้ จัดกำลังสะกดรอยติดตาม ถัดมาอีกประมาณ 10 นาที พบเห็นรถยนต์ต้องสงสัย (คันที่2) ขับมุ่งหน้าลงภาคใต้ ตามมาในทิศทางเดียวกัน เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงได้จัดกำลังสะกดรอยติดตาม และอีก 5 นาทีถัดมา พบรถยนต์ต้องสงสัย (คันที่3) ขับตามมาเป็นคันสุดท้าย ลักษณะเหมือนบรรทุกสิ่งของมาด้วย เจ้าหน้าที่ตำรวจได้จัดกำลังสะกดรอยติดตามและได้ประสานเจ้าหน้าที่ตำรวจทางหลวงรัตภูมิ ตำบลคูหาใต้ อำเภอรัตภูมิ จังหวัดสงขลา เพื่อตั้งด่านตรวจค้นรถยนต์ดังกล่าว จากการสะกดรอยติดตาม พบรถยนต์ต้องสงสัย (คันที่ 1) ขับผ่านด่านตรวจ ซึ่งขณะนั้นเจ้าหน้าที่ตำรวจยังไม่ได้ตั้งด่านตรวจ ห่างกันประมาณ 10 นาที รถยนต์ ต้องสงสัย (คันที่ 2) ขับเข้าด่านตรวจ เจ้าหน้าที่ตำรวจประจำด่านตรวจ จึงเรียกตรวจค้น

ขณะที่เจ้าหน้าที่ตำรวจเรียกรถยนต์ต้องสงสัยคันที่ 2 ตรวจค้น ปรากฏว่ารถยนต์กระบะต้องสงสัย (คันที่3)  ซึ่งขับตามมาเป็นคันที่ 3 ห่างกันประมาณ 5 นาที ได้จอดเข้าข้างทางก่อนถึงด่านตรวจประมาณ 2.4 กิโลกรัม ในพื้นที่ตำบลโคกทราย อำเภอป่าบอน จังหวัดพัทลุง ท่าทางมีพิรุธ จากพฤติการณ์ดังกล่าว เชื่อว่ารถต้องสงสัย คันที่ 2 อาจแจ้งให้ทราบว่า ด้านหน้ามีด่านตรวจ ประกอบกับรถยนต์ต้องสงสัยคันที่ 1 ซึ่งผ่านด่านไป ก่อนแล้วได้เร่งความเร็ว ในลักษณะรู้ว่ารถยนต์ต้องสงสัยคันที่ 2 และรถยนต์ต้องสงสัยคันที่ 3 ถูกตรวจค้น เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงได้ทำการตรวจค้นรถยนต์ต้องสงสัยคันที่ 3

ผลการตรวจค้นพบนายลุกมัน เป็นผู้ขับขี่, นางสาววนิดา นั่งหน้าข้างคนขับ และนายแวแม นั่งเบาะหลัง ผลการตรวจค้น พบยาเสพติดเป็นยาเสพติด ให้โทษประเภท 1 (ไอซ์) น้ำหนักประมาณ 631 กิโลกรัม สอบถามนายลุกมัน รับสารภาพว่า นายนครินทร์ ว่าจ้างให้ขับรถบรรทุกยาเสพติด จากอำเภอบางเลน จังหวัดนครปฐม จะไปส่งให้กับกลุ่มเครือข่ายยาเสพติด ที่ อำเภอสุไหงโก-ลก จังหวัดนราธิวาส มาด้วยกัน 3 คัน โดยมีนายมะเปาซี และนายนครินทร์ ทำหน้าที่ขับรถนำคันที่ 1 และ นายดากี และนายอาลาดิง ทำหน้าที่ขับรถนำคันที่ 2 โดยนายลุกมัน ติดต่อสื่อสารสอบถามเส้นทางกับรถนำคันที่ 2 กับนายดากี ผ่านแอปพลิเคชั่นไลน์ โดยจะเปิดลำโพงโทรศัพท์เพื่อให้ทั้ง 3 คน ในรถนายลุกมัน ได้ยินพร้อมกัน จากนั้นเจ้าหน้าที่ตำรวจที่ตรวจค้นรถยนต์ต้องสงสัยคันที่ 3 ได้แจ้งผลการตรวจค้น ให้กับเจ้าหน้าที่ตำรวจที่ประจำด่านตรวจ และให้ทำการตรวจค้นรถยนต์ต้องสงสัยคันที่ 2 จากกการตรวจค้นทราบชื่อผู้ขับขี่ คือนายอาลาดิง และนายดากี นั่งเบาะหน้าข้างคนขับ ตรวจสอบการใช้โทรศัพท์   ของนายดากี พบข้อมูลมีการติดต่อกับนายลุกมัน  ผ่านทางแอปพลิเคชั่นไลน์ 

จากการสอบถามนายดากี ยอมรับว่า  ทำหน้าที่ขับรถนำเพื่อสำรวจการตั้งด่านของเจ้าหน้าที่เป็นคันที่ 2 ตามคำสั่งของนายนครินทร์ ซึ่งขับรถนำเป็นคันที่ 1 โดยนายดากี ติดต่อแจ้งเส้นทางกับนายลุกมันและให้นายอาลาดิง ติดต่อแจ้งเส้นทางกับนายนครินทร์ ผ่านแอปพลิเคชั่นไลน์ โดยเปิดลำโพงโทรศัพท์เพื่อได้ทราบข้อมูลเส้นทางจากทั้ง 2 คัน จากพฤติการณ์ดังกล่าว จึงแจ้งให้เจ้าหน้าที่ตำรวจชุดสะกดรอยที่ติดตามรถยนต์ต้องสงสัยคันที่ 1 ได้ทำการตรวจค้นและจับกุมรถยนต์ต้องสงสัยคันที่ 1 ได้ที่บริเวณแยกควนลัง ตำบลควนลัง อำเภอหาดใหญ่ จังหวัดสงขลา        

ผลการตรวจค้นพบนายมะเปาซี เป็นผู้ขับขี่ โดยมีนายนครินทร์ นั่งเบาะหน้าข้างคนขับ สอบถามนายนครินทร์ รับว่าทำหน้าที่รถนำคันที่ 1 โดยสลับกันขับกับนายมะเปาซี ตรวจสอบข้อมูลการใช้โทรศัพท์นายนครินทร์ พบว่ามีการติดต่อกับนายอาลาดิง ผ่านแอปพลิเคชั่นไลน์จริง จากนั้นได้แจ้งข้อกล่าวหาให้นายลุกมัน,นางสาวนิดา,นายแวแม, นายดากี, นายอาราดิง,นายมะเปาซี และนายนครินทร์ “ร่วมกันมีไว้ในครอบครองซึ่งยาเสพติดให้โทษประเภท 1 (ไอซ์) โดยไม่ได้รับอนุญาต อันเป็นการกระทำเพื่อการค้า, เป็นการก่อให้เกิดการแพร่กระจายในกลุ่มประชาชน และเป็นการทำให้เกิดผลกระทบต่อความมั่นคงของรัฐหรือความปลอดภัยของประชาชนทั่วไป” จากนั้นนำผู้ต้องหาพร้อมของกลาง ส่งพนักงานสอบสวน กลุ่มงานสอบสวนและตรวจสอบทรัพย์สิน กองบังคับการตำรวจปราบปรามยาเสพติด 4 ดำเนินคดี พร้อมทั้งได้กำชับให้สืบสวนขยายผลจับกุมผู้ที่เกี่ยวข้องกับขบวนการดังกล่าวมาดำเนินคดีต่อไป