‘นายกฯ’ เร่ง ปูทางโครงสร้างพื้นฐานด้านคมนาคม ปี66 เพื่อขับเคลื่อนเศรษฐกิจ วอน ฝ่ายค้านร่วมมือช่วยพัฒนาประเทศ ยกระดับก้าวสู่ศูนย์กลางด้านโลจิสติกส์ของอาเซียน

เมื่อวันที่ 24 ก.ค.น.ส.ทิพานัน ศิริชนะ ประจำสำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า หลังเสร็จสิ้นการอภิปรายไม่ไว้วางใจ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหม จะเร่งเดินหน้าบริหารประเทศ ฟื้นฟูเศรษฐกิจ โดยเฉพาะการวางโครงสร้างพื้นฐานคมนาคมทั้งระบบ ที่จะขับเคลื่อนเศรษฐกิจไทย ทั้งภาคขนส่ง ทางถนน ราง ทางน้ำ และทางอากาศ ในโครงการสำคัญ 40 โครงการ 
.
น.ส.ทิพานัน กล่าวว่า โดยภาคการขนส่งทางถนน ภายในปี 2566 คาดว่าจะเปิดใช้ทางหลวงพิเศษ (มอเตอร์เวย์)ระหว่างภูมิภาค เช่น โครงการทางหลวงพิเศษระหว่างเมือง บางปะอิน-โคราช  ระยะทาง 196 กิโลเมตร  ทางหลวงพิเศษระหว่างเมือง สายบางใหญ่-กาญจนบุรี ระยะทาง 96 กิโลเมตร ซึ่งถูกออกแบบให้เชื่อมโยงกับระบบราง ลดการเวนคืนที่ดิน และกระจายความเจริญสู่ภูมิภาค ส่วนการขนส่งทางอากาศ ระหว่างปี 2564-2567ได้ปรับสนามบินรองรับนักเดินทาง-การขนส่ง เช่น สนามบินสุวรรณภูมิจะมีการก่อสร้างอาคาร-สร้างรันเวย์เพิ่มขึ้น รองรับเที่ยวบินได้ 94 เที่ยวต่อชม. และภายในปี 2570 สนามบินดอนเมือง และสนามบินอู่ตะเภา จะปรับปรุงอาคารผู้โดยสารและโครงสร้างอื่น เพื่อรองรับการเติบโตของพื้นที่อีอีซี

น.ส.ทิพานัน กล่าวว่า นอกจากนี้ รัฐบาล จะยกระดับคุณภาพของคนกรุงเทพฯ ด้วยโครงการรถไฟฟ้า 14 เส้นทาง ซึ่งปัจจุบันเปิดให้บริการ 11 เส้นทาง ส่วนที่เหลือ จะทยอยเปิดให้บริการทั้งหมดภายในปี 2571 เพื่อให้ประชาชน เดินทางจากที่พัก แหล่งท่องเที่ยว สามารถเดินทางมาด้วยรถไฟฟ้าได้ใกล้มากที่สุด รวมถึงวางแนวทางการขนส่งพลังงานสะอาด เช่น เรือไฟฟ้า รถเมล์ รองรับการเดินทางและจูงใจหันมาใช้ระบบขนส่งสาธารณะให้มากขึ้น
 
“นายกฯตั้งเป้ายกระดับคุณภาพชีวิตคนไทย และผลักดันให้ไทย เป็นศูนย์กลางโลจิสติกส์ของอาเซียน นอกจากอำนวยความสะดวกในการขนส่ง ยังทำให้ผู้ประกอบการตื่นตัว กระตุ้นเศรษฐกิจ เพื่อรองรับการลงทุนจากในและต่างประเทศ เพื่อสร้างเม็ดเงินมูลค่ามหาศาล ในอนาคต และมีการจ้างแรงงานทุกพื้นที่เพิ่มขึ้น ประเทศไทยจะเปลี่ยนสถานะเป็นศูนย์กลางขนส่งในภูมิภาคอาเซียนในไม่ช้า และประชาชนจะเริ่มมองเห็นความสำเร็จการพลิกฟื้นเศรษฐกิจจากโครงการทั้งระบบที่รัฐบาลได้พัฒนาไว้  จึงอยากชวนฝ่ายค้าน มาร่วมกันพัฒนาชาติบ้านเมืองให้เจริญขึ้น ร่วมกันให้ข้อมูลการพัฒนา การจ้างแรงงาน-การพัฒนาไปยังพื้นที่ของท่าน เพื่อประโยชน์สูงสุดของประชาชน” น.ส.ทิพานัน กล่าว