Friday, 19 April 2024
ยาไอซ์

‘ตำรวจภูธรภาค 5’ กวาดล้างอาชญากรรมทุกรูปแบบ!! พบยาบ้า 20 ล้านเม็ด - ไอซ์ 631 กิโลกรัม - เฮโรอีน พร้อมอาวุธปืนอีก 500 กว่ากระบอก

ตามนโยบายของรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ,พลเอกประวิตร  วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรีฝ่ายความมั่นคง มีความห่วงใยในชีวิตและทรัพย์สินของพี่น้องประชาชน จึงได้สั่งการให้สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ดำเนินการป้องกันปราบปรามอาชญากรรมทุกรูปแบบที่สร้างความเดือดร้อนให้แก่ ประชาชน และเป็นภัยกับสังคม ไม่ว่าจะเป็นคดีเกี่ยวกับอาวุธปืน ยาเสพติด ,ชีวิต ร่างกายและเพศ และเกี่ยวกับทรัพย์ หรือกระทั่งอาชญากรรมทางเทคโนโลยี เช่น การหลอกลวงประชาชนโดยใช้ Social Media โดยเฉพาะในช่วงสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโควิด - 19 นั้น

เพื่อให้การขับเคลื่อนนโยบายของรัฐบาลดังกล่าว ให้บังเกิดผลเป็นรูปธรรม และเป็นการเตรียมความพร้อมสำหรับการเปิดประเทศ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ โดย พล.ต.อ.สุวัฒน์  แจ้งยอดสุข ผบ.ตร. ,พล.ต.อ.สุชาติ  ธีระสวัสดิ์ รอง ผบ.ตร.(สส.) ,พล.ต.อ.รอย อิงคไพโรจน์ รอง ผบ.ตร.(ปป) , พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์  กิตติประภัสร์ รอง ผบ.ตร.(มค) จึงได้สั่งการให้ทุก บช. มีการะดมกวาดล้างอาชญากรรมตามเป้าหมายต่างๆ ในห้วงวันที่ 20 -31 ตุลาคม 2564 

วันที่ 2 พฤศจิกายน 2564 เวลา 10:30 น. ณ กองบัญชาการตำรวจภูธรภาค 5

ตำรวจภูธรภาค 5 ภายใต้การอำนวยการของ พล.ต.ท.ปิยะ ต๊ะวิชัย ผบช.ภ.5, พล.ต.ต.บัณฑิต ตุงคะเศรณี ,พล.ต.ต.พฤทธิพงษ์ประยูรศิริ, พล.ต.ต.พิเชษฐ จีระนันตสิน, พล.ต.ต.วีรชน บุญทวี รอง ผบช.ภ.5, พล.ต.ต.วรพงศ์ คำลือ ผบก.สส.ภ.5 และ ผบก.ทุก ภ.จว. ในสังกัด ภ.5 ได้ดำเนินการสนองตอบนโยบายรัฐบาล และสำนักงานตำรวจแห่งชาติดังกล่าว โดยบูรณาการกำลังร่วมกันกับฝ่ายปกครอง หน่วยทหารกองทัพภาคที่ 3 และป.ป.ส.ภาค 5 โดยขอแถลงสรุปผลการปฏิบัติระดมกวาดล้างอาชญากรรมตามเป้าหมายที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติกำหนด ในห้วงวันที่ 20 -31 ตุลาคม 2564 สามารถจับกุมผู้ต้องหาได้ดังนี้

1. ความผิดเกี่ยวกับการพนัน 1,017 ราย ผู้ต้องหา 1,136 คน

2. ความผิดเกี่ยวกับยาเสพติด 3,567 ราย ผู้ต้องหา 2,681 คน

3. ความผิดเกี่ยวกับการลักลอบหลบหนีเข้าเมือง 770 ราย ผู้ต้องหา 772 คน

4. ความผิดเกี่ยวกับอาวุธปืน 1,240 ราย ผู้ต้องหา 796 คน

5. ความผิดเกี่ยวกับสถานบริการ 90 ราย ผู้ต้องหา 89 คน

6. จับกุมบุคคลตามหมายจับ 2,081 ราย ผู้ต้องหา 2,057 คน

7. อาชญากรรมทางเทคโนโลยี 288 ราย ผู้ต้องหา 75 คน

รวมทั้งสิ้น 9,053 ราย ผู้ต้องหา 7,606 คน

โดยเฉพาะผลการปฏิบัติที่สำคัญ มีการจับกุมเกี่ยวกับยาเสพติดรายใหญ่ที่ผ่านมา ได้แก่ที่

1.สภ.ฝาง จว.เชียงใหม่ ยาบ้า 100,000 เม็ด (20 ต.ค.64)

2.สภ.แม่สรวย จว.เชียงราย ยาบ้า 310,000 เม็ด ไอซ์ 58 กก. เฮโรอีน 7 กก. (20 ต.ค.64)

3.สภ.เมืองเชียงราย ,แม่สรวย ยาบ้า 1,696,000  เม็ด ไอซ์ 9 กก. (20 ต.ค.64)

4.กก.สส.ภ.5 ร่วมกับ ป.ป.ส. 4,400,000 เม็ด ไอซ์ 288 กก. (20 ต.ค.64) ต้นทางจาก อ.ภูซาง อ.เชียงคำ จว.พะเยา จับกุมได้ที่ จ.อยุธยา

5.สภ.ห้วยไร่ จว.แพร่ ยาบ้า 5,000,000 เม็ด (23 ต.ค.64)

6.สภ.แม่ลาว จว.เชียงราย ยาไอซ์ 235 กก. (29 ต.ค.64)

ซึ่งในวันนี้ ตำรวจภูธรภาค 5 ได้นำมาร่วมแถลงข่าว จำนวน 3 คดี คือ

คดีที่ 1 : ตรวจยึดยาบ้า 7,970,000 เม็ด

วันเดือนปีที่ตรวจยึด : วันที่ 30 ตุลาคม 2564

สถานที่ตรวจยึด : จุดตรวจแพร่ธรรมาราม อ.เด่นชัย จว.แพร่

ของกลาง : ตรวจยึดยาเสพติดประเภทยาบ้า 7,970,000 เม็ด และ รถยนต์ขนส่ง 6 ล้อ จำนวน 1 คัน

ข้อกล่าวหา : มียาเสพติดให้โทษประเภท 1 (เมทแอมเฟตามีนหรือยาบ้าและไอซ์) ไว้ในครอบครอง เพื่อจำหน่าย โดยผิดกฎหมาย

พฤติการณ์แห่งคดี: ด้วยเมื่อ วันที่ 30 ต.ค.2564 เวลา 10:00 น. ผู้ขับขี่รถยนต์บรรทุก หมายเลขทะเบียน 72-4852 นครปฐม ได้รับการติดต่อจากเพื่อนกลุ่มขับรถรับจ้างให้ไปรับงานที่ห้องพัก ต.ร่องฟอง อ.เมืองแพร่ จว.แพร่ เพื่อนำส่งปลายทางที่เขตมีนบุรีกรุงเทพฯ ซึ่งผู้ติดต่อแจ้งว่าเป็นสุ่มไก่ เมื่อถึงจุดขึ้นของมีผู้ชาย 2 คน ยกของขึ้นรถบรรทุก เป็นลังไม้และสุ่มไก่ ผู้ขับขี่ฯ จะช่วยยกของขึ้นรถ ชายทั้งสอง บอกว่าไม่ต้องช่วย และไม่ต้องเปิดลังดูเพราะข้างในเป็นยาสำหรับไก่ชน ในระหว่างที่รอผู้ชายทั้งสองยกของขึ้นรถบรรทุก ผู้ขับขี่ฯ ก็เดินไปทำธุระส่วนตัวที่ปั้ม เมื่อกลับมาถึงรถบรรทุกชายทั้งสองก็แจ้งว่าเรียบร้อยแล้ว จากนั้นนายรุ่งเพชรฯ ก็คลุมผ้าใบท้ายรถและขับรถบรรทุกออกจากจุดขึ้นของมุ่งหน้าทาง อ.เด่นชัย - อุตรดิตถ์ เมื่อมาถึงปั๊มน้ำมัน ที่ อ.เด่นชัย ผู้ขับขี่ฯ จึงหยุดรถ แล้วเปิดดูลังไม้ที่บรรทุกมาให้หายสงสัยว่าเป็นสิ่งของผิดกฎหมายหรือไม่ เปิดดูพบด้านในลังไม้มีถุงสีดำบรรจุก้อนสี่เหลี่ยมห่อด้วยกระดาษสีเหลืองประทับตรา 999 และโทรศัพท์แจ้ง สภ.เด่นชัย ช่วยตรวจสอบ เจ้าหน้าที่ตำรวจฯ ตรวจสอบเบื้องต้นพบเป็นยาบ้า จำนวน 54 ถุง สรุปยาบ้าจำนวน 7,970,000 เม็ด ขณะนี้ อยู่ระหว่างสืบสวนข้อเท็จจริง เพื่อติดตามหาผู้กระทำผิด และผู้ร่วมขบวนการมาดำเนินคดี ตามกฎหมายต่อไป

คดีที่2 : สภ.เวียงมอก จว.ลำปาง จับกุมยาบ้า 599,600 เม็ด, ไอซ์ 41 กิโลกรัม

วันเดือนปีที่จับกุม : วันที่ 30 ตุลาคม 2564

สถานที่จับกุม : ด่านตรวจสะเลียมหวาน ต.เวียงมอก อ.เถิน จว.ลำปาง

ผู้ต้องหา : นายศักดิ์สิทธิ์ อำพันทอง อายุ 47 ปี ภูมิลำเนาอยู่ ต.สมเด็จ อ.สมเด็จ จว.กาฬสินธุ์

ของกลาง : ยาบ้า 599,600 เม็ด,ไอซ์ 41 กิโลกรัม,รถยนต์ (ซีอาร์วี) จำนวน 1 คัน

พฤติการณ์แห่งคดี : เมื่อวันที่ 30 ต.ค.64 เวลา 06:10 น. เจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.เวียงมอก ได้ตั้งด่านตรวจยาเสพติด ต่อมาได้มี นายศักดิ์สิทธิ์ อำพันทอง ขับรถยนต์หมายเลขทะเบียน กง 5906 กาญจนบุรี จึงได้ทำการตรวจค้น ผลการ ตรวจค้นพบยาบ้า ลักษณะกลมแบน ประทับอักษร WY จำนวนประมาณ 599,600 เม็ด และไอซ์จำนวน 41 ห่อ น้ำหนัก 41 กก. ซุกซ่อนอยู่บริเวณด้านหลังรถยนต์ ซึ่ง ผตห.รับว่าของกลางทั้งหมดรับมาจาก อ.เชียงดาว จว.เชียงใหม่ เพื่อส่งไปให้เป้าหมายที่กรุงเทพมหานคร ขณะนี้อยู่ระหว่างการสืบสวนขยายผล เพื่อติดตามหา ผู้ร่วมขบวนการมาดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป

คดีที่3 สภ.เกาะช้าง จว.เชียงราย ร่วมกับ กองกำลังผาเมือง ตรวจยึดยาบ้า 320,000 เม็ด

วันเดือนปีที่ตรวจยึด : วันที่ 30 ตุลาคม 2564

สถานที่ตรวจยึด : ช่องทางธรรมชาติบ้านป่าซาง ม.6 ต.เกาะช้าง อ.แม่สาย จว.เชียงราย

ของกลาง : ตรวจยึดยาเสพติดประเภทยาบ้า 320,000 เม็ด

พฤติการณ์แห่งคดี : ในห้วงวันที่ 30 ต.ค.2564 เวลา 14:00 น. จนท.กกล.ผาเมือง ได้ตรวจพบกลุ่มคนประมาณ 4 คน แบกถุงพลาสติกสีดำเดินมาจากประเทศเมียนม่า เจ้าหน้าที่จึงแสดงตัว ขอทำการตรวจค้นกลุ่มคนดังกล่าว จึงได้ทิ้งถุงพลาสติกสีดำไว้แล้วได้วิ่งหลบหนีกลับไปยังประเทศเมียนม่า ชป.ขอกำลังสนับสนุน เข้าปิดล้อมสถานที่เกิดเหตุตรวจสอบบริเวณพื้นที่โดยรอบ พบเป็นวัตถุมีลักษณะเป็นกล่อง ห่อหุ้มด้วยถุงพลาสติกสีดำจำนวน 2 กล่อง บรรจุยาบ้ากล่องละประมาณ 160,000 เม็ด รวมเป็นยาบ้าทั้งหมด จำนวนประมาณ 320,000 เม็ด ขณะนี้อยู่ระหว่างสืบสวน ขยายผลเพื่อติดตามหาผู้กระทำผิด และ ผู้ร่วมขบวนการมาดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป

รวมของกลางทั้งหมด ยาบ้า 19,896,000 เม็ด , ไอซ์ 631 กิโลกรัม และ เฮโรอีน 7 กิโลกรัม

 

นรข. เข้ม!! ตามแนวชายแดนนครพนม ยึดยาบ้ากว่า 6 แสนเม็ด ไอช์ 45 กรัม และกัญชา 690 แท่ง

บริเวณหน่วยเรือรักษาความสงบเรียบร้อยตามลำแม่น้ำโขง จังหวัดนครพนม นายชวนินทร์ วงศ์สถิตจิรกาล รองผู้ว่าราชการจังหวัดนครพนม พร้อมด้วย พลเรือตรี สมบัติ จูถนอม ผู้บัญชาการหน่วยเรือรักษาความสงบเรียบร้อยตามลำแม่น้ำโขง พันตำรวจเอก สมศักดิ์ ตระการไพโรจน์ รองผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดนครพนม พันตำรวจเอกหญิง จิรนันท์ ธนะสิงห์ ผู้กำกับพิสูจน์หลักฐานจังหวัดนครพนมและเจ้าหน้าที่หน่วยงานความมั่นคงในพื้นที่ร่วมกันแถลงข่าวผลการดำเนินงานที่ได้มีการบูรณาการความร่วมมือเพื่อเฝ้าระวัง ป้องกัน และปราบปรามยาเสพติดในพื้นที่ ภายใต้แผนยุทธการฟ้าสางที่ฝั่งโขง ประจำปี 2565 จนนำไปสู่การตรวจยึดยาบ้า จำนวน 638,000 เม็ด ยาไอช์ 45 กรัม และกัญชาอัดแท่ง 3 แท่ง/กิโลกรัม ที่อำเภอท่าอุเทน และกัญชาอัดแท่ง จำนวน 690 แท่ง/กิโลกรัม ที่อำเภอธาตุพนม

โดยเหตุการณ์ตรวจยึดยาบ้า เป็นการดำเนินงานที่หน่วยเรือรักษาความสงบเรียบร้อยตามลำแม่น้ำโขง ได้รับแจ้งจากชาวบ้านในพื้นที่ว่าจะมีการลักลอบลำเลียงยาเสพติดเข้ามาในพื้นที่บริเวณบ้านหาดทรายเพ ตำบลหนองเทา อำเภอท่าอุเทน จึงได้มีการตรวจสอบข่าวพร้อมจัดชุดลาดตระเวนทางบกเข้าทำการตรวจสอบพื้นที่ กระทั่งเวลา 18.30 น. พบเห็นชาย 1 คนอยู่บริเวณถนนริมเขื่อนท่าทางมีพิรุธ เมื่อเห็นเจ้าหน้าที่ในระยะไกลก็ได้วิ่งหลบหนีลงไปที่เรือกีบแล้วติดเครื่องยนต์แล่นข้ามไปยังฝั่งประเทศเพื่อนบ้าน

เจ้าหน้าที่จึงได้เข้าตรวจสอบบริเวณดังกล่าวพบกระสอบวางอยู่ริมเขื่อนจำนวน 2 กระสอบ ภายในเป็นยาบ้าจำนวน  638,000 เม็ด ยาไอซ์ จำนวน 45 กรัม และกัญชาอัดแท่ง 3 แท่ง/กิโลกรัม จึงได้ทำบันทึกตรวจยึดไว้เป็นหลักฐานพร้อมนำของกลางทั้งหมดส่งพนักงานสอบสวน สภ.ท่าอุเทนเพื่อดำเนินการตามกฎหมาย

ขณะที่เหตุการณ์ตรวจยึดกัญชาที่อำเภอธาตุพนมเป็นการดำเนินงานของหน่วยเรือรักษาความสงบเรียบร้อยตามลำน้ำโขงที่ได้บูรณาการประสานข้อมูลด้านการข่าวกับหน่วยงานความมั่นคง และได้จัดกำลังพลติดตามความเคลื่อนไหวของกลุ่มขบวนการลักลอบลำเลียงยาเสพติดในพื้นที่ กระทั่งเวลา  20.55 น. ได้มีการตรวจพบเรือกีบต้องสงสัย จำนวน 1 ลำ ดับเครื่องลอยไหลมาตามกระแสน้ำทางทิศเหนือและเข้าเทียบฝั่งไทย ที่บริเวณหาดแห่ บ้านน้ำก่ำ ตำบลน้ำก่ำ อำเภอธาตุพนม ซึ่งห่างจากจุดซุ่มประมาณ 800 เมตร เมื่อเห็นดังนั้นเจ้าหน้าที่ได้พยายามเข้ากระชับพื้นที่ แต่เมื่อใกล้ถึงกับพบว่ากลุ่มบุคคลที่มากับเรือกีบ 3-4 คน ได้วิ่งออกจากป่าแล้วรีบขึ้นเรือกีบขับหายไปในความมืดด้วยความชำนาญทันที เมื่อไม่อาจติดตามได้ทัน เจ้าหน้าที่จึงได้วางกำลังซุ่มตามจุดต่าง ๆ บริเวณโดยรอบพื้นที่ที่คาดว่ากลุ่มบุคคลดังกล่าวได้ทิ้งวัตถุต้องสงสัยเอาไว้

'ผบก. ปส.4' นำทีมสะกดรอย รวบ 7 ผตห. ขบวนการค้ายาฯ ผงะ..!! เจอยาไอซ์ 14 กระสอบหนัก 631 กก.

เมื่อวันที่ (25 กรกฎาคม 2565) ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ตร.) พล.ต.อ.รอย  อิงคไพโรจน์ รอง ผบ.ตร.(ปป.) และผู้อำนวยศูนย์อำนวยการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด (ศอ.ปส.ตร.) ได้เปิดเผยว่า จากนโยบาย พล.ต.อ.สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข ผบ.ตร.ได้กำชับนโยบายเร่งรัดการสืบสวนจับกุมขบวนการค้ายาเสพติดอย่างต่อเนื่องนั้น ซึ่งวันนี้ ได้รับรายงานจาก พล.ต.ท.สรายุทธ สงวนโภคัย ผบช.ปส. ว่าเมื่อวันที่ 23 ก.ค. ที่ผ่านมาได้สั่งการให้ พล.ต.ต.พรศักดิ์ สุรสิทธิ์ ผบก.ปส.4 พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่ตำรวจกองบังคับการตำรวจปราบปรามยาเสพติด 4 ร่วมกับเจ้าหน้าที่ตำรวจกองบังคับการข่าวกรองยาเสพติด, เจ้าหน้าที่ตำรวจกองบังคับการสกัดกั้นการลำเลียงยาเสพติด, เจ้าหน้าที่ตำรวจกองบังคับการตำรวจทางหลวง, เจ้าหน้าที่ทัพเรือภาคที่ 2, เจ้าหน้าที่สำนักงานป้องกันและปราบปรามยาเสพติด ภาค 9 จับกุมผู้ต้องหา จำนวน 7 คน ได้แก่

1. นายลุกมัน หรือมัน อายุ 39 ปี ที่อยู่ ตำบลจะแนะ อำเภอจะแนะ จังหวัดนราธิวาส 
2. นางสาววนิดา หรือดา อายุ 40 ปี ที่อยู่ ตำบลสะบารัง อำเภอเมือง จังหวัดปัตตานี 
3. นายแวแม หรือแม อายุ 38 ปี ที่อยู่ ตำบลจะแนะ อำเภอจะแนะ จังหวัดนราธิวาส 
4.นายดากี หรือกี  อายุ 37 ปี ที่อยู่ ตำบลบูกิต อำเภอเจาะไอร้อง จังหวัดนราธิวาส 
5.นายอาลาดิง หรือหวัง  อายุ 32 ปี ที่อยู่ ตำบลกาลิซา อำเภอระแงะ จังหวัดนราธิวาส 
6.นายมะเปาซี หรือนูซี  อายุ 24 ปี ที่อยู่ ตำบลจะแนะ อำเภอจะแนะ จังหวัดนราธิวาส 
และ7.นายนครินทร์ หรือมีน อายุ 33 ปี ที่อยู่ ตำบลตันหยงลิมอ อำเภอระแงะ จังหวัดนราธิวาส พร้อมด้วยของกลาง ได้แก่

1. ยาเสพติดให้โทษประเภท 1 (ไอซ์) จำนวน 14,กระสอบ น้ำหนักประมาณ  631 กิโลกรัม ซุกซ่อนอยู่ท้ายกระบะบรรทุกรถยนต์ 2. รถยนต์กระบะ จำนวน 2 คัน 3. รถยนต์เก๋ง จำนวน 1 คัน 4. โทรศัพท์มือถือ จำนวน 6 เครื่อง  5. เงินสด จำนวน 240 บาท 

โดยกล่าวหาว่า "ร่วมกันมีไว้ในครอบครองซึ่งยาเสพติดให้โทษประเภท 1 (ไอซ์) โดยไม่ได้รับอนุญาต อันเป็นการกระทำเพื่อการค้า, เป็นการก่อให้เกิดการแพร่กระจายในกลุ่มประชาชน และเป็นการทำให้เกิดผลกระทบต่อความมั่นคงของรัฐหรือความปลอดภัยของประชาชนทั่วไป โดยไม่ได้ รับอนุญาต" สถานที่จับกุม บริเวณริมทางหลวงสาย 4 ตำบลโคกทราย อำเภอป่าบอน จังหวัดพัทลุง ต่อเนื่อง บริเวณด่านตรวจตำรวจทางหลวงพรุพ้อ ตำบลคูหาใต้ อำเภอรัตภูมิ จังหวัดสงขลา และ ริมถนนเพชรเกษม ขาล่อง ตำบลควนลัง อำเภอหาดใหญ่ จังหวัดสงขลา

โดยเจ้าหน้าที่ตำรวจได้ทำการสืบสวนและตรวจสอบข้อมูลของนักค้ายาเสพติดในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ จนกระทั่งวันที่ (22 กรกฎาคม 2565) พบว่า นายแม็ง หรือนายนครินทร์ เป็นนักค้ายาเสพติดในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ จะมีการลำเลียงยาเสพติดมาจากพื้นที่ภาคกลางไปส่งให้กับเครือข่ายยาเสพติดในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ โดยจะซุกซ่อนยาเสพติดมากับรถยนต์กระบะยี่ห้อมิชซูบิชิ และจะใช้รถยนต์เก๋งยี่ห้อฮอนด้า ซีวิค สีขาว และรถยนต์กระบะยี่ห้ออีซูซุ สีขาว ทำหน้าที่เป็นรถนำทางเพื่อตรวจการณ์การตั้งด่านของเจ้าหน้าที่ จึงรายงานผู้บังคับบัญชาทราบ และผู้บังคับบัญชาได้สั่งการให้ทำการสืบสวน เฝ้าติดตามรถดังกล่าว เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงได้จัดกำลังเฝ้าสังเกตการณ์ตามเส้นทางหลวงหมายเลข 41 ตั้งแต่บริเวณรอยต่อจังหวัดนครศรีธรรมราช-พัทลุง อำเภอป่าพะยอม จังหวัดพัทลุง จนถึงจุดตรวจทางหลวงรัตภูมิ อำเภอรัตภูมิ จังหวัดสงขลา จนกระทั่งเวลาประมาณ 23.00 น. 

ของใครลอยมา "ยึดไอซ์25กก.ขณะลาดตระเวนริมฝั่งแม่น้ำโขงเชียงแสน"

ในห้วงเช้าของวันที่ 18 ธันวาคม 2565 ที่ผ่านมาหน่วยเฉพาะกิจทัพเจ้าตากโดยกองร้อยทหารพรานที่3102หน่วยเฉพาะกิจกรมทหารพรานที่31จัดกำลังพล1ชุดปฏิบัติการทำการลาดตระเวนเฝ้าตรวจ ตามริมฝั่งแม่น้ำโขงหลังจากได้รับแจ้งจากแหล่งข่าวว่าจะมีการลักลอบลำเลียงยาเสพติดข้ามแม่น้ำโขงในห้วงวันที่15 – 20ธันวคม 2565 ซึ่งขณะทำการลาดตระเวนมาถึงบริเวณบ้านสบคำ ตำบลเวียง อำเภอเชียงแสนจังหวัดเชียงรายตรวจพบถุงพลาสติกสีดำ จำนวน1ถุงอยู่ริมฝั่งแม่น้ำโขงจึงได้เข้าทำการตรวจสอบพบว่าภายในเป็นกระสอบบรรจุยาเสพติดให้โทษประเภท 1(ไอซ์)จำนวน 25 ถุงน้ำหนักรวมประมาณ 25 กิโลกรัม

ไม่รอด ตำรวจ ปส.ขยายผลจับยกชุด 3 ผู้ต้องหาซุกไอซ์ใส่ถุงพริกทอดพิมรี่พาย เตรียมส่งออกนอก

สืบเนื่องจากเมื่อวันที่ (15 ธ.ค. 65) ที่ผ่านมา พ.ต.อ.กฤษณ์ มณีรมย์ ผกก.1 บก.ปส.3 นำทีมเจ้าหน้าที่หน่วยปราบปรามยาเสพติดสุวรรณภูมิ กก.1 บก.ปส.3  ร่วมกับชุดปฎิบัติการ AITF ประกอบด้วย ศุลกากร ,ปปส. และ ศูนย์รักษาความปลอดภัย เข้าสกัดกั้นลำเลียงยาเสพติดเข้าสู้ประเทศไทย และป้องกันการลักลอบส่งออกไปยังต่างประเทศตามนโยบายเร่งด่วนของ พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ ผบ.ตร. และ ภายใต้การอำนวยการของ พล.ต.อ.ชินภัทร สารสิน รอง ผบ.ตร.(กม) /ผอ.ศอ.ปส.ตร., พล.ต.ท.ประจวบ วงศ์สุข ผช.ผบ.ตร./รอง ผอ.ศอ.ปส.ตร., พล.ต.ท.สรายุทธ สงวนโภคัย ผบช.ปส.,พล.ต.ต.คมสิทธิ์ รังไสย์ ผบก.ปส.3 ตรวจค้นพัสดุระหว่างประเทศต้องสงสัยบริเวณคลังสินค้า ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ ต้นทาง ช้างเผือก ปณ.ลำพูน พบไอซ์หนักรวมสิ่งห่อหุ้มประมาณ 4.2 กก. ซุกซ่อน อยู่ในซองพริกทอดพิมรี่พาย 10 ถุง ปลายทางส่งไปยังประเทศเกาหลีใต้ จึงได้สืบสวนขยายผลยังที่มาและผู้ส่งพัสดุดังกล่าวจนทราบชื่อ สกุลผู้ต้องหาที่ส่งไอซ์              

กระทั่งล่าสุด วานนี้ (3 ม.ค.66) ตำรวจ ปส. และ AITF ได้ร่วมกันจับกุมบุคคลตามหมายจับ 3 ราย คือ 1. นายถนอมพล โพธิ์ทอง อายุ 28 ปี 2.นายณัฐพล ทิศทะษะ อายุ 28 ปี ผู้ต้องหาตามหมายจับ ศาลจังหวัดสมุทรปราการ และ 3. นางสาววรรณวนัช โกฎิคำ อายุ 37 ปี ได้ที่อพาร์ตเม้นต์ ภายในซอย 38 ลาดพร้าว 101 ในห้องพักหมายเลข 207 และ 406 ตรวจค้นพบยาเสพติดในองพัก หมายเลข 207 เป็น ไอซ์ น้ำหนักรวม 260 กรัม,ยาบ้า 4,013 เม็ด, อาวุธปืน ขนาด .380 มม. 1 กระบอก พร้อมกระสุน 3 นัด และอุปกรณ์แพคกิ้งอีกจำนวนหนึ่ง

‘บช.ปส.’ แถลงจับเครือข่ายยาเสพติด 3 คดี ยึดยาไอซ์ได้ทั้งสิ้น 1,145 กิโลกรัม

(24 ม.ค. 66) เมื่อเวลา 10.00 น. ที่กองบัญชาการตำรวจปราบปรามยาเสพติด (บช.ปส) ถนนวิภาวดีรังสิต พล.ต.อ.ชินภัทร สารสิน รองผบ.ตร., พล.ต.ท.ประจวบ วงศ์สุข ผช.ผบ.ตร. และพล.ต.ท.สรายุทธ สงวนโภคัย ผบช.ปส. แถลงข่าวการจับกุมผู้ต้องหาเป็นเครือข่ายค้ายาเสพติด 3 ราย 

คดีแรกเจ้าหน้าที่ตำรวจ บก.ปส 4 ร่วมกับ บก.ขส. จับกุมผู้ต้องหา 3 คน คือนายอาคม อายุ 27 ปี จับกุมได้ที่ปั๊มน้ำมัน PT สาขาท่าแค ถนนเพชรเกษม ตำบลท่าแค อำเภอเมือง จังหวัดพัทลุง, น.ส.แหม่ม อายุ 32 ปี และน.ส.ชญาดา อายุ 35 ปี จับกุมได้ที่ริมถนนสาย 41 ระหว่างกม.128 ถึง กม. 129 ตำบลป่าเว อำเภอไชยา จังหวัดสุราษฎร์ธานี 

หลังสืบทราบว่าจะมีการลักลอบลำเลียงยาเสพติดจากพื้นที่ภาคกลางนำไปส่งให้กับขบวนการค้ายาเสพติดที่ประเทศเพื่อนบ้านทางภาคใต้ พบรถกระบะของกลาง 3 คัน บรรทุกพืชผักทางการเกษตรมาเต็มคัน ขับตามกันมาโดยรถบรรทุกสินค้าจอดแวะที่ปั๊ม PT สาขาท่าแค เมื่อตรวจค้นพบนายอาคมเป็นผู้ขับขี่ สารภาพว่ามียาเสพติดทุกซ่อนอยู่ ใช้สินค้าทางการเกษตรอำพราง ส่วนรถอีก 2 คัน จับกุมได้ที่ริมถนนสาย 41 ตำบลป่าเว อำเภอไชยา จังหวัดสุราษฎร์ธานี ได้ยาไอซ์ 688 กิโลกรัม พร้อมยึดโทรศัพท์มือถือ 3 เครื่อง โดยขบวนการดังกล่าวเป็นขบวนการค้ายาไอซ์ข้ามชาติ นำยาเสพติดมาจากทางภาคอีสานส่งต่อกันเป็นทอด ๆ ไปยังปลายทางประเทศที่ 3 

นอกจากนี้ตำรวจ บก.ปส. 4 ร่วมกับตำรวจบก.น. 7 เจ้าหน้าที่ ศรภ.กองบัญชาการกองทัพไทยขยายผลการเครือข่ายดังกล่าวได้ผู้ต้องเพิ่มอีก 4 ผู้ต้องหา คือ น.ส.วรวรรณหรือโรส ได้ที่หน้าบิ๊กซีมินิมาร์ท ถนนเพชรเกษม ตำบลอ้อมน้อย อำเภอกระทุ่มแบน จังหวัดสมุทรสาคร ของกลางยาไอซ์ 3.8 กรัม ยาบ้า 100 เม็ด นายณัฐพงษ์ หรือณัฐ จับกุมได้ที่ซอยจำเนียรสุข 3 ถนนเพชรเกษม แขวงวังท่าพระ เขตบางกอกใหญ่ พร้อมของกลางไอซ์ 64 กรัม จับกุมนายณัฐวุฒิหรือป็อกและนายนัสหรือมอส ได้ที่หมู่บ้านจรัญวิลล่า 3 ซอยบางแวก 37 แขวงบางแวก เขตภาษีเจริญ ได้ของกลาง 43.285 กิโลกรัม และผงเมทแอมเฟตามีน 660 กรัม โดยเป็นเครือข่ายค้ายาเสพติดผ่านแอปพลิเคชันไลน์

'ตำรวจ ปส.' ลุยสกัดจับยาบ้า 6 คดี ขณะลำเลียงส่งออก ยึดยาบ้ารวม 12 ล้านเม็ด!! เร่งขยายผลหาเครือข่าย

(21 ก.พ. 66) ที่กองบัญชาการตำรวจปราบปรามยาเสพติด (บช.ปส.) พล.ต.อ.ชินภัทร สารสิน รอง ผบ.ตร. และ พล.ต.ท.สรายุทธ สงวนโภคัย ผบช.ปส. พร้อมหน่วยงานที่เกี่ยวข้องร่วมกันแถลงผลการปฏิบัติจับคดียาเสพติดรายสำคัญ 6 คดี รวมผู้ต้องหา 24 ราย ยาบ้ากว่า 12 ล้านเม็ด, ยาไอซ์  200 กิโลกรัม, เคตามีน 290 กิโลกรัม, เฮโรอีน 7 กิโลกรัม และรถยนต์ที่ใช้กระทำความผิด 13 คัน

พล.ต.อ.ชินภัทร สารสิน รอง ผบ.ตร.กล่าวว่า คดีแรกตั้งด่านตรวจริมถนนเพชรเกษมบริเวณหน้าที่ทำการด่านตรวจยานพาหนะชุมพร ตำบลหงษ์เจริญ อำเภอท่าแซะ จังหวัดชุมพร พบรถยนต์กระบะตู้ทึบ (สงวนทะเบียน) พบนายณัฐวุฒิ หรือนัท เป็นผู้ขับขี่ นายปิยะวัฒน์ หรือ 'มิว' และ น.ส.โนราฟาซีรา หรือ 'โนรา' (ทั้งหมดสงวนนามสกุล) โดยสารมาด้วยมีพิรุธ ให้ขับรถเข้าไปในด่านตรวจ เพื่อ X-Ray รถ พบยาบ้า 3,000,000 เม็ด บรรจุอยู่ในกระสอบสีขาวห่อหุ้มด้วยพลาสติกสีดำ 7 ใบ ผู้ต้องหาให้การว่า รับการติดต่อจาก น.ส.นารี ชาวจังหวัดนราธิวาส ไม่ทราบนามสกุลให้ขนยาบ้าจากกรุงเทพฯ ไปส่งปลายทางจังหวัดนราธิวาส

คดีที่ 2 จับกุมนายยมนา หรือ 'หมี' (สงวนนามสกุล) อายุ 51 ปี หลังสืบสวนทราบว่า เครือข่ายนี้จะลำเลียงยาเสพติดจาก จ.สระบุรี ส่งปลายทาง จ.นราธิวาส ใช้รถบรรทุก 12 ล้อ อีซูซุ (สงวนทะเบียน) กระทั่งติดตามจับกุมได้บริเวณหน่วยบริการตำรวจทางหลวงสมุทรสงคราม ถ.พระราม 2 ตรวจสอบพบซุกซ่อนยาบ้าปะปนมากับกระสอบข้าวสาร 7 กระสอบ รวมยาบ้า 3,104,000 เม็ด

คดีที่ 3 สืบเนื่องจากเมื่อวันที่ 27 ม.ค. 66 มีกลุ่มเครือข่ายค้ายาเสพติดหลบหนีการสืบสวน ตรวจสอบพบว่ามีความเคลื่อนไหวโดยเตรียมลำเลียงเคตามีน ไปประเทศที่ 3 ผ่านช่องทางธรรมชาติ ด้าน อ.คลองหาด จ.สระแก้ว กระทั่งวันที่ 20 ก.พ. 66 พบรถยนต์ต้องสงสัยวิ่งมาด้วยความเร็วบนถนนทางหลวงใน ต.วัฒนานคร อ.วัฒนานคร จ.สระแก้ว มุ่งหน้าไป อ.คลองหาด ตรวจสอบพบ พบคีตามีน 7 กระสอบ น้ำหนัก 290 กิโลกรัม ซุกซ่อนอยู่ท้ายรถเก๋งและตรวจยึดรถกระบะที่ใช้เป็นรถนำทาง รวมรถ 2 คัน ผู้ต้องหา 3 คน

พล.ต.อ.ชินภัทรกล่าวอีกว่า คดีที่ 4 เมื่อวันที่ 16 ก.พ. 66 กรณีเจ้าหน้าที่ตำรวจภูธร ภ.1 จับกุมผู้ต้องหา 2 คน พร้อมยาบ้า 3 ล้านเม็ด ที่ ต.คลองน้อย อ.บ้านแพรก จ.พระนครศรีอยุธยา ปส.2 ขยายผลกระทั่งวันที่ 18 ก.พ. 66 พบความเคลื่อนไหวของ 1 ในกลุ่มเครือข่ายเดินทางเข้ามาในพื้นที่ อ.โพนพิสัย จ.หนองคาย ต่อเนื่อง อ.เมืองอุดรธานี และ อ.เมืองขอนแก่น ติดตามจับกุมผู้ต้องหา 5 คน พร้อมของกลางเฮโรอีน 20 แท่ง น้ำหนักประมาณ 7 กิโลกรัม ได้ที่แยกไฟแดงโนนศิลา อ.โนนศิลา จ.ขอนแก่น

‘ผบช.ภ.7’ แถลง จับยาไอซ์ล็อตใหญ่ มูลค่ากว่า 100 ล้าน ลั่น!! รับจ๊อบ ส่งให้เครือข่ายใหญ่ในภาคใต้

(15 มี.ค. 66) พล.ต.ต.ธนายุติม์ วุฒิจรัสธรรมรงค์ ผบช.ภ.7 พร้อมด้วย นายปิยะพงษ์ ชูวงค์ รองผู้ว่าราชการจังหวัดเพชรบุรี เป็นประธานแถลงข่าวผลการจับกุมตัวนายนิวัฒน์ บุญเรือง ประทุมดวง อายุ 35 ปี อยู่บ้านเลขที่ 143 ม.15 ต.ปางมะค่า อ.ขาณุวรลักษบุรี จ.กำแพงเพชร และผู้ต้องหาตามหมายจับ ประกอบด้วย นายอ๊ะหมัด บังคม อายุ 35 ปี, นายริดูวาน บูแล อายุ 22 ปี, น.ส.ซารีนา โต๊ะนอ อายุ44 ปี, น.ส.นอรีชา บูละ อายุ34 ปี และ น.ส.กอมีละ แวหะมะ อายุ 39 ปี 6 ผู้ต้องหาร่วมกัน ลักลอบขนยาเสพติดประเภท 1 ยาไอซ์ 2 กระสอบ น้ำหนักประมาณ 100 ก.ก. พร้อมรถของกลางยี่ห้อ เซฟโลเล็ตสีขาว หมายเลขทะเบียน ฒว.2737 กทม. รถเก๋งยี่ห้อโตโยต้า รุ่นแคมรี่ หมายเลขทะเบียน 2 กผ 8721 กทม ที่ สภ. ชะอำ

สำหรับคดีจับกุมยาไอช์ล็อตใหญ่ดังกล่าว พล.ต.ต.ธนายุติม์ เผยว่า สืบเนื่องจาก พ.ต.อ.สมเกียรติ โฉมฉาย ผกก.สภ.ชะอำ ได้รับแจ้งจากสายลับ เมื่อวันที่12 มี.ค.ว่าจะมีการลักลอบขนส่งยาเสพติดจำนวนมากประปนมากับเสื้อผ้าจากต้นทางจังหวัดนนทบุรีเพื่อลำเลียงลงสู่จังหวัดนราธิวาส ผ่านจังหวัดเพชรบุรี จึงรายงานให้ พล.ต.ต.ปิติ นฤขัตรพิชัย ผบก.ภ.จว.เพชรบุรี ทราบ และทำการตั้งด่านตรวจสกัดจับที่บริเวณจุดสกัด ถ.เพชรเกษมขาล่องใต้ บ้านนิคม ต.เขาใหญ่ อ.ชะอำ กระทั่งเมื่อเวลาประมาณ 00.30 น ของวันถัดมา เจ้าหน้าที่สังเกตเห็นรถกระตู้ทึบสีขาวตามที่สายลับแจ้งลักษณะมา จึงส่งสัญญาณให้หยุดรถและสังเกตเห็นนายวิวัฒน์ผู้ขับขี่รถคันดังกล่าว มีท่าทางลุกลี้ลุกลนอย่างมีพิรุธ จึงขอตรวจค้นจนพบของกลางเป็นยาไอช์จำนวน 2 กระสอบรวม น้ำหนัก 100 กิโลกรัม ซุกซ่อนปะปนมากับกระสอบเสื้อผ้าเพื่ออำพรางอีก 5 กระสอบ

จากนั้นได้นำตัวนายนิวัฒน์มาทำการสอบสวนขยายผลทันที โดยนายนิวัฒน์สารภาพว่า ยาไอช์ดังกล่าว ตนเองพร้อมพวกอีก 5 คน ได้เช่ารถกระบะตูทึบกับรถเก๋งเพื่อรับจ้างจากเอเย่นต์รายหนึ่งในราคาสามแสนบาทลำเลียงมาจากจังหวัดนนทบุรี โดยนำยาไอซ์ซุกมาพร้อมกระสอบเสื้อผ้าในรถกระบะทึบ ส่วนรถเก๋งจะใช้เป็นรถวิ่งสังเกตเส้นทางล่วงหน้า เพื่ออำนวยความสะดวกในการนำยาเสพติดไปส่งให้กับเครือข่ายยาเสพติดในพื้นที่จังหวัดนราธิวาส กระทั่งรถกระบะตู้ทึบวิ่งมาถึงด่านตรวจนิคมจึงตรวจพบของกลางดังกล่าว

‘UN’ ชี้!! ‘ยาไอซ์’ ใน ‘อัฟกานิสถาน’ ยุคตอลิบานพุ่ง ขึ้นแท่นแหล่งผลิตรายใหญ่ของโลก แม้ไล่บุกทลาย

(11 ก.ย.66) เอพี ได้เปิดเผยว่า ทางสำนักงานว่าด้วยยาเสพติดและอาชญากรรมแห่งสหประชาชาติ (The United Nations’ Office on Drugs and Crimes - UNODC) ได้เผยแพร่รายงานซึ่งระบุถึงประเทศอัฟกานิสถาน ที่ขณะนี้ได้กลายเป็นแหล่งผลิตเมทแอมเฟตามีน หรือ ‘ยาไอซ์’ ที่มีอัตราการเติบโตเร็วที่สุดในโลก ทั้งยังเป็นผู้ผลิต ‘ฝิ่น’ และ ‘เฮโรอีน’ รายใหญ่ แม้รัฐบาลตอลิบานจะประกาศทำสงครามกับยาเสพติดหลังจากที่ยึดอำนาจปกครองเมื่อเดือน ส.ค. ปี 2021 ก็ตาม

UNODC ระบุว่า ยาไอซ์ในอัฟกานิสถานส่วนใหญ่ผลิตจากสารตั้งต้นที่หาได้อย่างถูกกฎหมาย หรือสกัดมาจากต้นอีเฟดรา (ephedra) ซึ่งเป็นพืชที่พบในแถบจีน อินเดีย และปากีสถาน

รายงานของ UNODC ยังเตือนด้วยว่า การผลิตเมทแอมเฟตามีนในอัฟกานิสถานกำลังกลายเป็นภัยคุกคามต่อสุขภาพและความมั่นคงทั้งในระดับชาติและภูมิภาค โดยมีรายงานว่าการตรวจยึดเมทแอมเฟตามีนที่คาดว่ามีแหล่งที่มาจากอัฟกานิสถานได้ทั้งในสหภาพยุโรป (อียู) และแอฟริกาตะวันออก

เมทแอมเฟตามีนจากอัฟกานิสถานที่ถูกตรวจยึดได้เพิ่มขึ้นจากไม่ถึง 100 กิโลกรัมในปี 2019 กลายเป็นเกือบ 2,700 กิโลกรัมในปี 2021 ซึ่งบ่งชี้ว่ามีการลักลอบผลิตในปริมาณที่มากขึ้น ทว่า UNODC ยังไม่สามารถประเมินมูลค่า ปริมาณการผลิต รวมถึงปริมาณการเสพภายในประเทศ เนื่องจากไม่มีข้อมูล

แองเจลา มี หัวหน้าแผนกวิจัยและวิเคราะห์เทรนด์ของ UNODC ให้สัมภาษณ์กับ AP ว่า กระบวนการผลิตเมทแอมเฟตามีน โดยเฉพาะในอัฟกานิสถาน สามารถทำได้ง่ายดายกว่าการผลิตเฮโรอีนและโคเคนมาก

“คุณไม่จำเป็นต้องรอให้พืชอะไรสักอย่างโต... คุณไม่ต้องมีที่ดิน คุณแค่ต้องการคนปรุงที่รู้วิธีทำเท่านั้น ห้องแล็บผลิตยาไอซ์สามารถเคลื่อนย้ายได้ หลบซ่อนได้ง่าย และในอัฟกานิสถานมีต้นอีเฟดราซึ่งพบในแหล่งผลิตเมทแอมเฟตามีนใหญ่ที่สุดของโลกอย่างพม่าและเม็กซิโก พืชชนิดนี้ไม่ผิดกฎหมายในอัฟกานิสถานและมีขึ้นอยู่ทั่วไป เพียงแต่ต้องใช้ในปริมาณมากเท่านั้น” มี กล่าว

ด้าน อับดุลมาทีน กอนี โฆษกกระทรวงมหาดไทยอัฟกานิสถาน ยืนยันกับ AP ว่า รัฐบาลตอลิบานห้ามการปลูก ผลิต จำหน่าย และใช้สารเสพติดทุกประเภทในอัฟกานิสถาน และที่ผ่านมา ได้มีการทำลายโรงงานผลิตไปแล้ว 644 แห่ง รวมถึงที่ดินอีก 12,000 เอเคอร์ที่ใช้เพาะปลูก แปรรูป และผลิตสารเสพติด

ทางการตอลิบานยังส่งเจ้าหน้าที่บุกทลายแหล่งผลิตยาเสพติดอีกกว่า 5,000 กรณี และมีการจับกุมผู้ที่เกี่ยวข้องแล้วราว 6,000 คน

“เราคงอ้างไม่ได้ 100% ว่ายาเสพติดหมดไปแล้ว เพราะอาจจะมีผู้ลักลอบผลิตกันอยู่บ้าง และเป็นไปไม่ได้ที่จะทำให้ยาเสพติดลดลงเป็นศูนย์ในระยะเวลาอันสั้น” กอนี กล่าว

“แต่เราได้กำหนดแผนยุทธศาสตร์ 4 ปีว่าจะทำให้ยาเสพติดทั่วๆ ไป โดยเฉพาะยาไอซ์ หมดไปจากประเทศนี้”

รายงาน UN ซึ่งเผยแพร่เมื่อเดือน พ.ย.ปีที่แล้วระบุว่า การปลูกฝิ่นในอัฟกานิสถานเพิ่มขึ้นถึง 32% จากปีก่อนหน้านับตั้งแต่ตอลิบานกลับเข้าปกครองประเทศ อีกทั้งการประกาศห้ามปลูกฝิ่นในเดือน เม.ย. ปี 2022 ส่งผลให้ราคาฝิ่นในท้องตลาดพุ่งสูงขึ้น โดยเกษตรกรผู้ปลูกฝิ่นในอัฟกานิสานมีรายได้เพิ่มขึ้นถึง 3 เท่าตัว จาก 425 ล้านดอลลาร์ในปี 2021 มาอยู่ที่ 1,400 ล้านดอลลาร์ในปี 2022 


TRENDING
© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top